แล้วความรู้สึกของเปรมินทร์ก็ยิ่งตอกย้ำมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อลัลนาเข้ามาร่วมวงด้วย ลามไปจนถึงตอนขึ้นรถตู้ เพราะวินนิสากับลัลนาต่างก็อ้างว่าเมารถและแสดงความต้องการที่จะนั่งเบาะแรก ซึ่งปกติแล้วเขากับกัญญานันที่เป็นเจ้าบ้านควรนั่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้แขก สุดท้ายเปรมินทร์จึงตัดสินใจแยกไปนั่งคู่กับสมชายด้านหน้าไปเลย ดูเหมือนทั้งสองสาวจะอึ้งๆ ไปเหมือนกัน ลัลนานั่งหน้ามุ่ยข้างกัญญานัน โดยวันนิสานั่งติดกระจกอีกฝั่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มชวนคนทั้งรถคุยนั่นนี่ไปตลอดทาง ขณะที่เปรมินทร์ลอบมองปฏิกิริยาของภรรยาสาวบ่อยครั้งโดยไม่รู้ตัวรถตู้มาถึงบนภูหมอกในที่สุด จากนั้นเปรมินทร์ก็สั่งให้สมชายขับรถพาเพ็ญลงภูไปซื้อของสดอีกครั้ง ส่วนสองสาวน้อยให้ดูแลเรื่องกระเป๋าของแขก โดยนายหนุ่มเจ้าของบ้านโทรมาสั่งให้สามสาวจัดการทำความสะอาดทุกห้อง รวมทั้งเรือนรับรองแบบวิลล่าที่เป็นห้องเดี่ยวห้าหลังบนภูหมอกให้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ตอนเช้า“ใครอยากพักแบบไหน เลือกกันได้ตามสบายเลยนะ”เปรมินทร์บอกกับเพื่อนๆ รวมทั้งสองสาวด้วย เมื่อทั้งหมดขึ้นมาบนเรือนไม้หลังใหญ่บนภูหมอก“ในบ้านใหญ่มีห้องรับแขกห้าห้อง ส่วนแบบวิลล่าก็มีห้าหลัง”หนุ่ม
“มอมแมม มานี่มา”กัญญานันเรียกสุนัขแล้วก้มลงรับร่างของมันที่วิ่งหางดุ๊กดิ๊กเข้ามาหาขึ้นมาอุ้มแนบอก มือบางลูบหัวมันเบาๆ อย่างเอ็นดู ส่วนเจ้าตัวเล็กก็พยายามเงยหน้าเลียมือหญิงสาวราวกับมันกำลังแสดงความคิดถึงในช่วงที่ห่างกันไป“คิดถึงฉันใช่ไหมหือ มอมแมม”กัญญานันพูดกับมันเบาๆ แล้วยิ้มเมื่อมันส่งเสียงรับหงิงๆ จากนั้นก็ถือถาดใส่อาหารเม็ดพร้อมอุ้มมันเดินผ่านสวนหย่อมดอกไม้อ้อมด้านหลังตัวบ้าน ไปยังจุดชมวิวที่เธอชอบพาเจ้ามอมแมมไปยืนมองบรรยากาศยามเย็น“เราไปดูหมอกค่อยๆ คลุมภูกันดีกว่าเนอะ”ขณะกำลังจะพ้นดงดอกไม้เตี้ยๆ เข้าสู่เส้นทางที่มีต้นไม้สูงซึ่งมีถนนโรยกรวดเล็กๆ ก็มีเสียงเรียกจากทางด้านหลัง ทำให้ต้องชะงัก“ยายก้อย”กัญญานันไม่ได้หันไปมองเพราะคนเรียกพรวดเข้ามาจนถึงตัวเธอแล้ว ทั้งยังขวางหน้าพลางมองสุนัขในอ้อมแขนเธอด้วยสายตาหงุดหงิด“นี่มันอะไรกัน”“พี่นางก็เห็นแล้วนี่คะ”“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะยายก้อย”“ก้อยเปล่าค่ะ พี่นางมีอะไรก็เข้าเรื่องเลยดีกว่าค่ะ”“ที่ฉันถามว่านี่อะไร หมายถึงเธอกำลังทำอะไรอยู่ มัวมาพาหมาเดินเล่นอยู่ได้ ไม่รู้หรือไงว่ายายนั่นลากคุณมินทร์ออกไปดูโรงเพาะกล้วยไม้โน่นแล้ว”เมื่
