บทที่ 72ตอนสายของวันต่อมา คุ้มลักษิกาก็ได้ต้อนรับว่าที่สะใภ้และทีมงานช่างภาพที่บินตรงจากกรุงเทพฯ เพื่อมาเก็บภาพพรีเวดดิ้งตามที่แม่ของเจ้าบ่าวต้องการ แต่กว่าจะได้เริ่มถ่ายจริงๆ เวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงบ่ายแล้ว เพราะมาถึงแม่เลี้ยงลักษิกาก็จัดอาหารเลี้ยงต้อนรับอย่างดี จากนั้นช่างแต่งหน้าทำผมก็จับว่าที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไปแต่งตัวโดยใช้เวลานานพอสมควรปรัชญ์และนัสรินต่างหล่อสวยสง่าในชุดล้านนาแบบชาวเหนือซึ่งชุดนี้แต่งให้เข้ากับบรรยากาศของคุ้ม ทั้งคู่โพสท่าคู่กันอย่างสวยงามตามที่ช่างภาพบอก ท่ามกลางสายตาของแม่เลี้ยงลักษิกาที่มองอย่างชื่นชมและปลื้มปริ่มในใจ และมีอยู่ช่วงหนึ่งขณะที่ทั้งคู่เปลี่ยนท่าใหม่จากยืนเป็นนั่ง จู่ๆ หมีพูซึ่งวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นก็วิ่งเข้าไปป่วนโดยการขึ้นไปนั่งตักปรัชญ์และเห่าบ๊อกๆ ใส่ช่างภาพที่พยายามจะเข้ามาจับมันออกไป“หนูเล็กดูสิ ดูท่าเจ้าตัวป่วนจะหวงพ่อ เห่าพวกช่างภาพใหญ่เลย” แม่เลี้ยงลักษิกาหันไปคุยกับธรินดาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ“เดี๋ยวเล็กไปอุ้มมันออกมาเองค่ะแม่ใหญ่”ว่าแล้วร่างบางก็ตรงไปหาหมีพูซึ่งตอนนี้ยังนั่งอยู่บนตักของปรัชญ์อย่างไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน ธรินดาน
บทที่ 73ธรินดาลุกขึ้นพร้อมกับหยิบตะกร้าและยกมือข้างหนึ่งขึ้นเช็ดคราบน้ำตาออกจากสองแก้ม จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อจะพาตัวเองกลับไปเผชิญหน้ากับความจริงเสียที แต่แล้วร่างบางก็ต้องแข็งทื่อเมื่อมีอ้อมกอดของคนที่เธออยากจะวิ่งหนีมากที่สุดร้อยรัดพันธนาการเข้าที่เอวเล็ก ตามมาด้วยเสียงทุ้มคุ้นหูที่กระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงซึ่งช่างกรีดหัวใจอันอ่อนแอให้บาดเจ็บไปมากกว่าเดิม “อยู่นี่นี่เอง ตามหาตั้งนาน” “ปล่อยเล็กค่ะ...” ธรินดาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วอยากหันหน้ากลับไปหาและกอดตอบเขาตามที่หัวใจโหยหาเสียเหลือเกิน แต่สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือแค่อ้อนวอนให้เขาปล่อยเท่านั้น “เธอร้องไห้ทำไม” ปรัชญ์ไม่สนอาการเฉยชานั้น สนแต่น้ำเสียงอู้อี้ขึ้นจมูกราวกับคนเป็นหวัด ซึ่งเขารู้ดีว่ามันไม่ใช่ “เล็กเปล่า” “เพราะฉันใช่ไหม?” “ไม่เกี่ยวกับคุณปรัชญ์หรอกค่ะ ปล่อยเล็กเถอะค่ะ เล็กไม่อยากให้ใครมาเห็น” ร่างบางเริ่มดิ้นขลุกขลักและสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของเขาด้วยแรงกายแรงใจที่เหลือเพียงน้อยนิดเท่านั้น“ลืม
