“นายหญิงเปิ้นบอกว่าไม่สบาย ขอตัวเจ้า”เปรมินทร์ขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น เวลานี้ทุกคนพร้อมหน้ากันสำหรับมื้อเย็นแล้ว ช่วงบ่ายชายหนุ่มลงไปตรวจเอกสารที่ไร่ก่อนจะกลับขึ้นมาตอนบ่ายแก่ ไปดูเพื่อนๆ เขาตั้งแคมป์ไฟกันที่จุดชมวิว มันบอกว่าคืนนี้จะนอนที่นั่นส่งท้าย ก่อนจะกลับลงจากภูกันพรุ่งนี้ ขณะอยู่กับเพื่อนเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากกิตติกรพูดคุยเรื่องการมาเปิดสาขาจิวเวลรี่ที่เชียงใหม่ กิตติกรเป็นเพื่อนสมัยเรียนอเมริกา ส่วนเพื่อนกลุ่มนี้เรียนมัธยมที่นี่ด้วยกันจึงไม่มีใครรู้จัก แต่เมื่อเขาถามความเห็นหลายคนก็ยินดีแนะนำ ทั้งหมดจึงปรึกษากันผ่านสปีกเกอร์โฟนพักใหญ่จนถึงมื้อเย็นชายหนุ่มเหลือบตาไปมองพี่สาวของคนที่บอกว่าไม่สบาย เห็นอีกฝ่ายทำหน้าเฉย ดูจะไม่ค่อยใส่ใจอะไรมากนัก ทั้งยังยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเขามอง เปรมินทร์ก็นึกสะดุดใจ“เอายากับข้าวต้มให้นายหญิงหรือยังเพ็ญ”“ยังเจ้า เปิ้นบอกบ่ทานเจ้า”“ได้ยังไง จัดไว้ ทานข้าวเสร็จฉันจะจัดการเอง”“เจ้า”แม้จะอยากลุกไปตอนนี้แต่ด้วยเพื่อนฝูงก็อยู่กันหลายคน แค่เขาปฏิเสธที่จะไปกินเหล้านอนเต็นท์กับพวกมันคืนนี้ ก็โดนแซวว่าติดเมียจะแย่อยู่แล้ว ขืนลุกไปตอนนี้เลย
ความคิดที่ต้องการให้กัญญานันเป็นเครื่องสังเวย รองรับอารมณ์ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมานใจในแบบที่ตนเองเคยได้จากครอบครัวเธอนั้น ดูใกล้เคียงกับเวลานี้ยิ่งนัก แต่ทำไมเขากลับยิ้มไม่ออกเลยสักนิด“คุณ...มาผิดห้องแล้วล่ะค่ะ”หญิงสาวยังพูดต่อ ขณะที่นัยน์ตาของเธอเริ่มปริ่มไปด้วยน้ำคลอครองชั่วอึดใจนั้นเปรมินทร์อยากยิ้มให้ได้นัก แต่มุมปากที่ยกมันหนักอย่างไรบอกไม่ถูก ยิ่งใบหน้าหวานแสนเศร้าลอยเด่นชัด ใจเขาก็เหมือนถูกมือมืดบีบกระหน่ำ ทว่าสมองสั่งให้เขาเอ่ยหักหาญน้ำใจ ด้วยยังไม่ลืมความมุ่งมั่นตั้งใจเดิม กัญญานันคือเหยื่อที่ถูกส่งมาในมือมารเช่นเขา เมื่อโอกาสมาแล้วเขาต้องซ้ำ“ไม่ผิดหรอก ผมเรียกชื่อคุณนี่ ไม่ได้เรียกชื่อคนอื่น แล้วคืนนี้ก็อยากนอนกับเมีย ไม่ใช่คนอื่น”ตากลมโตวาววับขึ้น แต่มีหรือเปรมินทร์จะกลัว เธอก็แค่แมวน้อยสำหรับเขา เมื่อร่างน้อยตรงหน้าขยับพรวดชายหนุ่มก็ตะครุบไว้อย่างทันท่วงที หญิงสาวตกมาอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างง่ายดาย“ปล่อยฉัน”กัญญานันดิ้นรน มือบางพยายามผลักอกเขา แต่อีกฝ่ายก็ยังกอดเธอแน่น แถมยังเอนกายดึงเธอไปนอนทับร่างเขา ยิ่งดิ้นเรือนร่างนุ่มนิ่มก็ยิ่งเสียดสีเรือนร่างแกร่งให้เลือดลมวิ่