“รู้ไหม ผมก็ชอบมายืนมองเวลาเย็นๆ ที่จุดชมวิวนี่เหมือนกันนะ”เขาหันออกไปมองความงดงามด้านล่างที่เริ่มเป็นสีดำรางๆ เพราะเงาของความมืดแล้ว เมื่อแรกพบหน้าและได้รู้ว่าเธอคือใคร เขาคิดว่ากัญญานันคงไม่ต่างจากพี่สาวของเธอที่รักสนุกไปวันๆ คบผู้ชายมากหน้าหลายตาเพื่อหลอกให้จ่ายนั่นจ่ายนี่ให้ไม่เว้นแต่ละวัน เขารู้ดี เพราะเขาเคยโดนมากับตัว นักเรียนไทยในยุโรปที่เป็นผู้ชายทั้งยังเงินหนา ไม่มีใครไม่เคยคบลัลนา เนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศในยุโรปค่อนข้างสะดวก และเท่าที่เขารู้มา ลัลนาเที่ยวเก่ง เธอไปเที่ยวเมืองไหนก็จะปล่อยเสน่ห์หาสปอนเซอร์ไปทุกๆ เมือง เขาหลงกลเพราะบังเอิญไปช่วยเธอจากผู้ชายผิวเข้มคนหนึ่ง เข้าใจว่ากำลังถูกทำร้าย แรกๆ มารยาผู้หญิงก็หลอกตาเขาได้ ความอ่อนหวานน่ารัก เอาใจเก่ง ทั้งยังเขินทุกครั้งที่เขาใกล้ชิดทำให้อธิปเชื่อว่าเธอคือสาวเรียบร้อยใสบริสุทธิ์ เมื่อใกล้ชิดกันจนเกินเลยก็เปลี่ยนความคิด แต่เขาไม่ได้รังเกียจที่ผู้หญิงจะผ่านใครมาทว่าที่ทนไม่ได้จริงๆ คือเขาดันไปรู้ว่าลัลนาเองก็นอนกับเพื่อนของเขาคนหนึ่ง ในช่วงที่เขายุ่งวุ่นวายทำงานส่งอาจารย์แต่หมอนั่นมีเวลาควงกับเธอ พาเธอไปจับจ่ายใช้สอ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เป็นสิ่งน่าหงุดหงิดสำหรับเปรมินทร์ แม้ทั้งโต๊ะจะเต็มไปด้วยเพื่อนฝูงพูดคุยอย่างสนุกสนาน ทว่าการที่มีวันนิสานั่งข้างๆ แล้วตักนั่นตักนี่ให้โดยที่กัญญานันนั่งอยู่อีกฝั่งติดกับพี่สาวและอธิป ทำให้การสนทนาแยกกันเป็นมุมๆ เขาเห็นทั้งคู่คุยเบาๆ ยิ้มให้กันบ้างเล็กน้อยแต่มันก็ทำให้คิ้วเข้มขมวดได้ อารมณ์แปลกๆ ทำให้เปรมินทร์กรอกวิสกี้เข้าปากดับความคุกรุ่นแก้วแล้วแก้วเล่า เมื่อมานั่งดื่มต่อด้านนอกกับเพื่อนที่ศาลา“กระดกยังกะน้ำเปล่าเลยนะไอ้มินทร์”เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยแซวขึ้น พวกเขาดื่มเคล้าพูดคุยถึงเรื่องสมัยก่อนและเรื่องสาวๆ เสียมากกว่า เนื่องจากเพื่อนที่ปลีกตัวมาได้คือพวกที่ยังไม่ได้แต่งงานนั่นเอง จึงไม่พ้นเรื่องนี้“เอาน่า บ้านมัน เดี๋ยวเมามันก็ไปนอนกอดเมีย ยังไงก็อุ่นสบายกว่าคนโสดอย่างเรา”ว่าแล้วต่างคนต่างก็หัวเราะเสียงดัง แซวต่อกันสนุกสนาน ขณะที่เปรมินทร์เริ่มคิดขึ้นมาได้เช่นกันว่าเขามีคนรออยู่ แต่มาคิดอีกที ปล่อยให้รอไปก็ดี ก็เธอเอาแต่ยิ้มกับอธิปจนเขาหงุดหงิดนี่นา ชายหนุ่มอยากดึงเวลาดูว่าภรรยาของตนจะกระวนกระวายหรือไม่ถ้าเขายังไม่กลับเข้าห้องหนุ่มๆ นั่งกันจนล่วงเข้าวันใหม่ อ