บทที่ 74งานแต่งงานของปรัชญ์และนัสรินจะมีขึ้นในอีกสองวันข้างหน้าแล้ว ชุดของธรินดาที่แม่เลี้ยงลักษิกาสั่งตัดไว้สองชุดก็เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ดังนั้นวันนี้แม่เลี้ยงจึงพาลูกสาวเข้ากรุงเทพฯ ล่วงหน้า ส่วนปราณต์ไม่ได้ไปด้วยกันเพราะยังติดงาน เขาจึงจะตามไปในวันรุ่งขึ้นการมากรุงเทพฯ ของเจ้านายในครั้งนี้สำอางไม่ได้ป่วยแถมยังกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก เมื่อทราบว่าวันมะรืนนี้ก็จะเป็นงานแต่งงานของคุณปรัชญ์ของนางแล้ว คราวที่แล้วสำอางยังไม่เห็นว่าที่เจ้าสาวของปรัชญ์เพราะมัวแต่ป่วยอยู่ แต่คราวนี้คงได้เห็นเพราะแม่เลี้ยงสั่งให้ไปช่วยตระเตรียมของในระหว่างพิธีแห่ขันหมากด้วยวันแรกที่มาอยู่บ้านในกรุงเทพฯ ผ่านไปแบบเรียบง่าย เพราะมีเพียงแม่เลี้ยงลักษิกาและธรินดาอยู่กันเพียงลำพัง ส่วนปรัชญ์ไม่ได้กลับมานอนบ้าน ซึ่งหญิงสาวคิดว่าเขาคงอยู่ที่คอนโดมิเนียมของเขา ธรินดาค่อนข้างสบายใจที่เป็นเช่นนั้น เพราะแม้จะทำใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว พอใกล้วันจริงๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองยังอ่อนแอและเจ็บปวดอยู่มากเหลือเกิน คงไม่ค่อยดีนักหากต้องเผชิญหน้ากับเขาในยามนี้บ่ายวันต่อมาปราณต์ก็บินตามมาสมทบ ทว่าตัวว่าที่เจ้าบ่าวก็ย
บทที่ 75เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น แม่เลี้ยงลักษิกากับธรินดาต่างต้องตื่นแต่เช้าเพื่อให้ช่างแต่งหน้าทำผม ขณะที่ปราณต์ไม่ค่อยอะไรมากเพราะเป็นผู้ชายบวกกับเป็นคนที่รูปร่างหน้าตาดีอยู่แล้ว จึงแค่แต่งตัวด้วยชุดสูทสุภาพและเซตผมแค่นิดๆ หน่อยๆ เขาก็หล่อเหลาพอจะทำหน้าที่เป็นพี่ชายเจ้าบ่าวในวันสำคัญเช่นนี้ได้แล้ว เมื่อทั้งสามลงมายังชั้นล่าง ปรัชญ์ก็ทำให้ทุกคนแปลกใจไม่น้อย เพราะร่างสูงยืนรออยู่หน้าบันไดอยู่ก่อนแล้ว ทว่ากลับยังไม่ได้สวมชุดเจ้าบ่าวแต่อย่างใด สีหน้าและแววตาของเขาเคร่งขรึมเช่นเดียวกับเย็นเมื่อวาน แต่ดูเหมือนจะมากกว่าด้วยซ้ำในสายตาคนมอง“ทำไมถึงยังไม่แต่งตัวล่ะตาปรัชญ์ ถึงจะเช้าอยู่ก็เถอะ แต่เราก็ต้องเผื่อเวลารถติดด้วยสิลูก” คนเป็นแม่ถามและเร่งอยู่ในที“ผมมีเรื่องอยากจะพูดกับแม่” ปรัชญ์ตอบกลับมาด้วยเสียงเรียบๆ ทว่าฟังดูเป็นเรื่องที่ซีเรียสมาก จนแม่เลี้ยงลักษิกาเริ่มมีลางสังหรณ์แปลกๆ เมื่อทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของลูกชายคนเล็กชวนให้หายใจไม่ทั่วท้อง นางรู้ดีว่ายามใดที่ปรัชญ์เป็นแบบนี้ นั่นหมายความว่าเขาจริงจังมาก“เรื่องอะไร สำคัญมากไหม ถ้าไม่สำคัญ เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลังได้ไหม”“เป็นเรื่
