เรานั่งกินไอศกรีมรสมินต์ช็อกโกแลตชิพบนโซฟาข้างๆ กันอย่างมีความสุข เขาทำให้ฉันรู้สึกปลื้มใจ บางทีความสุขก็เป็นเรื่องง่ายๆ ฉันเอนตัวไปหาเขา ไรเนอร์โอบไหล่ฉันไว้ ฉันรู้สึกว่าเราเหมาะสมกันมากเวลาอยู่ด้วยกัน“แก้มกับปากคุณเลอะ เดี๋ยวผมจะเช็ดให้” ไรเนอร์พูดอย่างแผ่วเบา เขาหยิบกระดาษทิชชู่ไว้ในมือ“ไม่…” ฉันพูดพร้อมกับจับมือเขาให้หยุด“โอ้… ขอโทษ คุณอยากทำเองใช่มั้ย?” ไรเนอร์ดึงมือออกอย่างเขินอาย ฉันรีบจับมือเขาไว้“ไม่… ฉันต้องการให้คุณเลียมัน” ฉันตอบอย่างไม่อาย“นาตาลี นี่มันที่สาธารณะนะ…” ไรเนอร์ตอบเสียงเครียด“หมายความว่าถ้าไม่ใช่ตรงนี้คุณจะยอมทำเหรอ?...ถ้าคุณยอม ฉันจะขอให้คุณทำมากกว่านั้นอีก เลียมัน อาร์” ฉันสั่งเสียงแข็ง พร้อมกับดึงมือเพื่อให้เขาเข้ามาใกล้มากขึ้นกว่าเดิมในที่สุดไรเนอร์ก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วโน้มตัวมาเลียแก้มฉันช้าๆ ฉันหลับตาลงและครางเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงลิ้นอุ่นชื้นของเขาเลียแก้มฉันเบาๆ ฉันหันหน้าไปหาเพื่อยื่นริมฝีปากให้เขา เขาเลียมุมปากฉันด้วยปลายลิ้นก่อนจะใช้ลิ้นลูบริมฝีปากฉันเปิดปากอย่างยั่วยวนเพื่อล่อลวงลิ้นเขาให้เข้ามาลิ้มรสไอศครีมที่เรากินได้ นานแค่ไหนแล้วที่ฉันไ
"คุณหมายความว่ายังไง?" ไรเนอร์ถามอย่างสับสน“นี่เป็นหนังของแซค ฉันเคยดูมาหลายครั้งแล้วและก็ได้อ่านบทบางส่วนก่อนหนังจะเริ่มสร้างด้วยซ้ำ…” ฉันพูดตรงๆ"อ้าว แล้วคุณเลือกเรื่องนี้ทำไม?" ไรเนอร์ถามอย่างสงสัย“เพราะ…คุณเลือกเบอร์สอง…แทนที่จะเป็นเบอร์หนึ่ง” ฉันกระซิบข้างหูเขาอย่างเย้ายวน ก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่งคร่อมเขา"ทำอะไร?" ไรเนอร์ถามเสียงดุเหมือนครูพูดกับนักเรียน“อ้อนแฟนในโรงหนังไง…” ฉันตอบด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาก่อนจะโน้มตัวไปจูบปากเขาริมฝีปากเขายังคงอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าในโรงหนังจะเย็นมากก็ตาม ฉันวางมือบนหน้าอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เพลิดเพลินกับสัมผัสของมันบนฝ่ามือฉัน ความอบอุ่นจากร่างกายเขาทำให้ฉันอยากจะนอนทับเขาตลอดไป แม้ว่าไรเนอร์แสดงอาการลังเลแต่เขาก็ไม่ต่อต้านและไม่ผลักไสฉันแต่อย่างใด ฉันจูบเขาก่อนแล้วเปิดริมฝีปากเขาด้วยปลายลิ้นที่เปียกชื้นของฉันทันทีที่ลิ้นฉันเข้าไปในโพรงปากอันอบอุ่นของไรเนอร์ เขาตอบสนองด้วยลิ้นที่หิวกระหาย เรื่องมันต่อเนื่องจากสิ่งที่เราเริ่มต้นที่ร้านไอศกรีม ฉันลืมตาเล็กน้อยเพื่อมองหน้าไรเนอร์ระหว่างที่เรายังคงจูบกันอย่างเร่าร้อน บอกได้จากแส