ชายหนุ่มไม่ยอมจำนน เขาไม่เคยต้องขอร้องใคร เท่าที่เขาพูดกับเธอดีๆ ก็ถือว่าบุญแล้ว ร่างสูงใหญ่ขยับจะก้าวไปให้พ้นตรงนี้ทั้งที่ตัวยังเอียงไปมา ทว่าที่คาดไม่ถึงคือมือนุ่มอุ่นกลับวางบนต้นแขนเขาแล้วไล้ขึ้นสูงแตะบ่าแกร่ง ร่างอวบสวยขยับเข้ามายืนใกล้จนหน้าอกเบียดชิดต้นแขน แถมเธอยังทำเอาเขาขนลุกซู่ด้วยการเขย่งเท้าขยับร่างถูขึ้นสูงแล้วโน้มหน้ามาข้างหู“ใช่ค่ะ รู้จักดี และรู้ว่ายายก้อยจะไม่โกรธ ถ้าเราจะ...”น้ำเสียงยั่วยวนเอ่ยเพียงเท่านั้น เปรมินทร์ก็ขยับถอยเซจนหลังชิดติดผนัง ตาคมเข้มสีน้ำตาลวาววับ“คุณ...”ยังพูดอะไรไม่ออก ร่างสวยที่มีกลิ่นหอมชวนหลงใหลก็ขยับตามมาชิด วางมือทั้งสองข้างบนอกเขาพร้อมกับไล้แผ่วเบา“ฉันดูออกว่าคุณเป็นผู้ชายร้อนแรง ยายก้อยแสนนุ่มนิ่มไม่สามารถเติมเต็มให้คุณได้หรอกค่ะ ฉันเข้าใจคุณดีว่าทำไมถึงคบผู้หญิงคนอื่น แต่...ฉันไม่อยากให้น้องสาวฉันต้องทุกข์ใจ”เปรมินทร์มองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจอย่างไม่ปิดบัง เพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นหรือได้ยินคำพูดหน้าไม่อายจากผู้หญิงที่มาจากตระกูลสูงอย่างอรรถพันธ์พงศ์ แม้จะยังฟังไม่จบประโยคด้วยซ้ำเขาก็เดาได้ ไม่อยากได้ยินให้เสียหูด้วยซ้ำ แต่ชา
กัญญานันลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะสัมผัสแผ่วพลิ้วสลับเน้นย้ำบนริมฝีปากของตนเอง ดวงตากลมโตปรือปรอยจนกระทั่งค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าคมแนบชิดอยู่กับตนเอง ทั้งยังขยับริมฝีปากลามเลียจากกลีบปากสวยไปยังข้างแก้ม หมือหนาขยับโอบประคองทรวงอกอวบอิ่มเต็มมือจนหญิงสาวต้องคว้าเอาไว้“คุณมินทร์คะ”“อืม ว่าไง”“เอ่อ สายแล้วก้อยว่า...”เธอห้ามเขาเพราะตอนนี้แสงสว่างจ้าไปทั่ว สีสันบ่งชัดว่าน่าจะเลยช่วงเช้ามาหลายชั่วโมงแล้ว แถมทั้งคู่ยังนอนอยู่บนโซฟานอกระเบียงอีกด้วย“ผมจะทำเวลา”เปรมินทร์ไม่ใส่ใจอะไรนอกจากซุกไซ้ใบหน้าคมกับซอกคอขาวผ่อง ขบเม้มเบาๆ หยอกล้อจนเห็นขนอ่อนบนเนื้อนวลลุกชันก็ยิ้มมุมปากพอใจ“แต่ตรงนี้ไม่เหมาะ”เมื่อจนใจกัญญานันจึงแย้งเรื่องสถานที่ ความรู้สึกเจ็บหนึบเมื่อนึกถึงภาพที่เห็นเขากับคนอื่นในคืนนั้นยังติดตาจนเกือบหายใจไม่ออก มันแน่นในอกอย่างบอกไม่ถูกเสียงสั่นเครือฉุดให้เปรมินทร์เงยหน้าขึ้นมามองภรรยาสาว เมื่อเห็นตากลมแดงเรื่อคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน ทั้งคู่จ้องตากันอยู่ชั่วอึดใจชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ขยับลุกขึ้นมานั่งแล้วอุ้มร่างบางทั้งร่างจนลอยหวือ ทว่าก็เหมือนทุกๆ คร
ภาพชายหนุ่มที่ออกมาจากห้องข้างห้องเธอทำให้ลัลนาหยุดนิ่ง เธอตั้งใจจะลงไปบอกน้องสาวให้สั่งคนใช้เตรียมน้ำส้มมาให้ แต่กลับไม่เจอใครเลยจึงกลับขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ทว่าก็เจอกับสิ่งที่ทำให้การไม่พอใจที่ไม่ได้น้ำส้มดูเบาบางลงไป เมื่ออารมณ์ตอนนี้ของลัลนาพุ่งสูงเพราะร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ดวงตาที่มีแววขุ่นอดเหลือบมองไปตรงจุดนั่งเล่นบนชั้นสองที่เกิดเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ เมื่อรีบดึงสายตากลับไม่อยากคิดถึงก็เจอกับรอยยิ้มเย้ยมุมปากของเปรมินทร์ คนที่ไม่เคยแคร์สายตาใครและมั่นใจในตัวเองสุดๆ ถึงกับเต้นเร่า ร้อนรนในอก เมื่ออดไม่ได้จึงเอ่ยออกไป“หึ...