บทที่ 76พิธีแห่ขันหมากเริ่มขึ้นตามกำหนดเดิม งานแต่งงานยังคงดำเนินไปอย่างไม่มีปัญหาอะไร คนที่มาร่วมงานวันนี้ต่างมีสีหน้าชื่นมื่น เพื่อนของอดีตเจ้าบ่าวและเจ้าบ่าวคนปัจจุบันต่างมากันครบ ทั้งรังสิมันต์ กวินภพ และศาสตราซึ่งเป็นลูกชายของแม่เลี้ยงแสงหล้าและเป็นเพื่อนสนิทของปราณต์ด้วย รังสิมันต์และกวินภพไม่แปลกใจนักเมื่อรู้ว่าปราณต์จะแต่งงานแทนปรัชญ์ เพราะก่อนหน้านี้เห็นกับตาและได้ยินกับหูมาแล้ว ปรัชญ์ประกาศชัดว่าธรินดาคือเมียของเขา และปรัชญ์ก็ออกอาการหึงหวงธรินดาอย่างรุนแรงตอนที่มีผู้ชายอื่นมาตอแย ทว่าแขกที่มาร่วมงานอย่างคับคั่งทั้งญาติฝ่ายเจ้าบ่าวกลับติดใจไม่น้อย เพราะชื่อในการ์ดเป็นอีกคน แต่ตอนนี้รูปที่หน้างานกลับเป็นรูปคู่ของปราณต์กับนัสรินที่ถูกเปลี่ยนในเวลาอันรวดเร็ว เช่นเดียวกับป้ายชื่อของเจ้าสาวเจ้าบ่าวก็ติดไว้อย่างถูกต้องราวกับมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยที่คนเป็นเจ้าบ่าวไม่รู้เรื่องใดๆ มาก่อนธรินดาร่วมขบวนแห่ขันหมากตามปกติ เมื่อคืนเธอทำใจอย่างยากเย็นที่จะมาร่วมพิธีแต่งงานของปรัชญ์ในเช้านี้ ทว่าจู่ๆ เจ้าบ่าวกลับไม่ใช่เขาแต่เปลี่ยนเป็นปราณต์แทน เธอแทบจะอธิบายความรู้สึกของตัวเอง
บทที่ 77หลังจากวันนั้นธรินดาก็เริ่มส่งอีเมลสมัครงานและรอว่าเมื่อไหร่จะมีบริษัทเรียกเธอไปสัมภาษณ์ ทว่าดูเหมือนว่าโชคชะตาจะกำหนดให้เธอหนีตัวเองและคนรอบข้างได้ไม่นานนัก เพราะในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาชนิศาก็มีข่าวมาบอกเธอด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะตื่นตกใจ“มีอะไรหรือเปล่าศา ทำไมวันนี้ดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย หรือว่าทะเลาะอะไรกับจิระหรือเปล่า” ธรินดาถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าชนิศามีสีหน้าที่ค่อนข้างเครียดตั้งแต่ลงจากรถของจิระมา“เปล่าหรอกเล็ก คือเรามีเรื่องที่ไม่ค่อยดีนักเกี่ยวกับแม่ใหญ่ของเล็กจะมาบอก”“เรื่องเกี่ยวกับแม่ใหญ่? เรื่องอะไรเหรอศา”“ช่วงบ่ายวันนี้...คนที่มาหาเราวันนั้นเขามาหาเราอีก มาพร้อมกับเอกสารในนี้ แล้วก็บอกว่าถ้าเราเจอเล็กให้บอกด้วยว่าตอนนี้แม่ใหญ่ของเล็กไม่สบายมาก นอนโรงพยาบาลมาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว แม่ใหญ่คิดถึงและอยากพบเล็กมาก อยากให้เล็กกลับไปหา” ชนิศาบอกพร้อมกับส่งซองเอกสารสีน้ำตาลที่ถืออยู่ในมือให้ธรินดายื่นมือไปรับมาเปิดด้วยอาการหัวใจวูบโหวง เอกสารซองนั้นถูกเปิดออกอย่างลนลานจากมือเล็กที่สั่นระริก หลังจากได้รับฟังข่าวร้ายจากชนิศา และภาพถ่ายถูกดึงออกมาจากซองเอกสารนั้นก็เ