“คุณมีคุณวันนิสา ฉันก็คิดว่าสักวันคุณต้องขอหย่าอยู่แล้ว แถมตอนนี้ยังมีพี่นางอีก แล้วจะให้ฉันยืนอยู่ตรงนี้ในฐานะภรรยาคุณเพื่ออะไร”กัญญานันพูดพร้อมกับค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วก้าวลงไปยืนข้างเตียง อย่างน้อยก็คิดว่าคงหลบเลี่ยงอีกฝ่ายได้ทัน หากเกิดอะไรขึ้น“คุณควรจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง แต่งงานแล้วก็อยู่กับคนที่คุณรัก ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดยังไงกับสองคนนั้น ไม่รู้ว่าคุณจะเลือกใคร แต่...แต่ว่า...”หญิงสาวนึกถึงคำสั่งของมารดา เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนจะเอ่ยต่อ“ถ้าฉันจะขอได้ไหมคะ พี่นางรักคุณ ฉันขอ...”“เงียบไปเลยนะ เรื่องนี้ผมจะเป็นคนตัดสินใจเอง คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่ง”ร่างสูงใหญ่ของเปรมินทร์หันกลับมาตวาดเธอ ดวงตาคู่คมวาววับดุดัน ทำเอากัญญานันถึงกับถอยกรูดออกห่างเตียง“ฉันแค่ไม่อยากให้พี่สาวเสียใจ แล้วก็...”“แล้วก็ครอบครัวคุณต้องลำบาก ผมรู้...รู้ดีเลยแหละ ทั้งๆ ที่รู้แต่ผมก็ยังยอมเป็นไอ้โง่ให้บ้านคุณปอกลอก แม้ว่าเจ้าแม่จะจ่ายสินสอดมหาศาลแบบที่ไม่ต่อสักคำให้ไปแล้ว ตระกูลคุณก็ยังไม่วายหาทางให้ผมเซ็นสัญญาค้าขายแบบเสียเปรียบให้ คิดว่าที่ผมยอมขนาดนั้นเพราะอะไร คิดว่าผมเฉยปล่อยทุกอย่างให้ผ่านเลยไปเพร
จากที่เหมือนจะไข้ขึ้น เช้าวันต่อมากัญญานันก็นอนจับไข้ของจริง ร่างบางบอบช้ำทุกส่วนบนเรือนกาย ช้ำชนิดที่มองเห็นรอยชัดเจน แต่เพราะนอนซมเธอจึงไม่ต้องแบกสังขารออกไปสู้หน้าใคร แถมช่วงเช้าเปรมินทร์ก็ยังเอาเปรียบซ้ำโดยไม่คิดสักนิดว่าเธอป่วยดวงตากลมโตที่บวมช้ำเปิดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ หญิงสาวนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง ร่างบางไม่มีอะไรเลยนอกจากผ้าผืนหนา แต่คนที่เดินเข้ามาก็ยังพอให้เธอวางใจได้“นายมินทร์ให้ข้าเจ้าเอาข้าวต้มกับยามาให้เจ้า สั่งให้ข้าเจ้าเช็ดตัวให้นายหญิงด้วยเจ้า”เพ็ญบอกขณะก้มหน้าวางถาดในมือลง ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามทำตัวไม่สอดรู้สอดเห็น กัญญานันเมินจากร่างสาวใช้เหลือบมองนาฬิกาบนผนัง สิบโมงเช้าแล้ว เปรมินทร์น่าจะออกไปจากห้องได้สักชั่วโมงกว่าๆ เขารับโทรศัพท์สีหน้าเคร่งเครียดแล้วรีบร้อนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทันที ก็คงเรื่องงานอีกตามเคย แต่ถึงจะเป็นเรื่องอื่นเธอก็ไม่สนใจหรอก กัญญานันไม่อยากมองหน้าคนที่เอาแต่กดเธอลงต่ำคนนั้นด้วยซ้ำ“เช็ดตัวหรือทานข้าวก่อนเจ้า”“เช็ดตัวจ้ะ”กัญญานันพึมพำเสียงเบาอย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่คิดอายหากเพ็ญจะเห็นร่องรอยบนเนื้อตัวเธอ ในเมื่อเธอเป็นคนถูกกระ
