ทั้งคู่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ ชิดชนกมองไปที่จุดหนึ่งบนผนังด้านตรงข้าม ส่วนภาดามองเธออย่างเปิดเผย มือของเขาวางอยู่ที่หลังบอบบาง ราวกับกำลังประคองคนบนตักไว้
“เจ็บไหมมากไหม” เสียงทุ้มถามเบา ๆ
คำถามของเขาทำให้ชิดชนกเหลือบมอง และเธอพบว่าดวงตาคมเข้มใสกระจ่าง ไม่มีร่องรอยของความโกรธหรือการเหน็บแนมใด ๆ บนใบหน้า ตอนแรกเธอปฏิเสธที่จะตอบ แต่เธออยู่ใกล้เขาพอที่จะเห็นเมื่อเขายักคิ้ว และรู้ว่าเขาดื้อพอที่จะรอเธอได้เช่นกัน
“ไม่ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา ๆ ในอกรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องอยู่ในท่านี้กับชายหนุ่ม
“ฉันขอโทษที่ก้าวก่ายเรื่องของเธอ แต่ฉันไม่อยากปล่อยเธอไปเมื่อเธอแทบไม่ได้กินอะไรเลย และฉันรู้ว่าฉันเป็นสาเหตุโดยตรงของเรื่องนั้นอย่างน้อยสองครั้ง ฉันขอโทษ คำพูดของฉันไม่เหมาะสมจริง ๆ โปรดยกโทษให้ฉัน”
คำขอโทษของเขาฟังดูจริงใจ และมารยาทที่ดีเป็นพื้นฐานของบ้านที่เธอและชิดจันทร์เติบโตมา มันจะเป็นการไม่สุภาพหากเธอไม่ยอมรับคำขอโทษของเขา
“ฉันยกโทษให้คุณ” เธอกระซิบ มองลงไปที่มือของเธอที่วางอยู่บนตัก
“ขอบใจ เธอใจดีมากกว่าที่ฉันสมควรได้รับ”
อีกครั้งที่ชิดชนกไม่พบร่องรอยของการเยาะเย้ยหรือความไม่จริงใจในน้ำเสียง แม้ว่าเธอจะพยายามหามันก็ตาม แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เธอพบว่าเสียงต่ำและแหบห้าวของเขาฟังดูน่าพอใจกว่าที่เธอต้องการ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ฉันจะพยายามทำตัวให้เป็นสุภาพบุรุษกว่านี้ แต่ว่าเธอจะช่วยฉันทานอาหารกลางวันที่เหลือหน่อยได้ไหม ฉันจะรู้สึกขอบคุณมากที่เธอนั่งทานเป็นเพื่อนฉัน”
คำพูดที่ดูถูกตัวเองของเขาทำให้เธอยิ้มเล็กน้อย
ภาดารู้สึกประหลาดใจกับความจริงใจของตัวเอง เขาอยากทานอาหารกลางวันกับเธอจริง ๆ ในทันทีนั้น เขาอยากมาก แม้ว่าจะรู้ว่าเธอมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเดินออกจากห้องอาหารและขึ้นไปที่ห้องนอนของเธอตามที่ตั้งใจไว้
แต่เธอไม่ได้ปฏิเสธทันที และเขาก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เขาโน้มตัวลงไปใกล้หูเธอและกระซิบ
“ฉันจะปล่อยเธอลงจากตักและให้เธอนั่งที่เก้าอี้ของตัวเองก็ได้ ถ้าเธอต้องการ แม้ว่าฉันจะยินดีให้เธอนั่งที่นี่ต่อ ฉันอยากมีโอกาสป้อนอาหารเธอด้วยมือตัวเอง เพื่อให้แน่ใจว่าเธอทานอาหารในปริมาณที่เพียงพอและได้รับสารอาหารที่เหมาะสม”
สิ่งที่เขาพูดกับเธอฟังดูเกือบจะไม่เหมาะสม—เพราะวิธีที่เขาพูด แม้ว่าชิดชนกจะรู้สึกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจให้มันฟังดูแบบนั้น และเธอก็รู้ว่าเธอควรจะจากไป ตามที่เธอตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก
แต่เธอกลับรู้สึกสนใจเขา ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจและขัดกับความต้องการของเธอ
ก่อนที่จะได้ตอบอะไร ช้อนที่มีมันฝรั่งบดพูน ๆ ก็ถูกยื่นออกมาตรงหน้า
“อ้าปาก”
เธอทำตาม ยอมอ้าปากแต่โดยดี ต้องเป็นเพราะเสียงทุ้มนุ่มนั้นแน่ ๆ ที่สะกดจิตเธอเอาไว้ แล้วเขาก็ส่งช้อนเข้าปากอย่างนุ่มนวล
“ฉันจะอยู่ทานอาหารกลางวันต่อก็ได้ค่ะ แต่ฉันคิดว่าฉันควรจะกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง” เธออ้อมแอ้มตอบ
ชายหนุ่มเอาผ้าเช็ดปากมาเช็ดริมฝีปากเธอก่อนจะปล่อยเธอไปด้วยความไม่เต็มใจ
“น่าเสียดาย แต่ขอบใจมากที่ยอมทานข้าวเป็นเพื่อนฉัน”
ภาดาทำตามคำพูดได้เป็นอย่างดี ไม่มีการพูดจาไม่เหมาะสมอีก เขาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเติบโตในที่ที่ป่าเถื่อนทุรกันดารให้เธอฟัง และเธอก็ได้รู้สึกถึงชีวิตในวัยเด็กของเขาจริง ๆ
ชีวิตที่ยากลำบาก ต้องใช้สติปัญญาเพื่อความอยู่รอด ถูกสอนโดยพ่อให้พึ่งพาตัวเอง ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะรอดได้ และครอบครัวก็ค่อย ๆ สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาจากกิจการโคนม แล้วค่อย ๆ ขยายไปยังการทำไร่องุ่น มี ซึ่งตอนนั้นเขาก็อยู่ในวัยรุ่นแล้ว ไม่แปลกใจที่เขาจะเป็นคนที่หยาบกระด้างเล็กน้อย
บ่อยครั้งที่เขาทำให้เธอหัวเราะด้วยการเล่าเรื่องที่ตัวเองเป็นตัวตลก ซึ่งทำให้เธอเห็นเขาดีขึ้นกว่าเดิม จากที่เคยคิดว่าเขาเป็นคนหลงตัวเองและชอบบงการ เธอรู้สึกว่าเธอเริ่มเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเขามากขึ้น และก่อนที่เธอจะรู้ตัว นาฬิกาในห้องนั่งเล่นก็ตีสองครั้ง
“เราคุยกันนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ” เธอถามด้วยความประหลาดใจ
ภาดายกมือขึ้นมาวางทับมือหญิงสาวที่อยู่บนโต๊ะ
“พร้อมจะหัดขี่ม้าหรือยัง”
“พ่อเลี้ยง คือฉัน...”