บทที่ 78“แล้วหนูเล็กดูไม่ออกเลยเหรอว่าพี่เขารัก” “เล็กไม่กล้าคิดหรอกค่ะแม่ใหญ่” “แล้วหนูเล็กล่ะ รักตาปรัชญ์หรือเปล่า” “เล็ก...” เป็นอีกครั้งที่ธรินดาพูดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าซ่อนแววตาของตัวเอง “แม่นี่ถามอะไรโง่ๆ นะ ถ้าเล็กไม่รักตาปรัชญ์คงไม่ยอมให้ตาปรัชญ์เอาเปรียบหรอกจริงมั้ย หรือว่าตาปรัชญ์ขืนใจหนูเล็ก มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน เล่าให้แม่ฟังหน่อยได้ไหมลูก” “ก็ไม่เชิงว่าเล็กโดนขืนใจค่ะแม่ใหญ่ มันเกิดขึ้นตั้งแต่คืนที่แม่ใหญ่ไปปฏิบัติธรรมและพี่ปราณต์ก็เข้าเวร คุณปรัชญ์เมามา แล้วมาทวงคำสาบานกับเล็ก” ธรินดายอมเปิดปากเล่าเป็นครั้งแรก ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังแม่ใหญ่อีกต่อไป ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เธอไม่อยากจะเอ่ยถึงอีกต่อไปก็ตาม “สาบานอะไรกัน” “คืนแรกที่เล็กกลับมาบ้านตอนช่วงปิดเทอม เล็กนอนไม่หลับก็เลยลงไปเดินเล่นที่สวนค่ะ คุณปรัชญ์กลับมาพอดี เล็กจะหลบก็หลบไม่ทัน คุณปรัชญ์เลยหาว่าเล็กมาดักรอคุณปรัชญ์เพราะเล็กคิดถึงและอยากเห็นหน้าคุณปรัชญ์ เล็กปฏิเส
บทที่ 79“ดูซะให้เต็มสองตา เห็นแล้วก็กลับไปซะสิ ไม่ต้องมาจุ้นจ้านอะไรทั้งนั้น” เขาพูดห้วนๆ แววตาและสีหน้าเปลี่ยนเป็นเฉยเมย ไม่แม้แต่จะถามว่าเธอไปอยู่ไหนมาและกลับมาเมื่อไหร่ ธรินดาแทบจะน้ำตาร่วงที่ถูกไล่กลับอย่างไม่รักษาน้ำใจเช่นนั้น ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่เธอคาดเดาปฏิกิริยาของปรัชญ์ไปต่างๆ นานา แต่ไม่คิดว่าเขาจะทำท่าเหมือนโกรธเกลียดและไม่อยากเห็นหน้าเธอเช่นนี้ “ค่ะ งั้นเล็กกลับนะคะ ขอโทษที่มารบกวนค่ะ” ร่างบางลุกจากเตียง เดินเอาผ้าขนหนูไปตากไว้ที่ราวตากผ้าเล็กๆ ที่วางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า และออกจากห้องคอนเทนเนอร์ที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันนั้นเงียบๆ เมื่อออกมายืนหน้าห้อง น้ำตาหยดใสๆ ก็ร่วงผล็อย เธอได้ยินเสียงสบถและเสียงดังโครมครามเหมือนกับคนกำลังระบายอารมณ์ดังตามหลังมาติดๆ“โธ่เว้ย!”เขาคงจะรำคาญเธอมาก การมาของเธอคงทำให้เขาหงุดหงิด แม่ใหญ่คงเข้าใจผิดกระมังว่าเขาอาการหนัก ที่จริงแล้วเขาก็ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ อินแปงซึ่งยังคงรออยู่พาธรินดากลับไปยังโรงพยาบาลอีกครั้ง แม่เลี้ยงลักษิกาที่กำลังจะหลับย่นคิ้วเข้าห
บทที่ 98“ฉันไม่อยากดื่มนมอย่างอื่น ฉันเก็บปากของฉันไว้ดื่มนมอร่อยๆ จากเต้าของเธอก็พอแล้ว ว่าแล้วก็หิว เล็กจ๋า...ให้ฉันกินนะ” แววตาของคนที่ประท้วงอยู่เมื่อครู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นวิบวับและเปล่งประกายความปรารถนาที่มีต่อเธอออกมาอย่างเปิดเผย “ไม่เอาค่ะคุณปรัชญ์” ธรินดาปฏิเสธเสียงเบา เพราะกลัวลูกสาวจะตื่นมาเห็น “แต่ฉันจะ ‘เอา’ นะเล็กจ๋า ตามใจผัวนะครับหนูเล็กคนดี” “โธ่...คุณปรัชญ์” “ไม่โธ่จ้ะที่รัก...ฉันหิว อยากดื่มนม” ปรัชญ์กระซิบบอกความต้องการของตัวเอง พร้อมกับที่ธรินดารับรู้ถึงความตื่นตัวของเขาที่ตอนนี้บดเบียดเธออยู่ไม่ห่าง “ถ้าอย่างนั้นเล็กไปดับไฟก่อนนะคะ” ธรินดาบอกอย่างอายๆ แต่คำตอบนั้นบ่งบอกชัดว่าเธอยอมตามใจเขาแล้ว ปรัชญ์จึงยอมปล่อยให้ร่างเล็กลุกจากตักไปปิดไฟ ส่วนตัวเองขยับขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียง ห้องทั้งห้องมืดสนิทเมื่อธรินดายื่นมือไปกดสวิตช์ไฟให้ดับลง เธออาศัยความเคยชินเดินกลับมายังเตียง และค่อยๆ เอนกายลงนอนเคียงข้างสามี ปรัชญ์รีบขยับเข้ามาแนบชิดพร้อมกับกระซิบเรียกเสียงพร่า ท