“อย่ามายุ่งกับฉัน ออกไปให้พ้น”กัญญานันอุ้มเจ้ามอมแมมด้วยมือข้างเดียว เพื่อปัดและตีมือที่จับเธอแน่นพัลวัน“นี่ผมอยากช่วยคุณนะครับ ไม่อยากให้คุณเหงา มาเถอะน่า ได้ลองแล้วจะติดใจ อาจจะลืมนายแล้วร้องเรียกหาผมทุกคืนเลยก็ได้...โอ๊ย!”คนที่กำลังได้ใจร้องออกมา เนื่องจากถูกเจ้าตัวอ้วนบนตักหญิงสาวกระโดดงับเข้าที่แขน แบบไม่ยอมปล่อย สมชายจึงหันไปวุ่นวายทุบตีเพื่อง้างปากมอมแมมให้ปล่อยตนเอง กัญญานันตกใจไม่คิดว่าเจ้าหมาแสนซนจะกล้าทำถึงขนาดนั้น หากก็ยังอาศัยช่วงเวลานั้นหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นเพื่อโทรหาใครสักคนให้มาช่วย ทว่าสมชายหันมาเห็นเสียก่อน แถมเขายังสะบัดตัวของเจ้ามอมแมมไปโดนประตูเต็มแรงจนมันร้องเอ๋งแล้วปล่อยเขี้ยวออก ก่อนที่ร่างหนาของสมชายจะกระโจนมาหาหญิงสาวดึงโทรศัพท์ของเธอแล้วขว้างไปใส่ร่างอ้วนของสุนัขอีกครั้งจนมันครางตัวสั่น“มอมแมม”กัญญานันตกใจจะขยับไปดูสุนัขของตนทว่าอีกคนขวางเธอเอาไว้ แล้วกดไหล่หญิงสาวจนหลังและหัวกระแทกกับกระจกรถด้านข้าง พร้อมทั้งโถมร่างมาหาแต่ถูกมือบางตบตีผลักไสไม่หยุด ไม่ยอมให้สมชายแตะตัวได้มากไปกว่านี้ แถมยังยกเท้าขึ้นมายันอีกด้วย เพราะเธอใส่กางเกงขายาวอยู่จึงค่อนข้างสะด
“หึ...คนอื่นๆ เขากลับกันหมดแล้ว นี่เธอยังกล้าลอยหน้าลอยตาอยู่ที่นี่อีกเหรอ”ลัลนาเงยหน้าจากนิตยสารมาทำตาขวางใส่คนที่เดินผ่านพร้อมพูดเหน็บแนม หลังเห็นอีกฝ่ายเดินเชิดหน้าเข้ามาในห้องรับแขก เมื่อฝนเทกระหน่ำลงมาวันนิสาปัดเนื้อตัวที่โดนละอองฝนเพราะไปเดินดูสวนดอกไม้ ก่อนจะมองตอบกลับอีกฝ่าย ทว่าไม่เอ่ยคำใดนอกจากใช้สายตาเย้ยหยัน ทำเอาลัลนาเดือดปุด วางนิตยสารกระแทกโต๊ะ แล้วลุกขึ้นมายืนกอดอก“ฉันถามว่าเมื่อไรเธอจะกลับ”“อ๋อ เมื่อกี้เรียกว่าถามเหรอ”“อย่าคิดว่าจะลอยหน้าอยู่ที่นี่ได้ อีกไม่นานฉันนี่แหละจะเขี่ยเธอออกไปเอง”ลัลนารู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจกวน จึงพูดข่มว่าเหนือชั้นกว่า“อะไรนะ คนที่โดนปฏิเสธอย่างคุณเนี่ยนะ จะเขี่ยฉัน พูดผิดพูดใหม่ดีกว่า”ลัลนาหน้าซีด ไม่คิดว่าวันนิสาจะรู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องของตนเองกับเปรมินทร์ แต่ก็ยังเชิดหน้าเถียงกลบเกลื่อน“ฉัน...ฉันหมายถึง ฉันเป็นพี่สาวนายหญิงของที่นี่ ฉันพูดแค่คำเดียว น้องสาวฉันไม่เอาเมียน้อยอย่างเธอไว้ให้ตำหูตำตาหรอก คิดดูนะ ว่าจะเดินออกไปดีๆ หรือจะโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา”“แล้วน้องสาวคุณเขาจะยอมโง่เอาพี่สาวที่ยั่วสามีเขาเก็บไว้ใกล้ตัวงั้นสิ”“แก!”ส
เป็นครั้งแรกที่เปรมินทร์ขับรถลงภูโดยไม่คิดถึงความระมัดระวังใดๆ ใจเขาเต้นแรงแล้วถูกบีบอัดสลับกันไปมาจนแทบระเบิด ในห้องผู้โดยสารไม่มีใครพูดอะไรออกมา รู้เพียงว่าต้องรีบไปให้ถึงรถตู้คันที่จอดอยู่กลางทางลงภูให้เร็วที่สุด โดยที่คนขับกัดฟันกรอดพร้อมกับทุบพวงมาลัยเป็นระยะตลอดทางกระทั่งเห็นรถตู้อยู่ไกลๆ ชายหนุ่มไม่ได้ผ่อนเครื่องลงแม้แต่น้อย แล้วก็เบรกอย่างแรง