หลังจากที่มีข่าวว่าหลิวถิงถิงออกไปกับคุณชายซือช่วงพักกลางวันของเมื่อวาน เธอก็ตกเป็นเป้าสายตาของสาวๆ ในมหาวิทยาลัยทันที คนที่กล้าๆ หน่อยก็จะเข้ามาถามเธอถึงเหตุการณ์เมื่อวาน
“เธอ หลิวถิงถิงใช่ไหม” รุ่นพี่คนหนึ่งเดินมาถามขณะที่เธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่กับเพื่อนๆ ร่วมคณะ “ใช่ มีอะไรกับดิฉันหรือคะ” เสียงหวานขานรับ “เมื่อวานคุณชายซือพาเธอไปที่ไหนมาอะ” สาวสวยรุ่นพี่ถามขึ้นด้วยความสงสัย เธอมากับเพื่อนสนิทอีกสองคน ทำให้สามคนจ้องใบหน้าสวยของหลิวถิงถิงเขม็ง“ก็พาไปทานข้าว แล้วก็ถามไถ่เกี่ยวกับการเรียน และก็ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละเดือน ก็แค่นี้เองจ้ะ” หลิวถิงถิงตอบน้ำเสียงราบเรียบจนรุ่นพี่อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ “หึ นึกว่าตัวเองสวยมากล่ะสิท่า ก็แค่เด็กในอุปการะไม่ใช่เมียเขาสักหน่อย” รุ่นพี่อีกคนเอ่ยขึ้น เพื่อนๆ ในคณะของหลิวถิงถิงต่างมองไปที่ใบหน้าของรุ่นพี่คนนั้นอย่างขุ่นเคือง เพื่อนๆ รู้จักหลิวถิงถิงดีว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะเอาตัวเข้าแลกเพื่อใหทางด้านหลิวถิงถิงที่ไม่รู้ว่ามีคนแอบปองร้ายก็ใช้ชีวิตตามปกติ ไปไหนมาไหนกับสองเพื่อนสนิทเช่นเดิม เธอไม่รู้ตัวเลยว่าบุคคลที่รายล้อมตัวเธอนั้น มีคนของซือมู่อันกระจายอยู่มากมายแค่ไหน “ถิงถิง คุณชายซือยังทักมาถามไถ่ความเป็นอยู่ของเธออีกหรือเปล่าอะ” จ้าวซือซือเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้“ก็ไม่นะ ตั้งแต่เมื่อวานที่กลับไป เขาก็ไม่ได้ทักมาถามอะไรฉันอีกเลย” หลิวถิงถิงบอกขณะที่กำลังเดินกลับหอพักกับอีกสองสาว“มันก็ไม่แปลกนะ เพราะเขาจะทักมาถามอีกทำไมในเมื่อเขาเพิ่งจะมาเจอยัยถิงถิงของพวกเราไปเอง” เฉินเหม่ยหานเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังสไลด์หน้าจอสมาร์ทโฟนของตนอยู่ “ฉันถามเธอจริงๆ จากใจเลยนะถิงถิง เธอแอบหวั่นไหวกับคุณชายซือบ้างไหม ได้ไปเจอเขาใกล้ๆ ซะขนาดนั้น” จ้าวซือซืออดที่จะถามความรู้สึกของเพื่อนสนิทไม่ได้ ผู้หญิงทุกคนหากใครได้ใกล้เขามีแต่คนหวั่นไหวกับความหล่อเหลาเย็นชาของเขาแทบจะทุกคน แล้วยัยถิงถิงคนซื่อคนนี้ล่ะ จะหวั่นไหวบ้างไหม หลิวถิงถิงนิ่งคิดก่อนที่จะเอ่ยออกมา “ฉันรู้สึกเคารพเขามากกว่า เข
หลังจากที่ชายชุดดำถูกจับโยนเข้ามาภายในรถที่ติดฟิล์มดำเขาก็ต้องตกใจจนฉี่แทบราด เพราะเขาได้เจอกับผู้ชายที่ใครๆ ในเมืองแอลต่างก็ไม่อยากที่จะเจอในสถานการณ์แบบนี้ ดวงตาคมของซือมู่อันจ้องเขม็งไปยังคนที่บังอาจมายุ่งกับคนของเขาจนอีกฝ่ายตัวสั่นจนต้องหลบสายตา “ใครสั่งมึงมา!!!!” เสียงเข้มดังขึ้นอย่างเย็นชาจนคนฟังตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม“ค่ะ..คุณ....ชาย.... ผ่ะ....ผม....”“ถ้ามึงไม่ยอมพูด กูจะไม่ให้มึงได้พูดไปตลอดชีวิต!!” ซือมู่อันตวาดใส่ด้วยความโมโห ในขณะที่เขาคอยดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับสาวน้อย กลับมีใครบางคนจ้องจะทำลายเธอ“ย่ะ...อย่า....ผ่ะ....ผม......บอกแล้วครับ” ชายชุดดำรีบบอกอย่างลนลาน เขาไม่อยากแลกชีวิตของตนกับเงินแค่นั้นหรอก“ใคร!!!!!” เสียงเหี้ยมเอ่ยถามย้ำขึ้น“คุณหยุนครับ เธอเป็นนักศึกษาปีสี่ของที่นี่” คำตอบของคนตรงหน้าทำเอาเขายิ่งโมโห“หยุนไหนวะต้าฉิน จางหลง!!” เสียงเยือกเย็นเอ่ยถามบอดี้การ์ดคนสนิท“คุณหยุนจินเฉิน ลูกสาวของตระกูลหยุนท
