อี้ซินแทบจะกระโดดกัดคอคนเจ้าเล่ห์ ที่หลอกลวงนางความจริงการเดินทางมาที่นี่ใช้เวลาเพียงสองเค่อเท่านั้น แต่คนเจ้าเล่ห์กลับหลอกลวงนางพามาอีกเส้นทางหนึ่งที่ต้องใช้เวลาที่นานกว่าเกินครึ่ง หากนายช่างใหญ่ไม่พูดขึ้นตอนขากลับนางคงโดนเจ้าวัวเฒ่าหลอกกินเต้าหู้อีกเป็นแน่ด้วยเพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับการชมขั้นตอนการทำเครื่องปั้นจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เวลาล่วงเลยจนเย็นย่ำเสียแล้ว จึงได้เร่งรีบเตรียมตัวเดินทางกลับอี้ซินที่ใช้มือเล็กลูบแผงคอของม้าตัวโตที่นางขี่มา เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับมันก่อนเดินทางกลับ อย่างกล้าๆ กลัวๆ ในขณะรอหานตงเข้าไปเอาของ แต่ต้องหันมามองตามเสียงของนายช่างใหญ่ที่เอ่ยทักขึ้น"แม่หนู นี่จะกลับทางเดิมอีกหรือ"นายช่างใหญ่ที่เห็นว่าม้าตัวโตของนายตนถูกนำมารอท่าตรงปากทางด้านหลังโรงปั้นที่ไม่ใช้สัญจรนานแล้ว จึงถามขึ้นอย่างกังวลเมื่อมองท้องฟ้าที่บอกเวลาว่าอีกไม่นานจะมืดค่ำ อี้ซินที่มองผู้พูดอย่างมึนงงก่อนจะได้รับความกระจ่างที่ทำให้นางแทบจะระงับอารมณ์โกรธที่พุ่งขึ้นสูงจนมือไม้สั่นเอาไว้ไม่ไหว"ก็หากกลับเส้นทางนี้เกรงว่าจะมืดค่ำเสียก่อนแล้วจะมองมิเห็นทางเอา"นายช่างใหญ่ที่กล่าวขึ้น
เมื่อเข้ามาในร้านผ้าของพี่จูเหมย พี่ลี่ลี่ก็มาคอยท่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาพี่ลี่ลี่ก็เดินส่งยิ้มหวานมาให้นางพร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนปิดไม่มิด"ซินเอ๋อ พี่ตื่นเต้นจังเลย"พี่ลี่ลี่คงจะตื่นเต้นอย่างที่นางกล่าวเพราะมือบางที่จับมือนางนั้นเย็นเฉียบนางได้แต่หัวเราะกับความน่ารักนั้น ก่อนจะปรายตาไปมองบุรุษที่เดินตามมา เขาเพียงส่งยิ้มกระชากใจมาทักทายทุกคนก่อนจะนั่งรอพวกนางอยู่ที่ห้องรับรองเพราะด้านในมีแต่สตรี เมื่อทุกคนเห็นบุรุษที่เดินตามเข้ามา ก็มองนางด้วยสายตาล้อเลียน นางได้แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่ความจริงแล้วรู้สึกเขินเป็นอย่างมากก็ตาม"พวกเรารีบไปเตรียมตัวกันเถิดเจ้าค่ะ"อี้ซินรีบเอ่ยชวนทั้งหมดเข้าไปยังห้องชั้นในซึ่งเป็นห้องนอนของพี่จูเหมยที่วันนี้เปิดให้พวกเราใช้งานได้อย่างเต็มที่ เพื่อเตรียมการขัดผิวให้กับพี่ลี่ลี่เมื่อพี่ลี่ลี่ถอดอาภรณ์ออกจนหมดแล้ว จึงพากันเข้าไปยังห้องอาบน้ำ โดยให้พี่ลี่อาบน้ำ ก่อนจะใช้มะขามเปียกมาขัดไปตามผิวที่เนียนนุ่มขึ้นจากเดิมมาก จากการใช้น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นของนางทาเป็นประจำ ขั้นตอนของการขัดผิวกายที่ได้ผลดีนั้น ควรขัดหลังจากอาบน้ำท
