ดวงตาคู่สวยสั่นไหว ไม่ละวางตาไปจากร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาลายขวางสีน้ำเงินเข้ม ขับใบหน้าหล่อเหลาคมคายให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีเสน่ห์ การที่เขาได้มาเป็นเพื่อนบ้านในซอยสอง ซอยฝั่งตรงกันข้าม เป็นหนุ่มวันไนท์ไม่แสตนด์ เป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจของใครหรือเปล่า เธอก็ยังไม่รู้
“เอ้อ... แล้วเก็บบ้านเสร็จหรือยังน่ะ?”
“เรียบร้อยครับพี่ สองสามวันนี้ผมงานยุ่ง ๆ เลยเก็บของช้า แต่ว่าพวกกล้องวงจรปิดติดก่อนเก็บของ ย้ายมาวันแรก ๆ ก็ติดแล้วล่ะเพื่อความปลอดภัย มีอยู่ห้าตัวรอบบ้าน กล้องชัดมาก บันทึกย้อนหลังได้เป็นเดือน”
“จริงเรอะ? ไหนขอดูหน่อยว่าชัดแค่ไหน เผื่อพี่จะได้ติดบ้าง บ้านเรามีเด็กเล็กด้วย”
“ดี ๆ เลยนะ กล้องยี่ห้ออะไร แม่ว่าบ้านเราน่าจะติดสักตัวก็ดีนะ”
“จะติดกล้องทำไมคะ คนอยู่ตั้งเยอะแยะ ไม่เหมือนบ้านคุณอาเขาอยู่คนเดียว ติดไปก็สิ้นเปลืองเงิน สิ้นเปลืองพลังงาน อุ๊ย คุณอา! โทรศัพท์สวยจังเลย ใช้รุ่นอะไรคะ?”
อิงฟ้าคว้าโทรศัพท์ของคุณอามาอย่างไร้มารยาท ทำทุกคนตกใจไปหมด เพราะเธอยืนตัวตรงเป็นเสาหลัก ปิดปากเงียบตลอดจนคุณพ่อกับคุณอาจะเปิดกล้องวงจรปิดจากโทรศัพท์มือถือ เธอดันไปหยิบของของเขามา
“ไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าอาพีเขาอยู่คนเดียว”
คุณพ่อขบกรามกรอดมองลูกสาวตัวดีอย่างโมโห ขณะมือเรียวยังกำมือถือคนอื่นอย่างหน้าไม่อาย แถมคุณอาไม่ได้ว่าเธอ ยืนฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อย่างน่าประหลาดใจ
“ก็... ได้ยินคนในซอยเขาพูดกัน”
“เออดีนะ ได้ยินเขาพูดกัน”
ลูกสาวคนสวยตอนนี้ยืนขาสั่นหน้าซีด รู้สึกตัวลีบเล็กลงเท่ามด เมื่อสายตาทั้งสามคู่จ้องมองเธอเป็นตาเดียวด้วยท่าทางจับผิด เหมือนกับว่าเธอไปทำเรื่องไม่ดีสักอย่างมา
อิงฟ้าไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่าทุกคนเขารู้เรื่องกันหมดแล้วจนคุณพ่อพูด
“ไหน ๆ ก็มาละพี อยู่กินข้าวกับพี่ก่อน” แล้วหันไปทางลูกสาวด้วยสายตาดุดัน “เราน่ะ อยู่กินข้าวด้วยนะ ไม่ต้องออกไปนอนที่ไหน”
“กินข้าวอะไรตอนสามทุ่มอะพ่อ”