รถชะลอตัวเลยรถตู้ไประยะหนึ่ง มือหนาก็ดึงลิ้นชักคอนโซลเปิดเอาปืนคู่ใจออกมาโดยไม่ต้องคิดไตร่ตรองใดๆ ขณะที่กิตติกรเปิดประตูวิ่งออกไปแล้วร่างสูงใหญ่สองร่างวิ่งตามกันลงไปในทิศทางที่พอมองออกว่าหญ้าสูงถูกเหยียบย่ำ ท่ามกลางสายฝนที่ไม่สร่างซา ความเย็นเยียบไม่อาจแทรกเข้าไปในใจที่กำลังร้อนรุ่มของคนทั้งคู่ได้ ================แสงแวบวาบของปลายสายฟ้าในเวลานี้ไม่ได้ทำให้คนที่วิ่งหลงอยู่ในป่าตื่นกลัวได้เท่ากับเสียงตะโกนที่ไล่ตามหลังมา ซึ่งเป็นสิ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ไกลจากเธอนัก ทั้งยังตามมาถูกทางเสียด้วย หญิงสาวพะวักพะวนมองหน้ามองหลังจนกระทั่งไปสะดุดรากของต้นไม้ใหญ่เข้าให้ ร่างบอบบางที่มีสุนัขตัวอ้วนในอ้อมกอดหน้าคะมำล้มกลิ้งไม่เป็นท่า แต่ก็ยั
บรรยากาศภายในห้องรับรองของห้องพักคนไข้ในโรงพยาบาลเคร่งเครียด นับตั้งแต่ผู้ใหญ่สองท่านคือคุณชายพงศกรและคุณรุจีรัตน์เดินทางมาพร้อมกับลัลนา“ตกลงจะว่ายังไงคะคุณมินทร์เรื่องลูกนาง”เปรมินทร์ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าขณะนี้ตนเองกำลังถูกคาดคั้น ความคิดของชายหนุ่มวนอยู่แต่กับคนเป็นภรรยา แม้ในช่วงเช้าเธอจะฟื้นขึ้นมาและคุณหมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง นอนโรงพยาบาลสองสามวันก็ดีขึ้น เขาก็ยังห่วงเธอมากอยู่ดี เขาจำติดตาตอนที่เธอถามถึงสุนัขแสนรักหลังจากฟื้น แล้วเขาบอกว่าอยู่ที่เกิดเหตุเพราะมันตายแล้ว แววตาเธอมองเขาด้วยความไม่เชื่อ เสียใจ ตัดพ้อ เจ็บปวด‘ทำไมไม่ช่วยมอมแมม’เธอพูดเพียงสั้นๆ แล้วหลับตาลงไม่มองหน้าเขาอีกขณะที่กิตติกรคันปากยิบๆ แต่ยังเงียบ ไม่ใช่กลัวน้องสาวที่กำลังถลึงตาใส่ห้ามไว้ แต่เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าเพื่อนของตนจะแก้สถานการณ์นี้อย่างไร รวมทั้งความรู้สึกที่มีให้กับน้องสาวคนเล็กของเขาด้วย ว่ายังเหมือนเดิมเช่นที่เคยบอกเขาไว้หรือไม่‘ฉันชอบน้องนาย เจ้าแม่เองก็เอ็นดู ฉันจะไม่โกหกนะว่าตามใจเจ้าแม่ แต่น้องนายเป็นคนแรกที่ฉันยอมสละชีวิตโสดได้ ไม่รู้สิ ฉันพูดไม่ถูก รู้แต่ว่าพอใจที่จะแต่งงานกับหน
“ไม่รู้สิคะ รู้แต่ว่าเธอไม่เคยโกรธหรือเกลียดคุณ ไม่เคยมองคุณในแง่ร้าย แต่เธอเจ็บปวดที่รู้ว่าคุณทำให้เธอเสียใจ”นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนที่เปรมินทร์จะค่อยๆ คลี่ยิ้มที่มุมปากแล้วบอก“นางฟ้าคนนั้นรักผมเข้าให้แล้วล่ะ”กัญญานันก้มหน้างุดลงอย่างขัดเขิน เมื่อเห็นแววตาคู่คมวาววับราวกับล้อเลียน ทั้งที่ยังอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าแท้ๆ แต่ก็เข้าใจว่าเปรมินทร์คงอยากให้เธอสบายใจขึ้น“เฮ้อ...ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวผมก็ห้ามใจไม่ไหวอีกนะ”อีกฝ่ายถอนหายใจออกมา แล้วก็จูบประทับหนักหน่วงเนิ่นนานบนกลีบปากสวยจนเธออ่อนระทวยอีกครั้ง ทว่าหญิงสาวยังไม่ลืมว่าชายหนุ่มพามาดูอะไร เมื่อปรือตาขึ้นมาพร้อมกับที่ใบหน้าคมคายผละออกไป เธอก็เงยหน้าขึ้นไปด้านบน แสงบางอย่างที่ร่วงลงอยู่ท่วมกลางท้องฟ้ามืดมิดดึงความสนใจของเธอให้หันมอง ร่างบอบบางถลันออกไปชะเง้อคอมองนอกเต็นท์“ฝนดาวตก”ดาวหลายดวงทยอยตกจากท้องฟ้าที่มุมหนึ่ง ทำให้กัญญานันตาวาว พูดโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ขยับมานั่งกอดซ้อนหลังเธอ“นี่ใช่ไหมคะที่คุณพาก้อยมาดู”“อืม”เปรมินทร์ตอบรับด้วยอารมณ์เซ็งๆ“แต่ผมชักอยากรักคุณมากกว่าดูฝนดาวตกนี่แล้ว”ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะวางคางของตนบ
ทั้งสองเซ่นไหว้ตรงจุดที่เกิดอุบัติเหตุของเจ้าปัทมาดากับคุณเฮนรี่ ก่อนจะย้อนกลับขึ้นมา เดินลึกเข้าไปด้านในยังจุดที่เกิดเรื่อง และกัญญานันก็วางฟ้ามุ่ยสีขาวไว้ตรงพื้นที่ที่เปรมินทร์บอกว่าฝังมอมแมมเอาไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็ขอไปตรวจเอกสารที่ออฟฟิศกับดูงานที่ไร่โดยพากัญญานันออกไปในไร่กับตนเองด้วย แม้ว่าตอนแรกเขาจะห้ามเพราะกลัวเธอจะเจ็บขามากขึ้น แต่หญิงสาวบอกว่าเธอยังไม่เคยเห็นไร่ภูศรีจันอย่างแท้จริงเลยสักครั้ง ชายหนุ่มจึงต้องพาหัวหน้าฝ่ายบัญชีกับเลขาไปด้วยเพื่อให้ดูแลและเป็นเพื่อนเธอ รวมทั้งคอยอธิบายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ตอนที่เขาตรวจงานในไร่ ทั้งคู่อยู่ที่ไร่กระทั่งเย็นจึงกลับขึ้นภู“ทำไมคุณถึงให้ลุงมั่นกางเต็นท์ให้เราล่ะคะ”กัญญานันพูดเสียงสั่นด้วยความหนาวหลังจากถูกคะยั้นคะยอให้ออกมายังจุดชมวิวด้านนอก เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะเข้านอน“ผมอยากให้คุณดูอะไรบางอย่างด้วยกันหน่อยน่ะ”ชายหนุ่มบอกแล้วรูดซิปเต็นท์ให้หญิงสาวเข้าไปด้านในก่อน แม้ด้านนอกจะมีกองไฟที่ให้คนขับรถคนใหม่จุดไว้แต่ก็ไม่ช่วยไล่ความหนาวเหน็บได้ ดีหน่อยที่พอไล่ยุ่งได้บ้าง“ดูข้างในไม่ได้เหรอคะ”“เราต้องดูบนท้องฟ้า”เมื่อท
“ผมรักก้อย”เสียงทุ้มพึมพำซ้ำแนบขมับชื้นเหงื่อของเธอ ตามมาด้วยรอยจูบหนักๆ“ที่สำคัญ...ผมรักหัวใจของคุณ หัวใจที่ดีงามเหมาะสมอย่างที่เจ้าแม่ผมเคยพูดเอาไว้ ท่านเคยบอกว่าผมจะรักคุณ แล้วผมก็รักจริงๆ แถมยังหลงด้วย หลงมากกก”พร้อมคำพูดเปรมินทร์ก็อุ้มร่างอรชรมานอนทับบนร่างแกร่ง ผิวเนื้อนุ่ม อกอวบอิ่ม ร่างสาวบดเบียดลงมาหาชายหนุ่มอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ กัญญานันเหมือนถูกดูดพลังงานไปจนหมด ไม่หลงเหลือแรงขัดขืนเขาด้วยซ้ำ“หลง แต่ชอบทำร้าย ชอบแกล้งเนี่ยนะคะ”มือบางตีอกกว้างเบาๆ เนื้อตัวเธอรู้สึกถึงมัดกล้ามเต็มแน่นช่วงหน้าท้องแกร่งและทั่วทั้งตัวของคนใต้ร่างเลยทีเดียว ใบหน้าหวานจึงออกอาการเขินอายเมื่อเห็นตาคมจ้องมาด้วยแววชอบอกชอบใจ“นี่เขาเรียกทำรักต่างหาก”เปรมินทร์ไม่บอกเปล่า แถมมือหนายังกดสะโพกเธอเข้าหาตัวเองซ้ำอีกจนกัญญานันต้องห้ามเสียงสั่น“อื้อ...