ฉันครางไม่เป็นภาษา ไม่สามารถพูดได้ตอนนี้ ช่องร้อนดูดและบีบนิ้วเขาแน่น ไรเนอร์เริ่มดันนิ้วลึกเข้าไปในตัวฉันช้าๆ รู้สึกเติมเต็มและน่าอัศจรรย์มาก ฉันต้องการให้เขาทำเร็วและหนักขึ้นอีก แทบจะควบคุมร่างกายไม่ได้อีกต่อไป ฉันปั๊มสะโพกเข้าหาอย่างดุเดือดเพื่อให้สอดคล้องกับนิ้วเขา ถ้าเขาทำแบบนี้ต่อไป ฉันคงเสร็จในเร็วๆ นี้“อาร์…ดีมาก…ดีมาก!” ฉันกรีดร้อง โชคดีมากที่มีแค่เราสองคนและเสียงจากภาพยนตร์ก็ดังพอที่จะกลบเสียงเราได้“คุณใกล้เสร็จแล้วใช่มั้ย?ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นไปอีก” ไรเนอร์ตอบ เขาเอาหน้ามาซุกตรงหว่างขา ฉันร้องเสียงแหลมรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวตรงจุดอ่อนไหว ก่อนปลายลิ้นร้อนจะโดนกับปุ่มกระสัน นี่มันบ้าไปแล้ว เขากำลังเลียเม็ดทับทิมระหว่างที่ยังดันนิ้วเข้าไปในโพรงสวาทอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง การถูกเลียและดูดพร้อมกันทำให้ร่างกายฉันไวต่อความรู้สึกมาก ช่องร้อนพ่นน้ำหล่อลื่นจนชุ่มนิ้วของไรเนอร์มากขึ้นไปอีก ร่างกายฉันรู้สึกเหมือนถูกไฟไหม้จนหายใจลำบาก…ฉันใกล้จะหลั่งแล้ว…“อาร์…ฉันเส็ร!..จ!” ฉันกรีดร้องสุดเสียง รีบใช้หลังมือปิดปาก ร่างกายสั่นด้วยความสุข จิตใจฉันว่างเปล่าชั่วครู่ การถึงจุดสุดยอดคร
ฉันอยากจะตอบกลับไปว่า 'ไหวสิ' แต่สภาพร่างกายฉันในตอนนี้ไม่เป็นอย่างที่คิด กลอกตามองตัวเองที่อ่อนแออย่างน่าสมเพช ไรเนอร์โอบแขนรอบเอวระหว่างพยุงร่างฉัน ข้างในร่องรักสั่นและเปียกมาก ถ้าฉันไม่บีบต้นขาเข้าหากันมันคงไหลลงมาเลอะขาแน่ๆ แต่ฉันบอกไรเนอร์ไม่ได้“ฉันต้องไปห้องน้ำ…คุณรอแป๊ปนะ” ฉันรีบขอตัวไปทำความสะอาดก่อนคนอื่นจะเห็น…“คุณอยากกินอะไรเป็นมื้อค่ำ” ฉันถามอย่างร่าเริง เราเดินควงแขนกันเหมือนว่าเราเป็นคู่เดทกันจริงๆ"คุณเลือกเลย. อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ฟาสต์ฟู้ด” ไรเนอร์ตอบเสียงเข้มเล็กน้อยฉันพยายามนึกถึงสถานที่ที่เราไม่น่าจะเจอคนรู้จัก และไม่ใช่ร้านอาหารหรูหราราคาแพงที่น่าเบื่อ มีที่ไหนอีกที่เราสามารถไปได้?ฉันไม่มีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้เลย“ฟังแล้วคุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ฉันไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเดต เลยคิดไม่ออกว่าไปที่ไหนแล้วไม่น่าเบื่อ...” ฉันสารภาพออกมาอย่างเขินอาย มันเป็นเรื่องจริงและไม่อยากพาเขาไปที่ที่ฉันเคยไปกับแซค“อืม… ผมรู้จักที่นึงแต่มันไม่มีอาหารขาย เราควรหาอะไรกินกันก่อนไป” ไรเนอร์แนะนำ เขากอดฉันอย่างอ่อนโยน“งั้นซื้ออะไรที่ไม่ใช่ฟาสต์ฟู้ดกันเถอะ” ฉันตอบ ไม่ได้สนใจเรื่องอ
เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองทั้งเมือง แสงไฟคล้ายดวงดาวที่ตกอยู่บนพื้น มันทอดยาวออกไปจนสุดสายตาฉัน ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นวิวแบบนี้บนเนินเขาใกล้เมือง นี่เป็นมุมที่ฉันคิดว่าเราสามารถเห็นได้จากบนดาดฟ้าหอดูดาวใจกลางเมืองเท่านั้น สงสัยว่าไรเนอร์รู้จักสถานที่โรแมนติกแบบนี้ได้ยังไง…เขาต้องเคยมาที่นี่กับคนพิเศษ ผู้หญิงคนนั้นคงโชคดีมาก