เพื่อจัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตั้งใจจะลงมาอีกครั้ง หากเขาคิดจะกลับก็แล้วไป ใบฟางเองรู้สึกเหนียวเหนอะหนะตัว อาบน้ำแล้วคงทำให้หล่อนสบายเนื้อสบายตัวบ้างแล้วจัดการกินยากันแก้ไข้หวัดที่แน่ใจว่ายังไม่หายดี หล่อนจะได้กลับมามีสุขภาพปกติเหมือนเดิม ใบเงินยิ้มทักตอบอาคันตุกะของพี่สาว ด้วยท่าทีเขินเอียงอายกับชายหนุ่มหล่อที่น่าจะเป็นขวัญใจของพี่สาว หน้าตาที่ดูคมคายสุขุม“ค่ะ มีสาระหลายอย่าง ในบ้านนี้ชอบหมดทุกคนเลยค่ะ ทั้งแม่ พี่ฟาง แล้วก็เอ้อ เงิน”เธอเริ่มแนะนำตัวและปางภูเองก็พอจะรู้ว่าเธอชื่อใบเงิน เนื่องจาก ใบฟางเคยเอ่ยให้เขาได้ยิน เด็กสาวเอ่ยตอบเขาด้วยวาจาเจื้อยแจ้วดูเหมือนจะเป็นเด็กช่างพูดไม่แพ้พี่สาว เพียงแต่ยังติดเขินอายแบบเดิม เขาเลยรู้สึกขันอย่างเข้าใจ“มีอะไรดีกว่านั้นมากหรือเปล่าครับ”ปางภูเอ่ยถามไปเรื่อยประเภทชวนถามเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกเหงามากกว่า เขายังไม่กลับในตอนนี้ ยังอยากเห็นหน้าใบฟางลงมาอีกครั้ง เผื่อมีอะไรที่จะชวนคุยหล่อนต่อนับว่าหล่อนมีเหตุผลพอที่จะแยกแยะออก ระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเหตุผล น้องสาวของใบฟางเอ่ยตอบเขา หลังจากแนะนำตัวอีกครั้ง“หนูชื่อเงินค่ะ เ
ใบหน้าขาวและคิ้วเรียวเข้มอดขมวดเข้าหากันไม่ได้“คุณชอบอ่านนิตยสารนี้ด้วยหรือครับ ไม่ค่อยจะเชื่อเลย”ใบฟางหน้าบึ้งขึ้นมาทันที ที่เหมือนเขาคาดประมาทหรือดูถูกหล่อน “ทำไมคะ” สีหน้าจึงตึงกลับไปชายหนุ่มยิ้มอีกครั้งอย่างปลอบประโลมมากกว่า จะให้หล่อนขึ้งโกรธและอธิบายอย่างใจเย็น“ผมเห็นว่าเป็นเรื่องดีนะสิครับ แต่ไม่นึกว่าคุณจะชอบนิตยสารนี้ด้วย ทั้งครอบครัวเลย”“ก็เกี่ยวกับคนทำงานโดยเฉพาะผู้หญิง เรื่องราวก็มีความทันสมัยโดยเฉพาะอัพเดตทุกปักษ์ ทุกสัปดาห์”หล่อนรู้ว่านิตยสารในเครือบริษัทนี้ออกหลายเล่ม คนที่เป็นส่วนหนึ่งของนิตยสารเล่มนี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ เป็นความรู้สึกที่แปลกอีกครั้ง ที่รู้ว่าคนบ้านนี้อ่านนิยายของเขา ใบฟางเงียบแล้วพูดต่อหล่อนสังเกตเห็นความแปลกจากดวงตาที่พราวยิ้มของปางภูตลอดเวลา หล่อนเผลอพูดอะไรที่ถูกใจเขามากไปหรือเปล่าถึงอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา จนหล่อนชักสงสัยแล้วว่าหนังสือแมกกาซีนเล่มนี้มีอิทธิพลอย่างใดต่อเขา แต่เขาก็เป็นนักธุรกิจ เป็นผู้ชายที่หล่อนนึกขยาดหล่อนคิดเท่านี้ แต่ยังให้ความไว้วางใจต่อเขา เพราะเขาเป็นคนช่วยเหลือหล่อนอีกอย่างหล่อนยังปักใจเคลือบแคลงว่า เขาน
