“แล้วเธอ ทำไมไม่ทำงาน มัวงอมืองอเท้าเป็นคนพิการรึยังไง หยินเยว่ ฉันอดทนให้เธอโขกสับลูกสาวฉันมานานเกินไปแล้ว ต่อจากนี้ไปอย่าไปยุ่งกับถิงถิงมันอีก!!!” หลิวหยางตวาดใส่ภรรยาของตนอย่างไม่ไว้หน้า หยินเยว่มองเขาตาขวาง
“หึๆ ถ้าฉันจะยุ่งกับมันพี่จะทำไม มันต้องออกมาช่วยดูแลน้องสิ ในเมื่อพ่อมันไม่มีปัญญา มันเป็นลูก มันจะทิ้งให้น้องลำบากแล้วตัวมันมาสุขสบายอยู่ที่นั่นคนเดียวได้ยังไงกัน” หลิวหยางเอือมระอากับหยินเยว่ เขารู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้ความหลงครอบงำเขา จนยอมขายสมบัติที่มีทุกอย่างมาปรนเปรอนังจิ้งจอกตัวนี้ ที่วันนี้ได้แว้งกัดจะมาทำร้ายลูกของเขา ก่อนที่หลิวหยางจะได้พูดอะไรขึ้นมาอีก ต้าฉินก็เอ่ยขึ้นเสียงเย็น “เมื่อก่อนหลิว ถิงถิงอาจจะโดนป้าโขกสับ หรือใช้ได้ตามใจชอบ แต่ตอนนี้ป้าไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นแล้วล่ะ” “ทำไมยะ แล้วแกเป็นใคร จับพวกฉันมาทำไม!!!” หยินเยว่เอ่ยถามข่มความกลัว ดวงตาที่เกรี้ยวกราดของผู้ชายตรงหน้า น่ากลัวกว่าสามีของเธอที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก “เราต้องขอโทษคุณหลิวด้วยนะครับ ที่ต้องเชิญคุณมาด้วยวิธีนี้ นั่นก็เพราะตอนแรกเรายังไม่แน่ใจว่าคุณมีส่วนที่บังคับให้หลิวถิงถิงลาออกจากมหาวิทยาลัยหรือเปล่า เราเลยต้องพามาเพื่อสืบหาความจริง แต่ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่าคุณยังคงมีสัญชาตญาณของความเป็นพ่อ ไม่ได้ร่วมมือกับยังจิ้งจอกนี่” น้ำเสียงอ่อนลงเอ่ยขึ้นกับชายวัยกลางคน ก่อนที่ลูกน้องคนหนึ่งจะไปแก้มัดให้นายหลิวหยาง ชายวัยกลางคนมองอย่างงงๆ “ส่วนป้า เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อย คุณหลิว ผมคงต้องขอเวลาส่วนตัวคุยกับภรรยาจิ้งจอกของคุณสักหน่อย” เสียงเข้มหันไปบอกคนที่กำลังนั่งตัวสั่นมองไปที่สามีของตนที่ตอนนี้เป็นอิสระจากการถูกมัดแล้ว “ไม่นะพี่ อย่าทิ้งฉันนะ ซือเยว่กำลังรอฉันอยู่ ลูกกลับมาบ้านแล้วคงหิวแย่ ฉันต้องกลับบ้าน ปล่อยนะ!!! ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับพวกแก!!!” หยินเยว่อ้อนวอนผู้เป็นสามีที่กำลังลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินจากไป แต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อนึกถึงบุตรสาวคนเล็ก “คุณหลิวกลับไปก่อนนะครับ รับรองว่าผมจะส่งคุณหยินเยว่กลับบ้านอย่างปลอดภัย หลังจากเราทำความเข้าใจกันแล้ว” ต้าฉินบอกกับหลิวหยาง เขามองไปที่ใบหน้าภรรยาที่กำลังส่งสายตาอ้อนวอนมา ก่อนที่จะมองไปยังคนแปลกหน้าที่ดูก็รู้ว่าไม่น่าจะธรรมดา นี่ลูกเขาไปรู้จักกับคนพวกนี้ได้ยังไงกัน “ผมหวังว่าพวกคุณจะรับปาก ว่าจะไม่ทำร้ายผู้หญิง” หลิวหยางเอ่ย ถึงภรรยาจะเป็นคนไม่ดี แต่เธอก็มีลูกสาวกับเขา ลูกสาวที่อายุเพียง16ปี และตอนนี้น่าจะกำลังรออยู่ที่บ้าน “มะ..ไม่นะพี่หลิว พี่อย่าทิ้งฉันไปนะ...” หยินเยว่อ้อนวอน “คุยกับเขาสักหน่อยนะหยินเยว่ เผื่อเธอจะได้ดีขึ้น และเข้าใจอะไรง่ายขึ้น” หลิวหยางบอกก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับชายแปลกหน้าหนึ่งในสี่ หยินเยว่น้ำตาไหล ก่อนที่จะหันไปถามผู้ชายแปลกหน้าที่คิดว่าเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้อย่างใจกล้า “พวกแก........