ไม่เอาแล้วนะคะ”“เถอะน่า อีกครั้งหนึ่ง”“พอเถอะค่ะ ก้อยเหนื่อย”กัญญานันส่งสายตาขอร้องเต็มที่ เธอเพลียอยากนอนจะแย่อยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับมันเขี้ยวอยากฟัดคนตัวเล็กมากกว่าจะอยากหยุด เพราะไม่ว่าหญิงสาวจะมองแบบไหนเปรมินทร์ก็รู้สึกเหมือนเธอกำลังเชิญชวนเขาทุกท
คนถูกฉุดรั้งชะงักด้วยความงุนงงกับอารมณ์ร้อนแรงของตน และคำพูดกำกวมของอีกฝ่าย ร่างอรชรหอบหายใจระรัว เพิ่งรู้ว่าเธอเหนื่อยหนักขนาดนี้ ทว่าก่อนจะถามอะไรชายหนุ่มก็พลิกกายให้เธอลงไปนอนใต้ร่างขณะมือก็ปลดเสื้อนอนเธอออกไปพร้อมกัน ไม่ลืมที่จะดึงปิ่นออกจากผมสลวยจนสยายแผ่บนที่นอนอย่างน่าหลงใหล“ผมอยากบอกรักคุณก่อน”“คะ?”ดวงหน้าหวานเหลอหลาด้วยความแปลกใจกับคำรักที่ออกมาจากปากเขาแสนง่าย หากแรงพิศวาสที่โหมอยู่ยังไม่ถูกปลดปล่อย สมองเธอจึงทำงานช้า ความสนใจอยู่ที่มัดกล้ามแน่นตึงบนเรือนกายกำยำที่ค่อยๆ อวดต่อสายตา เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เธอกล้ามองเขาตรงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเพราะอะไรผู้หญิงต่างก็หลงใหลได้ปลื้มสามีตนเองขณะเดียวกันร่างสูงที่ผละไปถอดเสื้อผ้าของตนก็จับจ้องผิวขาวนวลผ่องที่เผยพร้อมเรือนกายงามสล้างไม่วาง ตาคมคู่ดุกวาดมองขึ้นลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างครึ้มใจที่ตนเองได้เป็นเจ้าของความงามลออตาตรงหน้า ความภาคภูมิใจปะปนความรักหลงอัดแน่นอยู่ในอก เพราะได้ครอบครองทั้งเรือนร่างสวยกับหัวใจที่ดีงามของกัญญานัน“ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ ทั้งดวงตา แก้ม ริมฝีปาก...”หลังจากทั้งร่างเปล่าเปลือยใบหน้าคมก็เลื่อนลงกระซิบพร้อม
กัญญานันไปส่งครอบครัวพร้อมกับเปรมินทร์และพี่ชายที่เชียงใหม่ แม้เธอจะบอกให้อีกฝ่ายพักผ่อนหลังจากทำแผลแล้ว แต่สุดท้ายเปรมินทร์ก็ยังเกาะติดภรรยาของตนไม่ยอมห่าง ส่วนทางด้านเพ็ญลงไปพักกับพ่อแม่ของตนในไร่ชั่วคราว กำลังอยู่ในช่วงคิดและพักใจ บนภูจึงมีสองสาวน้อยและคนขับรถซึ่งค่อนข้างมีอายุหน่อยของไร่กับภรรยาขึ้นมาอยู่แทน หากเพ็ญกลับมาก็ไม่มีปัญหาอะไร นอกจากมีแม่บ้านดูแลเพิ่มขึ้น เปรมินทร์ยินดีรับคนขับรถที่แต่งงานแล้วและมีอายุหน่อยมากกว่าคนโสด“ทานยาหรือยัง ข้อเท้าคุณเจ็บมากขึ้นอีกหรือเปล่า”เปรมินทร์ถามเมื่ออาบน้ำออกมาเห็นคนตัวเล็กกำลังนวดข้อเท้าอยู่“ทานแล้วค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย ไม่เท่าตอนที่เกิดเรื่องหรอกค่ะ”หมอในไร่ตรวจข้อเท้าให้หญิงสาวเพิ่มเติมหลังทำแผลให้ชายหนุ่ม แม้จะบอกว่าไม่ได้กระทบกระเทือนมากนัก“ผมนวดให้นะ”ร่างสูงใหญ่ขยับไปนั่งที่เตียงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเข้าไปใกล้คนตัวหอม แต่กัญญานันกลับส่ายหน้า“ได้ยังไงคะ มือคุณมีแผลอยู่”“ผมใช้มือซ้ายนวดให้”อีกฝ่ายยังพยายามจนเธอระอา แต่ก็ยังไม่ยอมอยู่ดี“ฉันนวดเองได้ค่ะ ว่าแต่คุณน่ะ ให้แผลโดนน้ำหรือเปล่าคะ มาให้ก้อยดูหน่อย”“คุณพูดว่าก้อยกับผมก็