“เรียกฉันว่าภาดาเถอะ เพราะฉันอยากเรียกชื่อเล่นของเธอมากกว่า ‘ชิดชนก’ ที่เป็นทางการเกินไป ได้ไหมครับ ‘แก้ว’”
“ค่ะ” ชิดชนกพยักหน้าอย่างาเอียงอาย “แต่ว่าเรื่องขี่ม้า...”
“เธอจะชอบมัน เชื่อฉันสิ” เขาบีบมือเธอเบา ๆ
ใบหน้าหวานยังดูสงสัยอยู่เล็กน้อย เธอกัดริมฝีปากด้วยความลังเล
“เอ่อ...”
“เธอกลัวม้าหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ ฉันคิดว่ามันเป็นสัตว์ที่สวยมาก ฉันแค่ไม่มีประสบการณ์ แล้วมันก็ตัวใหญ่มาก”
ภาดาหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อได้ข้อสรุป “ถ้าอย่างนั้น การอยู่กับฉันนี่แหละที่ทำให้เธอลังเล”
แก้มนวลเปลี่ยนเป็นสีแดง นั่นก็บอกทุกอย่างแล้ว
“คือ...ฉัน...”
“ฉันรับรองได้ว่าฉันจะตั้งใจสอน แก้ว ฉันจริงจังกับความรับผิดชอบของตัวเองมาก และฉันคิดว่าการขี่ม้าเป็นทักษะที่ทุกคนโดยเฉพาะคนที่อยู่ในไร่ควรรู้”
ชิดชนกกัดริมฝีปาก ไม่แน่ใจว่าจะพูดอะไรดี
“ออกไปที่คอกม้ากับฉันสักครั้ง ฉันจะเลือกม้าที่เหมาะสมกับเธอให้ ฉันสัญญาว่าจะใจเย็น แต่ถ้าสุดท้ายเธอไม่ชอบ ฉันจะให้น้องชายฉันสอนเธอแทน”
“ก็ได้ค่ะ”
มุมปากหยักยกยิ้มพอใจ ภาดารู้ว่าเขาสามารถทำให้เธอสนุกกับการขี่ม้าได้ ถ้าเธอยอมเชื่อใจ
เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ไปเปลี่ยนเป็นชุดที่ทะมัดทะแมงหน่อย ฉันจะรอ”
ชิดชนกลุกขึ้นและก้าวไปหนึ่งก้าว แล้วมองกลับมาที่ชายหนุ่มราวกับกำลังจะเปลี่ยนใจ
แต่เขาไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
“รีบไปสิ อย่าให้ฉันรอนานนะ เด็กน้อย”
เพียงแค่เห็นเขาขยิบตาอย่างขี้เล่น ชิดชนกก็ทำตามอย่างว่าง่าย
เหมือนอย่างที่ภีรพลบอกไว้จริง ๆ ภาดาอดทนและใจดีกว่าที่เธอจะให้เครดิตเขาได้ ทั้งกับเธอและม้า บางครั้งระหว่างบทเรียน เธอต้องสงสัยว่าเขากำลังพูดกับใครกันแน่ เธอหรือม้าม้าที่เขาเลือกให้เป็นม้าวัยกลางคน สุภาพและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับคอกม้าที่สะอาดสะอ้าน ชิดชนกขยับถอยหลังเล็กน้อยเพราะไม่อยากเข้าไปขวางทางเขาในขณะที่เขากำลังผูกอานให้ม้า พอเสร็จแล้วก็นำม้ามาหาเธอ มือเล็กยื่นออกไปโดยไม่รู้ตัว รู้สึกตื่นเต้นกับแม่ม้าตัวโตตรงหน้า ทำให้ไม่ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกมองด้วยสายตาพอใจอยู่“แก้วครับ นี่คือชบา มันเกิดที่นี่ และเคยเป็นม้าของนายภีมตอนที่เขายังเป็นเด็ก ที่เพิ่งฝึกขี่ม้า ชบามันเชื่องและวิ่งช้า เหมาะกับคนเริ่มฝึกเหมือนเธอ” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยช้า ๆ อย่างนุ่มนวลภาดาปล่อยให้ชิดชนกทำความรู้จักกับม้า โดยคอยสังเกตเธออย่างใกล้ชิด ส่วนใหญ่เพื่อดูว่าเธอมีปฏิกิริยาอย่างไรกับสัตว์ตัวใหญ่ แต่ก็เพราะเขาก็แทบจะละสายตาจากเธอไม่ได้ ในกางเกงยีนที่เธอสวมใส่ ซึ่งคับแน่นรอบเอวที่เล็กกระจิริดของเธอ ไม่ต้องพูดถึงก้นสวย ๆ ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีเขารู้ว่าจะต้องใช้สมาธิทั้งหมดเพื่อให้จิตใจจดจ่ออยู่กับบทเร
“ขอบคุณค่ะ”“แต่เธอไม่จำเป็นต้องรีบออกไปขนาดนั้น เพราะกว่าเทอมใหม่จะเริ่มก็เดือนพฤศจิกา”ชิดชนกสับสนกับคำถามของเขา เพราะเขาทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นที่ต้อนรับมาตลอดที่อาศัยอยู่ที่นี่ เธอจึงตอบอย่างตรงไปตรงมา“ฉันรู้สึกว่าคุณคงไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่นานเกินจำเป็น ดังนั้นฉันจึงพยายามจะออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”เขาไม่ยอมรับหรือปฏิเสธสิ่งที่เธอพูด