“ว่ายังไงครับ คุณจะนั่งรถเมล์ไปหรือไง”เขาเอ่ยว่าอย่างรู้สึกขบขันเอ่ยติดตลก หญิงสาวมองจ้องเขาทำแววตาประเล้าประโลมยามเอ่ยในสิ่งที่ฝืนความรู้สึกของตัวเองแต่จำต้องขอร้อง รู้สึกกระดากเหมือนกัน แต่หล่อนก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะครั้งนี้ดูเหมือนจะขออนุญาตกับบิดามารดาของหล่อนอย่างถูกต้อง ร้านก็ไม่ได้ไกลจากบ้าน บิดามารดาของหล่อนรู้ “บ้าหรือไงคุณ รถคุณค่ะ ขากลับฉันนั่งรถเมล์เองก็ได้” ใบฟางแสดงความจำนงของหล่อนอย่างนั้น เป็นเรื่องทึ่งอีกครั้งในใจของหนุ่มหล่อเขาประมาณคาดการตามความรู้สึกของหล่อนไม่ได้เลย ทำไมอารมณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็วนักยังโกรธเคืองเขาจัดตงิดอยู่ครู่ และหลายวันที่ผ่านมาแต่ถ้าเป็นอย่างนี้นะ ปางภูก็สบายใจด้วย เพราะเขาไม่อยากเครียดอึดอัดในเรื่องของหล่อน จึงพยักหน้า“งั้นตกลงครับ” ใบฟางเลยเข้าไปขออนุญาตกับบิดามารดา ท่านอนุญาตตามความคิดเห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากบ้าน แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ควรที่ลูกสาวกลับมาถึงบ้านแล้วจะออกไปธุระค่ำมืดต่ออีกแต่เพราะเห็นใบฟางรบเร้า ท่านรู้สึกไว้วางใจชายหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ อีกอย่างก็ไม่ไกลจากบ้านเท่าที่ควร ใบฟางกับชายหนุ่มมาทรุดนั่งที่เก้าอี้เ
ทำให้ชายหนุ่มนั่งข้างที่สนใจฟังอมยิ้มขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว อย่างน้อยก็ช่วยลดทอนความเข้าใจผิดที่มีต่อหล่อนให้ลงบ้าง จากการอธิบายของหล่อน เพื่อทำให้หล่อนพ้นจากมลทินที่ถูกเขาตราหน้ากล่าวหา และถึงเวลานั้นปางภูจะได้เอ่ยกล่าวคำขอโทษเสียที เพราะเขาก็พลาดพลั้งทำกับหล่อนรุนแรงไปเหมือนกัน“เขาจะมายัดเยียดให้ฉันเป็นของใครไม่ได้นะ สิทธิ์เป็นของฉัน ฉันบงการเนื้อตัวของตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาสนตะพาย..” นึกแล้วยิ่งขยะแขยงธีรคามอย่างจับใจ.. ที่แล้วๆมาหล่อนนึกคิดดีกับเขามาตลอด แต่สำหรับเขาแล้วไม่เลย เขามองเห็นหล่อนเป็นเหยื่อมาตลอด เหยื่อการพนันที่เขาลุ่มหลงเหมือนยาเสพติด ลมหายใจเข้าออกมีแต่ผีบ้าเหล่านี้สิงอยู่“เขาแอบอ้างฉันกับคุณหรือไง เท่าไหร่ล่ะ ที่คุณเองก็โง่ยอมใจป้ำจ่ายให้เขา”“ก็ราวเกือบแสนหนึ่ง ผมยังได้มาไม่ครบด้วยซ้ำ รู้สึกสมเพทเวทนาหรอกที่ให้ไปอย่างนั้น” ปางภูเอ่ยกล่าวด้วยวาจาเครียดทำให้หล่อนเป็นฝ่ายอึ้งบ้าง ธีรคามแบมือขอเงินจากนักการพนันเช่นปางภูด้วย แล้วพอหมดเนื้อหมดตัวก็หาทางหยิบยืมหล่อนในทุกครั้ง ดีนะที่หล่อนรู้ตัวทัน สิ่งไหนควรให้หล่อนก็ให้ สิ่งไหนไม่ควรหล่อนก็ย่อมรู้อยู่แก่