เมื่อถึงเวลาเริ่มงานบรรดาแขกเหรื่อทั้งหลายจึงถูกเชิญไปยังส่วนของห้องโถงที่มีไว้สำหรับให้แขกที่มาใช้บริการชื่นชมการแสดง พื้นที่กว้างขวาง ถูกจัดเป็นสัดส่วน สามารถมองการแสดงบนพื้นที่ยกสูงกลางห้องโถงได้อย่างชัดเจนและทั่วถึง ภายในประดับตกแต่งด้วยโคมไฟและดอกไม้หลากสีสันและเน้นสีแดงที่ดูร้อนแรงเป็นพิเศษ เมื่อบรรดาแขกนั่งลงตรงส่วนที่ถูกจัดเอาไว้ ดนตรีก็เริ่มบรรเลง ตามด้วยบรรดานางรำที่แต่งกายด้วยอาภรณ์งดงามเนื้อผ้าบางเบาอวดเรือนร่างก็เริ่มร่ายรำด้วยท่าทางยั่วยวนงดงาม กรีดกรายไปตามท่วงทำนองด้วยกิริยาอ่อนช้อย มีการแสดงทยอยออกมาแสดงเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างงดงามเย้ายวนในชุดสีแดงที่พลิ้วไหวถูกออกแบบอย่างสวยงามแปลกตาเป็นที่สนใจของบรรดาแขกเหรื่อ ดูโดดเด่นเป็นอย่างมากเมื่ออยู่บนเรือนร่างของพี่ลี่ลี่ที่กำลังร่ายรำอย่างงดงาม ข้างๆ กันนั้นก็เป็นใครไปไม่ได้ แม่นางเซียงเซียงที่ฉีกยิ้มหวานส่งมาตรงบริเวณที่พวกนางนั่งอยู่คงมิต้องบอกว่านางจงใจยิ้มให้กับผู้ใดหากมิใช่บุรุษข้างกายของนางที่นั่งหน้านิ่งอยู่ยิ้มเสียให้พอเถิดแม่นางเซียงเซียงคนงามเพราะหลังจากค่ำคืนนี้เจ้าอาจต้องหลั่งน้ำตานางรำในชุดนี้จะเป็นชุดของสตรีที
ภาพโฉมสะคราญที่เดินเคียงข้างมากับบุรุษสูงศักดิ์ที่ทุกคนในเมืองนี้รู้จักดี องค์ชายห้า ฉินหยางโม่ ฝ่ายชายหล่อเหลาองอาจส่วนสตรีงดงามเป็นหนึ่ง สามารถเรียกความสนใจจากสายตาทุกคู่ในเหลาอาหาร ฝูหรง เหลาอาหารอันดับหนึ่ง ตั้งแต่ทั้งคู่ก้าวเข้ามา ไม่เว้นกระทั่งหนุ่มน้อยตัวจ้อยที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับภาพความสนิทสนมของคนทั้งสอง ขณะนั่งรอมารดาของตนจ่ายค่าอาหาร จะเป็นใครไปไม่ได้อาฉีน้อยนั่นเอง"ไม่ได้การเสียแล้ว ผู้ชราของข้ามัวทำอันใดอยู่กัน"เจ้าตัวเล็กที่กำลังจะลุกตามคนทั้งสองที่ขึ้นไปบนชั้นสองต้องชะงักพร้อมกับร้องขึ้นเสียงหลงโอ้ย! "ท่านแม่ตีอาฉีทำไมกันขอรับ"อาฉีที่ยกมือเล็กขึ้นลูบหน้าผากตัวเองปอยๆ เมื่อถูกผู้เป็นมารดาดีดหน้าผากเต็มแรง"คิดจะก่อเรื่องอะไรอีกเจ้าตัวแสบ กลับบ้าน"เสียงเจ้าตัวแสบที่กำลังบ่นเบาๆทำให้ผู้เป็นมารดาเช่นนางไม่ไว้ใจ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวแสบนี่จะไปก่อเรื่องอันใดให้ปวดหัวอีกจึงรีบคว้าแขนเล็กกลมป้อมนั้นพากลับบ้านทันที "ท่านลุง!"เสียงเจ้าแสบที่เมื่อกลับถึงบ้านก็มุ่งตรงมายังร้านเครื่องกระเบื้องของลุงตน ส่งเสียงเรียกตั้งแต่ยังมิก้าวผ่านพ้นธรณีประตู เมื่อมาถึงสายตาซุกซนก็ส่ายห
วันนี้เป็นอีกวันที่อี้ซินมาดูการสร้างเหลาอาหารตั้งแต่เช้า ยิ่งได้เห็นว่าเหลาอาหารของนางกำลังจะเป็นรูปเป็นร่างใบหน้างามยิ่งดูงดงามสดใสเพราะใบหน้านั้นประดับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขและความหวัง อีกไม่นานฝันของนางก็จะเป็นจริงแล้ว ร่างบางที่เดินดูคนงานกำลังลำเลียงไม้ไผ่และตัดไม้ไผ่ออกเป็นรูปแบบต่างๆ ตามที่นางสอน ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงที่ที่มีสตรีอายุตั้งแต่ 14-45 ปี