และช่วงเวลาที่อึดอัดก็ปกคลุมโต๊ะอาหารขณะที่ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับเนื้อย่างอร่อย ๆจนกระทั่งภาดาพูดขึ้นพร้อมกับลุกจากโต๊ะ อาหารของเขาพร่องไปเพียงครึ่งเดียว น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวและเป็นทางการขณะที่เดินไปทางห้องทำงาน“เธอสามารถอยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่ต้องการ”ชิดชนกไม่พยายามปิดบังความประหลาดใจกับคำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา ซึ่งเธอไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาในพันปี“นั่นคือการแสดงออกที่มากที่สุดที่พี่ภาดาจะทำได้แล้ว พี่แก้วสามารถอยู่กับเราได้ถ้าต้องการ จันทร์จะดีใจมากที่มีพี่อยู่ใกล้ ๆ และบางทีเธออาจหางานใกล้ ๆ ที่นี่ที่ให้พี่ได้ ถึงจะไม่ใช่งานสอนประจำ แต่อาจจะเป็นการสอนพิเศษ พี่จะได้ไม่ต้องย้ายไปอยู่ไกล ๆ แต่ไม่ว่ายังไง ขอแสดงความยินดีด้วยครับ”แม้ว่าภ
ชิดชนกทำหน้าบึ้งและถอนหายใจ แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องเพียงไม่กี่ก้าวเพื่อปิดประตูด้านหลังเธอ“ฉันขอโทษที่รบกวนคุณ...”“ดื่มไหม?”เขาขัดจังหวะ ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานและยื่นขวดให้เธอ“ไม่ค่ะ ขอบคุณ”เขาส่งเสียงฮึดฮัด และเธอต้องกลั้นเสียงหัวเราะ เขาเปิดลิ้นชักบนโต๊ะและหยิบแก้วอีกใบที่ดูใหญ่เกินไปสำหรับเธอ“เธอจะไม่ให้ฉันดื่มคนเดียวใช่ไหม แก้ว” เขาถาม และไม่สนใจคำตอบของเธอ เทเหล้าให้ถึงครึ่งแก้ว แล้วเติมแก้วของตัวเองเกือบเต็มทำไมเสียงเรียกชื่อของเธอที่หลุดจากปากเขาถึงทำให้ร่างกายรู้สึกแปลก ๆภาดาเก็บขวดกลับไป แล้วมองหญิงสาว มองแก้วที่เขาตั้งใจให้เธอ จากนั้นก็หยิบขวดอีกใบจากลิ้นชัก ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นน้ำ เทลงไปในแก้วของเธอ จนเกือบจะเต็มเหมือนแก้วของเขา จากนั้นเขาก็ยื่นแก้วให้เธอ ยักคิ้วขึ้น ราวกับถามว่าเธอยังยืนอยู่ที่ประตูทำไม และท้าทายให้เธอมาเอาไปชิดชนกถอนหายใจ และทำในสิ่งที่เธอรู้ว่าไม่ควรทำ โดยการรับคำท้าของเขา เดินเข้าไปในถ้ำสิงโตและรับเครื่องดื่มที่เขายื่นให้อย่างง่ายดายเธอกำลังจะยกแก้วขึ้นดื่ม แต่ชายหนุ่มลุกขึ้นและยื่นแก้วมาตรงหน้าพร้อมกับกล่าวคำอวยพร“แด่คุณครูคนส
เมื่อเธอพยายามจะถอนตัวออกจากอ้อมกอด พยายามยืดหลังที่เริ่มปวด ก็พบว่าการเงยหน้าขึ้นทำให้เธอรู้สึกมึนงงและเวียนหัวเล็กน้อย และเกือบจะเสียสมดุลแต่แทนที่จะล้มลงบนพื้นอย่างน่าอับอาย เธอกลับลงไปนั่งบนตักแกร่ง ซึ่งเป็นที่ที่เธอรู้ว่าไม่อยากไปอีก และแขนของเขาก็โอบรอบเอวเธออย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าเขาทำแบบนี้เป็นประจำทุกเย็น“คุณภาดา คุณต้องปล่อยฉัน” เธอกระซิบ ด้วยความกังวลอย่างไม่มีเหตุผล“ทำไม” เขากระซิบกลับ“เพราะว่า...”คำว่าไม่เหมาะสมไม่ได้ถูกเอ่ยออกมา ไม่เหมือนครั้งก่อนหน้าที่เธออยู่ในตำแหน่งนี้ และเธอรู้ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของหุบเหวที่เธอกำลังไถลตกลงไปอย่างรวดเร็วเธอรู้สึกดี ปลอดภัย อบอุ่น และเป็นที่ต้องการในอ้อมแขนแกร่งเขาไม่สนใจเรื่องความเหมาะสมเลย เขาไม่รีบให้เธอลุกขึ้นจากตักของเขา หากมีอะไรก็คือ เขายิ่งโอบเธอแน่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเธอผ่อนคลายในอ้อมแขนของเขา และเธอก็เอนศีรษะไปที่กล้ามแขนของเขา“ชิดชนก”“คะ” เธอพยายามนั่งตัวตรง แต่เขาไม่ยอมปล่อย เธอจึงเอนพิงอยู่บนตัวเขา“ไม่มีอะไร ฉันแค่ชอบเรียกชื่อเธอ มันเป็นชื่อที่เพราะมาก และเหมาะกับเธอ”มือของภาดาลูบไปที่ท้ายทอยเธอ ยกเธอ