ใบฟางจะไม่มีความรู้สึกดีขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่หล่อนนี่ก็แปลกนะ เรียกหามากับเขาผู้ชายที่เป็นฝ่ายกระทำใส่หล่อน..ถึงกับย่อยยับป่นปี้เพราะแรงกระทำที่จาบจ้วงเห็นแก่ตัวคิดถึงเรื่องนี้หล่อนยังโกรธตงิดๆ ใช่ว่ามันจะหาย เพียงแต่ไม่คิดมันก็ลืมเลือนไปบ้าง หล่อนโบกมือ“อย่าพูดเรื่องนี้ค่ะ” หล่อนเคยบอกเขาแล้วว่าหล่อนไม่อยากฟัง จึงเน้นเสียงเข้มชัดอีกครั้ง “ฉันไม่อยากฟัง..”ไม่อยากฟังเรื่องที่ร้าวรานบีบคั้นใจตัวเอง และเขาเป็นผู้กระทำยังมานั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหล่อนได้ ไม่สมควรให้อภัยสักนิด แต่ก็แปลกที่ใบฟางอนุญาต หล่อนไม่เข้าใจจิตใจของตัวเองเลยเช่นกัน ทั้งที่มันรู้สึกเจ็บปวดแทบจะดิ้นเร่าๆเหมือนปลาหมอที่ถูกแดดเผา แต่หล่อนยังมานั่งคุยกับเขาแถมสีหน้าระรื่นแทบจะลืมความโกรธเป็นบางครั้งหล่อนยอมรับว่าผู้ชายคนนี้มีจิตวิทยาที่ดีในการคุยและคำพูดที่อ่อนโยมแกมสุภาพของความเป็นบุรุษ ทำให้หล่อนรับฟังอย่างไม่ขัดใจ น้ำเสียงของเขานุ่มทุ้มเสมออ่อนโยน แต่แปลกที่รู้สึกขัดกับการกระทำอันเลวร้ายของเขา ใบฟางไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเขาแต่ภาพที่หล่อนตื่นนอนขึ้นมาในสภาพเปลือยเปล่าของโรงแรมแห่งนั้นก็ยืนยัน
ถ้าไม่รับรู้จากเขาหล่อนก็ไม่ทราบความจริง.. อาจจะเป็นเพราะใบฟางคิดว่าเขาจะให้ร้ายและกล่าวหยันเยาะเย้ยให้หล่อนเจ็บปวดเหมือนอย่างที่เขาเคยกระทำมานั่นสินะพฤติกรรมของหล่อนหลายอย่างที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีส่วนไหนที่ดูผิดปกติ รวมทั้งเมนส์ของหล่อนก็มาครบตามกำหนด หล่อนลืมเฉลียวใจข้อนี้ไป แต่ไม่เป็นไรหรอก เขาทำให้หล่อนมึนและเหมือนตัวเองลอยคว้างอยู่กลางอากาศอยู่ตลอดไป ถ้าไม่มารับรู้ความจริง อดตื่นเต้นไม่ได้ จริงหรือที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหล่อน ปางภูเป็นสุภาพบุรุษถึงขั้นไม่ได้แตะต้องตัวของหล่อน พนักงานประชาสัมพันธ์สาวไม่อยากจะเชื่อ มีแววตื่นเต้นระริกในดวงตาแต่ยังไม่กล้าเอ่ยบอกเขา ปางภูเอ่ยแล้วก็เงียบตามเคย หนุ่มหล่อหรี่ดวงตาคมจ้องไปที่หล่อน เห็นท่าทีไม่พอใจและขัดใจของหล่อนปรากฏคล้ายต่อว่าต่อขาน พลางทำหน้าเง้างอน มียิ้มเจืออยู่ในดวงตา แค่นี้ก็ทำให้ปางภูรู้สึกว่าเขาหายใจโล่งอก ไม่อาจจะคาดเดาอารมณ์ของใบฟางได้ ว่าหล่อนจะโกรธเขาหัวฟัดหัวเหวี่ยงอีกหรือเปล่า“แค่นี้ละ คุณอาจจะสบายใจมากขึ้น” เขาไม่อยากให้หล่อนทุกข์ทรมานไปกว่านี้ และลึกลงไปไม่อยากให้หล่อนตั้งป้อมเกลียดชังเขา ด้วยรู้ใ
แต่คราวโชคของหล่อนยังมีอยู่ เพราะใบฟางคุมสติ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นจากการที่ปางภูพาหล่อนเข้าโรงแรมนี่สิ ใบฟางยังตงิดๆโกรธเขาไม่หาย แม้ว่าจะคุยกันด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นมากกว่าเดิมก็ตามานทั้งสองทราบด้วยว่า ในเวลานี้และต่อไปผู้ชายที่ชื่อธีรคามจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับหล่อนสักนิดน"เครียดารดาของหล “ว่าไง แกพอจะบอก จาระไนเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้มาทั้งหมดได้ไหม ยัยฟาง..