จำนวนสิบคนที่กำลังขะมักเขม้นสานไม้ไผ่เป็นลวดลายสวยงามแปลกตาอย่างพออกพอใจ สตรีเหล่านี้เป็นชาวบ้านและภรรยาของชายที่มาเป็นลูกจ้างในการสร้างเหลาอาหารในครั้งนี้ นางได้ว่าจ้างสตรีเหล่านี้มาสานไม้ไผ่ที่จะนำไปประกอบกับการสร้างเหลาอาหาร เพื่อที่ทุกคนจะได้มีรายได้ ฝีมือในการสานนั้นดีมากทีเดียวนางแค่อธิบายและทำเป็นแบบอย่างให้ดูแค่ครั้งเดียวเท่านั้น พวกนางก็สามารถทำได้และออกมางดงามประณีตอีกด้วย สร้างความพอใจให้นางนัก เวลาล่วงเลยมาถึงยามซื่อ (9.00น.-10.59น.) สายตาหวานซึ่งปรายตามองไปบนถนนอยู่เป็นระยะเหมือนกำลังรอใครบางคนที่ไม่เห็นหน้าตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น ทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนจะวางมือจากการสานไม้ไผ่ตรงหน
อี้ซินที่ปล่อยใจไปกับสัมผัสวาบหวามที่บุรุษตรงหน้าเป็นผู้ชักนำ ตอนนี้นางยอมรับแล้วว่าได้ตกหลุมที่เจ้าวัวเฒ่าผู้นี้เป็นคนขุดเรียบร้อยแล้ว หากนางจะลองวางชีวิตของนางและน้องชายไว้ในมือชายผู้ที่นางคิดว่านางอยากมีเขาเดินเคียงข้าง ร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน มิต้องเดินเพียงลำพังอย่างที่ผ่านมา แม้ว่ามันจะเสี่ยง แต่นางก็เป็นผู้เลือกเดินด้วยตัวเอง ได้เพียงแค่หวังว่านางคิดถูกที่ได้มอบหัวใจให้กับชายผู้นี้ เปลือกตาบางปิดลงอย่างยินยอมพร้อมใจ ปล่อยให้ชายอันเป็นที่รักตักตวงความหวานจากริมฝีปากอวบอิ่ม ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน ความรักมักมาพร้อมกับความใคร่ หาใช่เรื่องแปลก เรียวลิ้นอุ่นร้อนที่ลุกล้ำเข้ามาในโพลงปากนุ่ม ทำให้กายสาวสั่นไหวจนกายบางสิ้นไร้เรี่ยวแรงจนต้องยกแขนเรียวขึ้นคล้องลำคอแกร่ง จูบเรียกร้องอ่อนหวานแทบทำให้นางขาดใจ ก่อนริมฝีปากหนาจะผละออกให้นางได้หายใจหายคอ ทั้งรู้สึกตื่นเต้นปนหวาดกลัวกับประสบการณ์แปลกใหม่นี้หานตงที่มองสบดวงตาหวานที่กำลังสั่นไหว เห็นเงาของเขาในดวงตาคู่นั้น ดวงตาคู่ที่เขาหลงใหล"มิต้องกลัว พี่จะมิหักหาญน้ำใจเจ้า ขอแค่ชื่นใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พี่จะรอวันที่แต่งเจ้าเป็นภรรยาอย่างถูกต
อี้ซินที่เดินทางมายังร้านค้าของท่านป้าหวังตั้งแต่เช้าเพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันปักปิ่นของนางแล้ว วันนี้นางจึงต้องมาเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ คืนนี้นางจะค้างคืนที่นี่ และเข้าพิธีในตอนเช้า โดยมีท่านป้าหวังเป็นผู้ใหญ่จัดการทุกอย่างให้ เพราะท่านป้าหวังเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่นางนับถือเพียงคนเดียวและนางนั้นรักและเคารพอีกฝ่ายดุจดังมารดา"ซินเอ๋อ มาแล้วหรือ เถ้าแก่เนี่ยกำลังรอเจ้าอยู่ด้านใน"คนงานในร้านที่คุ้นเคยกันดี เมื่อเห็นนางที่ลงมาจากรถม้าก็รีบเข้ามาช่วยถือข้าวของ พร้อมแจ้งว่านายตนกำลังรอท่าอยู่"หืม ท่านป้ารอข้าอยู่หรือ"อี้ซินที่ทำหน้าสงสัย