บทที่ 97“ป๋าก็คิดถึงนิล คิดถึงแม่เล็กของนิลใจแทบขาด” ปรัชญ์ตอบลูกสาวและถือโอกาสอ้อนไปถึงแม่ของลูกด้วย เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้โทรศัพท์น่าจะเปิดลำโพงอยู่ “งั้นก็รีบกลับบ้านสิคะป๋า หมีพูกับแม่เล็กก็รอป๋าเหมือนกันค่ะ” ปรัชญ์ยิ้มออกมาอีกคราเมื่อลูกบอกว่าธรินดาเองก็รอเขาอยู่ ใบหน้าอันหวานซึ้งนั้นลอยเข้ามาในห้วงความคิด ทำให้เขาจำต้องพับหน้าจอแล็ปท็อปลงพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสารที่กางอยู่หลายอันบนโต๊ะ“โอเคครับคนดีของป๋า ป๋าจะกลับเดี๋ยวนี้ละ” “งั้นนิลจะรอจนกว่าป๋าจะมานะคะ นิลถึงจะนอน” “ครับ อีกยี่สิบนาทีเจอกันนะครับ” “ค่ะป๋า เย้ๆ” หลังจากวางสายจากลูกสาว ปรัชญ์ก็ไม่รอช้า รีบขับรถตรงดิ่งกลับบ้านอย่างปราศจากความลังเลใดๆ ทันที งานเอาไว้ก่อนตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือลูก เมีย แม่ และหมีพู ซึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่บ้านทันทีที่ร่างสูงเดินเข้าบ้าน หมีพูกับเด็กหญิงตัวน้อยที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็วิ่งมาหาพร้อมกับเรียกผู้เป็นพ่อด้วยความดีใจ โดยมีหมีพูวิ่งตามมาไม่ห่างพร้อมกับกระดิกหางไปมาอย่างดีใจเช่นกัน
บทที่ 96นัสรินเดินเข้าบ้านด้วยอาการของคนที่มีเรื่องครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำให้ไม่เห็นว่าพ่อกับแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาในห้องโถงชั้นล่าง พลตรีชยุตกับคุณนิภาหันไปมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นคุณนิภาก็เป็นฝ่ายส่งเสียงทักลูกสาว“ไงยัยนัส ไปบ้านพี่ปรัชญ์มาโอเคหรือเปล่าลูก”“อ้าว...คุณพ่อคุณแม่ อยู่นี่เองเหรอคะ” นัสรินเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าบิดามารดาของตนนั่งอยู่ตรงนั้น เธอมัวแต่คิดเรื่องที่ปรัชญ์เพิ่งคุยด้วย ทำให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ รวนไปเสียหมด“เป็นอะไรไปลูก ทำไมดูหน้าเครียดๆ แบบนั้น ทะเลาะกับตาปรัชญ์มาเหรอ”“เปล่าค่ะคุณแม่ นัสแค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะค่ะ” นัสรินตอบมารดาเสียงนุ่ม ก่อนจะขยับไปนั่งลงข้างๆ“มีอะไรเล่าให้พ่อกับแม่ฟังได้หรือเปล่า” พลตรีชยุตพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว เพราะปกตินัสรินไม่ค่อยมีท่าทีเหม่อลอยให้เห็นบ่อยนักนัสรินมองหน้าบุพการีทั้งสองอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจขอคำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอคนเดียว มันเกี่ยวข้องกับบิดามารดาของเธอด้วย“เมื่อกี้นี้พี่ปรัชญ์เพิ่งจะบอกว่าพี่ปรัชญ์มีคนรักอยู่แล้ว และอยากให้นัสแต่งงานกับคุณปราณต์แทนค่ะ”“ว่าไงนะลูก!” คุณนิภาอุทา