พ่อมีความรู้สึกว่า พวกแก นี่ถ้าจะมีลับลมคมในซ่อนปิดไว้เหลือเกิน.. ว่าแต่พวกแกมีลับลมคมในอะไรซ่อนไว้ล่ะ” ใบฟางอึ้ง หายใจเต้นแรงไม่คาดเดามาก่อนว่าบิดาจะทะลุกลางปล้องได้ถูกเผงอย่างนี้ แต่เธอก็ย่อมไม่ให้ท่านรู้ไปมากกว่านี้โดยเฉพาะเรื่องอัปยศอดสูที่เกิดขึ้นกับลูกสาว แต่เบาใจเมื่อปางภูบอกกล่าวว่าเขาไม่ได้ล่วงล้ำเธอเกินขอบเขตแค่ภายนอก เรื่องนี้อับอายเกินไปถ้าจะให้เธอพูดกับบิดาคุณบวรไม่ใคร่ที่จะอยู่ซักและพบปะพูดคุยกับลูกสาวคนโตอย่างเป็นงานเป็นการเช่นนี้ เรียกว่าเธอกับพ่อพบกันน้อยที่สุดพ่อก็มีธุระของท่าน เธอก็มีของเธอ แม้จะอยู่บ้านเดียวกัน ปกติท่านเองไม่ค่อยอยู่ติดบ้าง เงยหน้าสบตาบิดาพยายามปั้นหน้ายิ้ม และพูดออกไปด้วยสติและไม่วอกแ
ใบฟางยืนอยู่ริมหน้าต่าง กลับครุ่นคิดและยังไม่หลับนอนนึกเห็นภาพใบหน้าใสของชายหนุ่มถ้อยคำที่อ่อนโยนของเขาเหมือนแทรกประทับอยู่กลางใจแต่หล่อนไม่ได้เอ่ยให้เขาทราบ เพราะเหตุใดนะหรือ เหตุผลซ่อนอยู่ในใจของหล่อนแค่เขาช่วยคลี่คลายเรื่องของหล่อน เกี่ยวกับตัวหล่อน ก็ทำให้หล่อนรู้สึกสบายใจที่เขาไม่ได้แตะต้องหล่อน ให้หล่อนมัวหมองราคี อย่างที่คิดมาแต่ต้น ความอ่อนโยนของเขากระมังถึงสยบทุกอย่างในใจของหล่อน ใบฟางรำพึงคิดคำนึงอยู่คนเดียว นอกหน้าต่างดวงดาวสาดแสงสุกสกาวไล้กับแสงจันทร์ทาบทาบริเวณกว้างให้โลกใบนี้ดูเรืองนวลแสงกระจ่างไปทั่วยังไม่หลับนอน คิดว่าเขาเองคงถึงที่พักแล้ว ระลึกถึงดวงตาอ่อนโยนรูปหน้าที่คมคายค่อนข้างหล่อเหลาขอบคุณความห่วงใยของเขาทีมีต่อหล่อนแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะเถียงทะเลาะกันไปบ้างแต่หล่อนคิดว่าแค่หอมปากหอมคอ ทั้งที่เขาและหล่อนรู้ดี แค่อารมณ์เถียงเพราะอยากเอาชนะ สุดท้ายไม่มีใครสักคนที่เป็นฝ่ายชนะ แต่อยู่กึ่งกลางระหว่างแพ้ราบคาบปางภูโทร.เข้ามาหาหล่อน”ผมกลับถึงบ้านแล้ว” เป็นจังหวะนั้นพอดี ที่หล่อนอยากรู้เรื่องราว ว่าเขากลับถึงแล้วหรือยัง หญิงสาวเลยเอ่ยออกมาจากความรู้สึ
ชายหนุ่มเห็นหล่อนตื่นกลัว จึงคว้าตัวรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร่ำเอ่ยที่ริมกกหูเบาว่า“คุณอย่าคิดอะไรมากเลยน่า ลืมซะ ลืมเสียเถอะ มันผ่านไปแล้ว ฟางจ๋า อย่างไรเสีย ชีวิตก็ถูกจัดการไปตามทางชีวิตของแต่ละคน ..ผมนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมากมาย คงไม่กล้ายอมขนาดนี้หรอกนะใบฟาง”หล่อนเข้าใจเขาพูดถูก หล่อนก็ตอบแทนความรักของเขาด้วย“ต่อไปไม่มีแล้วล่ะ เมียขายฝาก สมญาที่ใช้เป็นคำพูดเล่นๆขำๆเพื่อล้อเลียนคุณ มีแต่ตำแหน่งเดียวคือเมียแต่งนายปางภู คุณจะสนใจตำแหน่งนี้ชั่วชีวิตหรือเปล่าล่ะ”คารมของพ่อหนุ่มนักเขียนทำเอาหล่อนต้องยอมรับล่ะ มิน่าถึงร้อยเรียงเขียนหนังสือได้หลากหลายยาวนาน “สนใจสิคะ”หล่อนพยักหน้า “ไม่งั้นฉันคงไม่ตัดสินใจยอมคุณหรอก” เขากลั้วยิ้มดวงตาพราวอีกครั้งกับคำตอบนี้ พึงพอใจเช่นเดิม เพราะขุมสมองมีแต่ความเพริดแพร้วทางปัญญา ชายหนุ่มเห็นหล่อนตื่นกลัว จึงคว้าตัวรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร่ำเอ่ยที่ริมกกหูเบาว่า“คุณอย่าคิดอะไรมากเลยน่า ลืมซะ ลืมเสียเถอะ มันผ่านไปแล้ว ฟางจ๋า อย่างไรเสีย ชีวิตก็ถูกจัดการไปตามทางชีวิตของแต่ละคน ..ผมนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะรักคุณมากมาย คงไม่กล้ายอมขนาดนี้หรอกนะใบ
คารมของนักเขียนหนุ่มผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้น หญิงสาวยิ้มพราวระยับที่ดวงตาของหล่อนขึ้นบ้าง หวงนี่อาจจะแปลกว่าหึง หล่อนยิ้ม“นั่นยิ้มอะไร ขำหรือว่าไม่พอใจ”“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ฟางรู้สึกว่า พอได้สามีมาหนึ่งคน เขาก็บ่นเสียเก่ง” เขาหันมาทางสาวสวยผู้เป็นภรรยา ขยับใบหน้ามาใกล้ “นี่มาหาว่าเราบ่น ประเดี๋ยวเหอะ จะจูบให้ตายตาอ้อมกอดเลย”ชายหนุ่มบ่นเสียงไม่จริงจังนัก หมั่นไส้ผู้เป็นภรรยามากกว่า “แนะ ไม่กลัว ใช่ไหม? เดี๋ยวเอาจริงนะ”เขาขู่หล่อน พลอยทำให้ใบฟางต้องหลับตาปี๋ลง ก่อนที่ใบหน้าขาวๆของดวงหน้าคมคายจะโน้นแตะชิดใกล้ริมฝีปากประกบบดขยี้ลงไปแทรกความหวานเจือปนละลายอยู่ในช่องปาก จนสาวสวยรับรู้ถึงสัมผัสที่หวานซ่านลิ้น “นี่เริ่มบทลงโทษแล้ว โทษฐานที่มีเมียขี้บ่น แถมปากเก่งอีกต่างหาก เอ้อ เป็นเมียขายฝากเสียด้วย”หญิงสาวยังข้องใจในคำนี้ ความหมายแบบเขานี่คืออะไร จึงส่งสายตาอึดอัด หงุดหงิดทวงถามเมื่อเขาละถอนจากริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นจ้องหล่อน เพราะรู้ว่าหล่อนจะถาม หล่อนไม่ชอบใจสักนิดกับคำทีเขาใช่เรียกหล่อน“อีกแล้ว เมียขายฝาก ฉันไม่รู้ว่าความหมายมันคืออะไรกันแน่ มันเริ่มต้นมาตั้งแต่พี่ธีรคา
“ยังไม่แน่ใจค่ะ เมล ตอนนี้ฉันอยากอยู่เมืองไทยไปก่อน คงทำงานไปสักพัก ถ้าลืมเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างได้ ฉันก็อาจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับใครก็ได้ ที่เขารักจริง และรักความเป็นตัวฉัน รวมทั้งเขาไม่แคร์อดีตต่างๆของฉันด้วย”“ขอให้คุณโชคดีนะฮันนี่”“ขอบคุณคะ เมล คุณก็เช่นกัน รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย”หล่อนโบกมือให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาและคณะจะเดินจากไปในช่องผู้โดยสารขาออก แล้วหล่อนหันมายิ้มให้กับตัวเอง นี่คืออิสรเสรีที่หล่อนต้องการ จึงถอนใจออกมายาวนานด้วยมีความสุข หล่อนต้องการตัด และเยื่อใยอาวรณ์จากเขา หล่อนจะต้องทำให้ได้ เมลมีดีอยู่หลายสิ่งหลายอย่างเช่นกัน แต่สิ่งที่หล่อนยอมรับไม่ได้คือ เขาจะเอาทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อย่างที่เรียกว่า