ฉันคิดกับตัวเองด้วยความรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยฉันมัวแต่จดจ่อกับการชมวิวจนลืมไปเลยว่าฉันยังขี่หลังไรเนอร์อยู่ ฉันควรจะลงได้แล้ว…“อาร์…วางฉันลงได้แล้ว” ฉันกระซิบอย่างอายๆไรเนอร์ค่อยๆ หย่อนตัวฉันลง รู้สึกถึงพื้นใต้ฝ่าเท้าอีกครั้ง ฉันจับมือและเอนศีรษะไปซบแขนเขา รู้สึกอบอุ่นแม้ว่าที่นี่ลมจะแรงมากก็ตาม“คุณรู้จักที่นี้ได้ยังไง คุณเคยมาออกเดทกับผู้หญิงคนอื่นเหรอ?” ฉันแซว“ไม่… ผมมาทำงาน” ไรเนอร์ตอบอย่างเฉยเมย“ทำงาน...?แน่ใจเหรอว่าคุณไม่ได้แอบมาเดต?” ฉันถามย้ำพร้อมกับหัวเราะ เขาจะมาทำงานตรงนี้ได้ยังไง?นอกจากวิวแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีอะไรเลยไรเนอร์ไม่ตอบคำถาม เขาปูเสื่อผืนใหญ่บนพื้นหญ้าที่เรายืนอยู่ มีคนเตรียมตัวมาอย่างดีเช่นเคย เขาทำเหมือนกับเราจะมาปิคนิคกันที่นี
เอ็ดเวิร์ดนั่งอยู่คนเดียวในออฟฟิศ ขาของเขาวางอยู่บนโต๊ะทำงาน ห้องมืดสนิทยกเว้นจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ยังเปิดอยู่ เอ็ดเวิร์ดมองมันอย่างเงียบๆ จุดสีแดงบนแผนที่เพิ่งหยุดเคลื่อนไหว ดวงตาเขาหรี่ลงจ้องที่จุดสีแดงบนหน้าจอ“ไรเนอร์ ไอ้สารเลว…” เอ็ดเวิร์ดพึมพำกับตัวเองผมกล้าพานาตาลีไปบ้านริมทะเลสาบที่เธอเคยเจอเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต บังคับให้เธอจำเหตุการณ์นั้นได้จนส่งผลต่อสภาพจิตใจของเธอ… แต่เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ไรเนอร์ทำ ถ้าเธอรู้ความจริงว่าในอดีตเกิดอะไรขึ้นตรงจุดที่เธอยืนอยู่ตอนนี้ นรกจะแตกมั้ย?ถ้าเธอยืนอยู่ตรงนั้น แสดงว่าเธออยู่กับไรเนอร์อย่างไม่ต้องสงสัย ในบรรดาสถานที่ทั้งหมดที่เขาสามารถพาเธอไปออกเดตได้ ผู้ชายคนนั้นต้องเป็นคนกล้าหาญสุดๆ หรือไม่ก็เป็นคนบ้า ผมเลือกไรเนอร์เป็นบอดี้การ์ดของนาตาลีเพราะรู้ว่าเขาจะปกป้องเธอให้ปลอดภัยได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือนาตาลีจะไม่มีวันตกหลุมรักไรเนอร์ไรเนอร์ คุณไม่สามารถเลียนแบบสิ่งที่ผมทำได้ ผมพาเธอไปในที่ที่เธอสมควรจะจำได้ แต่คุณกลับพาเธอไปในที่ที่เธอควรลืม มากที่สุด.น่าสนใจอย่างมาก……“มันเริ่มหนาวมากแล้ว กลับกันเถอะ” ไรเนอร์พูดเมื่อเข
ผมรับรู้ได้ทันทีเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ดูเหมือนเราอยู่กันแค่สองคนแต่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น ทุกครั้งที่เข้ามาในห้องนอนของนาตาลีผมภาวนาให้เธอไม่ทำอะไรพิเรนทร์ๆ เวลาเราอยู่ด้วยกันตามลำพัง ผมจะสังเกตที่ผนังทุกครั้ง วันนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนอยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพงและกำลังแอบดูพวกเราอยู่“อาร์… วันนี้ฉันเป็นเด็กดีรึเปล่า?” นาตาลีถามด้วยน้ำเสียงเย้ายวนเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ผม มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ผมคิดขณะพยายามละสายตาจากรูบนกำแพงผมหวังว่าจะมีโอกาสบอกเรื่องนี้กับเธอในสถานที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ แต่ตอนนี้ผมไม่มีทางเลือก นาตาลีไม่ใช่คนโง่ ถ้าผมบอกเธอเรื่องรูที่กำแพง เธอคงเดาได้ว่าใคร…ผมต้องบอกเธอ...