“ทำไมจะกินไม่ได้ล่ะ? กูหิว...” ไม่ว่าเปล่า ปลายนิ้วชี้สากผลักหน้าผากลูกสาวจนเซไปข้างหลัง “ได้ยินจากคนในซอยเขาพูดมาเหมือนกันว่าคืนก่อนลูกสาวเมาแอ๋ นอนอยู่ตรงนี้น่ะเอง... บ้านเพื่อนพ่อ... ง นี่ไง”
อิงฟ้าโดนดุจนน้ำตาซึม ใช่แค่เรื่องที่โกหกพ่อแม่ว่าไปนอนบ้านนังเปรี้ยว
ปกติเธอไม่ใช่เด็กเถลไถล กลับบ้านตรงเวลา มีเที่ยวกลางคืนในวัยเข้าสังคมแต่ก็ไม่บ่อยนัก บ้านแฟนหนุ่มอย่างพี่บิ๊กไม่เคยไปค้างตามลำพัง ตามที่พ่อแม่ขอร้องเอาไว้ว่าให้แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวก่อน อย่าไปเป็นดอกไม้ริมทางให้เขาชิมชม
“จับแต่งให้หายอายเลยดีไหมล่ะมึง”
“ไม่เอา พ่อ... แม่... ไม่แต่ง อาพีแก่จะตาย”
“แล้วมึง!” คุณแม่ตีแขนลูกสาวเข้าให้ด้วยความโมโห ตะคอกเสียงดังว่า “ตามไปนอนบ้านเขา เพิ่งมาพูดว่าเขาแก่!”
ทวียศและวรรณภาไม่ใช่คนพูดจาไพเราะ ด้วยนิสัยหัวหน้าช่างอู่ซ่อมรถ ลูกสาวเลยโดนสั่งสอนชุดใหญ่เรื่องไปนอนบ้านผู้ชาย แถมผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนอื่นไกล ดันเป็นรุ่นน้องของคุณพ่อ เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของคุณแม่
อายไปสามบ้านแปดบ้าน! โดยเฉพาะหมู่บ้านนี้ พักอาศัยมานานตั้งแต่เจ้าของบ้านยังเป็นเด็กจนลูก ๆ โตหมดแล้ว จึงรู้จักกันหมด เพื่อนบ้านทั้งหลายเป็นมนุษย์ป้ามนุษย์ลุงนักสอดแนม รู้เรื่องของทุกคนยกเว้นเรื่องของตัวเอง เรื่องนินทาไม่ต้องพูดถึง...
อิงฟ้ายกมือลูบแขนแรง ๆ ทำปากขมุบขมิบเถียง “ทำไมพ่อแม่ว่าแต่หนูอะ ไม่ไปว่าฝ่ายชายบ้าง หนูเป็นคนเสียหายนะ”
“กูนี่แหละให้อาเขาไปรับมึงกลับมา ดีนะไม่โดนลากไปรุมโทรมเป็นข่าวหน้าหนึ่งให้พวกกูขายหน้าอีก…”
พ่อแม่ประสานเสียงด่าเป็นชุด แค่ให้รู้ว่าไม่พอใจมาก ๆ เท่านั้นแหละ...
โชคดีที่เจ้าแสบเพิ่งตื่นมาทำตาแป๋ว อิงฟ้าเลยไม่ถูกลากคอไปต่อว่าข้างบนบ้านให้อายพี่ชาย อายป้ากับลุงอีก แต่เธอก็แปลกใจว่าทำไมคุณอาไม่ถูกต่อว่าเลยสักคำเดียว ต่อให้พ่อจะวานให้เขาไปช่วยดูลูกสาวก็ตามที
“กูไม่อยากจะพูด อย่าท้องกลับบ้านเอาหลานมาให้เลี้ยงอีกคนละกัน”
“ผู้ชายมีตั้งเยอะแยะ มึงอย่าคร่ำครวญให้มันมากนังฟ้า ไปกินเหล้าให้มันได้อะไรขึ้นมา เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่าไหม ว่างนักก็มาช่วยกันเลี้ยงหลาน...”