ทั้งที่เมื่อกี้เอาอกเอาใจยายก้อยสารพัด คนหน้าหนา สารเลว กลางวันแสกๆ ยังไม่เว้น”ร่างอวบสวยก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากกว่าเดิม เชิดหน้าขึ้นหยันอย่างท้าทาย“น่าสงสารน้องสาวหน้าโง่ของฉันจริงๆ”พูดจบเธอก็เดินกระทบแขนกำยำ ตั้งใจชนไหล่หนาทั้งที่อีกฝ่ายสูงกว่าเธอมาก พอใจกับคำเย้ยที่ได้พูดไป ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อเสียงเข้มเอ่ยขึ้นด้านหลัง“ก่อนจะว่าใคร หัดก้มดูตัวเองหรือไม่ก็ส่องกระจกเสียก่อนนะ ใช่ ผมมันสารเลว แต่คุณน่ะ เรียกว่าต่ำ ต่ำทั้งร่างกายและจิตใจ”ร่างทั้งร่างของลัลนา
เสียงโทรศัพท์บ้านที่ดังอยู่ในห้องนั่งเล่นทำให้คนที่กำลังคุยกับเพื่อนเกี่ยวกับตารางการสอนนาฏศิลป์ด้วยมือถือจึงขอวางสาย น้อยครั้งที่โทรศัพท์บ้านจะดัง ซึ่งทุกครั้งที่มีคนโทรมาจะเป็นจากออฟฟิศ เธอคิดว่าอาจจะมีงานด่วนติดต่อเปรมินทร์“แล้วเจอกันนะสอง”มือถือตัดไปแล้วหญิงสาวจึงรีบไปรับโทรศัพท์บ้านโดยมีเจ้ามอมแมมวิ่งไปเห่าใกล้ๆ เลิกสนใจลูกบอลกับกระดูกของเล่นที่เธอให้มันแทะ“สวัสดีค่ะ บ้านภูหมอกค่ะ”เธอเรียกตามชื่อภูที่คนในไร่ภูศรีจันเรียก“ยายก้อย ฉันเอง”“คุณแม่”น้ำเสียงที่ไม่ได้ยินนานแล้วทำให้กัญญานันคิดว่าท่านไม่ได้โทรหาเธอ“คุณแม่รอสายสักครู่นะคะ ก้อยต้องโอนสายไปให้พี่นางที่เรือนใหญ่น่ะค่ะ บังเอิญเราอยู่บ้านคนละหลัง”เธอบอกโดยไม่ได้คิดประชดประชันใดๆ กัญญานันรู้ตัวเองดี ความสำคัญของเธอสำหรับมารดานั้นน้อยที่สุดในอรรถพันธ์พงศ์ ไม่ได้คิดว่าท่านไม่รักหรอก เพียงแต่หากเรียงลำดับเธอจะยืนอยู่ปลายแถวเท่านั้นเอง เพราะเธอมาอยู่ที่นี่พักใหญ่ ผู้เป็นแม่ไม่เคยโทรมาสักครั้ง“ไม่ต้อง ฉันตั้งใจไม่กดเบอร์เรือนใหญ่ เพราะจะคุยกับเรา”คุณรุจีรัตน์โทรถามเบอร์มาจากออฟฟิศเรียบร้อยแล้วก่อนจะยกหูโทรมาที่นี่ เนื่องจ
“ไม่รู้สิคะ รู้แต่ว่าเธอไม่เคยโกรธหรือเกลียดคุณ ไม่เคยมองคุณในแง่ร้าย แต่เธอเจ็บปวดที่รู้ว่าคุณทำให้เธอเสียใจ”นิ่งไปชั่วอึดใจก่อนที่เปรมินทร์จะค่อยๆ คลี่ยิ้มที่มุมปากแล้วบอก“นางฟ้าคนนั้นรักผมเข้าให้แล้วล่ะ”กัญญานันก้มหน้างุดลงอย่างขัดเขิน เมื่อเห็นแววตาคู่คมวาววับราวกับล้อเลียน ทั้งที่ยังอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าแท้ๆ แต่ก็เข้าใจว่าเปรมินทร์คงอยากให้เธอสบายใจขึ้น“เฮ้อ...ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวผมก็ห้ามใจไม่ไหวอีกนะ”อีกฝ่ายถอนหายใจออกมา แล้วก็จูบประทับหนักหน่วงเนิ่นนานบนกลีบปากสวยจนเธออ่อนระทวยอีกครั้ง ทว่าหญิงสาวยังไม่ลืมว่าชายหนุ่มพามาดูอะไร เมื่อปรือตาขึ้นมาพร้อมกับที่ใบหน้าคมคายผละออกไป เธอก็เงยหน้าขึ้นไปด้านบน แสงบางอย่างที่ร่วงลงอยู่ท่วมกลางท้องฟ้ามืดมิดดึงความสนใจของเธอให้หันมอง ร่างบอบบางถลันออกไปชะเง้อคอมองนอกเต็นท์“ฝนดาวตก”ดาวหลายดวงทยอยตกจากท้องฟ้าที่มุมหนึ่ง ทำให้กัญญานันตาวาว พูดโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ขยับมานั่งกอดซ้อนหลังเธอ“นี่ใช่ไหมคะที่คุณพาก้อยมาดู”“อืม”เปรมินทร์ตอบรับด้วยอารมณ์เซ็งๆ“แต่ผมชักอยากรักคุณมากกว่าดูฝนดาวตกนี่แล้ว”ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะวางคางของตนบ
ทั้งสองเซ่นไหว้ตรงจุดที่เกิดอุบัติเหตุของเจ้าปัทมาดากับคุณเฮนรี่ ก่อนจะย้อนกลับขึ้นมา เดินลึกเข้าไปด้านในยังจุดที่เกิดเรื่อง และกัญญานันก็วางฟ้ามุ่ยสีขาวไว้ตรงพื้นที่ที่เปรมินทร์บอกว่าฝังมอมแมมเอาไว้ จากนั้นชายหนุ่มก็ขอไปตรวจเอกสารที่ออฟฟิศกับดูงานที่ไร่โดยพากัญญานันออกไปในไร่กับตนเองด้วย แม้ว่าตอนแรกเขาจะห้ามเพราะกลัวเธอจะเจ็บขามากขึ้น แต่หญิงสาวบอกว่าเธอยังไม่เคยเห็นไร่ภูศรีจันอย่างแท้จริงเลยสักครั้ง ชายหนุ่มจึงต้องพาหัวหน้าฝ่ายบัญชีกับเลขาไปด้วยเพื่อให้ดูแลและเป็นเพื่อนเธอ รวมทั้งคอยอธิบายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ตอนที่เขาตรวจงานในไร่ ทั้งคู่อยู่ที่ไร่กระทั่งเย็นจึงกลับขึ้นภู“ทำไมคุณถึงให้ลุงมั่นกางเต็นท์ให้เราล่ะคะ”กัญญานันพูดเสียงสั่นด้วยความหนาวหลังจากถูกคะยั้นคะยอให้ออกมายังจุดชมวิวด้านนอก เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะเข้านอน“ผมอยากให้คุณดูอะไรบางอย่างด้วยกันหน่อยน่ะ”ชายหนุ่มบอกแล้วรูดซิปเต็นท์ให้หญิงสาวเข้าไปด้านในก่อน แม้ด้านนอกจะมีกองไฟที่ให้คนขับรถคนใหม่จุดไว้แต่ก็ไม่ช่วยไล่ความหนาวเหน็บได้ ดีหน่อยที่พอไล่ยุ่งได้บ้าง“ดูข้างในไม่ได้เหรอคะ”“เราต้องดูบนท้องฟ้า”เมื่อท
“ผมรักก้อย”เสียงทุ้มพึมพำซ้ำแนบขมับชื้นเหงื่อของเธอ ตามมาด้วยรอยจูบหนักๆ“ที่สำคัญ...ผมรักหัวใจของคุณ หัวใจที่ดีงามเหมาะสมอย่างที่เจ้าแม่ผมเคยพูดเอาไว้ ท่านเคยบอกว่าผมจะรักคุณ แล้วผมก็รักจริงๆ แถมยังหลงด้วย หลงมากกก”พร้อมคำพูดเปรมินทร์ก็อุ้มร่างอรชรมานอนทับบนร่างแกร่ง ผิวเนื้อนุ่ม อกอวบอิ่ม ร่างสาวบดเบียดลงมาหาชายหนุ่มอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ กัญญานันเหมือนถูกดูดพลังงานไปจนหมด ไม่หลงเหลือแรงขัดขืนเขาด้วยซ้ำ“หลง แต่ชอบทำร้าย ชอบแกล้งเนี่ยนะคะ”มือบางตีอกกว้างเบาๆ เนื้อตัวเธอรู้สึกถึงมัดกล้ามเต็มแน่นช่วงหน้าท้องแกร่งและทั่วทั้งตัวของคนใต้ร่างเลยทีเดียว ใบหน้าหวานจึงออกอาการเขินอายเมื่อเห็นตาคมจ้องมาด้วยแววชอบอกชอบใจ“นี่เขาเรียกทำรักต่างหาก”เปรมินทร์ไม่บอกเปล่า แถมมือหนายังกดสะโพกเธอเข้าหาตัวเองซ้ำอีกจนกัญญานันต้องห้ามเสียงสั่น“อื้อ...