“คุณภาดา ได้โปรด!” ชิดชนกเว้าวอน ไม่รู้ว่าเสียงของตัวเองเปลี่ยนไปอย่างไร ขณะที่สะโพกของเธอยังคงโยกไปมาอย่างไร้จุดหมาย“แก้ว เธอต้องรอ หรือจะให้ฉันต้องตีเธอเพื่อให้เธอทำตัวดี ๆ”ชิดชนกก้มลงไปที่หว่างขาของพวกเขา ไม่ใช่ว่าเธอจะมองเห็นอะไรผ่านเสื้อผ้าของเธอ คางของเธอแนบกับอกอวบอิ่ม แล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อให้ดวงตาของพวกเขาประสานกัน“อย่าค่ะ” เธอขออย่างสุภาพ สายตาเป็นกังวลภาดาอยากจะยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ทำ “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเด็กดีและอยู่นิ่ง ๆ”เธอทำปากยื่นอย่างน่ารัก ในแบบที่ทำให้หัวใจของชายหนุ่มพองโตอย่างเจ็บปวดในอกของเขาเหมือนกับแก่นกายของเขาในกางเกงของเขา แต่ก็ทำตามที่เขาบอกถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อของเธอที่เต้นเป็นจังหวะจากการสัมผัส และเขาคิดว่ามันเป็นไปโดยไม่รู้ตัว เธอคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังทำอะไร แต่ร่างกายของเธอรู้ว่าเขาต้องการอะไรด้วยความกังวลอย่างมากว่าแม้แต่การสัมผัสของเขาเองก็อาจจะทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ เขายังคงจับตัวเองและจัดท่าทางให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน โดยให้ส่วนหัวของเขาแนบสนิทกับช่องทางของเธอ ยังคงจับเธอไว้เหนือมันด้วยเจตจำนงอันแน่วแน่มากกว่าที่เขาเคยคาดไว้เมื่อถ
เขาจับเสียงคราง เสียงหอบ เป็นแนวทางว่าอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกดีที่สุด โดยมุ่งเน้นไปที่ความสุขของเธอมากกว่าของเขาเอง เขารู้สึกว่าเขาเป็นหนี้เธอ ในส่วนลึกของจิตใจของเขามีความรู้สึกผิดมากมายที่จะรอโจมตีเขาในวันพรุ่งนี้ และเขาต้องการให้แน่ใจว่าเธอจะมีความสุขกับมันร่างเล็กเริ่มสั่นสะท้านขึ้นเรื่อย ๆ ขยับกายบดเบียดเข้าหากายแกร่งอย่างบังคับตัวเองไม่ได้ ความอึดอัดผสมความเสียวซ่านทั้งมวลกำลังคล้ายระเบิดออก รวมถึงความตึงเครียดต่าง ๆ ความรู้สึกมากมายที่ผสมปนเปกัน ทำให้ชิดชนกตื่นตระหนกภาดาจับสัญญาณนั้นได้ เขายังคงขยับกายไม่หยุด ป้อนความสุขให้หญิงสาวอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเอ่ยปลอบประโลมด้วยเสียงทุ้มนุ้ม“ฉันรู้ ไม่ต้องกลัวนะสาวน้อย ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างของเธอออกมา แล้วเธอจะมีความสุขอย่างมาก ฉันจะอยู่กับเธอ”เมื่อจุดจบอันลึกลับใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ดวงตาที่พริ้มหลับก็เบิกโตขึ้น ริมฝีปากที่เม้มสนิทก็อ้าออก ชิดชนกมิอาจไม่ให้ตัวเองกรีดร้องได้เมื่อรู้สึกว่าร่างกายตัวเองมาถึงขีดจำกัดและกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่โชคดีที่ฝ่ามือใหญ่เลื่อนมาปิดปากเธออย่างรวดเร็วภาดาไม่อยากทำอย่างนั้น เขาอยากจะได้ยินเสียงห
ชิดชนกไม่ได้โชคดีขนาดนั้นเธอเพิ่งเดินผ่านห้องนั่งเล่นและเห็นชิดจันทร์รีบขึ้นบันไดไป“เกิดอะไรขึ้นจันทร์ ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนั้น”ชิดจันทร์ลงมาจากบันไดสองสามขั้น เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้นมาก“พี่ภีมจะพาจันทร์ไปดินเนอร์ในเมือง จันทร์จะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและแพ็กกระเป๋า”“แพ็กกระเป๋า?”ใบหน้าน้องสาวดูรู้สึกผิดเล็กน้อย“พี่แก้วไม่ว่าอะไรนะที่จันทร์ไม่ได้ชวนพี่ไปด้วย คือว่าพี่ภีมชวนจันทร์ไปออกเดท แล้วเราอาจจะค้างคืนด้วย แต่จันทร์ก็ไม่อยากให้พี่รู้สึกถูกทิ้ง”“ไม่ต้องห่วงจ้ะ พี่ไม่เป็นไร พวกจันทร์สองคนไปสนุกกันเถอะ”ชิดชนกยิ้มให้น้องสาว แม้ว่าข้างในใจของเธอจะกรีดร้องบอกว่าไม่อยากอยู่บ้านนี้คนเดียว โดยเฉพาะในตอนกลางคืน...