อิงฟ้าได้สติกลับมาบ้างพอถูกดุว่า เตือนสติเรื่องผู้ชายคนเดียวที่ทิ้งไปทำไมต้องไปใส่ใจ ควรรักตัวเองมาก ๆ มองหาอนาคตดีกว่า ประจวบเหมาะพอดีพี่ชายสองคนเมาแอ๋กลับบ้านมา กลิ่นน้ำมันเครื่องยนต์กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปทั้งตัว ธรรมดาช่างทำงานมาทั้งวัน เลิกงานก็นั่งกินเหล้ากับเพื่อนร่วมงานกว่าจะได้ฤกษ์กลับบ้าน ทำให้คุณแม่หันไปบ่นพี่ชายสองคนแทน
บ้านนี้เสียงดังเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างดึกแล้วต้องพยายามลดเสียงลง
พีระพงษ์รอให้ทุกคนเงียบเสียก่อน ด้วยความสงสารสาวน้อยที่กำลังยืนก้มหน้าก้มตา จึงเข้าไปยกมือไหว้ขอโทษรุ่นพี่ รับผิดแทนหญิงสาว
“พี่ยศอย่าดุลูกสาวเลยครับ ผมผิดเอง... ผมยินดีรับผิดชอบน้อง แต่ว่าผมไม่ได้ทำอะไรน้องนะ สาบานได้ ดูกล้อง CCTV ได้ ผมบริสุทธิ์ใจ”
คุณพ่อทำตาขวางว่า “ไม่มีปัญญาหรอกมึงน่ะ...”
“ไม่มีปัญญาจริง ๆ ครับพี่ ผมกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ยังไม่พร้อมมีเมีย ผมไม่มีมรดกเก่า ปากกัดตีนถีบมากับพี่ชาย ลำพังตัวผมเองมีเงินเก็บไม่เยอะ ค่าสินสอดให้น้องได้เต็มที่สักห้าล้านสิบล้าน ไม่รวมค่างานแต่ง ค่าเรือนหอ ยังไม่พอค่าเทอมลูกเลย มีชีวิตคู่ไปคงอยู่ลำบากแล้วครับ”
นั่นประชดหรือเปล่า! หญิงสาวเบิกตากว้างมองคุณอาที่พูดจาไม่เข้าท่าเอาเสียเลย เป็นคุณแม่เข้ามาห้ามปรามเขา
“เฮ้ย พี... ฉันอยากให้แกมีชีวิตดี ๆ มีอนาคตดี ๆ เจอผู้หญิงดี ๆ เหมาะสมกับแก ไอ้ลูกสาวฉันน่ะแค่ยี่สิบบาทยังเหลือแหล่ เอาไปปวดหัวเป็นภาระอีก”
“อ้าวแม่... ไหงพูดงี้อะ ค่าตัวหนูยี่สิบบาท? ถูกไปเปล่า หนูทำกับข้าวได้นะ งานบ้านก็ทำได้ หาเงินได้ไม่เดือดร้อนใคร มันต้องได้ค่าตัวมากกว่าแม่บ้านดิ”
“เถียงคำไม่ตกฟาก ดื้อเงียบ หนีเที่ยวเก่ง มันจะมีอะไรให้เสียอีกล่ะ”
“หนูเรียบจบหรือเปล่า ตอนเรียนก็ช่วยทำงานหาเงิน ช่วยพ่อช่วยแม่...”