บทที่ 95“แต่คุณปราณต์ไม่ได้ชอบนัสนะคะ อีกอย่างคุณปราณต์อาจจะมีคนรักอยู่แล้วเหมือนที่พี่ปรัชญ์มี” น่าแปลกที่คราวนี้เธอกลับแคร์ความรู้สึกของปราณต์ขึ้นมาเสียมากมาย เดือดเนื้อร้อนใจไปหมดกับความจริงที่ว่าเขาอาจมีคนรักอยู่แล้วก็ได้ ทั้งๆ ที่ตอนถูกพ่อแม่บังคับให้หมั้นกับปรัชญ์เธอกลับไม่ตระหนักเลยว่าปรัชญ์อาจจะมีคนรักอยู่แล้ว คิดแต่ว่าหากปรัชญ์ยอมหมั้นเธอก็ยอมหมั้นตามที่ผู้ใหญ่ต้องการเท่านั้นก็พอ“พี่ปราณต์ยังไม่มีใครหรอก ถ้านัสอยากแต่งกับพี่ปราณต์พี่จัดการให้ได้” “แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมัดมือชกคุณปราณต์เลยนะคะพี่ปรัชญ์” “ก็เหมือนกับที่แม่บังคับพี่ให้แต่งงานกับนัสนั่นละ แม่ก็คิดแค่ว่าพี่ยังไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ที่พี่พูดอย่างนี้นัสอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่าหรือถูกโยนให้คนนั้นทีคนนี้ทีนะ แต่พี่ไม่อยากทรยศหัวใจตัวเองและไม่อยากให้ธรินดาต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้” “นัสเข้าใจค่ะและขอบคุณที่พี่ปรัชญ์บอกนัสตรงๆ แต่นัสขอถามอะไรตรงๆ บ้างได้มั้ยคะ” นัสรินยังหนักอึ้งในเรื่องที่ปรัชญ์เสนอมา แต่เธอก็ยังอยากจะรู้ความจริงจากใจเขาให้หมดเปลือกเสียก่อน“ได้ส
บทที่ 94 สี่เดือนก่อน... รถซีดานแบรนด์ยุโรปราคาสองล้านกว่าๆ แล่นออกจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ หลังจากที่ปรัชญ์บอกว่าจะพาคู่หมั้นสาวไปส่ง นัสรินหันไปมองเสี้ยวหน้าของคนขับที่เมื่อครู่นี้ยังพูดจากวนประสาทแม่ของเขาอย่างมีสีสันอยู่เลย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในอิริยาบถที่เงียบขรึมราวกับเป็นคนละคน แม้จะไม่ถึงกับทำให้อึดอัด แต่คนคุยไม่เก่งแบบเธอก็ไม่กล้าชวนคุย นี่เป็นครั้งที่สองที่เขากับเธอได้พบกัน หลังจากหมั้นเสร็จปรัชญ์ก็ไม่เคยติดต่อหรือมาเยี่ยมเยือนในฐานะคู่หมั้นเลยสักครั้ง นัสรินรู้ดีว่าปรัชญ์เองก็คงจะถูกบังคับให้หมั้นเช่นเดียวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจหากเขาจะไม่ใส่ใจหรือทำตัวไม่เหมือนกับคู่หมั้นคู่อื่นๆ “นัสรีบกลับบ้านหรือเปล่า” ปรัชญ์หันมาถามเป็นประโยคแรกหลังจากที่รถแล่นออกมาพ้นอาณาเขตบ้านได้พักใหญ่ “เปล่าค่ะ นัสว่างทั้งวันค่ะพี่ปรัชญ์” “งั้นแวะดื่มกาแฟกับพี่ก่อนนะ ข้างหน้ามีร้านบรรยากาศดี กาแฟก็อร่อย” ปรัชญ์ชวนด้วยท่าทีเป็นกันเองทำให้นัสรินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ได้ค่ะ” หญิงสาวรับคำและยิ้มบางๆ