ก่อนที่เธอจะทำอะไร...…มีอะไรนะ?!ไรเนอร์เพิ่งบอกว่ามี 'รู' ที่ผนังห้องนอนจริงเหรอ?ใครเป็นคนทำ?มีมานานแค่ไหนแล้ว…?คำถามมากมายถาโถมเข้ามาในความคิด ร่างกายแข็งทื่อไปหมดด้วยความตกใจปนหวาดกลัว ความเป็นส่วนตัวที่เคยคิดว่ามีในห้องนอนนั้นหายไปหมดแล้ว พูดให้ถูกคือมันไม่เคยมีตั้งแต่แรก ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ฉันพยายามอย่างดีที่สุดบังคับตัวเองให้มองแค่หน้าไรเนอร์และไม่ให้ตัวเองมองไปที่กำแพงด้านหลั
การตัดสินใจของไรเนอร์มีเหตุผลเสมอ ลูเซียนจะมองไม่เห็นถ้าเราใช้ทางเข้าของพนักงาน ไม่มีเหตุผลที่เขาจะใช้ทางนี้ หวังว่าตอนนี้เขาจะกลับไปแล้วหลังจากเห็นไรเนอร์กับฉันออกจากห้องเราเดินไปตามทางเดินสักพักก่อนจะถึงห้องของไรเนอร์ ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาที่ฉันต้องยืนอยู่หน้าประตู ขอร้องเขาเพื่อเข้าไปข้างใน ครั้งนี้ไรเนอร์เป็นคนเปิดประตูให้แล้วดึงฉันเข้าไปข้างในก่อนจะล็อกประตูด้านหลังเราขาหมดเรี่ยวแรง ฉันเข่าอ่อนทรุดลงบนพื้นด้วยความโล่งใจ ความเป็นจริงมันโหดร้ายมาก ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา ไรเนอร์คุกเข่าลงและกอดฉันอย่างแผ่วเบาไว้ในอ้อมแขนอันอบอุ่น ระหว่างที่ร้องไห้อย่างเงียบๆ ถามตัวเองไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่า…ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับฉัน“ผมขอโทษ นาตาลี” ไรเนอร์พูดออกมาแผ่วเบา“คุณขอโทษ…ทำไม?” ฉันถามระหว่างสะอื้น“ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณเร็วกว่านี้ ขอโทษที่คุณต้องมาเจอเรื่องแบบนี้…”“คุณรู้มานานแค่ไหนแล้ว” ฉันถามอย่างแผ่วเบา“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเข้าไปในห้อง ผมขอโทษ. ผมหาโอกาสเหมาะที่จะบอกคุณไม่ได้” ไรเนอร์ตอบอย่างจริงใจ“มันไม่ใช่ความผิดของคุณ…มันเป็นความผิดของฉันเอง” ฉันพูดด้วยรอยยิ้มเศ
การทักท้วงจบลงทันทีเมื่อแซคจูบฉันต่อหน้าไรเนอร์ ฉันไม่สามารถผลักเขาออกไปได้ การใช้เวลาร่วมกันมาหลายปีทำให้ร่างกายและจิตใจฉันไม่สามารถต้านทานแซคได้ ฉันละลายในอ้อมแขนอันอบอุ่นของเขา ริมฝีปากและลิ้นร้อนๆ ยังคงหยอกเย้าในปาก ฉันเริ่มครางด้วยความพอใจเมื่อมือเขาลูบไล้สะโพกแซคปล่อยฉันในที่สุด ฉันหายใจไม่ออก รู้สึกอายในความอ่อนแอของตัวเองจนไม่กล้าสบตาไรเนอร์ ความผูกพันที่ฉันมีต่อแซคลึกซึ้งเกินกว่าใครจะเข้าใจ ฉันไม่แปลกใจเลยถ้าเรื่องระหว่างเรายังคงเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต แซคเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของฉัน“ฉันคิดถึงเธอมากเลยรู้มั้ย” แซคพูด