เสือไบ โฮโมเซกช่วล แบบนี้หล่อนไม่ต้องการ ไม่ต้องการเสียน้ำตาทนอยู่กับผู้ชายประเภทนี้ เพราะนั่นหมายความว่า เขาทำให้ชีวิตของหล่อน เหมือนตกนรกทั้งเป็นนึกว่าจะยืดเยื้อ หรือคาราคาซังเสียอีก ขอบคุณที่เขาเลือกให้ของขวัญนี้ให้แก่หล่อน ตามที่หล่อนร้องขอปรารถนามานานต่อไป ชั่วชีวิตนี้ หล่อนจะไม่สนใจ ผู้ชายที่ชื่อเมล นี้อย่างเด็ดขาด ว่าเขาจะเป็นตายร้าย
จะไม่ช๊อคใจไปใหญ่หรือ ที่ตลอดมานั้น อ่านหนังสือของคนกันเองทั้งนั้น คนกันเองที่ขยับเข้ามาเป็นคนในบ้านและเป็นคนในเรือนใจของหล่อนเข้าทุกขณะ“นี่สิของแท้ของชัวร์ นิยายที่ผ่านการรวมเล่มแล้วของผม มีประมาณ เกือบสิบเรื่องด้วยกัน ซ่อนอยู่อีกมุมหนึ่ง โดยเฉพาะ และถ้าอยากจะไปร่วมงานวันสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเมษาที่จะถึงเร็วๆนี้ ไปกับผมสิ คุณจะได้รู้ว่าแฟนคลับผมตรึมแค่ไหน ที่เรียกร้องอยากจะให้ผมมา..แล้วก็ต้องแจกลายเซ็นต์ด้วย”เขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ ไม่น่าเชื่อ ด้วยบุคลิกที่อ่อนโยนและสุภาพปนกับอารมณ์ร้ายเกรี้ยวกราด ไม่นึกว่าเขาจะมีอีกภาคหนึ่ง ของผู้ชายที่เขียนหนังสือขาย เป็นนักเขียนที่ถือว่า ได้รับความนิยมมากคนหนึ่งในปัจจุบัน ในยุคที่นักเขียนไทย ผุดตัวเองขึ้นมาราวกับดอกเห็นกลางฤดูฝน“ไม่เชื่อ คงต้องเชื่อแล้วละคะ นี่ถ้ายัยเงิน น้องสาวของฟางรู้เรื่อง ตายเลยล่ะคงทั้งอึ้งทั้งทึ่ง ไม่งั้นก็เกือบช๊อคไปหลายสิบตลบแน่นอน”“ถึงขนาดนั้นเลยหรือ”“ใช่ค่ะ ถึงขนาดนั้นแน่นอน เพราะน้องสาวของฉัน ติดงานของคุณมาก”เขาเพิ่งทราบ“นี่คุณทำอย่างนี้ทุกวัน หลังขดหลังแข็งมากไหมคะ”เขายิ้มอีกครั้ง“งา
เขาเอ่ยคำนี้ จนหล่อนหน้าแดงไปเลย สีระเรื่ออ่อนที่พวงแก้ม แต่ก็เข้าใจความหมายเมื่อเขาพร้อมที่จะให้สัญญาปากแบบสุภาพบุรุษอีกครั้ง “งั้น ฟางจะยอมไว้เนื้อเชื่อใจอีกสักครั้ง ทั้งที่ไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่”“อ้าวทำไมล่ะ กลัวผมจะเปลี่ยนใจ ทำมิดีมิร้ายกับคุณหรือไง นี่ฟังนะจ้ะคนเดียว เรื่องทำมิดีมิร้าย ผมก็คิดเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่เวลานี้ แต่ต่อไปล่ะ ผมคงมีเวลาทำมิดีมิร้ายกับคุณอย่างสุดสวาทอย่างว่า ได้นานครั้งล่ะ ตอนที่เราแต่งงานกันเสร็จแล้ว นั่นล่ะ มีเวลาทั้งชีวิตของผมเลย”ฟังคำพูดที่เขาเอ่ย หล่อนก็รู้สึกเบาใจ ปางภูหัวเราะเสียงใส“แล้วฉายาเจ้าพ่อบ่อนหรือเสี่ยที่พี่ธีรคามเรียกใช้ ให้สมญาชื่อคุณล่ะคะ”“นั่นผมลืมแล้ว ผมจะไม่เข้าแล้ว ตัดขาดจากมันตลอดชีวิต ในเมื่อผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนี่ ผมมีคุณ ผมมีครอบครัว มีคนที่เอาใจใส่น่ารักอย่างนี้ ผมจะเตลิดหนีหายไปไหนได้อีกล่ะฟางจ๋า”ในเมื่อเขาจะมีครอบครัวแล้ว นั่นมันคือภาพอดีต เมื่อครั้งที่ยังใช้ชีวิตโสดอิสระได้เต็มที่ และเมื่อพ้นจากวัยนั้นพ้นผ่านแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็คิดว่ามันเป็นเกมชั่วครั้งชั่วคราวที่ผ่านทางชีวิตของเขาเขาไม่ได้ติดหนึบติดหน