บทที่ 93“เปิดดูสิ เปิดตอนนี้เลยนะเล็ก” ปรัชญ์เชียร์ทั้งปาก ทั้งสายตา ทั้งสีหน้าที่เหมือนอยากจะให้เธอได้เห็นเหลือเกินว่าของที่อยู่ในกล่องคืออะไร ซึ่งตอนแรกธรินดากะว่าจะเก็บไว้เปิดพรุ่งนี้เช้า แต่เมื่อสามีคะยั้นคะยอเช่นนั้น เธอจึงต้องค่อยๆ แกะโบที่ผูกอย่างสวยงามนั้นออก ก่อนจะเปิดฝากล่องเป็นลำดับสุดท้าย และแล้วสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นก็ทำให้แก้มนวลแดงซ่าน เธอหยิบมันขึ้นมาดูสลับกับมองคนให้อย่างเขินอายสุดกำลัง“นี่มันอะไรกันคะคุณปรัชญ์”“ก็ชุดนอนไง มีหลายชุดด้วย ผ้าดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ” ปรัชญ์ตอบอย่างรื่นรมย์“แล้วทำไมมันโป๊แบบนี้ล่ะคะ” ธรินดาถามเพราะถึงแม้ว่าชุดนอนแต่ละชุดที่อยู่ในกล่องนั้นมันสวยและผ้านิ่มมากก็จริง แต่มันกลับเซ็กซี่สุดๆ ทุกตัวล้วนแต่คอเว้าลึกอย่างไม่ต้องสงสัยว่าเวลาใส่จะต้องโชว์เนินอกแน่ๆ แถมยังสั้นเต่อจนเกือบถึงโคนขา บางชุดก็เป็นแบบสองชิ้น ชิ้นบนเป็นเสื้อสายเดี่ยวในลักษณะอวดโชว์เนินเนื้อ ชิ้นล่างเป็นแค่กางเกงชิ้นน้อย เหมือนกับออกแบบมาเพื่อขยี้ใจชายโดยเฉพาะ แล้วเธอจะกล้าใส่ได้อย่างไร“โป๊ที่ไหน เขาเรียกว่าเซ็กซี่ต่างหาก ฉันอยากเห็นเมียเซ็กซี่บ้างไม่ได้เหรอ”“ถ้าชอบผู้หญิงเซ็ก
บทที่ 92แม่เลี้ยงลักษิกายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับธรินดาหญิงสาวที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กและรักเหมือนลูก ซึ่งบัดนี้ได้กลายมาเป็นลูกสะใภ้ของตนอย่างที่หวังไว้จริงๆ แล้ว แม้จะไม่ใช่กับลูกชายคนที่ตัวเองตั้งใจจะให้คู่ด้วยแต่แรกก็ตามที แต่ธรินดาก็ได้แต่งงานกับคนที่เธอรักซึ่งก็เป็นลูกชายของตนเหมือนกัน“แม่ให้เป็นของขวัญแต่งงานนะหนูเล็ก” ธรินดายกมือขึ้นไหว้และรับมาโดยที่ไม่รู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นคืออะไร“แล้วของผมล่ะครับ” ปรัชญ์ทวงอย่างไม่จริงจัง เขาไม่ได้ต้องการอะไรอยู่แล้ว เพราะเขาได้ของขวัญที่ดีและมีค่ามากที่สุดในชีวิตซึ่งก็คือผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้นั่นเอง เขาจึงไม่ต้องการอะไรอีก อีกทั้งนับจากนี้ของสิ่งใดที่เป็นของเขาก็จะเป็นของธรินดาด้วยอยู่แล้ว “ไม่มีย่ะ ฉันยกให้ลูกสะใภ้ฉันหมดแล้ว”“เอ...ชักอยากรู้แล้วสิว่าแม่ยกอะไรให้เมียผม”“ก็มรดกทุกอย่างที่เป็นส่วนของแกน่ะสิ”“โหแม่...นี่รักลูกสะใภ้มากกว่าลูกชายตัวเองอีกนะ” ปรัชญ์แกล้งโวยวายเล่นพอเป็นสีสัน“ย่ะ ฉันรักมากกว่ามาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว”“แล้วอย่างนี้ผมจะมีสมบัติอะไรเหลือไว้ให้เมียน้อยบ้างล่ะ” ปรัชญ์ยังมิวายกวนประสาทคนเป็นแม่แม้แต่ในช่วง