เขากอดเอวฉันจากด้านหลังด้วยความรัก ชั่วขณะนึงฉันลืมไปว่าไรเนอร์ยังคงยืนดูพวกเราอยู่“ไรเนอร์ ฉัน…” ฉันอยากอธิบาย แม้ว่ายังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี“เสียใจด้วยนะไรเนอร์ ไม่มีใครดีพอจะมาแทนที่ผมได้ แม้แต่คุณ” แซคพูด ก่อนถอนหายใจเสียงดังใส่ไรเนอร์“คุณแซค…คุณนาตาลีไม่ใช่ของเล่นของคุณ ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้…” ไรเนอร์พูดเสียงเข้ม“นาตาลี ไม่ใช่ของเล่น ผมเคยบอกคุณไปแล้วว่านาตาลีคือรักแท้ของผม คุณบอกให้ผมปล่อยเธอ…เรื่องนั้นผมเข้าใจ แต่ถามนาตาลีก่อนว่าเธอเต็มใจปล่อยผมไปมั้ย” แซคพูดอ
ไรเนอร์กับฉันเดินออกจากห้องทันเวลาเพื่อดูการเผชิญหน้าระหว่างพี่น้อง ได้แต่คิดว่านี่เป็นจังหวะเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา ฉันยืนนิ่งโดยมีไรเนอร์ยืนอยู่ข้างๆ ระหว่างรอให้คำทักทายสั้นๆ นี้จบลง“นาตาลี!” เสียงของแซคเรียกชื่อฉันอย่างร่าเริงขัดจังหวะบรรยากาศตึงเครียด ถ้ามีผู้ชายที่ไม่เคยสนใจสถานการณ์รอบด้าน มักจะเป็นเจ้าชายแซคเสมอ“แซค” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงดีใจพร้อมโบกมือให้เขาแซคแต่งตัวราวกับเจ้าชายในชุดเป็นทางการ ส่วนมาดามฟรานเชสก้าเหมือนราชินีแก่ผู้ชั่วร้ายยืนอยู่ข้างๆ ฉันกลืนน้ำลายพลางหลบสายตา ต่างจากแซคที่ไม่เคยกลัวแม่ของตัวเองและรู้วิธีรับมือกับเธอ ฉันรู้สึกตัวเล็กและไร้ค่าเหมือนเม็ดทรายเวลาอยู่ต่อหน้าเธอ“ลูเชียน…เอ็ดเวิร์ด” มาดามฟรานเชสก้าพูดช้าๆ ด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม ระหว่างทักทายน้องชาย“มาดามฟรานเชสก้า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณมาร่วมงานแต่งของผม” ลูเซียนตอบอย่างเป็นทางการ ก่อนจะโค้งคำนับเล็กน้อย เนื่องจากมาดามฟรานเชสก้ามีศักดิ์เป็นพี่คนโต ปฏิกิริยาของลูเซียนดูสมเหตุสมผลมาก ฉันรีบโค้งคำนับตามลูเซียน ขณะที่ไรเนอร์โค้งตาม“แฟรงกี้ แฟรงเกนสไตน์! พี่เป็นยังไงบ้าง” เอ็ดเวิร์ดทักทา
“ฉันทำตามที่ครอบครัวและผู้อาวุโสต้องการมาโดยตลอด แลกเปลี่ยนกับการที่พวกเขาจะดูแลให้เธอปลอดภัย วันหนึ่งฉันจะกลายเป็นผู้อาวุโสและฉันจะปกป้องเธอเอง ไม่ว่าคนอื่นจะพูดยังไง ความปลอดภัยของเธอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ฉันรักเธอ… และจะไม่ยอมสูญเสียเธอไปเหมือนที่ฉันสูญเสียแม่ของเธอ” ลูเซียนพูดอย่างจริงจัง ฉันไม่เคยเห็นลูเซียนเป็นแบบนี้มาก่อนฉันไม่รู้จะตอบยังไง เหตุผลที่ลูเซียนแสดงท่าทีปกป้องและหวงแหนฉันมากเกินไปเป็นเพราะกลัวที่จะสูญเสียฉันไป เขาเชื่อว่าฉันอาจได้รับบาดเจ็บ…หรือแย่กว่านั้น เขาเสียสละมากมายเพื่อแม่และฉัน ทำไม…'ฉันไม่เสียใจเลย ฉันมีสิ่งคุ้มค่าแก่การปกป้อง เธอเห็นมั้ย...เราทั้งคู่มีสิ่งที่อยากจะปกป้องและเป็นคำสัญญาที่เราต้องรักษา’ คำพูดของลูเซียนย้อนกลับมาหาฉันเขาสัญญาอะไรและกับใคร?