หญิงสาวยิ้มให้พยักหน้าและเพิ่งเข้าใจ “คุณคงไม่โกรธผมนะ ที่ตอนนั้นทำอะไรก็คิดจะปิดบังคุณ”เสียงนุ่มทุ้มดังอีก เป็นกังวาน แต่ก็รู้สึกชุ่มชโลมในหัวใจของหล่อนอย่างประหลาด“เคยคิดจะโกรธเหมือนกันคะ แต่ก็ดีที่คุณเพิ่งอธิบายออกมา ฉันเลยนึกโกรธคุณไม่ลงแล้ว”เขาหันมายิ้มอ่อนๆสบตาของหล่อน“ก็ต้องบอก เพราะเราก็เหมือนคนคนเดียวกันแล้ว จากนี้มีอะไรก็ต้องร่วมรับผิดชอบกัน”หล่อนนิ่งฟังคำพูด ชอบฟังคำพูดที่มีหลักการในการวางแผน และให้กำลังใจ สร้างความปลาบปลื้ม แก่ใจของหล่อนอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวยอมรับว่าหล่อนเริ่มจะหลงรักผู้ชายคนนี้เสียแล้ว ไม่รักก็คงไม่ได้หรอก ลึกแต่ไม่ลับในความรู้สึกของหล่อน ขอเก็บเอาไว้รู้เพียงคนเดียว จึงหันทางเขาอีกครั้งยิ้มและสบตาให้ หล่อนนึกถึงเรื่องอื่นได้ อย่างเพิร์ล หรือภามิญาที่ไม่รู้ว่า ทั้งคู่คืบหน้าไปมากแค่ไหน จวบกับมีเรื่องราวอื่นที่เป็นเรื่องสะเทือนใจ ประดังเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าไม่ขาด จากสึนามิ ฝนก็ท่วมถล่มทางภาคใต้ แผ่นดินไหวทางประเทศพม่าหรือเมียนมาร์กับทางภาคเหนือของไทย วิบากกรรมของประเทศและชาวโลกถูกซัดมาอย่างไม่หยุดหย่อน คงต้องพึ่งพาความดีงาม ศีลธรรม บุญกุศลท
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงระส่ำขวัญเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดจึงถูกพับแปลนงานอย่างน่าเสียดาย ไว้รอเหตุการณ์ทุกอย่างสงบอีกครั้ง เขาถึงจะเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอน คงต้องเป็นหลังจากที่งานแต่งของเพื่อนรักที่เมืองไทยเสร็จสิ้น“ขอบใจนายมากที่เป็นห่วง ฉันเป็นตัวแทนของประเทศที่รับความหวังดีนี้จากนาย”“ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนไทย เมืองที่ได้ชื่อว่าใจบุญ และสยามเมืองยิ้ม ที่ไหนเกิดความทุกข์เดือดร้อนสาหัส พวกเราทนดูดายไม่ได้หรอก ยิ่งญี่ปุ่นก็ให้ความพึ่งพิงพึ่งพาช่วยเหลือประเทศไทยเรามาก่อน ไม่ว่าทางด้านอุตสาหกรรม เทคโนโลยีต่างๆ สายสัมพันธ์เรายาวนาน เราจึงเห็นใจกันและกัน ถือว่าประเทศไทยตอบแทนน้ำใจประเทศญี่ปุ่น มันเป็นการกตัญญูรู้คุณที่สองประเทศมีไว้ให้กัน”คนฟังรู้สึกตื่นตันใจ และนึกในใจเขาเองก็ถือว่าโชคดีที่มีเพื่อนสนิทเป็นคนไทยอย่างปางภู“ทำใจให้ดีเถอะนะ เข้มแข็งเอาไว้ คิดเสียว่า เบื้องหลังฝันร้าย จะกลายเป็นดี ในอนาคต”โทชินาดะพยักหน้ารับกับเพื่อน ใบฟางรับรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกับคนไทยทั่วประเทศ เพราะหล่อนติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวที่เกิดอย่างรุนแรงของประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อนึกถึงเพ