ท่านป้ารอนางด้วยเหตุใด หรือว่าจะเกี่ยวกับพิธีในวันพรุ่งนี้ แต่มันก็ไม่ได้มีอันใดซับซ้อนมิใช่หรอกหรือฝ่ายผู้แจ้งข่าวเมื่อเห็นดรุณีน้อยตรงหน้าทำหน้าครุ่นคิด จึงเอ่ยขึ้น"ได้ยินมาว่า มีคนอยากจะแนะนำให้เจ้ารู้จักน่ะ""อ้อ เช่นนั้นหรอกหรือ ขอบคุณเจ้าค่ะ"กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายพร้อมยิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปหาน้องชายที่เดินตามมาด้านหลัง"ฟงเอ๋อ พี่จะไปพบท่านป้าก่อน เจ้าเล่นอยู่แถวนี้อย่าซนนักนะ""ขอรับ พี่ใหญ่"เจ้าตัวเล็กที่ดูเหมือนจะโตขึ้นนิดหน่อย รับคำพร
"ซินเอ๋อ หากป้าจะรับเจ้าและฟงเอ๋อเป็นบุตรบุญธรรมเจ้าจะยินดีหรือไม่"หวังจูชิงที่มองดรุณีน้อยตรงหน้าด้วยสายตาคาดหวัง นางนั้นเป็นหญิงหม้ายไร้บุตรหลาน และรู้สึกรักและเอ็นดูในตัวเด็กสาวและน้องชายตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า ยิ่งได้รับรู้ชะตากรรมของเด็กน้อย ยิ่งอยากที่จะอุ้มชูอี้ซินที่มองสตรีวัยกลางคนตรงหน้าอย่างทราบซึ้งถึงความเมตตาที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ตลอดมา นางและน้องชายนั้นได้รับความรักและเอ็นดูจากสตรีผู้นี้มาตั้งแต่ต้นจึงไม่ลังเลเลยที่จะตอบรับคำนั้นเพื่อต่อไปจะได้เป็นที่พึ่งพิงให้สตรีผู้นี้ "ข้ายินดีเจ้าค่ะ"อี้ฟงที่ถูกตามตัวมาก็ยินดีและตื่นเต้นยิ่งนักที่จะมีมารดาเป็นท่านป้าหวังผู้ใจดีมีเมตตา หานตงที่เห็นดังนั้นจึงเตรียมน้ำชาให้คนรักเพื่อใช้คำนับท่านป้าหวังเป็นมารดาบุญธรรม โดยมีมารดาของตนร่วมเป็นสักขีพยานด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ต่อไปหวังจูชิงผู้เป็นสหายรักจะได้ไม่เหงาเมื่ออี้ซินและอี้ฟงคำนับหวังจูชิงเป็นมารดาบุญธรรมแล้ว ร้านค้าตระกูลหวังจึงได้จัดงานเลี้ยงเล็กๆร่วมกันรับประทานอาหารเป็นการภายในและเถ้าแก่เนี้ยตระกูลหวังก็ประกาศให้คนในปกครองได้รู้ถึงฐานะของทั้งสองว่าทั้งสองนั้นคือทายาทของต
อี้ซินที่กะพริบตาปริบๆ ปรับสายตาให้รับกับแสงสว่างที่สาดกระทบ บิดกายที่เมื่อยขบรู้สึกถึงความปวดหน่วงตรงกลางร่าง ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมอง เมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนที่แผ่กระจายอบอวลอยู่รอบกายของนาง สิ่งแรกที่เห็นเมื่อลืมตาขึ้น คือแผงอกอุ่นกำยำที่เปลือยเปล่าไม่แตกต่างจากนาง ความร้อนสายหนึ่งพลันแผ่กระจายทั่วใบหน้างามจนแทบผลิแตกภาพความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ พุ่งเข้ามาตีแสกหน้า ก่อนจะไล่สายตามองขึ้นไปตามอกแกร่ง มองดูไหล่ผายกว้างรับกับลำคอแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยรอยเล็บที่เกิดจากฝีมือนาง ตอกย้ำว่าเมื่อคืนนี้ระหว่างคนทั้งสองเร่าร้อนเพียงใดทอดสายตามองสันกรามได้รูป ปากหนาสีระเรื่อที่ช่างร้ายกาจเหลือร้าย รับกับจมูกโด่งสวยราวสวรรค์ปั้นแต่ง