ไม่เอาแล้วนะคะ”“เถอะน่า อีกครั้งหนึ่ง”“พอเถอะค่ะ ก้อยเหนื่อย”กัญญานันส่งสายตาขอร้องเต็มที่ เธอเพลียอยากนอนจะแย่อยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายกลับมันเขี้ยวอยากฟัดคนตัวเล็กมากกว่าจะอยากหยุด เพราะไม่ว่าหญิงสาวจะมองแบบไหนเปรมินทร์ก็รู้สึกเหมือนเธอกำลังเชิญชวนเขาทุกท
คนถูกฉุดรั้งชะงักด้วยความงุนงงกับอารมณ์ร้อนแรงของตน และคำพูดกำกวมของอีกฝ่าย ร่างอรชรหอบหายใจระรัว เพิ่งรู้ว่าเธอเหนื่อยหนักขนาดนี้ ทว่าก่อนจะถามอะไรชายหนุ่มก็พลิกกายให้เธอลงไปนอนใต้ร่างขณะมือก็ปลดเสื้อนอนเธอออกไปพร้อมกัน ไม่ลืมที่จะดึงปิ่นออกจากผมสลวยจนสยายแผ่บนที่นอนอย่างน่าหลงใหล“ผมอยากบอกรักคุณก่อน”“คะ?”ดวงหน้าหวานเหลอหลาด้วยความแปลกใจกับคำรักที่ออกมาจากปากเขาแสนง่าย หากแรงพิศวาสที่โหมอยู่ยังไม่ถูกปลดปล่อย สมองเธอจึงทำงานช้า ความสนใจอยู่ที่มัดกล้ามแน่นตึงบนเรือนกายกำยำที่ค่อยๆ อวดต่อสายตา เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เธอกล้ามองเขาตรงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเพราะอะไรผู้หญิงต่างก็หลงใหลได้ปลื้มสามีตนเองขณะเดียวกันร่างสูงที่ผละไปถอดเสื้อผ้าของตนก็จับจ้องผิวขาวนวลผ่องที่เผยพร้อมเรือนกายงามสล้างไม่วาง ตาคมคู่ดุกวาดมองขึ้นลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างครึ้มใจที่ตนเองได้เป็นเจ้าของความงามลออตาตรงหน้า ความภาคภูมิใจปะปนความรักหลงอัดแน่นอยู่ในอก เพราะได้ครอบครองทั้งเรือนร่างสวยกับหัวใจที่ดีงามของกัญญานัน“ผมรักทุกอย่างที่เป็นคุณ ทั้งดวงตา แก้ม ริมฝีปาก...”หลังจากทั้งร่างเปล่าเปลือยใบหน้าคมก็เลื่อนลงกระซิบพร้อม
กัญญานันไปส่งครอบครัวพร้อมกับเปรมินทร์และพี่ชายที่เชียงใหม่ แม้เธอจะบอกให้อีกฝ่ายพักผ่อนหลังจากทำแผลแล้ว แต่สุดท้ายเปรมินทร์ก็ยังเกาะติดภรรยาของตนไม่ยอมห่าง ส่วนทางด้านเพ็ญลงไปพักกับพ่อแม่ของตนในไร่ชั่วคราว กำลังอยู่ในช่วงคิดและพักใจ บนภูจึงมีสองสาวน้อยและคนขับรถซึ่งค่อนข้างมีอายุหน่อยของไร่กับภรรยาขึ้นมาอยู่แทน หากเพ็ญกลับมาก็ไม่มีปัญหาอะไร นอกจากมีแม่บ้านดูแลเพิ่มขึ้น เปรมินทร์ยินดีรับคนขับรถที่แต่งงานแล้วและมีอายุหน่อยมากกว่าคนโสด“ทานยาหรือยัง ข้อเท้าคุณเจ็บมากขึ้นอีกหรือเปล่า”เปรมินทร์ถามเมื่ออาบน้ำออกมาเห็นคนตัวเล็กกำลังนวดข้อเท้าอยู่“ทานแล้วค่ะ แค่เจ็บนิดหน่อย ไม่เท่าตอนที่เกิดเรื่องหรอกค่ะ”หมอในไร่ตรวจข้อเท้าให้หญิงสาวเพิ่มเติมหลังทำแผลให้ชายหนุ่ม แม้จะบอกว่าไม่ได้กระทบกระเทือนมากนัก“ผมนวดให้นะ”ร่างสูงใหญ่ขยับไปนั่งที่เตียงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเข้าไปใกล้คนตัวหอม แต่กัญญานันกลับส่ายหน้า“ได้ยังไงคะ มือคุณมีแผลอยู่”“ผมใช้มือซ้ายนวดให้”อีกฝ่ายยังพยายามจนเธอระอา แต่ก็ยังไม่ยอมอยู่ดี“ฉันนวดเองได้ค่ะ ว่าแต่คุณน่ะ ให้แผลโดนน้ำหรือเปล่าคะ มาให้ก้อยดูหน่อย”“คุณพูดว่าก้อยกับผมก็