แต่ที่น่าแปลกใจคือ ศราณัฐกลับพูดเรื่องนี้ไม่ออก เหมือนปากของเขาถูกอุดเอาไว้นิ่งเช่นกัน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร หรืออาจเพราะว่า เขากับหล่อนนั้น ห่างหายจากกันไปนาน แทบไม่ได้รับการติดต่อจนกระทั่งได้กลับมาพบกันอีกครั้งแต่เขามีความรู้สึกว่า ใบฟางห่างเหินเมินเฉยต่อเขาเป็นอย่างมาก เอ หรือจะเป็นเช่นที่มารดาเอ่ยกล่าวว่าเปรยๆบอกเขาไว้ว่า ใบฟางมีแฟนแล้วที่มาเทียวรับเทียวส่งหล่อนบ่อย เรื่องนี้เป็นการยืนยันด้วยสายตาของมารดา ทีแรกเขาก็ไม่ได้เชื่อหรอก แต่มาเห็นสายตาและปฏิกิริยาของใบฟางที่มีต่อเขาแล้ว ชายหนุ่มต้องแอบบอกกับตัวเอง เขาคงมิแคล้วต้องซดน้ำใบบัวบกแทนข้าวมื้อนี้เสียแล้วและนี่คือความอึดอัด เมื่อถึงที่หมายใบฟางขอลง เขาเองก็จอดให้หล่อนลงอย่างง่ายดาย พร้อมกับยิ้มให้ และโบกมือเมื่อหล่อนเอ่ย “ฟางขอบใจพี่ศรามากนะคะ รบกวนเท่านี้ล่ะ ขอให้โชคดีค่ะ”ชายหนุ่มโทร.หาโทชินาดะแต่เช้าหลุดประโยคออกมา “โทชิ ฉันจะแต่งงานกับใบฟาง”ทำเอาเพื่อนอึ้งกับคำนี้ เงียบไปครู่จึงย้อนกลับไปถามทวน “นายว่าอะไรนะป้าง จะแต่งงานแล้วหรือ”“ใช่ ว่าที่เจ้าสาวของฉัน ใบฟางไงล่ะ คนที่เราได้พบเจอเป็นครั้งแรกพร้อมกับ
คุณสนมนาถเงยหน้าขึ้นสบตาสามีอย่างเข้าใจ ท่านเอ่ยอีกครั้งเบือนหน้าหันกลับมาเสียงเคร่ง“แล้วต่อไปจะเอาอย่างไร”“ผมจะจัดการสู่ขอน้องฟางให้ถูกต้องตามประเพณีครับ ส่วนฤกษ์ คุณแม่ของผมท่านกำลังหาอยู่ถึงเรื่องนี้.งมา แล้วคุยกันถึงเรื่องนี้.ง เอ้อ ฟางจะแต่งงานกับ คุณปางภูค่ะ"ตอบล่ะเงมาอย่างไร เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น หล่อนอึ้งตลอด แต่อย่างทีบอกลึกนั้นในใจภูมิใจอย่างมาก ที่คำสารภาพของเขาแบบลุมอเลือกอย่างน้องชายแกเอก่อนนะครับ.. น่าจะไม่เกินสิ้นเดือนนี้ครับ”ปางภูชี้แจงเสียงนุ่มคมชัดฉะฉานและทุ้มเรียบ คุณสนมนาถยื่นผ้าเช็ดหน้าให้บุตรสาว ยิ้มชื่นมื่นนั้นบ่งบอกว่าลูกสาวรับรู้และเห็นดีเห็นงามด้วย“ในเมื่อจะมาเอ่ยขอลูกสาว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ประเพณีของไทยเราสุภาพบุรุษไม่ควรทำอะไรลับๆล่อๆ กินในที่ลับแล้วมาไขในที่แจ้งสาว ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก้่ได้ว่าอะไร ก้เห็นดีเห็นงามด้วยน้าให้บุตรสาวมื่อเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มและลูกสาวสลับกัน ถ้าทำถูกต้องตามประเพณีทางนี้ก็ยอมรับ.. เพราะลูกสาวของฉัน เห็นว่าเขาคงจะเข้าข้างเธอ และเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างมาก เอาล่ะ เมื่อเข้าใจกันแล้ว ฉันก็ยอม