“ลูเซียน…ฉัน…” ฉันเริ่มพูด; แต่ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรกับเขาในสถานการณ์นี้“เธอต้องอยู่กับฉันต่อไป ตราบใดที่ฉันยังไม่แน่ใจว่าเธอมีความสุขและปลอดภัย ฉันจะไม่ปล่อยเธอไป” ลูเซียนพูดเสียงแข็งจนรับรู้ได้ว่าไม่มีที่ว่างเหลือสำหรับการต่อรองหรือเจรจา“เธอดูสวยมาก…” ลูเซียนพูด ก่อนจูบปอยผมฉันในที่สุดวันแต่งงานก็มา
“มันไม่สำคัญหรอก …ยังไงเธอไม่กลับมาอีกแล้ว” ฉันตอบพร้อมกัดฟันแน่น“ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเยอะมากนาตาลี เยอะจนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนหรือจะบอกอะไรกับเธอก่อนดี เพราะเธอเจ็บปวดมามากพอแล้ว…” ลูเซียนสารภาพตามจริง ขณะมองไปทางทะเลอันมืดมิด"คุณหมายความว่ายังไง…?" ฉันถาม.ลูเซียนนั่งนิ่งคิดว่าจะเล่าให้ฉันฟังอย่างไรดี ในขณะที่ฉันแทบบ้าตาย“ลูเซียน…ได้โปรด…” ฉันอ้อนวอน พร้อมกับจับมือเขามาบีบ“มันจะทำร้ายเธอ…มากกว่าที่ทำร้ายฉันตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา” ลูเซียนพูด เขามองกลับมาที่ฉัน“ฉันพร้อมแล้ว…ช่วยบอกฉันที” ฉันพูดอย่างหนักแน่น"บางทีเธออาจจะเข้มแข็งพอแล้ว นาตาลี แม่ของเธอ…ถูกฆ่าตาย” ลูเซียนพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดแม่ของฉัน…ถูกฆ่าตาย?!เป็นไปไม่ได้ ฉันคิดระหว่างที่น้ำตาไหลอาบหน้า...“เป็นไปไม่ได้!” ฉันกรีดร้องพร้อมลุกขึ้นจากที่นั่ง“เสียใจด้วยที่ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง… ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกับเธอตอนรู้เรื่องนี้” ลูเซียนตอบเบาๆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่“ฉันอ่านข่าวการเสียชีวิตของแม่ฉันตั้งเยอะ มันเป็นข่าวใหญ่มากในตอนนั้น...แต่ไม่มีการพูดถึงการฆาตกรรมเลย ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ” ฉันพูดจำได้ว่าฉันตั
อาหารค่ำถูกเสิร์ฟตรงระเบียงกลางแจ้ง ดินเนอร์ใต้แสงเทียนริมทะเลที่มีลมพัดปะทะใบหน้าและเส้นผม บรรยากาศโรแมนติกไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันนึกถึงคืนบนหอดูดาวที่เอ็ดเวิร์ดบอกความจริงเรื่องที่เขาเป็นคนช่วยฉันในป่าเมื่อหลายปีก่อน ฉันรู้สึกว่าคืนนี้ฉันอาจจะได้รู้ความจริงที่ซ่อนอยู่ซึ่งจะเปลี่ยนชีวิตฉันอีกครั้งบรรยากาศคล้ายกับมื้อค่ำที่ฉันทานกับเอ็ดเวิร์ดในครั้งนั้น รสชาติอาหารเหมือนทรายแห้งๆ บนลิ้น โชคดีที่ลูเซียนไม่อ้อมค้อม หลังจากที่สาวใช้ปล่อยให้เราอยู่ตามลำพัง ลูเซียนก็เริ่มพูดทันที“เล่าให้ฉันฟังหน่อยว่าก่อนที่ฉันจะเจอเธอกับแม่ ชีวิตเธอเป็นยังไงบ้าง…” ลูเซียนถามอย่างลังเล“ทำไมคุณถึงถามเรื่องนี้ล่ะ?ฉันคิดว่าแม่น่าจะเล่าให้คุณฟังหมดแล้ว” ฉันตอบ มันไม่ปกติที่เขาจะพูดเรื่องนี้ ถามเกี่ยวกับวัยเด็กของฉันให้ได้อะไร?“ใช่ แม่เธอเล่าแล้ว แต่ฉันอยากฟังจากปากเธอมากกว่า” ลูเซียนตอบหนักแน่น“คุณต้องการรู้อะไร…เป็นพิเศษ?” ฉันถามเขากลับ“สภาพความเป็นอยู่ของเธอสองคนเป็นยังไง?แม่ของเธอทำงานรึเปล่า เธอไปโรงเรียนแบบไหน เรื่องทั่วๆ ไป อะไรก็ได้ที่เธอนึกออก” ลูเซียนตอบ“ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงถามฉันเรื่องน