“คุณพ่อกับคุณแม่จะกลับกรุงเทพฯ แล้วน่ะ แต่อยากขึ้นมาบนภู แล้วก็มาหาเราก่อนกลับด้วย”กิตติกรเป็นฝ่ายบอกเมื่อพบหน้าน้องสาว หญิงสาวเชิญทุกคนไปยังโต๊ะอาหาร ขณะที่เปรมินทร์เองก็มาถึงพอดี เขากำลังจะก้าวเข้าห้องอาหารขณะได้ยินประโยคคำพูดของคุณรุจีรัตน์“แม่กับคุณชายอยากมาไหว้เจ้ากับคุณเฮนรี่ ตรงที่ที่เกิดอุบัติเหตุด้วยน่ะ เห็นว่าเราเกิดเรื่องใกล้ๆ แถวนั้น คงเพราะเจ้าช่วยคุ้มครองเราถึงรอดมาได้ แม่อยากขอบคุณเจ้า”เปรมินทร์หน้าตึงขึ้น แต่ก็พยายามทำใจให้เย็นเข้าไว้ พยายามทำตัวให้เป็นคนมีเหตุผล ยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง และไม่วายปรายตามองลัลนาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปโอบไหล่บางของภรรยา หอมแก้มนวลแล้วยิ้มให้เมื่อเธอหันมาทำตาดุใส่ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ“งั้นเดี๋ยวก้อยจัดเครื่องเซ่นไหว้ให้นะคะ”“ไม่เป็นไรลูก แม่เตรียมทุกอย่างแล้วก็แวะไหว้เรียบร้อยแล้วจ้ะ”“อย่างนั้นเหรอคะ”กัญญานันหน้าจ๋อยไป เปรมินทร์จึงหันไปโอบไหล่พร้อมบอกเบาๆ“ถ้าคุณอยากขอบคุณเจ้าแม่ เดี๋ยวผมพาไปใหม่ก็ได้”“ใช่จ้ะลูก เดี๋ยวหนูไปอีกครั้งกับคุณมินทร์ก็ได้ แม่กับคุณชายแล้วก็น้องนางจะกลับกันวันนี้ ไฟลต์เที่ยงน่ะจ้ะ แม่เลยรีบจัดการทุกอย่างให
“ฉันไม่ต้องการให้คุณมาช่วย มาดูแล ปล่อยนะ ฉันไม่กลับ ฉันจะเป็นยังไงก็ช่าง ปล่อยฉันให้ตายเหมือนที่ปล่อยมอมแมมไปเลย”หนทางของคนที่จนมุมคือหันไปทุบตีต่อว่าอีกฝ่าย ขณะที่เขาพาเธอลงไปด้านล่างด้วยความรวดเร็ว น้ำเสียงสั่นเครือกับตากลมโตวาววับที่แดงเรื่อทำให้เปรมินทร์จับได้ว่าภรรยาโกรธตัวเองด้วยเรื่องอะไร เขาปรายตาไปทางเพื่อนสนิทที่นั่งรออยู่ตรงส่วนรับแขก“นายขับรถนะ”เปรมินทร์บอกกิตติกรแล้วพาร่างบอบบางเดินออกไปทันที ไม่สนใจเพื่อนสาวของเธอสองคนที่ได้ยินเสียงโวยวายแล้ววิ่งตามลงมา“ก้อย”สองสาวเรียกพร้อมกันแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้กิตติกรมองสองสาวแล้วยักไหล่ ก่อนจะวิ่งตามเพื่อนออกไปร่างสูงใหญ่พากัญญานันมาถึงรถ กดรีโมตก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งด้านหลังทั้งที่ยังอุ้มร่างบอบบางอยู่ วางเธอบนตักแกร่ง โอบเอาไว้ไม่ยอมปล่อย“ก้อยงอนผมเรื่องนี้?”เขาก้มลงถาม แล้วเมื่อเห็นเพื่อนขึ้นไปนั่งหน้าพวงมาลัยก็โยนกุญแจรถให้“ฉันไม่ได้งอน”กัญญานันเถียงกลับขณะหันไปสบตาพี่ชายอย่างร้องขอ“ขึ้นภู”เปรมินทร์บอกเพื่อนสั้นๆ ทำให้หญิงสาวในอ้อมกอดหันมามองเขาอย่างไม่พอใจ พร้อมผลักเขาพัลวัน เท้าก็ขยับดิ้นจนข้างที่เจ็บไปโดนที่นั่