“คุณพ่อกับคุณแม่จะกลับกรุงเทพฯ แล้วน่ะ แต่อยากขึ้นมาบนภู แล้วก็มาหาเราก่อนกลับด้วย”กิตติกรเป็นฝ่ายบอกเมื่อพบหน้าน้องสาว หญิงสาวเชิญทุกคนไปยังโต๊ะอาหาร ขณะที่เปรมินทร์เองก็มาถึงพอดี เขากำลังจะก้าวเข้าห้องอาหารขณะได้ยินประโยคคำพูดของคุณรุจีรัตน์“แม่กับคุณชายอยากมาไหว้เจ้ากับคุณเฮนรี่ ตรงที่ที่เกิดอุบัติเหตุด้วยน่ะ เห็นว่าเราเกิดเรื่องใกล้ๆ แถวนั้น คงเพราะเจ้าช่วยคุ้มครองเราถึงรอดมาได้ แม่อยากขอบคุณเจ้า”เปรมินทร์หน้าตึงขึ้น แต่ก็พยายามทำใจให้เย็นเข้าไว้ พยายามทำตัวให้เป็นคนมีเหตุผล ยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง และไม่วายปรายตามองลัลนาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปโอบไหล่บางของภรรยา หอมแก้มนวลแล้วยิ้มให้เมื่อเธอหันมาทำตาดุใส่ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ“งั้นเดี๋ยวก้อยจัดเครื่องเซ่นไหว้ให้นะคะ”“ไม่เป็นไรลูก แม่เตรียมทุกอย่างแล้วก็แวะไหว้เรียบร้อยแล้วจ้ะ”“อย่างนั้นเหรอคะ”กัญญานันหน้าจ๋อยไป เปรมินทร์จึงหันไปโอบไหล่พร้อมบอกเบาๆ“ถ้าคุณอยากขอบคุณเจ้าแม่ เดี๋ยวผมพาไปใหม่ก็ได้”“ใช่จ้ะลูก เดี๋ยวหนูไปอีกครั้งกับคุณมินทร์ก็ได้ แม่กับคุณชายแล้วก็น้องนางจะกลับกันวันนี้ ไฟลต์เที่ยงน่ะจ้ะ แม่เลยรีบจัดการทุกอย่างให
“ฉันไม่ต้องการให้คุณมาช่วย มาดูแล ปล่อยนะ ฉันไม่กลับ ฉันจะเป็นยังไงก็ช่าง ปล่อยฉันให้ตายเหมือนที่ปล่อยมอมแมมไปเลย”หนทางของคนที่จนมุมคือหันไปทุบตีต่อว่าอีกฝ่าย ขณะที่เขาพาเธอลงไปด้านล่างด้วยความรวดเร็ว น้ำเสียงสั่นเครือกับตากลมโตวาววับที่แดงเรื่อทำให้เปรมินทร์จับได้ว่าภรรยาโกรธตัวเองด้วยเรื่องอะไร เขาปรายตาไปทางเพื่อนสนิทที่นั่งรออยู่ตรงส่วนรับแขก“นายขับรถนะ”เปรมินทร์บอกกิตติกรแล้วพาร่างบอบบางเดินออกไปทันที ไม่สนใจเพื่อนสาวของเธอสองคนที่ได้ยินเสียงโวยวายแล้ววิ่งตามลงมา“ก้อย”สองสาวเรียกพร้อมกันแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้กิตติกรมองสองสาวแล้วยักไหล่ ก่อนจะวิ่งตามเพื่อนออกไปร่างสูงใหญ่พากัญญานันมาถึงรถ กดรีโมตก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งด้านหลังทั้งที่ยังอุ้มร่างบอบบางอยู่ วางเธอบนตักแกร่ง โอบเอาไว้ไม่ยอมปล่อย“ก้อยงอนผมเรื่องนี้?”เขาก้มลงถาม แล้วเมื่อเห็นเพื่อนขึ้นไปนั่งหน้าพวงมาลัยก็โยนกุญแจรถให้“ฉันไม่ได้งอน”กัญญานันเถียงกลับขณะหันไปสบตาพี่ชายอย่างร้องขอ“ขึ้นภู”เปรมินทร์บอกเพื่อนสั้นๆ ทำให้หญิงสาวในอ้อมกอดหันมามองเขาอย่างไม่พอใจ พร้อมผลักเขาพัลวัน เท้าก็ขยับดิ้นจนข้างที่เจ็บไปโดนที่นั่