เป็นอะไรกับหลิวถิงถิง” “พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกับเธอหรอก แต่กับนายของเราน่ะเธอเป็น....” ต้าฉินบอกพร้อมรอยยิ้มที่เยือกเย็น “ใครเป็นนายพวกแก นังถิงถิงมันไปขายตัวให้นายแกใช่ไหม” ความคิดน่ารังเกียจยังออกมาจากปากของหญิงวัยกลางคนได้อย่างไม่รู้สึกผิด “หึๆ สมองอย่างป้าคงคิดได้แค่นี้สินะ ทำไมถ้าคุณหลิวเธอขายจริงๆ ป้าจะไปไถเงินจากเธออีกหรือไง” ต้าฉินหัวเราะออกมา ก่อนที่จะมองหน้าของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าอย่างรู้สึกเอือมระอา “กะ...ก็ มันยังมีน้องที่ต้องดูแลไง ถ้ามันมีเงินมันก็ต้องแบ่งมาให้น้องบ้างพวกนายว่าจริงไหมล่ะ” หยินเยว่เอาลูกสาวของตนมาอ้าง “หึๆ น้องที่ไม่ใช่น้องแท้ๆ น่ะหรอ” ต้าฉินแสยะยิ้ม หยินเยว่ตาเบิกกว้างอย่างตกใจ เธอไม่คิดว่าจะมีคนรู้ความลับเรื่องนี้ คนตรงหน้านี้รู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน "ถ้าป้ายังไม่อยากให้มีใครรู้เรื่องนี้ ก็จงใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาวอย่างสงบเสงี่ยม อย่าได้เสนอหน้าไปหาหลิวถิงถิงที่มหาวิทยาลัยอีก ถ้าป้าไม่ฟัง ป้าจะมาโอดครวญทีหลังไม่ได้นะ เพราะครั้งหน้าจะไม่ใช่แค่ป้าเท่านั้นที่โดนจับมา อาจจะมีลูกสาววัยกำลังโตของป้าด้วย" ต้าฉินบอกก่อนที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมา หยินเยว่รู้สึกหวาดกลัวผู้ชายตรงหน้าขึ้นมาทันทีทางด้านหลิวถิงถิงที่เพิ่งโดนแม่เลี้ยงใจร้ายมารังควานถึงมหาวิทยาลัยก็ตกเป็นเป้าสายตาของนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัย แต่สายตาที่มองมานั้นส่วนมากจะเป็นสายตาของความเห็นอกเห็นใจ และก็มีสายตาของคนบางกลุ่มที่มองมาด้วยสายตาสมเพช เวทนา และดูถูกดูแคลน จ้าวซือซืออดที่จะโมโหแทนเพื่อนไม่ได้จึงสบถออกไปจนคนพวกนั้นเดินหนีแทบไม่ทัน ใครบ้างจะไม่รู้จักจ้าวซือซือ คุณหนูตระกูลจ้าว ที่ฐานะทางบ้านติดความร่ำรวยในสิบอันดับของเมืองแอล “ไม่มีเรียนกันหรือไง มองมาอยู่ได้!!!” เสียงหวานดังขึ้นจนคนที่มองมาไม่รีบเดินจากไป ก็ก้มหน้าอ่านหนังสือในมือทันที “ไม่เอาน่าซือซือ พวกนั้นมีตามีปากก็ปล่อยพวกเขาพูดไปเถอะ เราไม่เป็นไรหรอก” หลิวถิงถิงบอกเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถิงถิง เธอก็ใจดีแบบนี้ทุกที คนพวกนี้มันถึงจ้องแต่จะกดเธอให้ต่ำลง บ้านจนแล้วไงวะ ไม่ได้ไปขอใครกินก็แล้วกัน” จ้าวซือซืออดที่จะบ่นให้เพื่อนรักไม่ได้ ก่อนที่เฉิน เหม่ยหานเดินมาหาที่โต๊ะที่ทั้งสองนั่งอยู่ “เป็นไงบ้างถิงถิง ฉันได้ข่าวว่าแม่เลี้ยงเธอมาด่าเธอที่นี่หรอ” เฉินเหม่ยหานถามเพื่อนใหม่ด้วยความเป็นห่วง เธอได้ยินเพื่อนๆที่ห้องคุยกันว่าแม่เลี้ยงของ
“เชิญ” น้ำเสียงติดเย็นชาเอ่ยดังขึ้น จางหลงเปิดออกก่อนที่จะเข้าไปรายงานนาย “ คุณชายครับ หวงจือหลิน มาถึงแล้วครับ คุณชายจะให้เธอเข้ามาเลยไหมครับ” จางหลงเข้ามารายงาน ซือมู่อันพยักหน้าส่งสัญญาณ จางหลงจึงโค้งคำนับก่อนที่จะเดินกลับไปยังที่ประตูแล้วกล่าวเชิญนางเอกสาวชื่อดังเข้ามา “เชิญครับคุณหวง อย่าลืมทำตามสัญญาที่เซ็นไปแล้วด้วยนะครับ คุณชายไม่ชอบให้ผมตามเก็บกวาดทีหลัง” จางหลงบอกหญิงสาวร่างบางก่อนที่จะโค้งคำนับให้และเดินออกห้องไป ดาราสาวสวยยกยิ้ม ในที่สุดวันที่เธอรอคอยก็มาถึง วันที่จะได้ขึ้นเตียงกับคุณชายซือสักครั้ง “ ไปอาบน้ำก่อนเถอะ ฉันไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมของเธอ ห้องน้ำอยู่ด้านโน้น ” เสียงเย็นเอ่ยออกมาจากปากหนาสีกุหลาบ ดาราสาวมองเขาอย่างตกตะลึง ตัวจริงเขาหล่อกว่ารูปภาพพวกนั้นอีก ก่อนที่เธอจะทำตามที่เขาต้องการโดยง่าย เธอเดินตรงไปตามทางที่เขาบอก ใช้เวลาผ่านไปไม่นานร่างบางที่มีผ้าขนหนูผืนเดียวห่มกายอยู่ก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำ งานนี้ไม่ใช่งานแรกของดาราสาว เธอร่วมรักกับคนในวงการมาบ้างแล้ว ไหนจะผู้กำกับและพวกผู้จัดละครอีก แต่การมาครั้งนี้มันทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างมาก สายตา