เด็กๆ ทยอยกันกลับบ้านโดยมีผู้ปกครองมารับหลังจากหมดชั่วโมงสุดท้ายของช่วงบ่ายซึ่งสอนหลังเลิกเรียน สองหนุ่มลงจากรถแล้วเดินลิ่วสวนทางเข้าไป ด้านหน้าถัดจากประตูมีเคานเตอร์ต้อนรับอยู่ พนักงานกำลังยืนส่งผู้ปกครองกับเด็กๆ เมื่อเห็นสองหนุ่มก็ทำหน้างุนงง แต่เปรมินทร์ชิงพูดขึ้นก่อน“ก้อยมาที่นี่ใช่ไหม อยู่ไหน”“เอ่อ...”สาวพนักงานอึกอัก ทำให้เปรมินทร์ยิ่งหงุดหงิด รู้ว่าเธอไม่รู้จักเขา เพราะหลังจากวันทำบุญเขาก็ไม่ได้มาที่นี่อีก“ผมเป็นพี่สาวน้องก้อย กัญญานันน่ะ แล้วนี่สามีเขา น้องก้อยอยู่ที่นี่ใช่ไหมครับ”กิตติกรที่ใจเย็นกว่าอธิบาย ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ เธอเพิ่งเคยได้พบคุณกัญญานันหุ้นส่วนอีกคนของที่นี่วันนี้เอง และไม่เคยเจอสามีหรือพี่น้องเจ้านายมาก่อน“ใช่ค่ะ”“แล้วอยู่ไหน”เปรมินทร์ย้ำเสียงดุ“คุณสองกับคุณปรางลงมาส่งเด็กๆ เพิ่งขึ้นไปเมื่อสักครู่น่ะค่ะ คุณกัญญาไม่ได้ลงมาด้วย ฉันคิดว่าอาจจะกำลังพักผ่อนอยู่ชั้นสาม เพราะขาเธอยังเจ็บอยู่”แม้ว่าพนักงานสาวจะพูดจนจบประโยคทว่าเปรมินทร์ไม่ได้รอฟัง เขาพุ่งตัวเข้าไปด้านในตั้งแต่ได้ยินว่าชั้นสามแล้ว กิตติกรเอ่ยขอบคุณ ยิ้มให้อีกฝ่ายขำๆ แล้วก้าวตามไป สองห
“หึ...เสียหาย คุณเสียอะไรยังไง ช่วยแจงมาให้ฟังหน่อยสิ”คนถูกสวนหน้าชา เธอคิดว่าเปรมินทร์จะไม่กล้าพูด แต่เขากลับมาท้าเธอให้พูดแทน“ผมไม่อยากพูดถึงให้มันเสียปาก เพราะยังไงคุณก็เป็นพี่สาวเมียผม อยากจะใส่ไคล้ยังไงก็เชิญ แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า...”ในห้องยังคงมีแต่ความเงียบครอบคลุม เปรมินทร์หันไปยื่นข้อเสนอกับคุณชายพงศกรด้วยท่าทางที่แสนมั่นใจว่าตนเองอยู่เหนือกว่า“ถ้าคิดจะให้ผมเลิกกับก้อย ผมจะถอนหุ้นออกจากร้านที่ไอ้กลางจะมาเปิดสาขาที่เชียงใหม่ แล้วก็ยกเลิกสัญญาคู่ค้า ต้องจ่ายค่าเสียหายเท่าไรก็ได้ ผมยอม แต่ไปลองคิดดูดีๆ นะครับ ว่าผลกระทบที่ตามมาของใครจะมากกว่ากัน การขาดทุนระยะยาวที่พวกคุณพยายามแก้ปัญหาอยู่จะเป็นยังไง”ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืน จ้องมองใบหน้าของลัลนาชั่วแวบก่อนจะเมินไปทางอื่น“เอาล่ะ วันนี้ผมว่าเชิญทุกคนไปพักที่โรงแรมดีกว่าครับ เพราะดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจคนไข้สักเท่าไร กลาง...นายพาคุณน้าทั้งสองคุณกับน้องนายกลับไปก่อนเถอะ ฉันจัดการเรื่องห้องพักให้เรียบร้อยแล้ว”เมื่อเอ่ยเชิญอย่างเสียมารยาทแล้วเขาก็เดินเข้าไปในห้องพักของผู้ป่วย ทิ้งให้คุณชายพงศกรถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ลัลนากัดฟันแน่