บทที่ 63ผลัวะ!เมื่อถูกต่อยจิระก็เลือดขึ้นหน้า เขาจะเอาคืนบ้าง ร่างผอมสูงถลาเข้าไปเพื่อจะปล่อยหมัดใส่หน้าหล่อๆ ของปรัชญ์ แต่ปรัชญ์เบี่ยงตัวหลบแถมยังสวนกลับไปด้วยหมัดลุ่นๆ เต็มปากเต็มจมูกของจิระเข้าอีกหมัดร่างกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามขยับย่างสามขุมตามไปกระชากคอเสื้อของหนุ่มรุ่นน้องด้วยสีหน้าถมึงทึง จิระที่โดนเข้าไปสองหมัดก็มีอาการบ้าเลือด เพราะทั้งเจ็บทั้งอาย เขาสะบัดตัวเต็มแรงสวนหมัดเข้าใส่หน้าปรัชญ์คืนได้หมัดหนึ่ง แต่โดนตอบโต้ด้วยการรัวหมัดเข้าใส่กลับมาเป็นชุด“คุณปรัชญ์! อย่าค่ะ!”ธรินดาร้องห้ามอย่างตกใจ เพราะสภาพของจิระเริ่มจะสะบักสะบอม แต่ปรัชญ์ไม่ฟังเสียง ความจริงเขาราล้างจากเรื่องชกต่อยมานานหลายปีแล้ว แต่ยามที่จำเป็นต้องทำมันเขาก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกันจิระแม้จะเจ็บปานใดทว่าก็ไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ง่ายๆ ยังสะบัดตัวจนหลุดและเหวี่ยงหมัดเพื่อเอาคืนปรัชญ์ให้ได้ แต่ทว่าก็วืดโดนแต่ลม มิหนำซ้ำยังจะโดนปรัชญ์เล่นงานเข้าให้อีก ทว่าก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านั้นก็มีคนมาล็อกตัวของปรัชญ์เอาไว้ เช่นเดียวกับที่เพื่อนของจิระที่มาดึงจิระไว้ ส่วนเพื่อนๆ ของธรินดาก็กรูกันมาดูเหตุการณ์พร้อมกับกา
บทที่ 64“เล็กไม่หิวค่ะ...” เสียงหวานที่ตอบนั้นค่อนข้างอู้อี้เพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ “งั้นเดี๋ยวพี่จอดแถวๆ ริมแม่น้ำให้นะ ไปยืนมองน้ำรับลม เผื่อน้องเล็กจะสบายใจขึ้น”รังสิมันต์บอกด้วยความหวังดี ก่อนจะตีไฟเลี้ยวจอดรถบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จากนั้นก็เดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ธรินดาลงจากรถ เดินไปหยุดอยู่ริมแม่น้ำที่มีแผงเหล็กกั้นเอาไว้ แขนเล็กเท้ากับราวเหล็ก ตามองไปยังสายน้ำที่ถูกไฟจากหลายทิศทางส่องสะท้อน ลมเย็นๆ ของอากาศยามดึกพัดโชยมาปะทะใบหน้า ทำให้ความร้อนรุ่มหนักอึ้งในใจค่อยๆ เบาบางลงร่างสูงของรังสิมันต์ขยับมายืนข้างๆ เขาวางมือบนราวเหล็กแบบเดียวกับที่ธรินดาทำ เพื่อให้หญิงสาวรู้สึกว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียว“กำลังคิดอะไรอยู่ เล่าให้พี่ฟังได้มั้ย” รังสิมันต์ถามเสียงนุ่มหลังจากที่ไม่ได้ใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับใครมานานจนแทบจะจำมันไม่ได้ว่าตัวเองพูดแบบนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่“เล็กไม่มีอะไรจะเล่าค่ะพี่ตะวัน แค่อยากขอร้องไม่ให้พี่ตะวันบอกเรื่องนี้กับแม่ใหญ่และพี่ปราณต์”“ทำไมล่ะ”“คุณปรัชญ์กำลังจะแต่งงาน เล็กไม่อยากให้มีปัญหาอะไรที่เกิดจากเล็กเป็นต้นเหตุค่ะ” หญ