ก่อนจะไล่สายตาขึ้นไปเหลือจมูกโด่งนั้นแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลามาก แต่เมื่อได้มองใกล้ๆ เช่นนี้ กลับยิ่งหล่อเหลามีเสน่ห์ขึ้นอีกหลายเท่านัก สายตากลมโตที่ไล่ขึ้นสูงพลันสั่นไหวรุนแรงอย่างเขินอาย เมื่อสบเข้ากับสายตาวาบหวามที่กำลังมองนาง จนต้องรีบหลบสายตาอย่างรนราน มือบางรีบดึงรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมใบหน้าที่ผ่าวร้อน แต่ต้องตกใจจนกรีดร้อง เมื่
อี้ซินที่สั่นสะท้านผวาเฮือก ขนกายพลันลุกชันทั่วร่าง จิกปลายเท้าลงบนที่นอนหนานุ่ม เมื่อลมหายใจร้อนผ่าวนั้นเป่ารดลงบนกลีบดอกอวบอูมของดอกไม้งามมือหนาของหานตงที่จับเรียวขาสวยแยกออกกว้าง มองดูกลีบดอกบอบบางขาวนวลผลิแยกออกจากกัน ปรากฏภาพความงามล้ำตรงหน้าที่ยากจะถอดถอนสายตา ลิ้นหนาที่แลบออกมาไล้เลียริมฝีปากที่แห้งผาก กลืนก้อนแข็งลงคอ ก่อนจะส่งปลายลิ้นร้อนสากระคาย กระดกลงบนตุ่มเกสรสีแดงระเรื่ออย่างหยอกเย้า จนร่างบางครางฮือ กระดกสะโพกหนั่นแน่นขึ้นอย่างเสียวซ่าน จิกปลายเล็บแหลมลงบนบ่ากว้าง ปากหนาที่เลื่อนมาแตะจูบลงบนต้นขาอ่อนราวจะปลอบประโลมให้นางคลายความหวาดหวั่น แล้วค่อยๆ และเล็มจูบซับมาตามต้นขาขาว ไต่ไล่ระดับมายังเนินเนื้องามอีกครั้ง มือหนายกขาเรียวให้ชันเข่าแบะออกกว้าง ใช้นิ้วเรียวคลี่แย้มกลีบดอกตูมเต่ง ก่อนจะซุกใบหน้าลงดอมดมกุหลาบงาม ชอนไชลิ้นร้อนปาดเลียตรงรอยแยกของกลีบดอกอูม จนอี้ซินต้องกัดปากครางแผ่วเบาสะท้านเฮือกไปทั้งตัว ลิ้นร้อนยังคงชำแรกฉกชิมความหวานของกลีบดอกที่ตูมแต่งขึ้นเพราะอารมณ์กำหนัดที่ถูกปลุกเร้า จนนางต้องบิดส่ายสะโพกไปมาด้วยความซ่านสยิว รู้สึกแปลบปลาบไปทั่วร่างมือบางเอื้อมไป
หานตงที่รู้สึกยินดียิ่งนัก ทั้งกอดทั้งหอมสตรีในอ้อมแขน กว่าจะยอมปล่อยนางแก้มนวลถึงกับช้ำไปหมด เร่งนำข่าวดีนี้มาแจ้งแก่มารดา ให้ส่งแม่สื่อไปสู่ขอนางกับท่านป้าหวัง พร้อมกำหนดวันแต่งให้เร็วที่สุด จนทุกคนได้แต่ส่ายหน้าให้กับคนคลั่งรักที่ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู อย่างที่อาฉี กระแนะกระแหน หานตงที่ยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะแต่งเสียพรุ่งนี้ ฤกษ์ที่ได้มาถึงแม้จะเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุดก็อีกตั้งสิบวันข้างหน้า เขาจึงได้แต่ตั้งตารอให้ถึงวันนั้นเร็วๆวันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วที่ทุกคนต่างวิ่งวุ่นกันเตรียมงานมงคลที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายนั้นต้องการให้ออกมาดีและเป็นงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ให้สมกับการได้เกี่ยวดองกันของตระกูลที่มั่งคั่งทั้งสองตระกูล ผู้คนต่างพากันยินดีและพูดถึงข่าวมงคลนี้และวันนี้ก็มีข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องการตายของบิดามารดานาง ที่แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองกลบข่าวงานมงคลเสียสนิท ที่ต่างถูกกล่าวถึงไปทั่ว เมื่อได้รับรู้ แม้จะทำให้รู้สึกปวดร้าวจิตใจยิ่งนัก แต่ก็รู้สึกดีที่นางเรียกร้องความยุติธรรมให้เจ้าของร่างได้ อย่างน้อยก็ได้ตอบแทนที่ให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในร่างนี