บทที่ 91ปรัชญ์พาธรินดาลงมาจากเวที หญิงสาวขอตัวกับเจ้าบ่าวเมื่อเหลือบไปเห็นสาวน้อยรุ่นน้องผู้ทำหน้าที่เล่นเปียโนให้ปรัชญ์ร้องเพลงเป็นของขวัญวันแต่งงานให้เธอเมื่อครู่นี้ ตอนนั้นจันทริกายืนอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่คนเดียวที่มุมห้องคล้ายกับว่ากำลังรอใคร ธรินดาจึงตรงดิ่งเข้าไปหาทันที“จันทร์...”“พี่เล็ก...”“ทำไมมายืนอยู่คนเดียวตรงนี้ล่ะ”“จันทร์ไม่รู้จะคุยกับใครน่ะค่ะ จันทร์ไม่รู้จักใครเลย” สาวรุ่นน้องยิ้มแหยๆ แววตาดูอ้างว้างและตื่นๆ จนคนมองนึกสงสาร“อยากกลับบ้านเหรอ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปส่งมั้ย” ธรินดาบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่นใจดีแต่ก็ได้รับการปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า“ไม่เป็นไรค่ะ จันทร์ยังกลับตอนนี้ไม่ได้ คุณตะวันสั่งไว้ว่าให้จันทร์รอ”“อ๋อ...จะกลับพร้อมพี่ตะวันใช่มั้ย”“ค่ะพี่เล็ก พี่เล็กไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ จันทร์อยู่ได้ค่ะ”“งั้นพี่ค่อยสบายใจหน่อย พี่ขอบใจจันทร์มากนะสำหรับทุกๆ อย่างในวันนี้”“จันทร์ยินดีค่ะ เสียดายนะคะพี่ขิมมาไม่ได้ ไม่งั้นจันทร์จะบอกให้พี่ขิมสีไวโอลินให้ด้วย เพลงของคุณปรัชญ์คงเพราะกว่านี้” จันทริกาเอ่ยถึงภัคธีมารุ่นพี่ที่เคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันซึ่งเป็นคนที่มีทักษะทางด้
บทที่ 90“ก็แล้วทำไมคุณปรัชญ์จะต้องล้อเล็กด้วยล่ะคะว่าเสียงครางเล็กเป็นยังไง” เสียงหวานเอ่ยต่อว่าเขาทั้งที่แก้มนวลแดงก่ำ แต่ก็แปลกใจตัวเองที่กล้าตอบโต้เขาแบบนั้น หรือว่าเธอจะซึมซับความเป็นเขาจนเคยชินเข้าแล้วจริงๆ“ล้อที่ไหน ฉันพูดความจริงต่างหาก นะเล็กจ๋านะ ฉันอยากได้ยินเสียงแบบนั้นอีก นี่กี่วันแล้วที่ฉันไม่ได้ยิน จะลงแดงตายอยู่แล้วนะที่รัก” ปรัชญ์ยังทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขี้อ้อนที่เรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธรินดาแทบไปไม่เป็นเหมือนกัน จึงได้แต่ตอบเขาไปด้วยกลอนของวรรณคดีในเรื่องขุนช้างขุนแผน“อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา”“ฉันขอเถียงว่าไม่จริง”“อย่ามัวแต่เถียงกับเล็กอยู่เลยค่ะ มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยตัดบท เพราะยิ่งคุยกันนานก็ยิ่งดูเหมือนว่าเธอจะต้านทานลูกล่อลูกชนของเขาไม่ไหว“นี่ฉันกำลังถูกเมียสั่งอยู่ใช่มั้ย” ปรัชญ์เอ่ยสัพยอกอีกพลางลอบถอนหายใจเบาๆ“ไม่ได้สั่งค่ะ แค่เป็นห่วงอยากให้สบายตัว”“จริงเหรอ”“ค่ะ”“ถ้าอยากให้ฉันสบายตัวจริงๆ เธอก็ต้องไปด้วยกัน”ว่าแล้วปรัชญ์ก็ย่อตัวลงช้อนเอาร่างเล็กขึ้นอุ้มทันที“ปล่อยเล็กลงนะคะคุณปรัชญ์...ทำไมจ้องจะเอาเปรี