บทที่ 65ร่างบางผละออกห่างเงียบๆ เดินไปหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็ก เปิดตู้เย็นหยิบน้ำแข็งมาใส่ในผ้าขนหนูผืนนั้น จากนั้นก็ขยับมายืนตรงหน้าร่างสูงอีกครั้ง แตะผ้าห่อน้ำแข็งบนปากเขาเบาๆ โดยที่สายตาคมจับจ้องมองตลอดเวลา แต่เธอก็ไม่สนใจยังคงค่อยๆ ประคบน้ำแข็งให้ที่รอยแผลบนใบหน้านั้น ก่อนจะละมือลงจับมือใหญ่ขึ้น แล้วทำเช่นเดียวกับแผลที่ใบหน้าของเขาเมื่อครู่นี้“เธอจะใส่ใจกับคนเลวๆ อย่างฉันทำไม”“เล็กเป็นคนทำให้คุณเจ็บนี่คะ”ธรินดาพูดออกมาเป็นประโยคแรก หลังจากใช้เพียงการเคลื่อนไหวของร่างกายแทนคำพูดทั้งหมดอยู่นาน“ก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ”“เล็กไม่เคยคิดจะทำร้ายใคร”“แต่ฉันเต็มใจให้เธอทำร้าย” ปรัชญ์พูดพลางวางมือลงบนมือเล็กที่กำลังประคบน้ำแข็งบนมือของเขา ขณะที่ธรินดาเอาแต่ก้มหน้านิ่ง“เล็ก...”เขาเรียกชื่อเล่นเธอเป็นครั้งแรกอย่างอ่อนโยน จนธรินดาต้องเงยหน้าขึ้นสบตาสีสนิมเหล็กของเขาอย่างไม่รู้ตัวปรัชญ์จ้องลึกลงไปในดวงตาเรียวหวานแน่วนิ่ง ส่วนคนถูกจ้องเต็มไปด้วยอาการหวั่นไหวหวาดหวั่นอยากจะหลบสายตานั้น แต่ก็เหมือนถูกตอกตรึงเอาไว้จนลืมขยับเขยื้อนไปชั่วขณะ กระทั่งใบหน้าคมคร้ามค่อยๆ เคลื่อนต่ำลงมาหาพร้อมกับลมหา
บทที่ 66สายมากแล้ว…หากเป็นวันอื่นธรินดาคงจะตื่นมาอาบน้ำ แต่งตัว ลงไปกินข้าว หรือไม่ก็เดินทางไปมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว หากทว่าวันนี้ร่างเล็กยังคงนอนหลับใหลอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงขนาดห้าฟุตที่เคยนอนสบายๆ แต่ตอนนี้มันดูแคบลงถนัดตาเมื่อมีร่างใหญ่ของใครอีกคนมานอนอยู่แนบข้างร่างบางสะดุ้งเบาๆ และตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเตือนที่ดังรัวๆ จากโทรศัพท์มือถือซึ่งวางอยู่หัวเตียง คิ้วเรียวได้รูปขมวดเข้าหากันเล็กน้อย จำได้ว่าตัวเองไม่ได้เอาโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า เพราะเมื่อคืนนี้หลังจากมาถึง เธอก็มีเรื่องทะเลาะกับปรัชญ์ หลังจากนั้นเธอก็ทำประคบแผลให้เขาจนกลายเป็นเลยเถิดตาคู่สวยมองไปข้างๆ ก็เห็นว่าตอนนี้ปรัชญ์ยังคงหลับสนิท ลำแขนแข็งแรงพาดอยู่บนเอวของเธออย่างประกาศความเป็นเจ้าของ มือเล็กยื่นไปจับแขนข้างนั้นออกจากเอวตัวเองเบาๆ อย่างพยายามระวังไม่ได้เขาตื่น เพราะตอนนี้เธอยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเขาธรินดาขยับลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียง ก่อนจะเอื้อมไปหยิบเอาโทรศัพท์ที่ตอนนี้ก็ยังดังเตือนอยู่รัวๆ เธอปลดล็อกหน้าจอด้วยระบบสแกนลายนิ้วมือ แล้วก็ต้องมุ่นคิ้วราวกับผูกโบอีกครา เมื่อเห็นว่าตัวเลขแจ้งเตือนในแอพเฟซบุ๊กและไลน์