หลังจากการปลดปล่อยเมื่อครู่ที่ผ่านมา ซือมู่อันก็เดินเข้าห้องน้ำไปชำระล้างร่างกาย ก่อนที่จะเดินออกมาในชุดคลุมสีขาว สายตาของดาราสาวนั้นยังคงมองไปที่ชายหนุ่มอย่างหลงใหล หากเธอได้ครอบครองเขาคงจะดีไม่น้อย เพราะเขาทั้งหล่อ ทั้งรวย และเร้าใจ ความคิดด้านมืดทำให้เธอลืมคิดถึงผลที่จะตามมา“ไปอาบน้ำใส่เสื้อผ้าซะสิ อะนี่ ที่ตกลงกันไว้” ซือมู่อันบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนที่จะส่งเช็คให้กับดาราสาวที่เพิ่งจะร่วมเตียงกันไปก่อนหน้า “จะมีโอกาสที่จือหลินจะได้มารับใช้คุณชายอีกไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นขณะที่มือบางยื่นออกไปรับเช็คมาจากมือหนาของเขา ชายหนุ่มชะงัก ก่อนที่จะส่งสายตาเย็นชาแต่ดุดันมองไปที่เธอ “ถ้าเธออ่านสัญญา เธอจะรู้ดีว่าฉันไม่นิยมกินใครซ้ำ ต่อให้เด็ดขนาดไหนก็ไม่มีวัน” ชายหนุ่มประกาศกร้าวจนหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงต้องสะดุ้ง รีบคว้าเช้คมาก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำแล้วกลับออกมาในชุดเดิมเหมือนตอนที่เพิ่งมาถึงเรียบร้อย คุณชายซือไม่แม้แต่จะหันมามองหรือพูดคุยอะไรกับเธออีก สาวสวยอดที่จะเสียฟอร์มไม่ได้ ด้วยรูปร่างหน้าตา ที่ผ่านมาเธอทำให้คู่นอนคนก่อนๆ หลงใหลได้อยู่ไม่น้อย แต่รู้สึกว่าคงไม่ใช่ก
“อ้อ หลินหลิน ข่าวอะไรหรอ” ต้าฉินเอ่ยถามนักข่าวสาวเพื่อนสมัยเรียน “ก็เป็นรูปคุณชายซือกับดาราชื่อดังในโรงแรมน่ะ ดูๆ แล้วแม่ดารานี่น่าจะเซลฟี่เองนะเนี่ย จากมุมภาพ ไม่น่าจะโดนแอบถ่าย แถมยังเป็นในห้องนอนด้วย คุณชายซือรู้ตัวหรือเปล่าเนี่ย” หลินหลินบอกก่อนจะเอ่ยถาม “ขอบใจนะที่เธอโทรมาบอก เดี๋ยวเราจัดการเอง อย่าให้ข่าวนี้หลุดออกไปนะ เธอก็รู้ว่าคุณชายซือท่านไม่ชอบเป็นข่าวกับผู้หญิงคนไหน” ต้าฉินเอ่ยขอบคุณก่อนที่จะบอกเพื่อนสาวด้วยความหวังดี “อืม ก็ว่ามันแปลกๆ แหละเลยโทรมาถามก่อน แค่นี้แหละ ดูแลตัวเองด้วยนะนายน่ะ” หลินหลินวางสายไป หัวใจเย็นชาของบอดี้การ์ดหนุ่มรู้สึกอุ่นวาบ ก่อนที่แววตาจะวาวโรจน์ขึ้นมาด้วยความโกรธ ดูเหมือนว่าคู่นอนของนายคืนนี้จะโลภมากซะแล้ว เขาต้องรีบไปรายงานเรื่องนี้ให้คุณชายได้รู้ “บัดซบ!!! สงสัยไม่อยากจะอยู่ในวงการบันเทิงอีกแล้วสินะ หวงจือหลิน!!!!!” เสียงเกรี้ยวกราดดังออกมาจากปากหนาสีกุหลาบ หลังจากได้รู้เรื่องนี้จากบอดี้การ์ดมือขวาของตน เขารังเกียจที่สุดสำหรับผู้หญิงที่คิดจะจับเขาด้วยวิธีแบบนี้ “ใจเย็นๆ ก่อนนะครับคุณชาย เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจะจัดการให้เอง เบื้องต้นจะไม่ม