เด็กๆ ทยอยกันกลับบ้านโดยมีผู้ปกครองมารับหลังจากหมดชั่วโมงสุดท้ายของช่วงบ่ายซึ่งสอนหลังเลิกเรียน สองหนุ่มลงจากรถแล้วเดินลิ่วสวนทางเข้าไป ด้านหน้าถัดจากประตูมีเคานเตอร์ต้อนรับอยู่ พนักงานกำลังยืนส่งผู้ปกครองกับเด็กๆ เมื่อเห็นสองหนุ่มก็ทำหน้างุนงง แต่เปรมินทร์ชิงพูดขึ้นก่อน“ก้อยมาที่นี่ใช่ไหม อยู่ไหน”“เอ่อ...”สาวพนักงานอึกอัก ทำให้เปรมินทร์ยิ่งหงุดหงิด รู้ว่าเธอไม่รู้จักเขา เพราะหลังจากวันทำบุญเขาก็ไม่ได้มาที่นี่อีก“ผมเป็นพี่สาวน้องก้อย กัญญานันน่ะ แล้วนี่สามีเขา น้องก้อยอยู่ที่นี่ใช่ไหมครับ”กิตติกรที่ใจเย็นกว่าอธิบาย ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ เธอเพิ่งเคยได้พบคุณกัญญานันหุ้นส่วนอีกคนของที่นี่วันนี้เอง และไม่เคยเจอสามีหรือพี่น้องเจ้านายมาก่อน“ใช่ค่ะ”“แล้วอยู่ไหน”เปรมินทร์ย้ำเสียงดุ“คุณสองกับคุณปรางลงมาส่งเด็กๆ เพิ่งขึ้นไปเมื่อสักครู่น่ะค่ะ คุณกัญญาไม่ได้ลงมาด้วย ฉันคิดว่าอาจจะกำลังพักผ่อนอยู่ชั้นสาม เพราะขาเธอยังเจ็บอยู่”แม้ว่าพนักงานสาวจะพูดจนจบประโยคทว่าเปรมินทร์ไม่ได้รอฟัง เขาพุ่งตัวเข้าไปด้านในตั้งแต่ได้ยินว่าชั้นสามแล้ว กิตติกรเอ่ยขอบคุณ ยิ้มให้อีกฝ่ายขำๆ แล้วก้าวตามไป สองห
“หึ...เสียหาย คุณเสียอะไรยังไง ช่วยแจงมาให้ฟังหน่อยสิ”คนถูกสวนหน้าชา เธอคิดว่าเปรมินทร์จะไม่กล้าพูด แต่เขากลับมาท้าเธอให้พูดแทน“ผมไม่อยากพูดถึงให้มันเสียปาก เพราะยังไงคุณก็เป็นพี่สาวเมียผม อยากจะใส่ไคล้ยังไงก็เชิญ แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า...”ในห้องยังคงมีแต่ความเงียบครอบคลุม เปรมินทร์หันไปยื่นข้อเสนอกับคุณชายพงศกรด้วยท่าทางที่แสนมั่นใจว่าตนเองอยู่เหนือกว่า“ถ้าคิดจะให้ผมเลิกกับก้อย ผมจะถอนหุ้นออกจากร้านที่ไอ้กลางจะมาเปิดสาขาที่เชียงใหม่ แล้วก็ยกเลิกสัญญาคู่ค้า ต้องจ่ายค่าเสียหายเท่าไรก็ได้ ผมยอม แต่ไปลองคิดดูดีๆ นะครับ ว่าผลกระทบที่ตามมาของใครจะมากกว่ากัน การขาดทุนระยะยาวที่พวกคุณพยายามแก้ปัญหาอยู่จะเป็นยังไง”ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืน จ้องมองใบหน้าของลัลนาชั่วแวบก่อนจะเมินไปทางอื่น“เอาล่ะ วันนี้ผมว่าเชิญทุกคนไปพักที่โรงแรมดีกว่าครับ เพราะดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจคนไข้สักเท่าไร กลาง...นายพาคุณน้าทั้งสองคุณกับน้องนายกลับไปก่อนเถอะ ฉันจัดการเรื่องห้องพักให้เรียบร้อยแล้ว”เมื่อเอ่ยเชิญอย่างเสียมารยาทแล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องพักของผู้ป่วย ทิ้งให้คุณชายพงศกรถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ลัลนากัดฟันแน่