“… พอได้แล้วมั้ง” เสียงทุ้มปรามสาวน้อยที่เอาแต่ซุกซบหาไออุ่นจากแผงอกเปลือยเปล่า ชายหนุ่มกระชับคนในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ครู่หนึ่งเธอก็ส่งเสียงกระโชกโฮกฮาก“อีเปรี้ยว! อีพี่บิ๊กมันทิ้งกูได้ไง!”พีระพงษ์ส่ายหน้าไปมา เมื่อบอกให้เธอพอ...พอเถอะสำหรับการโอดครวญ น้ำตาแต่ละหยดซึ่งไม่ควรรินไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย และที่เขาอดทนแม่สาวน้อย ตั้งแต่ออกจากสถานเริงรมย์มา ยอมให้ยืมไหล่เป็นที่พึ่งทางใจบอบช้ำ ถึงแม้ว่าตนไม่ได้เป็นชายต้นเรื่องเลยหญิงสาวยังส่งเสียงอ้อแอ้โวยวาย ตัดพ้อต่อว่าแฟนหนุ่มที่คบหากันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง จู่ ๆ ทอดทิ้งกันไปไม่เอ่ยคำลา ทำให้เธอต้องไปซดเหล้าย้อมใจ“อีพี่บิ๊ก... ฮืออ เรียนหนังสือมาด้วยกัน รับปริญญาด้วยกัน ฮึก... ทำไมพี่ผิดสัญญากับหนู”“ไหนฟ้าบอกว่าเป็นพี่รหัส ทำไมเรียนหนังสือด้วยกันได้ล่ะครับ? รับปริญญาด้วยกันได้ยังไง...”“เรียนที่เดียวกัน... ฮือ... นั่นไง เรียนมอเดียวกัน... นั่งโต๊ะตัวเดียวกัน ฮึก ๆ”เสียงสะอื้นไห้ไม่ขาด กลิ่นสาเก แอลกอฮอล์หลายชนิดปนเปอยู่ในลมหายใจที่แผ่วเบา เธอคล้ายจะหลับก็ไม่หลับ เธอไม่สามารถหลับเพราะมีเรื่องรบกวนจิตใจ ขนาดซัดน้ำเปลี่ยนนิสัยเข้าไป ยัง
พีระพงษ์ไม่อยากพาสาวน้อยไปส่งในสภาพเมาเละเทะ กลัวว่าเธอจะถูกคุณพ่อคุณแม่ดุว่า แต่ถ้าพาไปส่งเลยก็ดูจะเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าฉวยโอกาสนอนกกกอดแม่สาวตัวนุ่มนิ่มจนถึงรุ่งเช้ามีทางเลือกมากเสียเมื่อไร...เขาครุ่นคิดเรื่องนี้จนผล็อยหลับตามเธอไป ลืมตาตื่นอีกทีก็ไม่มีทางเลือกแล้วจึงลุกไปอาบน้ำแต่งตัว หยิบเชิ้ตสีครีมและกางเกงสแล็คมาสวม ค่อยทิ้งตัวลงนอนมองใบหน้าสดสวย พริ้มตาหลับสบาย ใจหนึ่งคงไม่อยากปลุก ยังลืมไปว่าเสื้ออาจยับ เขาไม่สนใจว่ามันจะยับเลยต่างหากกระทั่งเปลือกตาขาวใต้เครื่องสำอางสีน้ำเงินประกายกากเพชรระยิบระยับใต้อายไลน์เนอร์คมกริบ ขยับขึ้นลงเบา ๆ เธอหรี่ตาลงอีกครั้งเพราะอาการร้าวระบมไปทั่วศีรษะอันเนื่องมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เรียกเขาด้วยเสียงแหบพร่า“คะ... คุณ... พี...”“เมื่อคืนเรียกพี่พี ตอนนี้ก็เรียกพี่สิครับ หรือจะเรียกอาพี...”หญิงสาวเบิกตากว้าง ลุกขึ้นนั่งสำรวจสภาพตัวเองในทันทีด้วยท่าทางตื่นตระหนก หากพอรับรู้ได้ว่าไม่รู้สึกเจ็บตรงไหน เดรสสีดำตัวโปรดยังสวมอยู่ครบก็ค่อยโล่งใจ ก่อนจะส่ายหน้ามองไปรอบ ๆ ห้องตกแต่งด้วยโทนสีขาวสลับดำ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูมีมูลค่าคล้ายกับว่าเป็นบ้านหรูของหน