กับภาดา ซึ่งเดินเข้ามาทางประตูหน้าบ้านในขณะนั้นพอดีชายหนุ่มดูเหมือนจะตัวใหญ่และน่าเกรงขามยิ่งกว่าที่เคย และมันทำให้ชิดชนกนึกถึงภาพของขนหน้าอกที่นุ่มราวเส้นไหมและความแข็งแกร่งที่ขับเคลื่อนภายในตัวเธอ ซึ่งทำให้แก้มของเธอแดงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง“พี่ภาดาคะ พี่ภีมจะพาจันทร์ไปดินเนอร์ในเมืองและอาจจะพักค้างคืนด้วยค่ะ จันทร์ขอตัวไปเตรียมตัวก่อนนะคะ” ชิดจันทร์ร้องทักภาดายิ้มเหม่อ ๆ ให้น้อ
ไม่!เขาคิด พลางลูบมือบนคางขณะที่ดวงตาดื่มด่ำกับความซีดเซียวที่เขาเห็นอยู่รอบ ๆ ความอับอายของเธอ สีหน้าที่แดงก่ำ จิตวิญญาณที่หดหู่ เช่นเดียวกับความเปราะบางที่เขาไม่เคยเห็นในตัวเธอมาก่อน ทั้งหมดนี้เขารู้ว่าเขาเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวก่อนที่จะรู้ตัว คู่รักที่ปาท่องโก๋ก็กล่าวคำอำลา และควงแขนกับออกจากบ้านทันทีที่น้องชายของเขาปิดประตู ภาดาก็ลุกขึ้น โดยตั้งใจที่จะนั่งข้างชิดชนกบนโซฟา แต่แม่บ้านดังโผล่เข้ามาขัดจังหวะเพื่อบอกว่าอาหารเย็นพร้อมแล้วเขายื่นแขนให้หญิงสาวเพื่อพาเธอเข้าไปในห้องอาหาร แต่เธอปฏิเสธ โดยที่ไม่ได้แม้แต่จะมองหน้าเขาชิดชนกเอาแต่ก้มหน้าลงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นการลดทอนความมีชีวิตชีวาของเธอก่อนหน้านี้ ภาดาเสียใจอย่างมาก แต่ก็ปล่อยให้เธอนำหน้าไป แต่เดินตามไปติด ๆ เข้าไปในห้องอาหารเพื่อพบว่าเธอนั่งอยู่ที่เก้าอี้ประจำของเธอ ไกลจากเขามากเกินไปดังนั้นอย่างที่เขาเคยทำมาก่อน เขาก็ยื่นเก้าอี้ที่มักจะเป็นของชิดจันทร์ออกไปอย่างจงใจและยืนอยู่ข้างหลังมัน และเมื่อเธอไม่ขยับ เขาก็กระแอมเสียงดังชิดชนกตั้งใจที่จะเพิกเฉยต่อชายหนุ่ม เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำและยกขึ้นจิบภาดาถอนหายใจ ร
“หยุดเถอะ คุณทำให้ฉันหน้าแดง”“ดี การหน้าแดงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเธอ และฉันพบว่าความบริสุทธิ์ของเธอ ความสุภาพเรียบร้อยของเธอ พูดตามตรง...มีเสน่ห์มาก”ชิดชนกหัวเราะ หันหนีจากคนร่างยักษ์เพื่อมุ่งหน้าไปยังเตียงใหญ่“ฉันไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว คุณควรจะรู้เรื่องนั้น”ภาดาย่องเข้ามาข้างหลังหญิงสาวอย่างเงียบ ๆ เหมือนที่เขาทำในบางครั้ง และตีอย่างแรงไปที่ก้นข้างหนึ่งก่อน จากนั้นอีกข้างหนึ่ง ก่อนที่เธอจะหันหนีเพื่อให้ก้นของเธออยู่ห่างจากเขาและเมื่อเธอพยายามที่จะทำเช่นนั้น เธอก็พบว่าตัวเองติดอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยสมบูรณ์“อย่าคิดแบบนั้นแม้แต่น้อย ที่รัก ความบริสุทธิ์เป็นคุณสมบัติ เป็นตัวตนของเธอ ไม่ใช่ลักษณะทางกายภาพ และเธอมีมัน ฉันไม่คิดว่าฉันเคยมี ซึ่งบางทีอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงดึงดูดฉันมากนัก เธอเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับฉัน”ชิดชนกยื่นมือขึ้นและสัมผัสเขา หนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เธอทำเช่นนั้นโดยสมัครใจ“คุณเป็นคนดี”“ฉันผ่านอะไรมามาก ที่รัก”ระหว่างที่พูดก็ยกมือขยำสองเต้าที่แสนล่อต่อล่อใจ แล้วก้มหน้าลงเชยชิมยอดถันที่แข็งชูชันคล้ายเชิญชวน ดูดแรง ๆ จนเสียงหวานครางออกมา“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถ
งานแต่งงานไม่เหมือนกับสิ่งที่ชิดชนกเคยจินตนาการไว้เมื่อเป็นเด็ก ที่จะต้องมีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดี และเธอที่อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องเหมือนเจ้าหญิง ท่ามกลางดอกไม้ที่ประดับตกแต่งไปทั่วงานงานแต่งงานจัดขึ้นที่ไร่ของภาดาเอง เป็นงานเล็ก ๆ เฉพาะคนในครอบครัวและคนรู้จักสนิทกันเท่านั้นถึงกระนั้น เธอก็มีชุดที่เป็นทางการ เพราะเขาอยากให้เธอเป็นเจ้าสาว และมันเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิตลูกผู้หญิงชุดแต่งงานแม้ไม่ใช่ชุดฟูฟ่องแบบเจ้าหญิง ซึ่งนั้นเป็นเพียงจินตนาการในวัยเยาว์ ชิดชนกพอใจมาก เพราะถูกออกแบบและตัดเย็บมาอย่างดี เหมาะสำหรับงานแต่งงานแบบใกล้ชิด เรียบง่ายและประณีต ทำจากผ้าเนื้อดีสีฟ้าอ่อน ปักด้วยดอกไม้เล็ก ๆ สีฟ้าเข้มกว่าเล็กน้อย ทั้งหมดมีลำต้นและใบสีเขียวเล็ก ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เพื่อขับเน้นผิวขาวนวลของเธอภาดาหันหน้าไปหาเจ้าสาวที่กำลังเดินมาหาเขาอย่างช้า ๆ เธอถือช่อดอกกุหลาบขาวและแดงที่เขาเตรียมมาเป็นพิเศษสำหรับเธอและวันนี้ ซึ่งเธอมอบให้กับชิดจันทร์ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเพื่อนเจ้าสาวของเธอ เช่นเดียวกับที่ภีรพลเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของเขาเมื่อภาดาจับมือเธอไว้ในมือของเขา เขาสังเกตด้วยความตกใจว่
เขารู้ว่าเขากับเธอมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร อีกทั้งอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของเขาอีก แต่เขากับเธอจะผูกพันกันไปตลอดชีวิต เขาจึงตั้งใจที่จะทำให้มันดีสำหรับพวกเขาทั้งสองคนเท่าที่จะทำได้ และถ้ามันเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนตัวเองเล็กน้อยให้ดีขึ้น เขาก็จะทำมันเขาอยากมีความสุข และถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ เขาก็อยากให้เธอมีความสุขด้วยดังนั้น เขาจึงตั้งใจที่จะสานต่อการสนทนาของพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาดูเหมือนจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังเพื่อให้เขาทำเช่นนั้นได้ก่อนที่ทุกคนจะเข้านอนประมาณเที่ยงคืน ภาดาคว้าเสื้อคลุมมาสวม แล้วเปิดประตูห้องออกไป ตรวจสอบดูว่าไม่มีใครอื่นอยู่ในทางเดินของโรงแรม เขาจึงเดินไปที่ห้องของชิดชนก แล้วเคาะประตูเบา ๆ“แก้ว ฉันเอง ขอฉันเข้าไปหน่อย”ชิดชนกที่หลับสนิทด้วยความเพลีย เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ก็ก่นด่านิดหน่อยก่อนที่จะงัวเงียลุกขึ้นมา เปิดไฟดวงเล็กบนโต๊ะข้างเตียง และไปที่ประตู“คุณภาดา มีอะไรรึเปล่าคะ” เธอถามอย่างงง ๆภาดาต้องควบคุมอารมณ์ของเขา มิฉะนั้นเขาจะพูดอะไรที่ทำให้เขาเสียใจภายหลัง “ขอฉันเข้าไปหน่อย”ชิดชนกลังเลกับความคิดนั้น “แต่ฉันคิดว่าคุณบอกว่าเ
“ที่รัก เราจะแต่งงานกันและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน และฉันไม่อยากให้เธอคิดว่ามีอะไรที่เธอไม่สามารถบอกฉันได้ แม้ว่าเธอจะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันอาจไม่อยากได้ยินหรือเรื่องซุกซนที่เธอทำ มันจะดีกว่าเสมอสำหรับเธอที่จะบอกฉันมากกว่าที่จะไม่บอก”รู้ว่าเขาจะไม่ปล่อยเธอไปจนกว่าเขาจะได้สิ่งที่เขาต้องการ เธอจึงถอนหายใจอย่างหนัก“ฉันสงสัยว่าคุณจะจำเรื่องนี้ได้ไหม ตอนที่เราเรื่องแต่งงาน คุณพูดว่า…”เธอหยุดและกลืนน้ำลายอย่างแรง แต่เขาไม่ผลักดันเธอ ภาดาเห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ มันไม่ง่ายสำหรับเขาเช่นกัน เขาตระหนัก เพราะมันทำให้เขาปวดใจเมื่อเธอดูเศร้าสร้อย