หนึ่งปีผ่านไป ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยในปีแรกของหลิวถิงถิงกับอีกสองสาวเพื่อนรักนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะกับหลิวถิงถิง ตั้งแต่วันนั้นที่แม่เลี้ยงมหาภัยของเธอโผล่มาบังคับข่มขู่ให้เธอลาออกจากมหาวิทยาลัย ซึ่งเธอก็ยืนกรานว่าจะไม่ออกแน่นอน เพราะนี่มันคืออนาคตของเธอ และคือทั้งหมดในชีวิตของเธอ เธอแอบงงอยู่ไม่น้อยที่แม่เลี้ยงใจร้ายของเธอยอมรามือแต่โดยดี ซึ่งมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ อันที่จริงบิดาของเธออาจจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่แม่เลี้ยงของเธอทำก็ได้ คิดได้แบบนั้นหลิวถิงถิงก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ อย่างน้อยบิดาก็ยังเห็นใจเธอบ้าง ส่วนพี่ชายของเธอนั้นเขาโทรมาหาเธอหลังจากที่แม่เลี้ยงมาหาเธอได้เพียงสองวันว่าเขามีงานทำแล้ว เป็นการ์ดอยู่ที่ผับแห่งหนึ่ง สร้างความดีใจให้กับสาวน้อยได้เป็นอย่างดี ที่พี่ชายหันหลังให้การพนันและหันหน้ามาทำงานทำการ “ปีนึงแล้วนะถิงถิง เธอยังไม่เคยเจอคุณชายซืออีกหรอ” เพื่อนคนหนึ่งในคณะเอ่ยถามขึ้น “อืม ทำไมเค้าต้องมาเจอเราด้วยล่ะ เราไม่ใช่คนสำคัญขนาดนั้นสักหน่อย ที่สำคัญเราก็เป็นแค่เด็กที่อยู่ภายใต้การอุปการะของเขาก็เท่านั้นเอง” หลิวถิงถิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่สนใจ เธอได้ยินคำถา
เมื่อได้เวลาประชุม ผู้บริหารทุกระดับของโรงแรมต่างเข้าร่วมประชุมครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่มีใครกล้าที่จะมาสายเลยสักครั้ง หากมีประกาศออกมาว่า คุณชายซือเปิดการประชุม ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่ประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกโดยสองบอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ไม่แพ้ผู้เป็นนาย ก่อนที่ร่างสูงสง่าของซือมู่อันจะก้าวเดินเข้ามาอย่างสง่างาม “สวัสดีครับ/ค่ะ คุณชายซือ” เสียงผู้บริหารทั้งชายหญิงทักทายประธานหนุ่มขึ้นพร้อมกัน “สวัสดีครับ ผู้บริหารทุกท่าน เชิญนั่งตามสบายครับ” เสียงเยือกเย็นแต่สุภาพเอ่ยขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาหากแต่เฉยชานั้นเป็นบุคลิกของคุณชายซือมู่อันที่พวกเขารู้จักมาตั้งแต่ต้น หากวันไหนที่มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคมนี้ คงจะเป็นวันที่ถ้าฝนไม่ตกใหญ่ก็คงแห้งแล้งไปทั้งปีอย่างแน่นอน “ที่ผมเรียกประชุมวันนี้ เพราะมันคือปัญหาที่สะสมมานาน ผมอยากจะทราบถึงเหตุผลว่า ทำไมอยู่ๆยอดจองเข้าพักของโรงแรมแห่งนี้ถึงได้ลดน้อยลง” เสียงราบเรียบเอ่ยถามออกไปจากปากหนาสีกุหลาบ“คือ โรงแรมของเราโดนลูกค้าคอมแพลนมาหลายครั้งมากแล้วครับ แล้วส่วนมากลูกค้าก็จะเป็นกลุ่มคนเดิมๆ” ผู้บริหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “กลุ่มเดิมๆ” เสียงสู
สนามยิงปืนขนาดใหญ่ในเมืองแอล “แกร๊ก ปังๆๆๆๆ .....ปัง ปัง ปัง ปัง” เสียงบรรจุกระสุนและเสียงลั่นไกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากว่าไม่ใส่หูฟังสำหรับเก็บเสียงแล้วล่ะก็ หูของทั้งคนยิงและคนที่อยู่ใกล้ๆ คงจะดับอย่างแน่นอน อารมณ์โกรธเคืองที่เกิดจากเรื่องราวภายในห้องประชุมที่มีก่อนหน้าเริ่มผ่อนคลายลงจากการที่ได้ระบายออกมา ร่างสูงสง่าถอดหูฟังออกจากศีรษะ ก่อนที่จะหันไปคุยกับบอดี้การ์ดมือขวา “แกว่าใครที่มันกล้ามาเล่นกับตระกูลซือ ต้าฉิน” “ผมว่า ต้องเป็นคนที่ทำธุรกิจเดียวกับคุณชายแน่นอนเลยครับ อีกไม่นานจางหลงคงจะสืบได้เรื่อง รอสักหน่อยเถอะครับ” ต้าฉินเป็นบอดี้การ์ดที่มีความใจเย็นและคอยเตือนสติซือมู่อันอยู่เสมอ “มันกล้ามากที่มาลองดีกับตระกูลซือ!!” เสียงกร้าวดังมาจากปากหนาสีกุหลาบ เขาหันหลังกลับไปก่อนที่จะหยิบหูฟังมาสวมใส่ไว้ที่ศีรษะเช่นเดิม มือหนาบรรจุกระสุนอย่างคล่องแคล่วชำนาญ ก่อนที่มือหนาจะจับกระบอกปืนจนมั่นและสาดกระสุนออกไปส่งเสียงดังไปทั่วทั้งบริเวณ หากแต่กระสุนทุกลูกที่ถูกยิงออกไปนั้นกลับเข้าเป้าจนเป้ากระดาษตรงกลางฉีกขาดจนโบ๋ คนที่เห็นต่างตกตะลึงในฝีมือของคุณชายซือ นักธุรกิจหนุ่มพันล้าน