หากทวียศไม่หัดเล่นโซเชียลเพราะลูก ๆ ชวนให้ลองเล่น ได้หัดเข้ากลุ่มเฟซบุ๊กกับเขา คงไม่มีโอกาสได้พบเพื่อนเก่าอีกหลายคน เรียนหนังสือร่วมชั้นเรียน โรงเรียนมัธยมที่เดียวกันอย่างพีระพงษ์ก็เป็นรุ่นน้องของทวียศ ถึงแม้ว่าไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปี ยังคงมีความสนิทสนม มีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน“เก็บบ้านเสร็จแล้วหรือยังล่ะพี เรียบร้อยดีไหม...”“เรียบร้อยครับพี่ ขอบคุณพี่ยศมากเลยนะ เจ้าของบ้านเดิมจัดการเรื่องเอกสารให้ผมทุกอย่าง ค่าโอนก็ออกให้ บ้านหลังนี้ต่อเติมแล้วสวย เดินทางไปทำงานสะดวก”ร่างสูงในเชิ้ตทำงานหล่อเหลาหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาหนังสีขาว ส่งของฝากหลานให้เจ้าของบ้านกับมือ“นี่ของฝากหลาน วัยกำลังเรียนรู้หัดพูดหัดเดิน ผมแวะเซ็นทรัลซื้อผลไม้ของเล่นมาครับพี่...”“ขอบใจ ๆ”คุณตาท่าทางตื่นเต้น แววตาเป็นประกายขณะเปิดถุงพลาสติก ก้มลงดูตุ๊กตาผลไม้ที่แกะออกจากกันได้ ติดกันใหม่อีกครั้งเป็นของเล่นฝึกพัฒนาการของเด็กในอายุวัยขวบกว่า ๆ กว่าจะเงยหน้าขึ้นพูดคุยกับเพื่อนบ้าน“เอ้อ... วันก่อนพี่ขอบใจแกมาก แต่ว่าคราวหน้าคงไม่รบกวน พี่ล่ะเกรงใจแก”ชายหนุ่มยกมือโบกไปมา “ไม่ ๆ เลยพี่ พี่กวนผมได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจ ขอให้ก
“เอ๊ย... จริงหรอ? เป็นไงบ้างอะ กูขอโทษ ๆ กูไม่ได้จะว่ามึงเลยนะ กูไม่รู้อะ...”วิทยาอยู่กับคุณป้าคุณลุง ไม่ไกลจากหมู่บ้านของอิงฟ้ามากนัก เธอรู้จักกับทั้งคู่เป็นอย่างดี ต้องไปร่วมงานศพของคุณป้าอยู่แล้ว ขอบตาบวมช้ำทำให้เธอนึกสงสารเพื่อนจับใจ เลื่อนมือไปตบบ่าให้กำลังใจประสาคนสนิทสนมกัน“สวดเมื่อไร? เจ้าภาพพอไหม ให้กูไปช่วยงานศพป้าแป๋วนะ”“เออมึง คงสวดวันนี้อะ แต่ญาติกูเยอะ มึงไม่ต้องห่วงเรื่องเจ้าภาพ... ไป ๆ ขึ้นรถก่อน ๆ” หนุ่มร่างสูงใหญ่ชวนเพื่อนสาวขึ้นรถยนต์สีขาวห้าประตู รุ่นใหม่ตามฐานะทางบ้านของวิทยาอยู่ดี ๆ สีหน้าเศร้าหมองก็เปลี่ยนไป ดวงตาคู่คมเปล่งประกายหิวกระหาย