ตั้งแต่วันปักปิ่นเป็นต้นมา ข้างกายของอี้ซินก็มีเซี่ยหานตงคอยประกบอยู่ไม่ห่าง แม้ใครจะกล่าวว่าเขาเป็นบุรุษคลั่งรักเขาก็ยินดีน้อมรับ ก็เขาคลั่งรักจริงดังว่าตอนนี้เหลาอาหารก็ดำเนินการไปกว่าครึ่งแล้ว เริ่มจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ผู้คนต่างร่ำลือถึงเหลาอาหารที่กำลังสร้าง เพราะรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันที่เหลาอาหารจะเปิดให้บริการโดยไม่รู้ตัว คาดว่าวันที่เปิดเหลาอาหารผู้คนคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างคับคั่งเป็นแน่ ผู้คนที่พบเห็นต่างไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม้ไผ่ที่นอกจากจะนำมาทำเป็นเครื่องจักสานแล้วยังสามารถนำมาสร้างเป็นเหลาอาหารขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตาสวยงามและยังแข็งแรงทนทานอีกด้วยอี้ซินนางตั้งใจจะสร้างเหลาอาหารของนางเป็นแบบร้านอาหารที่กำลังเป็นที่นิยมในโลกปัจจุบันแนวรักธรรมชาติ โดยเหลาอาหารของนางนั้นมีสองชั้นและมีมุมที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่น ฝาผนังทุกด้านถูกออกแบบให้พับเก็บได้คล้ายประตูบานเลื่อนในยุคปัจจุบัน เพื่อให้สามารถให้บริการได้ในทุกๆ ฤดูกาล หากต้องการชื่นชมบรรยากาศภายนอกก็สามารถเลื่อนประตูให้เปิดออก รอบๆ บริเวณเหลาอาหารก็ล้วนถูกประดับตกแต่งด้
อี้ซินที่กำลังที่นอนพลิกกายไปมาเพราะไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ มิรู้ว่าเพราะผิดที่หรือเหตุการณ์วาบหวิวที่เกิดขึ้นก่อนหน้ากันแน่ถึงทำให้นางต้องนอนกระสับกระส่ายอยู่แบบนี้ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้นางหยุดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดลุกขึ้นมาเอ่ยถามขึ้น"ใครเจ้าคะ""แม่เอง แม่ขอเข้าไปนะ"เป็นหวังจูชิงมารดาบุญธรรมของนางนั่นเอง"เจ้าค่ะ"อี้ซินที่มองมารดาบุญธรรมที่เปิดประตูเข้ามาในมือนั้นมีกล่องลวดลายงดงามเข้ามาด้วย"แม่นำปิ่นที่จะใช้ปักในวันพรุ่งนี้มาให้เจ้าเลือก"เถ้าแก่เนี้ยหวังบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะวางกล่องเครื่องประดับที่ด้านในมีปิ่นปักผมลวดลายงดงามมากมายอี้ซินที่มองปิ่นในกล่อง และเงยหน้ามองมารดาบุญธรรมก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่าย เอ่ยออกมาเบาๆใบหน้านั้นแดงก่ำ"เอ่อ ข้ามีปิ่นที่จะใช้ในพิธีอยู่แล้วเจ้าค่ะท่านแม่"พร้อมกับลุกออกไปหยิบกล่องปิ่นปักผมที่นางนำติดตัวมาด้วยส่งให้มารดาบุญธรรม ด้วยมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นนางจึงลืมเสียสนิทที่จะนำปิ่นที่จะใช้ปักปิ่นของนางมอบให้มารดาเถ้าแก่เนี้ยหวังที่รับกล่องลวดลายงดงามประณีตขึ้นมาเปิดดู ด้านในเป็นปิ่นปักผมที่งดงามมาก บ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้ใ