เรามาถึงบ้านพักริมทะเลซึ่งตั้งอยู่บนชายหาดส่วนตัวที่ลูเซียนเป็นเจ้าของ เราเรียกมันว่าบ้านพักแต่สุดท้ายแล้วมันก็คือคฤหาสน์ขนาดใหญ่อีกหลังหนึ่ง ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย ถ้าลูเซียนไม่มีทายาท ฉันคงได้รับมรดกทั้งหมดของเขารวมถึงชายหาดส่วนตัวนี้ด้วยฉันนั่งอยู่บนผืนทรายในชุดบิกินี่สีแดง แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีฟ้าสดใสพร้อมหรี่ตาลง ฉันควรจะสนุกกับการเดินทางครั้งนี้ แต่สิ่งเดียวที่คิดคือจะเริ่มคุยกับลูเชียนยังไงดี ทันใดนั้นทรายใต้ตัวฉันขยับระหว่างที่ลูเซียนนั่งลงข้างๆ ฉัน เรานั่งข้างกันโดยไม่พูดอะไร ยังคงมองออกไปยังทะเลด้านหน้า“ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมั้ยคะ” ฉันล้อเล่น นึกไม่ออกว่าจะชวนคุยเรื่องอะไรดี“ใช่…แต่ด้วยเหตุผลอื่นที่เธอเดาไม่ถูก” ลูเซียนตอบพร้อมกับโอบหลังฉันและขยิบตาให้ ฉันหัวเราะเล็กน้อยเป็นคำตอบขณะเอนศีรษะซบไหล่เขา“ฉันไม่เดาดีกว่า…” ฉันตอบ ระหว่างถอนหายใจออกมาเรากลับไปมองดูทิวทัศน์รอบตัวอย่างเงียบๆ หวังว่าจะไม่ถูกแดดเผา มันคงเป็นเรื่องตลกถ้าเจ้าบ่าวผิวลอกในงานแต่งงาน“เธอคิดถึงอนาคตของเธอบ้างหรือยัง” ลูเซียนถาม สายตาเขายังคงจับจ้องที่ขอบฟ้าไกลทำไมเขาถึงถามเรื่องนี้?ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้
“อาร์…ฉัน…หยุดไม่ได้……ฉันเสร็จอีกแล้ว!” ฉันร้องออกมาเมื่อร่างกายสูญเสียการควบคุมอีกครั้ง มันรุนแรงมากจนทำให้ฉันกลัว ร่างกายสั่นสะท้าน ฉันเริ่มร้องสะอื้นอย่างเงียบๆ ระหว่างซุกหน้าลงบนผ้าห่ม“ผมใกล้เสร็จแล้วเหมือนกัน…ผมเสร็จแล้ว…นาตาลี!” ไรเนอร์ร้องครางราวกับสัตว์ป่า มันทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขมาก หัวมังกรขนาดใหญ่กระตุกรุนแรงก่อนที่น้ำกามร้อนพุ่งลึกเข้าไปในโพรงสวาท รู้สึกร้อนรุ่มภายในขณะที่น้ำรักอุ่นๆ ล้นทะลักออกมาเต็มมดลูก เขาดันแท่งร้อนดันเข้าออกเล็กน้อยทำให้น้ำกามกระฉูดในตัวฉันมากขึ้น มันรู้สึกมหัศจรรย์มากแต่เหมือนร่างกายฉันถูกใช้จนเกินขีดจำกัด“คุณยังโอเคอยู่มั้ย” ไรเนอร์กระซิบ เขาจ้องมองใบหน้าที่อ่อนล้าและร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรง แทบจะตั้งสติไม่อยู่ ฉันคงดูเหมือนตายไปแล้วเพราะตัวเองก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ“คุณคิดว่า…เป็นความผิดของใคร……?” ฉันพูดเบาๆ ระหว่างพยายามหายใจ“อย่าโทษผมเลย...คุณเป็นคนขอเองไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้…” ไรเนอร์ตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ พร้อมกับค่อยๆ ถอนท่อนร้อนออกจากช่องรักที่เปียกท่วมน้ำรักของเราไหลออกมาทันที เตียงของไรเนอร์ต้องเปรอะไปหมดแน่ แต่ฉันไม่มีเวลามากังว