เพียงนึกถึงเจ้าของร่างสูงใหญ่ในเสื้อเชิ้ตดูดีมีราคา อกผายไหล่ผึ่งเรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทำเอาหล่อนน้ำลายสอ“ผู้คนนั้นแซ่บนะยะ... ได้กินยังอะ เล่าให้เพื่อนฟังบ้างสิ”“อีเปรี้ยว... นั่นรุ่นพ่อเลยนะมึง สามสิบเก้าจะสี่สิบ...” พูดพลางเบะปากว่า “แก่”“ไม่เห็นแก่ตรงไหน ขนาดพ่อมึงยังไม่แก่ พ่อหนุ่มเขี้ยวคมก็ไม่เรียกแก่หรอกย่ะ”“เออ ถ้าเจออีกเอาไปเลย กูยกให้ กูไม่ need ไม่หงี่ไม่รีบร้อนอยากมีผัว”“ไม่เอาอะ ไม่แย่งเพื่อนสาวดี
ดวงตาคู่สวยสั่นไหว ไม่ละวางตาไปจากร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาลายขวางสีน้ำเงินเข้ม ขับใบหน้าหล่อเหลาคมคายให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีเสน่ห์ การที่เขาได้มาเป็นเพื่อนบ้านในซอยสอง ซอยฝั่งตรงกันข้าม เป็นหนุ่มวันไนท์ไม่แสตนด์ เป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจของใครหรือเปล่า เธอก็ยังไม่รู้“เอ้อ... แล้วเก็บบ้านเสร็จหรือยังน่ะ?”“เรียบร้อยครับพี่ สองสามวันนี้ผมงานยุ่ง ๆ เลยเก็บของช้า แต่ว่าพวกกล้องวงจรปิดติดก่อนเก็บของ ย้ายมาวันแรก ๆ ก็ติดแล้วล่ะเพื่อความปลอดภัย มีอยู่ห้าตัวรอบบ้าน กล้องชัดมาก บันทึกย้อนหลังได้เป็นเดือน”“จริงเรอะ? ไหนขอดูหน่อยว่าชัดแค่ไหน เผื่อพี่จะได้ติดบ้าง บ้านเรามีเด็กเล็กด้วย”“ดี ๆ เลยนะ กล้องยี่ห้ออะไร แม่ว่าบ้านเราน่าจะติดสักตัวก็ดีนะ”“จะติดกล้องทำไมคะ คนอยู่ตั้งเยอะแยะ ไม่เหมือนบ้านคุณอาเขาอยู่คนเดียว ติดไปก็สิ้นเปลืองเงิน สิ้นเปลืองพลังงาน อุ๊ย คุณอา! โทรศัพท์สวยจังเลย ใช้รุ่นอะไรคะ?”อิงฟ้าคว้าโทรศัพท์ของคุณอามาอย่างไร้มารยาท ทำทุกคนตกใจไปหมด เพราะเธอยืนตัวตรงเป็นเสาหลัก ปิดปากเงียบตลอดจนคุณพ่อกับคุณอาจะเปิดกล้องวงจรปิดจากโทรศัพท์มือถือ เธอดันไปหยิบของของเขามา“ไปรู้ได้ยังไงล่ะ
“เอ๊ย... จริงหรอ? เป็นไงบ้างอะ กูขอโทษ ๆ กูไม่ได้จะว่ามึงเลยนะ กูไม่รู้อะ...”วิทยาอยู่กับคุณป้าคุณลุง ไม่ไกลจากหมู่บ้านของอิงฟ้ามากนัก เธอรู้จักกับทั้งคู่เป็นอย่างดี ต้องไปร่วมงานศพของคุณป้าอยู่แล้ว ขอบตาบวมช้ำทำให้เธอนึกสงสารเพื่อนจับใจ เลื่อนมือไปตบบ่าให้กำลังใจประสาคนสนิทสนมกัน“สวดเมื่อไร? เจ้าภาพพอไหม ให้กูไปช่วยงานศพป้าแป๋วนะ”“เออมึง คงสวดวันนี้อะ แต่ญาติกูเยอะ มึงไม่ต้องห่วงเรื่องเจ้าภาพ... ไป ๆ ขึ้นรถก่อน