ในกลุ่มรูมเมทของจ้าวซือซือไม่มีใครเลยที่ไม่สวย เรียกได้ว่ากลุ่มเบ้าหน้าฟ้าประทานทั้งสามคน แต่เพื่อนทั้งสองก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ ที่สามสาวต่างคณะนั้นยังไม่มีใครเลยที่มีแฟน หลายๆ คนเลยได้ให้ฉายาของกลุ่มหลิวถิงถิง จ้าวซือซือและเฉินเหม่ยหาน ว่าเย็นชาไร้หัวใจ แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่าทั้งสามสาวนั้นมีเป้าหมายในชีวิตของแต่ละคนอยู่“ซือซือพูดจริงๆนะ ถ้าถึงวันนั้นแล้วพี่ยังไม่มีใครและยังไม่เปลี่ยนใจ ซือซือจะให้โอกาสพี่แน่นะครับ” หลินเจียอีเอ่ยถามอย่างดีใจ จ้าวซือซือพยักหน้าน้อยๆ “เธอสองคนเป็นพยานให้พี่ด้วยนะ” เขาหันไปบอกสองสาวร่วมคณะของจ้าวซือซือ ซึ่งสองสาวที่กำลังนั่งอึ้งก็พยักหน้าขึ้นลงกันเป็นสัญญาณ นั่นแหละเลยทำให้หนุ่มหล่อรุ่นพี่ปี4คณะวิศวะเดินหน้าบานกลับออกไป“เฮ้ย เอาจริงดิ ถ้าเธอเรียนจบแล้วได้เป็นดาราดังแกจะยอมคบพี่เจียอีจริงๆ หรอ ฉันนี่ไม่อยากจะเชื่อนี่ถ้าได้ยินคนอื่นเล่าให้ฟังฉันคงจะไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าแก๊งนางฟ้าเย็นชาไร้หัวใจอย่างแกจะให้โอกาสใครเป็น” เพื่อนสาวคนแรกถามอย่างไม่อยากเชื่อ“อืม จริง จะกลัวไปทำไม ใจคนมันเปลี่ยนกันง่ายจะตาย กว่าจะถึงวันนั้น พี่เจียอีคงแต่งงานมีลูกมีเมียไปแล้
“ยินดีด้วยนะลี่หลิน คุณจางหลง ในที่สุดก็จะลงเอยกันเสียที” เจ้าของร้านคนสวยเอ่ยแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวทันทีที่เห็นคู่รักเดินเข้ามาในงานเลี้ยงขนาดเล็กภายในร้านของเธอ วันนี้ร้านของเธอปิดทำการขายหนึ่งวัน และได้นำขนมบางส่วนไปให้เด็กๆ ตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ทาน ส่วนสามีสุดหล่อแถมสายเปย์ก็มอบทุนการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาสในนามของตระกูลซือ“จ้ะ ขอบใจเธอมากนะที่ทำให้เราสองคนได้รู้จักกัน” ลี่หลินเอ่ยขึ้นขณะที่เดินมาจับมือเพื่อนสาวคนสวยที่ราศีคุณนายจับ ผิวขาวเนียนผุดผ่องตามประสาคนไม่ค่อยโดนแสงแดด“มันเป็นพรหมลิขิตมากกว่า จริงไหมคะคุณจางหลง” ซือถิงถิงเอ่ยออกมาพร้อมกับเอ่ยถามบอดี้การ์ดมือซ้ายของสามีหนุ่มยิ้มๆ “ใช่ครับคุณนาย” จางหลงตอบพร้อมยิ้มกว้างออกมา ‘อันที่จริงก็เพราะคุณนายหนีไปทำงานที่เมืองเอ็มอยู่กับลี่หลินนั่นแหละครับผมถึงได้เจอเธอ’ จางหลงคิดในใจหากแต่เขาไม่พูดออกมาเพราะการหนีไปครั้งนั้นของเธอทำให้คุณชายซือผู้ที่เคยเย็นชาของเขากลับกลายเป็นคุณชายซือผู้คลั่งรักและแสนอบอุ่นกับภรรยาและลูกๆ ทั้งสองในวันนี้ สองหนุ่มสาวทักทายเจ้าของร้านคนสวยอยู่สักพักก่อนที่จะเข้าไปเล่นกับคุณชายน้อยและคุณหนูน้
5 ปีผ่านไป สองแฝดน้อยเติบโตมาเป็นเด็กดี และด้วยไอคิวและอีคิวที่สูงกว่าเด็กทั่วไปเลยทำให้ทั้งสองเด็กน้อยถูกเรียกว่าเด็กอัจฉริยะ ทั้งลู่ชิงและลู่เหลียนต่างเป็นที่รักของครอบครัว ครูอาจารย์และเพื่อนๆ ทั้งชั้นเรียน เพราะความเก่ง ฉลาด และมีนิสัยน่ารักน่าเอ็นดู ไม่ถือว่าตนอยู่ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่หรือสูงส่ง ลู่ชิงและลู่เหลียนมีเพื่อนตั้งแต่ตระกูลธรรมดาไปจนถึงลูกเจ้าของบริษัท“แม่ครับ วันนี้ผมขอไปเตะบอลกับต้าเฟยนะครับ” เสียงเล็กๆ ของบุตรชายเอ่ยดังขึ้นหลังจากกลับมาจากโรงเรียน