“โอบขาคุณรอบสะโพกผม” ไรเนอร์สั่ง สมองฉันแทบจะไม่ทำงานในช่วงเวลานี้ ต้องใช้เวลาสักครู่เพื่อทำตามคำสั่งเขาอย่างช้าๆหลังจากโอบแขนรอบคอเขา ไรเนอร์ก็ค่อยๆ ยืนขึ้น มันน่าทึ่งมากที่เขาสามารถยกตัวฉันขึ้นมาได้ การที่ตัวเขาใหญ่กว่าฉันมากมันมีข้อดีอย่างนี้นี่เอง“ไม่ต้องห่วง ผมจะกอดคุณไว้…ผมไม่ปล่อยให้คุณหล่นแน” ไรเนอร์ยืนยัน มือขนาดใหญ่โอบประคองบั้นท้ายฉันไว้อยากจะบอกเขาว่าฉันไม่กลัวว่าจะตก แต่ฉันกลัวว่าช่องรักถูกฉีกออกจากกันเพราะความสุขที่เขากำลังมอบให้ฉัน รู้สึกได้ถึงท่อนร้อนที่แข็งเป็นหินของไรเนอร์ฝังลึกอยู่ในตัวฉัน ฉันหลั่งมาหลายครั้งแล้วแต่เขายังไม่ถึงจุดสุดยอดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผู้ชายคนนี้อึดเหลือเกิน…ฉันได้แต่พยักหน้ารับอย่างเงียบๆ พร้อมยิ้มให้เขาไรเนอร์ยิ้มกลับด้วยดวงตาสีฟ้าที่อ่อนโยนมาก ก่อนเขาจะดึงเจ้ามังกรยักษ์ออกจากโพรงสวาทแล้วดันมันกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง เขาทำอย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าระหว่างที่จับสะโพกฉันไว้ในมือ ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้กระทั่งเคลื่อนไหวสะโพกหรือร่างกาย สิ่งที่ฉันทำได้คือสนุกไปกับมันและตะโกนเรียกชื่อเขาอย่างบ้าคลั่งระหว่างที่เขากระแทกโพรงสวาทอย่างแรงไม่
"คุณโอเคมั้ย?" ไรเนอร์ถามพร้อมกับจูบที่หน้าผากฉัน“ค่ะ…คุณอยู่ลึกมากข้างใน…” ฉันตอบพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ ไม่สามารถหยุดตัวเองจากการสำลักความสุขตอนนี้ความเป็นลูกผู้ชายของเขายืดและเติมเต็มฉันอย่างที่สุด มันรู้สึกดีมาก ร่างทั้งร่างสั่นจนควบคุมไม่ได้ ฉันร้องครางออกมาเหมือนคนโดนผีสิง“คุณเพิ่งหลั่งตอนผมใส่มันเข้าไปรึเปล่า” ไรเนอร์ถามพร้อมกับหัวเราะออกมาร่างกายสั่นไม่หยุดระหว่างที่สะโพกยังอยู่ใต้ตัวเขา ช่องรักบีบรัดรอบแท่งร้อนอย่างบ้าคลั่ง ฉันเพิ่งหลั่งอย่างที่เขาพูดจริงๆ เพียงแค่เขาดันเข้ามาในตัวฉันอย่างนั้นเหรอ?ความคิดนี้ทำให้ฉันกลัวเพราะเราเพิ่งจะเริ่มกันเอง“…ผมจะขยับต่อแล้วนะ” ไรเนอร์พูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนขณะดึงสะโพกกลับไรเนอร์ดันหัวเห็ดขนาดใหญ่เข้ามาในตัวฉันอย่างช้าๆ ฉันใช้หลังมือปิดปากยับยั้งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดผสมกับความสุข มันเจ็บแต่ก็เริ่มรู้สึกดีในเวลาเดียวกัน ไม่สามารถหยุดผนังช่องรักบีบรัดท่อนเอ็นเนื้อของเขาได้“พยายามผ่อนคลาย นาตาลี ช่องรักคุณบีบผมแน่นมาก… จนมันขยับยาก…” ไรเนอร์กระซิบ เขาจับต้นขาฉันแยกออกจากกันให้กว้างขึ้นกว่าเดิมฉันหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง พยายามผ่อนคลาย