"ซินเอ๋อ หากป้าจะรับเจ้าและฟงเอ๋อเป็นบุตรบุญธรรมเจ้าจะยินดีหรือไม่"หวังจูชิงที่มองดรุณีน้อยตรงหน้าด้วยสายตาคาดหวัง นางนั้นเป็นหญิงหม้ายไร้บุตรหลาน และรู้สึกรักและเอ็นดูในตัวเด็กสาวและน้องชายตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า ยิ่งได้รับรู้ชะตากรรมของเด็กน้อย ยิ่งอยากที่จะอุ้มชูอี้ซินที่มองสตรีวัยกลางคนตรงหน้าอย่างทราบซึ้งถึงความเมตตาที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ตลอดมา นางและน้องชายนั้นได้รับความรักและเอ็นดูจากสตรีผู้นี้มาตั้งแต่ต้นจึงไม่ลังเลเลยที่จะตอบรับคำนั้นเพื่อต่อไปจะได้เป็นที่พึ่งพิงให้สตรีผู้นี้ "ข้ายินดีเจ้าค่ะ"อี้ฟงที่ถูกตามตัวมาก็ยินดีและตื่นเต้นยิ่งนักที่จะมีมารดาเป็นท่านป้าหวังผู้ใจดีมีเมตตา หานตงที่เห็นดังนั้นจึงเตรียมน้ำชาให้คนรักเพื่อใช้คำนับท่านป้าหวังเป็นมารดาบุญธรรม โดยมีมารดาของตนร่วมเป็นสักขีพยานด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ต่อไปหวังจูชิงผู้เป็นสหายรักจะได้ไม่เหงาเมื่ออี้ซินและอี้ฟงคำนับหวังจูชิงเป็นมารดาบุญธรรมแล้ว ร้านค้าตระกูลหวังจึงได้จัดงานเลี้ยงเล็กๆร่วมกันรับประทานอาหารเป็นการภายในและเถ้าแก่เนี้ยตระกูลหวังก็ประกาศให้คนในปกครองได้รู้ถึงฐานะของทั้งสองว่าทั้งสองนั้นคือทายาทของต
อี้ซินที่เดินทางมายังร้านค้าของท่านป้าหวังตั้งแต่เช้าเพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันปักปิ่นของนางแล้ว วันนี้นางจึงต้องมาเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ คืนนี้นางจะค้างคืนที่นี่ และเข้าพิธีในตอนเช้า โดยมีท่านป้าหวังเป็นผู้ใหญ่จัดการทุกอย่างให้ เพราะท่านป้าหวังเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่นางนับถือเพียงคนเดียวและนางนั้นรักและเคารพอีกฝ่ายดุจดังมารดา"ซินเอ๋อ มาแล้วหรือ เถ้าแก่เนี่ยกำลังรอเจ้าอยู่ด้านใน"คนงานในร้านที่คุ้นเคยกันดี เมื่อเห็นนางที่ลงมาจากรถม้าก็รีบเข้ามาช่วยถือข้าวของ พร้อมแจ้งว่านายตนกำลังรอท่าอยู่"หืม ท่านป้ารอข้าอยู่หรือ"อี้ซินที่ทำหน้าสงสัย ท่านป้ารอนางด้วยเหตุใด หรือว่าจะเกี่ยวกับพิธีในวันพรุ่งนี้ แต่มันก็ไม่ได้มีอันใดซับซ้อนมิใช่หรอกหรือฝ่ายผู้แจ้งข่าวเมื่อเห็นดรุณีน้อยตรงหน้าทำหน้าครุ่นคิด จึงเอ่ยขึ้น"ได้ยินมาว่า มีคนอยากจะแนะนำให้เจ้ารู้จักน่ะ""อ้อ เช่นนั้นหรอกหรือ ขอบคุณเจ้าค่ะ"กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายพร้อมยิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปหาน้องชายที่เดินตามมาด้านหลัง"ฟงเอ๋อ พี่จะไปพบท่านป้าก่อน เจ้าเล่นอยู่แถวนี้อย่าซนนักนะ""ขอรับ พี่ใหญ่"เจ้าตัวเล็กที่ดูเหมือนจะโตขึ้นนิดหน่อย รับคำพร
อี้ซินที่ปล่อยใจไปกับสัมผัสวาบหวามที่บุรุษตรงหน้าเป็นผู้ชักนำ ตอนนี้นางยอมรับแล้วว่าได้ตกหลุมที่เจ้าวัวเฒ่าผู้นี้เป็นคนขุดเรียบร้อยแล้ว หากนางจะลองวางชีวิตของนางและน้องชายไว้ในมือชายผู้ที่นางคิดว่านางอยากมีเขาเดินเคียงข้าง ร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน มิต้องเดินเพียงลำพังอย่างที่ผ่านมา แม้ว่ามันจะเสี่ยง แต่นางก็เป็นผู้เลือกเดินด้วยตัวเอง ได้เพียงแค่หวังว่านางคิดถูกที่ได้มอบหัวใจให้กับชายผู้นี้ เปลือกตาบางปิดลงอย่างยินยอมพร้อมใจ ปล่อยให้ชายอันเป็นที่รักตักตวงความหวานจากริมฝีปากอวบอิ่ม ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน ความรักมักมาพร้อมกับความใคร่ หาใช่เรื่องแปลก เรียวลิ้นอุ่นร้อนที่ลุกล้ำเข้ามาในโพลงปากนุ่ม ทำให้กายสาวสั่นไหวจนกายบางสิ้นไร้เรี่ยวแรงจนต้องยกแขนเรียวขึ้นคล้องลำคอแกร่ง จูบเรียกร้องอ่อนหวานแทบทำให้นางขาดใจ ก่อนริมฝีปากหนาจะผละออกให้นางได้หายใจหายคอ ทั้งรู้สึกตื่นเต้นปนหวาดกลัวกับประสบการณ์แปลกใหม่นี้หานตงที่มองสบดวงตาหวานที่กำลังสั่นไหว เห็นเงาของเขาในดวงตาคู่นั้น ดวงตาคู่ที่เขาหลงใหล"มิต้องกลัว พี่จะมิหักหาญน้ำใจเจ้า ขอแค่ชื่นใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พี่จะรอวันที่แต่งเจ้าเป็นภรรยาอย่างถูกต
วันนี้เป็นอีกวันที่อี้ซินมาดูการสร้างเหลาอาหารตั้งแต่เช้า ยิ่งได้เห็นว่าเหลาอาหารของนางกำลังจะเป็นรูปเป็นร่างใบหน้างามยิ่งดูงดงามสดใสเพราะใบหน้านั้นประดับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขและความหวัง อีกไม่นานฝันของนางก็จะเป็นจริงแล้ว ร่างบางที่เดินดูคนงานกำลังลำเลียงไม้ไผ่และตัดไม้ไผ่ออกเป็นรูปแบบต่างๆ ตามที่นางสอน ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงที่ที่มีสตรีอายุตั้งแต่ 14-45 ปี จำนวนสิบคนที่กำลังขะมักเขม้นสานไม้ไผ่เป็นลวดลายสวยงามแปลกตาอย่างพออกพอใจ สตรีเหล่านี้เป็นชาวบ้านและภรรยาของชายที่มาเป็นลูกจ้างในการสร้างเหลาอาหารในครั้งนี้ นางได้ว่าจ้างสตรีเหล่านี้มาสานไม้ไผ่ที่จะนำไปประกอบกับการสร้างเหลาอาหาร เพื่อที่ทุกคนจะได้มีรายได้ ฝีมือในการสานนั้นดีมากทีเดียวนางแค่อธิบายและทำเป็นแบบอย่างให้ดูแค่ครั้งเดียวเท่านั้น พวกนางก็สามารถทำได้และออกมางดงามประณีตอีกด้วย สร้างความพอใจให้นางนัก เวลาล่วงเลยมาถึงยามซื่อ (9.00น.-10.59น.) สายตาหวานซึ่งปรายตามองไปบนถนนอยู่เป็นระยะเหมือนกำลังรอใครบางคนที่ไม่เห็นหน้าตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏตัวขึ้น ทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนจะวางมือจากการสานไม้ไผ่ตรงหน