ต้าเฟยคือบุตรชายของต้าฉิน กับหลินหลิน ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานและมีลูกในทันทีทำให้สองเด็กน้อยมีอายุห่างกันแค่สิบเดือนเท่านั้น“แล้วลู่เหลียนจะไปอยู่ไหนล่ะคะพี่ลู่ชิง” น้องสาวที่คลอดห่างกันไม่กี่นาทีเอ่ยถามพี่ชายขึ้นเพราะต้าเฟยนั้นก็เป็นผู้ชาย เด็กวัยเดียวกันกับเธอนั้นไม่มีเลย มีก็แต่น้องซูหนี่ว์ บุตรสาวของคุณน้าซือซือ ซุปตาร์สาวเพื่อนของมารดาที่อายุน้อยกว่าเธอไปถึงสามปี น้องเพิ่งจะได้สองขวบ เพราะคุณน้าซือซือเพิ่งตกลงแต่งงานกับคุณลุงเจียอีที่ตามจีบคุณน้ามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย “เอาอย่างนี้ไหมคะลูก เดี๋ยวลู่เหลียนไปที
“ชอบเขาหรอวะจางหลง” ต้าฉินโพล่งถามขึ้นมาทันที จางหลงที่ยกน้ำขึ้นมากระดกพอดีน้ำแทบจะพุ่งพรวดออกจากปาก มือหนายกขึ้นมาเช็ดปากก่อนที่จะหันขวับไปมองใบหน้าหล่อเหลาของไอ้เพื่อนสนิท “เออ...ว่าแต่อาการของข้ามันมองออกขนาดนั้นเลยหรอวะ” จางหลงเอ่ยถามขึ้นเสียงหลง “มาก ไม่ค่อยแสดงออกเลยฮ่าๆๆ” “เออ..ใครมันจะไปเก็บความรู้สึกเก่งแบบแก ระวังเถอะ ระวังสุนัขคาบไปรับประทาน แม่นักข่าวสาวเพื่อนสนิทของแกน่ะ” จางหลงไม่ยอมให้เพื่อนมาแขวะอยู่ฝ่ายเดียว เลยเอาความลับที่รู้มาแขวะเพื่อนกลับไปเช่นกัน ต้าฉินมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างตกใจ “เฮ้ย!! แล้วแกรู้ได้ไงวะ ฉันไม่เคยแสดงออกเลยนะ” ต้าฉินอุทานพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัยปนตกใจ “ก็แกน่ะคบผู้หญิงสักคนที่ไหน ก็เห็นจะมีแต่หลินหลินคนเดียวที่แกคุยด้วย โถ่!! ไอ้ต้าฉินอย่าคิดว่าแกถือไพ่เหนือกว่าคนเดียวสิวะ ขนาดเรื่องนี้คุณชายยังรู้เลยฮ่าๆๆๆ” จางหลงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ต้าฉินตาเบิกโพลงเขาไม่คิดว่าคุณชายผู้ที่ไม่สนใจเรื่องราวใดๆ แต่ดันมารู้เรื่องของหัวใจที่เขาปิดบังเอาไว้สองหนุ่มหยอกล้อกันระหว่างที่นั่งคุมเชิงอยู่หน้าห้องพักฟื้นVVIPของคุณนายซือ
หกเดือนต่อมา และแล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงวันที่สองแฝดน้อยได้กำหนดการในการลืมตามาดูโลก คุณนายใหญ่ดูจะเป็นผู้ที่ตื่นเต้นกว่าใครทั้งหมด ด้วยยังไม่รู้ว่าหลานๆ ของตนนั้นเป็นเพศไหน เพราะทั้งบุตรชายและสะใภ้ต่างอยากจะรอลุ้นในวันคลอดทีเดียว ผู้เป็นย่าจึงทำได้แค่เพียงรอคอยและเตรียมชื่อไว้ให้สองแฝดเท่านั้น ซือมู่อันตื่นเต้นไม่แพ้กัน เขาคอยทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่ภรรยาสาวมาเป็นอย่างดี แถมเขายังงดเรื่องบนเตียงมาได้เกือบสามเดือนแล้ว เนื่องจากกลัวว่าจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกน้อยทั้งสอง ซือถิงถิงเคยพูดเล่นให้เขาไปทำแบบเดิมช่วงที่เธอไม่สามารถมอบความสุขให้เขาได้ แต่ผู้ชายแบบเขาก็ไม่มีทางผิดคำพูดที่เคยให้ไว้กับภรรยาเด็ดขาด เขาเลือกที่จะช่วยตนเองและออกกำลังกาย แทนการไปปลดปล่อยกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตน “สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะพี่ตงตง ถิงถิงเข้าห้องคลอดไปนานหรือยังคะ” เสียงหวานจากซุปตาร์สาวที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในขณะนี้เอ่ยทักทายครอบครัวของเพื่อนสนิท ก่อนที่จะถามถึงเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “อ้าว สวัสดีจ้ะหนูซือซือ เข้าไปได้สักพักแล้วจ้ะ เห็นว่าจะคลอดเองนะ แม่ก็อดท