ๆ” หนุ่มร่างสูงใหญ่ชวนเพื่อนสาวขึ้นรถยนต์สีขาวห้าประตู รุ่นใหม่ตามฐานะทางบ้านของวิทยาอยู่ดี ๆ สีหน้าเศร้าหมองก็เปลี่ยนไป ดวงตาคู่คมเปล่งประกายหิวกระหาย เพียงนึกถึงเจ้าของร่างสูงใหญ่ในเสื้อเชิ้ตดูดีมีราคา อกผายไหล่ผึ่งเรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทำเอาหล่อนน้ำลายสอ“ผู้คนนั้นแซ่บนะยะ... ได้กินยังอะ เล่าให้เพื่อนฟังบ้างสิ”“อีเปรี้ยว... นั่นรุ่นพ่อเลยนะมึง สามสิบเก้าจะสี่สิบ...” พูดพลางเบะปากว่า “แก่”“ไม่เห็นแก่ตรงไหน ขนาดพ่อมึงยังไม่แก่ พ่อหนุ่มเขี้ยวคมก็ไม่เรียกแก่หรอกย่ะ”“เออ ถ้าเจออีกเอาไปเลย กูยกให้ กูไม่ need ไม่หงี่ไม่รีบร้อนอยากมีผัว”“ไม่เอาอะ ไม่แย่งเพื่อนสาวดี
หากทวียศไม่หัดเล่นโซเชียลเพราะลูก ๆ ชวนให้ลองเล่น ได้หัดเข้ากลุ่มเฟซบุ๊กกับเขา คงไม่มีโอกาสได้พบเพื่อนเก่าอีกหลายคน เรียนหนังสือร่วมชั้นเรียน โรงเรียนมัธยมที่เดียวกันอย่างพีระพงษ์ก็เป็นรุ่นน้องของทวียศ ถึงแม้ว่าไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปี ยังคงมีความสนิทสนม มีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน“เก็บบ้านเสร็จแล้วหรือยังล่ะพี เรียบร้อยดีไหม...”“เรียบร้อยครับพี่ ขอบคุณพี่ยศมากเลยนะ เจ้าของบ้านเดิมจัดการเรื่องเอกสารให้ผมทุกอย่าง ค่าโอนก็ออกให้ บ้านหลังนี้ต่อเติมแล้วสวย เดินทางไปทำงานสะดวก”ร่างสูงในเชิ้ตทำงานหล่อเหลาหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาหนังสีขาว ส่งของฝากหลานให้เจ้าของบ้านกับมือ“นี่ของฝากหลาน วัยกำลังเรียนรู้หัดพูดหัดเดิน ผมแวะเซ็นทรัลซื้อผลไม้ของเล่นมาครับพี่...”“ขอบใจ ๆ”คุณตาท่าทางตื่นเต้น แววตาเป็นประกายขณะเปิดถุงพลาสติก ก้มลงดูตุ๊กตาผลไม้ที่แกะออกจากกันได้ ติดกันใหม่อีกครั้งเป็นของเล่นฝึกพัฒนาการของเด็กในอายุวัยขวบกว่า ๆ กว่าจะเงยหน้าขึ้นพูดคุยกับเพื่อนบ้าน“เอ้อ... วันก่อนพี่ขอบใจแกมาก แต่ว่าคราวหน้าคงไม่รบกวน พี่ล่ะเกรงใจแก”ชายหนุ่มยกมือโบกไปมา “ไม่ ๆ เลยพี่ พี่กวนผมได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจ ขอให้ก