และเพราะเขาพยายามอย่างหนักที่จะทำให้สถานการณ์ที่ไม่ปกติและอึดอัดนี้ถูกต้องสำหรับเธอ“คุณบอกว่าคุณไม่สามารถให้ภรรยาของคุณสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ได้” เธอกระซิบอย่างน่าสังเวชภาดาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงขุ่นเคืองกับคำพูดที่ไม่ตั้งใจนั้น และนั่นคือสิ่งที่เขาพูดกับเธอเกือบจะตรง ๆ ถ้าในลักษณะที่อ่อนโยนและอ่อนโยนมาก“ฉันขอโทษที่พูดไม่คิด แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงคิดมากกับเรื่องแค่นี้ เธอช่วยอธิบายให้คู่หมั้นหัวทึบของเธอหน่อยได้ไหม”ชิดชนกซาบซึ้งในอารมณ์ขันที่
แม้ว่าการแต่งงานใหม่อีกครั้งจะเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากความคิดของภาดามากที่สุด แต่ข้าวสารได้กลายเป็นข้าวสุกแล้ว เขาจึงต้องรับมือกับผลที่ตามมาของสิ่งที่พวกเขาทำอย่างรวดเร็วเขายอมรับและแม้กระทั่งยอมรับความรับผิดชอบของเขาที่มีต่อชิดชนก ในลักษณะที่ทำให้เขาประหลาดใจ และเขาคาดหวังให้เธอทำเช่นเดียวกันพวกเขาทำสิ่งที่พวกเขาไม่ควรทำ และพวกเขาต้องทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อแก้ไขสถานการณ์ โดยเขาจะกดดันให้เธอยอม แม้ว่าจะไม่มีโอกาสที่เธอจะตั้งท้องแต่แม้จะสวมแหวนของชายหนุ่ม แม้แต่ตอนนี้ที่มีความเป็นไปได้อย่างชัดเจนว่าเธออาจตั้งครรภ์ ชิดชนกก็ยังไม่แน่ใจว่าการแต่งงานเป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับพวกเขามันถูกต้องตามหลักการ มันเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สมควรจะทำ แต่เธอไม่มีความมั่นใจเลยพ่อเลี้ยงภาดา คนที่ไม่สามารถเอามือของเขาออกจากเธอได้แม้ว่าเขาจะไม่ชอบเธอมากนักในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง และผู้ที่ดูเหมือนพอใจที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่เห็นได้ชัดว่าฐานะต่ำกว่ามากน่ะหรือแม้แต่อาหารเลิศรสในร้านอาหารก็ไม่สามารถทำให้ชิดชนกสดชื่นขึ้นได้ และการเลือกชุดแต่งงานและเสื้อผ้าก็เช่นกันในที่สุด ภาดาก็ทนไม่ไหว เขาฉ
เมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ชิดชนกพบว่าเธออยู่ในเตียงของตัวเอง ในห้องของตัวเอง สงสัยว่าเธอมาที่นี่ได้อย่างไรภาดาทำให้เธอตื่นอยู่เกือบทั้งคืน เขาแสดงความรักกับเธอในรูปแบบต่าง ๆ แต่ละรูปแบบทำให้เธอหน้าแดงมากขึ้นกว่าครั้งก่อน ๆ แม้กระทั่งตอนนี้ หลายชั่วโมงต่อมา เพียงแค่ระลึกถึงพวกมัน แก้มขาวก็แดงปลั่งเป็นมะเขือเทศสุกจนเธอต้องยกมือทั้งสองข้างกุมแก้มไว้และแล้วเธอก็จำได้ว่า ก่อนที่เธอจะหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนในอ้อมแขนของเขา เขาได้กระซิบอย่างกล้าหาญที่ข้างหูของเธอว่า“ถ้าก่อนหน้าไม่ท้อง ตอนนี้เธอน่าจะท้องแล้ว”เขาคงจะอุ้มเธอมาส่งที่ห้องหลังจากหลับไปแล้ว และด้วยความเพลียทำให้เธอหลับลึกมาก ซึ่งไม่ใช่ความคิดที่ไม่ดี เมื่อพิจารณาว่าแม่บ้านจะมาถึงตั้งแต่เช้ามืดเพื่อทำอาหารเช้าให้พวกเขา และเธอคงจะตายถ้าถูกจับได้ว่าแอบออกจากห้องของภาดาเพื่อกลับมาที่ห้องของเธอเขาช่วยให้เธอรอดชีวิตจากชะตากรรมที่น่าอัปยศนั้นไปได้ร่างเล็กผุดลุกขึ้นจากเตียง จัดการอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วและออกจากห้อง ไม่แน่ใจว่าเธออยากจะเจอเขาหรือไม่ แต่โล่งใจที่เขาดูเหมือนจะรอเธออยู่ที่บันได“อรุณสวัสดิ์ คุณชิดชนก” เขาพูดด้วยน้ำ