หลิวถิงถิงเขินจนหน้าแดง ก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ของสามีหนุ่มอย่างหมั่นไส้ และหันไปมองสองบอดี้การ์ดหนุ่มข้างหลังก็พบว่าคนทั้งคู่กำลังมองไปทางอื่นเลยถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างรู้สึกโล่งใจที่สองบอดี้การ์ดหนุ่มไม่ทันเห็น แต่หารู้ไม่ว่าริมฝีปากหนาของทั้งจางหลงและต้าฉินยกยิ้มขึ้นมาอย่างขบขันเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่แผนกบัญชีและการเงิน ร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสีขาวลายดอกไม้ก็เดินออกมาจากลิฟต์อย่างสง่างาม พร้อมด้วยบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างจางหลงที่มาคอยดูแลความปลอดภัยให้กับคุณนายซือ สี่สาวและสองหนุ่มมองมาที่หญิงสาวในสถานะใหม่อย่างตกตะลึง ก่อนที่ทุกคนจะรีบเดินออกมายืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานเพื่อต้อนรับคุณนายซือ“สวัสดีค่ะพี่จินหยูและพี่ๆ ทุกคน สบายดีกันไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ผู้จัดการแผนกมองไปที่หญิงสาวที่มีรูปร่างอวบอิ่มอย่างตื่นเต้นและดีใจ“พี่สบายดีค่ะ น้องถิงถิง เอ่อ...คุณนายซือก็สบายดีใช่ไหมคะ” หญิงสูงวัยกว่าทักทายกลับก่อนที่จะเอ่ยถามภรรยาของท่านประธาน“เรียกว่าถิงถิงเหมือนเดิมก็ได้ค่ะพี่จินหยู พี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะ”“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้น้องถิงถิง..เอ
เรือนร่างบอบบางเปลือยเปล่านอนกอดก่ายอยู่บนเรือนร่างหนั่นแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสามีหมาดๆ เปลือกตาบางหลับพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากผ่านค่ำคืนที่บ่งบอกว่าเธอและเขาคือคนคนเดียวกันโดยสมบูรณ์ วงแขนอบอุ่นโอบกอดเธอเอาไว้ราวกับไม่ต้องการให้เธอจากไปไหน แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องเป็นการเตือนว่าเช้านี้ทั้งสองชีวิตได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตคู่อย่างแท้จริงแล้ว ร่างหนาของซือมู่อันค่อยๆ ขยับร่างระหงของภรรยาสาวที่ยังนอนหลับอยู่บนหน้าอกของเขาด้วยสีหน้าที่แสดงออกมาถึงความสุข มือเรียวดึงผ้าห่มมาคลุมร่างอวบอิ่มของภรรยาสาวเอาไว้ก่อนที่สายตาคมที่ทอแสงแห่งความอบอุ่นส่งไปยามมองไปที่ใบหน้าสวย เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอนก่อนที่จะตรงไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ในเวลาต่อมาร่างหนาในชุดคลุมสีขาวเดินตรงไปยังส่วนของห้องครัว มื้อนี้เขาจะเป็นคนลงมือทำอาหารเช้ามื้อแรกสำหรับภรรยาคนสวยของเขา ขณะที่มือเรียวยาวของพ่อครัวหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำลังจับตะหลิวคนโจ๊กร้อนๆ อยู่ที่หน้าเตา ช่วงเอวสอบก็ถูกลำแขนเสลาสอดเข้ามากอดจากทางด้านหลัง ริมฝีปากบางสีกุหลาบยกยิ้มขึ้นมาอย่างอบอุ่น“กำลังทำอะไรอยู่คะ...คุณสามี” เสียงหว
การที่ไม่จัดพิธีฉลองมงคลสมรสแบบสากลในตอนเย็นนั้นเป็นความต้องการของเจ้าสาวเอง ไม่ใช่เพราะเธออยากที่จะช่วยทางเจ้าบ่าวประหยัดงบหนือเกรงใจ แต่เป็นเพราะช่วงนี้เธอรู้สึกเพลียง่ายและง่วงนอนเร็ว เลยเลือกที่จะทำพิธีแบบจีนอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเจ้าบ่าวอย่างคุณชายซือก็ไม่ขัด ถึงแม้ว่ามารดาจะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตาม เพราะความที่อยากจะกู้ศักดิ์ศรีให้กับลูกสะใภ้ แต่ก็ต้องจำยอมเพราะเธอเอาหลานๆ ในท้องมาอ้างว่าหากเธอเพลียอาจจะไม่เป็นผลดีกับสองแฝดน้อยในครรภ์คอนโดสุดหรูใจกลางเมืองแอลพอรถจอดซือมู่อันก็อุ้มร่างบอบบางที่เริ่มอวบอิ่มมีน้ำมีนวลของภรรยาขึ้นก่อนที่สองขาแข็งแรงจะก้าวยาวๆ ตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัว ใบหน้าหวานขึ้นสีเลือดฝาดขึ้นมาทันทีที่มองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย ทั้งสองได้จดทะเบียนสมรสกันก่อนที่จะจัดพิธีแต่งงานมาได้สัปดาห์หนึ่งแล้ว คนถูกมองเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าภรรยาตัวน้อยในอ้อมแขนแข็งแรงของเขาแอบมองเขาอยู่ แต่นั่นไม่จริงเลยสักนิด เขากำลังตั้งใจอุ้มเธอด้วยความระมัดระวังเพราะมีลูกๆ สองคนอยู่ในท้องของเธอ ประตูคอนโดถูกเปิดออกโดยสองหนุ่มบอดี้ก
หนึ่งเดือนต่อมาวันนี้เป็นวันที่ใครหลายคนเฝ้าจับตาและรอคอย นั่นก็คือวันแต่งงานของทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลซือซึ่งงานนั้นถูกจัดขึ้นภายในอาณาจักรตระกูลซือที่มีพื้นที่เกือบร้อยไร่ และเหตุผลที่เลือกจัดงานโดยใช้สถานที่เดียวในวันนี้ก็เพราะที่บ้านของเจ้าสาวนั้นค่อนข้างที่จะคับแคบ คุณนายใหญ่แห่งตระกูลซือเลยออกความเห็นว่าให้จัดที่บ้านเจ้าบ่าวและไปเข้าหอกันที่คอนโดสุดหรูใจกลางเมืองของเจ้าบ่าว ทางฝ่ายเจ้าสาวที่มีญาติเหลือเพียงสองคนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรภายในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม มีเจ้าสาวแสนสวยในชุดกี่เพ้าสีแดงสไตล์เรียบหรูแบบผสมผสานระหว่างจีนกับยุโรป ทรงผมถูกทักเปียเก็บอย่างสวยงามมีปิ่นเงินปิ่นทองและใบทับทิมพร้อมดอกไม้สดประดับอยู่ข้างหลังส่งกลิ่นหอมอบอวลด้วยเจ้าสาวนั้นชอบกลิ่นของมันจึงไม่ใช่ปัญหาของอาการแพ้ท้องที่ตอนนี้ครบกำหนดสามเดือนแล้ว ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดี ร่างระหงกำลังนั่งรอเจ้าบ่าวมารับตัวเพื่อลงไปประกอบพิธี ขั้นตอนนี้ผ่านพิธีมอบสินสอดและสวมแหวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่รอให้เจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวพาไปเข้าหอ “เธอสวยมากเล
หลิวถิงถิงมองพนักงานทั้งสองด้วยรอยยิ้ม เธอยังไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากนั้นผู้หญิงทั้งสองคือใคร เสียงดนตรีบรรเลงเพลงสากลขึ้นมาเบาๆ ซึ่งเธอก็จำได้ว่ามันเป็นเพลง Perfect ของEd Sheeran และมาถึงช่วงจังหวะทำนองWell, I found a woman, stronger than anyone I knowShe shares my dreams, I hope that someday I'll share her homeI found a love, to carry more than just my secretsTo carry love, to carry children of our own ร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายซือก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินเข้าไปคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าเธอ บริกรสาวภายใต้หน้ากากเปิดฝาที่ครอบถาดกลมเอาไว้ออก ซึ่งเผยให้เห็นว่าภายในมีกระปุกกลมสีทองวางอยู่ มือเรียวของซือมู่อันยื่นไปหยิบมาถือไว้ หลิวถิงถิงรู้สึกใจเต้นแรงแทบจะไม่เป็นจังหวะก่อนที่เธอจะมองไปที่บริกรสาวทั้งสองอย่างคุ้นเคย หากแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรออกไป กล่องสีทองก็ถูกว่าที่สามีสุดหล่อของเธอเปิดออกตรงหน้า แหวนเพชรวงเล็กแต่มีเพชรล้อมรอบส่งแสงระยิบระยับดูงามตา พอถึงตอนนี้เธอจึงเข้าใจทันทีว่าเธอกำลังถูกเขาขอแต่งงาน “มาเป็นคน