บทที่ 67“งั้นก็หันมาสบตากับฉันสิ แล้วคุยกันดีๆ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนและนุ่มหูลงในตอนท้าย พร้อมกับปล่อยมือเธอข้างหนึ่งแล้วขยับมาจับปลายคางมน บังคับให้หันมาสบตากันเช่นเดิม“เมื่อคืนนี้คุณเข้าไปอยู่ในห้องตรงข้ามกับห้องเล็กได้ยังไงคะ” ธรินดาคร้านจะเอาความกับเขา เพราะรู้ว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์ ปรัชญ์ไม่มีทางจะรู้สึกผิดอะไรอยู่แล้ว“คนอื่นเขาอยู่ห้องในหอพักนี้ได้ยังไงล่ะ” เขาตอบแบบเล่นลิ้น ไม่ยอมบอกตรงๆ ว่าตัวเองลงทุนมาเช่าห้องพักไว้ที่นี่ ก็เพื่อจะได้คีย์การ์ดเข้ามาในหอพักแห่งนี้ได้ตลอดเวลา และที่สำคัญห้องที่เขาเช่านั้นมันอยู่ตรงข้ามกับห้องของธรินดา ส่วนเรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นย้ายออกมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เขาเสนองานในบริษัทยักษ์ใหญ่ของกวินภพให้ แถมยังออกค่าเช่าหอพักที่ใหม่ให้อีกสามเดือนต่างหากธรินดานึกถึงวันที่เธอคุยกับวิชญานีซึ่งเป็นคนดูแลหอพักในเช้าวันนั้นที่เธอเห็นว่าคนตรงข้ามห้องย้ายออก วิชญานีบอกว่ามีคนมาเช่าต่อแล้ว แต่เธอไม่คิดว่าคนคนนั้นจะเป็นปรัชญ์“คุณลงทุนทำขนาดนี้เพื่ออะไร”“เพื่อเธอ…”เป็นคำตอบที่แสนจะสั้น ทว่ากลับเป็นคำคำเดียวที่ทำให้ธรินดาหยุดชะงักและลืมคำถามอื่นๆ ไปหมดสิ้น
บทที่ 68ห้องที่เคยอยู่คนเดียวมานานหลายปีบัดนี้ดูอ้างว้างไปหมด เมื่อใครบางคนกลับไปแล้วตามที่เธอขอร้อง ร่างบางนั่งซึมอยู่บนเตียง ชันเข่าขึ้นแล้วซุกหน้าลงกับเข่าตัวเอง ก่อนจะสะอื้นไห้ออกมาจนตัวโยน เพื่อระบายความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ข้างใน ผ่านไปเกือบชั่วโมงแต่น้ำตาก็ยังไหลริน พวงแก้มที่เคยใสสะอาดบัดนี้แดงก่ำและเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาของความเจ็บปวด ดวงตาแสนอ่อนบางก็บวมช้ำขึ้น มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถพูดหรือบอกกับใครได้ นอกจากร้องไห้กับตัวเองเงียบๆ เช่นเดียวกับที่เธอร้องไห้คิดถึงพ่อแม่ยามค่ำคืนในบ้านเด็กกำพร้าเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียก เสียงที่แว่วมาให้ได้ยินนั้นทำให้ธรินดารู้ว่าคนที่เคาะอยู่ข้างนอกนั้นคือชนิศา หญิงสาวรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเอง ก่อนจะร้องตอบกลับไปว่าให้ชนิศารอสักครู่ แล้วรีบเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำเพื่อไม่ให้ชนิศาได้เห็นว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ หากทว่าหน้าตาอันแดงก่ำกับดวงตาที่บวมช้ำนั้นก็ไม่อาจจะบิดบังสายตาของชนิศาได้ “เรามารบกวนหรือเปล่า” ชนิศาถามอย่าง