เธอก็รู้ว่าการอ้างว่าเธอเป็นกุลสตรีเป็นเพียงเรื่องโกหก เพราะเธอไม่อยากให้เขาหยุด และโดยไม่ต้องคิดถึงมันเลย นิ้วมือข้างหนึ่งของเธอกำลังขยุ้มผมเขาอยู่ ยื้อเขาไว้ในที่ที่เธอต้องการ“อืม...” เสียงครางต่ำ ๆ ดังขึ้นเมื่อเธอทำเช่นนั้น ทำให้เธอสั่นสะท้านตอบสนองภาดาเอนตัวออกไปเล็กน้อย ดวงตาจ้องมองมาที่หญิงสาว ขณะที่มือข้างหนึ่งคลำหายอดถันที่ยังอุ่นและลื่นจากปากของเขา และอีกข้างหนึ่งสอดนิ้วสองนิ้วเข้าไปในร่องรัก งอนิ้วทั้งสองซ้ำ ๆ เหนือปุ่มกระสัน และมองดูเธอละลายต่อหน้า“คุณภาดา อย่าค่ะ!” เธอประท้วงเสียงเบา เอื้อมมือลงไปผลักข้อมือเขาอย่างอ่อนแรงมือที่ไล้วนตรงยอดอกที่กำลังชูช่อลูบไปที่ด้านหลังท้ายทอย ยึดมันไว้ และบังคับให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตา ขณะที่เขายังคงลูบคลำเธอในเวลาเดียวกัน“ทำไมฉันถึงแตะต้องของของฉันไม่ได้ หืม แก้ว”นิ้วมือของเขายังคงจงใจทำให้เธอคิดไม่ออกว่าจะตอบอย่างไร“เพราะ...เพราะว่า...สิ่ง…ที่คุณ…สิ่งที่ฉันรู้สึก สิ่งที่คุณกำลังทำให้ฉันรู้สึก…เพราะมันไม่เหมาะสมสำหรับผู้หญิง” เสียงหวานตอบกระท่อนกระแท่นเพราะความรู้สึกเสียวซ่านกำลังจู่โจมอย่างต่อเนื่อง“เราเห็นต่างกันอย่างสิ้นเชิงใน
“ครับผม คุณชิดชนก วรกานต์ ที่กำลังจะเป็น รัตนกิจโกศล ในไม่ช้า ฉันจะให้เธอมายืนต่อหน้าฉันอย่างสง่างามในสภาพเปลือยเปล่า แล้วฉันจะสัมผัสและจูบเธอทั่วทุกที่”ชิดชนกสั่นสะท้านกับความคิดนั้น และภาดาก็ชอบในความขี้อายแต่ก็ตอบสนองต่อเขาของเธอหาว....“ขอโทษค่ะ”“ชู่ว...ไม่จำเป็นต้องขอโทษ ฉันไม่แปลกใจที่เธอเหนื่อย คงเป็นเพราะการร้องไห้คร่ำครวญและต่อต้านขณะที่ฉันลงโทษเธอด้วยการตีก้น”“พ่อเลี้ยงภาดา หยุดนะ!” ชิดชนกดีใจที่ครั้งนี้เขาไม่เห็นเธอหน้าแดงเพราะเธอรีบมุดหน้าเข้าไปในผ้าห่ม“อย่าเพิ่งหลับสิคนสวย ฉันอยากจะทำให้เธอหมดแรงกับสิ่งนี้มากกว่า”ชิดชนกตาเบิกโตเมื่อถูกจับมือไปวางบนความแข็งแกร่งที่เหยียดขยายจนเต็มมือเล็ก ๆ ของเธอเธอรู้ว่าเธอควรจะถอยห่างจากการสัมผัสเขาแบบนี้ แต่เธอเป็นคนอยากรู้อยากเห็นมาโดยตลอด นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์นี้ตั้งแต่แรก!เขาใหญ่เกินกว่ามือเดียวจะรับได้ เธอจึงจับเขาด้วยสองมืออย่างเป็นธรรมชาติ จนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มครางราวเจ็บปวด เธอจึงรีบดึงมือทั้งสองออก“ฉันขอโทษ ฉันทำคุณเจ็บเหรอคะ ฉันทำผิดหรือเปล่า”“ไม่ เธอไม่ได้ทำให้ฉันเจ็บหรือทำอะไรผิด ฉันครางแบบนั้นเ
เมื่อทำเช่นนั้นแล้ว ภาดารู้ว่ามันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่เขากระทำต่อเธอ จากนั้นเขาก็จัดการถอดกางเกงในที่ห้อยอยู่ที่ข้อเท้าของเธอออก ตามมาด้วยปลดตะขอชุดเดรส และล้วงมือเข้าไปคลายตะขอเสื้อใน เพื่อให้เธอหายใจได้สะดวกขึ้นและรู้สึกสบายตัวมากขึ้นชิดชนกรู้ว่าเธอควรจะประท้วงการกระทำที่ของชายหนุ่ม แต่จากประสบการณที่ได้รับเธอรู้ว่าเธอจะเป็นการต่อสู้ที่แพ้แน่นอน และเธอก็ใกล้จะถึงจุดที่ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอตกลงที่จะแต่งงานกับเขาแล้ว และเธอรู้ว่าเขาวางแผนที่จะแต่งงานกันในอีกไม่กี่วันแต่งงาน...เธอคิดกับตัวเองด้วยความตกใจ และตอนนี้ ในทางเทคนิคแล้ว เธอก็เป็นคู่หมั้นของเขา ดังนั้นธรรมเนียมปฏิบัติต่าง ๆ จึงสามารถผ่อนคลายลงได้บ้างแน่นอนว่าไม่ผ่อนคลายถึงขนาดนี้ กุลสตรีที่ดีอย่างไรก็ไม่ควรทำตัวแบบนี้“อืม” เสียงหวานครางในลำคอเมื่อรู้สึกถึงความเย็นจากผ้าขนหนู มันให้ความรู้สึกผ่อนคลายและบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้ดีอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียวแต่เมื่อเขาเอาผ้าขนหนูออกหลังจากนั้นครู่หนึ่ง และความเย็นของอากาศเมื่อความชื้นที่หลงเหลืออยู่ระเหยไป ทำให้เกิดขนลุกไปทั่วร่างกาย ยอดออกเธอหดเกร