พีระพงษ์ไม่อยากพาสาวน้อยไปส่งในสภาพเมาเละเทะ กลัวว่าเธอจะถูกคุณพ่อคุณแม่ดุว่า แต่ถ้าพาไปส่งเลยก็ดูจะเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าฉวยโอกาสนอนกกกอดแม่สาวตัวนุ่มนิ่มจนถึงรุ่งเช้ามีทางเลือกมากเสียเมื่อไร...เขาครุ่นคิดเรื่องนี้จนผล็อยหลับตามเธอไป ลืมตาตื่นอีกทีก็ไม่มีทางเลือกแล้วจึงลุกไปอาบน้ำแต่งตัว หยิบเชิ้ตสีครีมและกางเกงสแล็คมาสวม ค่อยทิ้งตัวลงนอนมองใบหน้าสดสวย พริ้มตาหลับสบาย ใจหนึ่งคงไม่อยากปลุก ยังลืมไปว่าเสื้ออาจยับ เขาไม่สนใจว่ามันจะยับเลยต่างหากกระทั่งเปลือกตาขาวใต้เครื่องสำอางสีน้ำเงินประกายกากเพชรระยิบระยับใต้อายไลน์เนอร์คมกริบ ขยับขึ้นลงเบา ๆ เธอหรี่ตาลงอีกครั้งเพราะอาการร้าวระบมไปทั่วศีรษะอันเนื่องมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เรียกเขาด้วยเสียงแหบพร่า“คะ... คุณ... พี...”“เมื่อคืนเรียกพี่พี ตอนนี้ก็เรียกพี่สิครับ หรือจะเรียกอาพี...”หญิงสาวเบิกตากว้าง ลุกขึ้นนั่งสำรวจสภาพตัวเองในทันทีด้วยท่าทางตื่นตระหนก หากพอรับรู้ได้ว่าไม่รู้สึกเจ็บตรงไหน เดรสสีดำตัวโปรดยังสวมอยู่ครบก็ค่อยโล่งใจ ก่อนจะส่ายหน้ามองไปรอบ ๆ ห้องตกแต่งด้วยโทนสีขาวสลับดำ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูมีมูลค่าคล้ายกับว่าเป็นบ้านหรูของหน
“… พอได้แล้วมั้ง” เสียงทุ้มปรามสาวน้อยที่เอาแต่ซุกซบหาไออุ่นจากแผงอกเปลือยเปล่า ชายหนุ่มกระชับคนในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ครู่หนึ่งเธอก็ส่งเสียงกระโชกโฮกฮาก“อีเปรี้ยว! อีพี่บิ๊กมันทิ้งกูได้ไง!”พีระพงษ์ส่ายหน้าไปมา เมื่อบอกให้เธอพอ...พอเถอะสำหรับการโอดครวญ น้ำตาแต่ละหยดซึ่งไม่ควรรินไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย และที่เขาอดทนแม่สาวน้อย ตั้งแต่ออกจากสถานเริงรมย์มา ยอมให้ยืมไหล่เป็นที่พึ่งทางใจบอบช้ำ ถึงแม้ว่าตนไม่ได้เป็นชายต้นเรื่องเลยหญิงสาวยังส่งเสียงอ้อแอ้โวยวาย ตัดพ้อต่อว่าแฟนหนุ่มที่คบหากันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง จู่ ๆ ทอดทิ้งกันไปไม่เอ่ยคำลา ทำให้เธอต้องไปซดเหล้าย้อมใจ“อีพี่บิ๊ก... ฮืออ เรียนหนังสือมาด้วยกัน รับปริญญาด้วยกัน ฮึก... ทำไมพี่ผิดสัญญากับหนู”“ไหนฟ้าบอกว่าเป็นพี่รหัส ทำไมเรียนหนังสือด้วยกันได้ล่ะครับ? รับปริญญาด้วยกันได้ยังไง...”“เรียนที่เดียวกัน... ฮือ... นั่นไง เรียนมอเดียวกัน... นั่งโต๊ะตัวเดียวกัน ฮึก ๆ”เสียงสะอื้นไห้ไม่ขาด กลิ่นสาเก แอลกอฮอล์หลายชนิดปนเปอยู่ในลมหายใจที่แผ่วเบา เธอคล้ายจะหลับก็ไม่หลับ เธอไม่สามารถหลับเพราะมีเรื่องรบกวนจิตใจ ขนาดซัดน้ำเปลี่ยนนิสัยเข้าไป ยัง