บทที่ 69“จิระ” ธรินดาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมารอพบตนทำไมจึงได้แต่เรียกชื่อเขาสั้นๆ“กำลังจะไปไหนเหรอ เราไปส่งมั้ย”“เราจะไปสนามบินน่ะ วันนี้ต้องกลับบ้านแล้ว” เสียงหวานตอบไปอย่างเป็นปกติและไม่มีแววว่ายังถือโทษโกรธเคืองเขาในเรื่องคืนนั้นเลย เพราะจิระเองก็เจ็บหนักเอาการเหมือนกัน“เราคงไม่ได้เจอเล็กอีกแล้วใช่มั้ย” สายตาของจิระมีแววอาลัยอาวรณ์อย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินหญิงสาวพูดประโยคนั้น ธรินดาเรียนจบแล้วและคงได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งอย่างไม่มีปัญหา ขณะที่เขาเองยังต้องเรียนอีกหนึ่งเทอมเพราะมัวแต่เกเรและไม่ค่อยใส่ใจกับการเรียนเท่าใดนัก จึงจบช้ากว่าเกณฑ์ไปหนึ่งเทอม“อื้อ...ก็เราเรียนจบแล้วไง คงไม่ค่อยได้มีโอกาสเจอกันแล้วละ”“ขนาดตอนยังเรียนอยู่เล็กยังหลบหน้าเราตลอดเลย แต่ก็อย่างว่าเราไม่มีอะไรสู้แฟนเล็กได้เลยนี่นะ จะให้เล็กสนใจเราได้ยังไง” จิระอดที่จะตัดพ้ออย่างผู้แพ้ไม่ได้“ถ้าจิระจะมาพูดกับเราเรื่องนี้ เราไม่พูดด้วยนะ เราจะกลับบ้าน” ธรินดาตัดบทเพราะไม่อยากเจ็บปวดกับสถานะระหว่างเธอกับปรัชญ์ที่หลุดมาจากปากของจิระ“เดี๋ยวก่อนสิเล็ก ฟังเราก่อน เขาแค่จะมาขอโทษเล็กเรื่องวันนั้น เราเพิ่งรู้ว่าแฟนเล็
บทที่ 70“มาแล้วเหรอลูกสาวคนสวยของแม่” แม่เลี้ยงลักษิกาอ้าแขนรอกอดลูกสาวด้วยความดีใจทันทีที่เห็นธรินดาเดินเข้ามายังอาคารผู้โดยสาร หญิงสาวปล่อยให้แม่ใหญ่กอดหอมจนพอใจ จากนั้นก็ค่อยยกมือขึ้นไหว้อินแปงเหมือนเช่นทุกครั้ง “คิดถึงแม่ใหญ่จังค่ะ”“แม่คิดถึงหนูเล็กมากกว่าซะอีก มารอบนี้ไม่ต้องกลับไปอีกแล้วใช่มั้ย จะอยู่กับแม่ตลอดไปแล้วใช่มั้ยลูก” แม่เลี้ยงลักษิกาถามอย่างมีความสุขตามประสาคนเป็นแม่ที่อยากให้ลูกอยู่ใกล้ๆ แม้ธรินดาจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่นางก็รักปานแก้วตาดวงใจไม่ต่างอะไรกับลูกชายทั้งสอง“ไม่กลับไปแล้วค่ะแม่ใหญ่ เล็กเรียนจบแล้ว ต่อไปเล็กจะอยู่กับแม่ใหญ่ที่บ้านของเรา” ธรินดาตอบไปทั้งๆ ที่ไม่มั่นใจแม้แต่นิดเลยว่าจะทำได้ เธอจะเข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริงมากแค่ไหนก็ยังไม่รู้ ก็ได้แต่หวังและภาวนากับตัวเองว่าขอให้ความรักของแม่ใหญ่ที่มีต่อเธอชนะความรู้สึกเจ็บปวดทุกอย่างที่กำลังรุมเล่นงานหัวใจดวงน้อยอยู่ในตอนนี้ร่างบางนั่งตอนหลังคู่กับแม่บุญธรรมเช่นเดิม ปกติยามที่รถแล่นใกล้จะถึงคุ้มลักษิกาความสุขจะหลั่งไหลท่วมท้นเข้ามาในหัวใจของธรินดา แม้จะไม่ได้เกิดที่นี่ แต่ที่ตรงนี้ก็เป็นที่ที่เธอเติ