ทางด้านตระกูลหยุนที่เดือดร้อนจากการกระทำของบุตรสาวเพียงคนเดียวนั้นเพิ่งจะได้รับสารจากคุณชายซือเรื่องที่บุตรสาวไปยุ่งกับคนของเขา ผู้นำตระกูลอย่างหยุนต้าตงถึงกับกุมขมับ ที่บุตรสาวเพียงคนเดียวของตนไปสร้างเรื่องเอาไว้ หากแต่ในสารของคุณชายซือบอกให้เธอต้องไปขอโทษผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอไปหาเรื่องภายในมหาวิทยาลัยแอลซะก่อน แล้วเส้นทางเดินเรือจะกลับมาเป็นปกติ ส่วนทางอากาศจะกลับมาเป็นปกติได้ก็ต่อเมื่อหยุนจินเฉินย้ายมหาวิทยาลัยไปจากเมืองแอลแล้วนั่นเอง“นังลูกโง่ ยุ่งกับคนของใครไม่ยุ่ง ไปยุ่งกับคนของตระกูลซือ มันน่านัก” หยุนต้าตงสบถออกมาอย่างห้ามไม่ได้ หากบุตรสาวของตนไม่ยอมทำตามที่คุณชายซือต้องการมีหวังธุรกิจของตระกูลของเขาต้องมาสิ้นสุดอยู่ที่เขาแน่นอน “พี่อย่าว่าลูกเลยนะคะ ลูกยังเด็กอยู่ แกอาจจะทำอะไรไม่คิด” หยุนซือหยินพยายามเกลี้ยกล่อมสามีให้ใจเย็นลง “เธอก็เป็นแบบนี้ทุกที ชอบใช้เงินตัดสินปัญหาให้ลูกจนมันเคยตัวไม่กลัวที่จะต้องทำร้ายใครแล้ว ซือหยิน เธอควรพิจารณาตัวเองได้แล้วนะ ว่าเธอเป็นแม่ที่ดีแล้วหรือ” หยุนต้าตงหันมาบ่นภรรยาแท
หลังจากที่ทางหยุนจินเฉินได้ไปขอโทษหลิวถิงถิง และได้ย้ายออกไปอยู่เมืองอื่นตามความต้องการของคุณชายซือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เส้นทางการขนส่งของบริษัทตระกูลหยุนก็กลับมาใช้งานได้เป็นปกติ หยุนต้าตงรู้สึกสบายใจขึ้น อย่างน้อยคุณชายซือก็เป็นคนพูดจริงทำจริง หากเขารับปากแล้วเขาก็จะทำตามที่เขาพูดไว้ เพื่อสถานะทางการเงิน สถานะทางสังคม และรักษาหน้าตาของวงศ์ตระกูล เขาจำต้องส่งบุตรสาวเพียงคนเดียวให้ไปเรียนที่เมืองอื่น นี่เป็นเหตุผลว่าไม่ควรที่จะไปยุ่งกับทุกอย่างที่เกี่ยวกับตระกูลซือ“คุณชายครับ วันนี้มีนัดคุยเรื่องการขยายห้างสรรพสินค้าสาขาใหม่ไปเมืองเอ็มครับ” ต้าฉินรายงานผู้เป็นนาย“คุณฟางถงมาคุยเองใช่ไหม” เสียงเย็นเอ่ยถามมือขวาของตน ฟางถงเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงจากเมืองเอ็ม เขาเป็นรุ่นน้องของซือมู่อันที่อเมริกา เรียกได้ว่าทั้งสองคนรู้จักกันดีเลยก็ว่าได้“ครับ ตอนนี้คุณฟางถงเดินทางมาถึงเมืองแอลแล้วครับ เวลานี้ก็น่าจะพักผ่อนอยู่ที่โรงแรมที่เราจัดไว้ให้ ทางเรานัดหมายคุณฟางถงไว้เวลาบ่ายโมงครับ” ต้าฉินรายงานอย่างฉะฉาน ซือมู่อันพยักหน้ารับรู้ ต้าฉินจึงเดิน
ห้องท่านประธานก๊อก...ก๊อก....ก๊อก....... “เชิญ” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่จะปรากฏร่างหนาของน้องชายต่างสายเลือดที่รักและนับถือกันราวกับคลานตามกันมา “ฟางถง!!!” เสียงอุทานดังมาจากปากหนาสีกุหลาบ “สวัสดีครับพี่มู่อัน” รอยยิ้มทะเล้นถูกส่งไปจากใบหน้าหล่อตี๋ “เป็นไง สบายดีนะแกน่ะ” ซือมู่อันลุกจากที่นั่งท่านประทานก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะรับแขกแล้วผายมือเชิญให้ฟางถงนั่งลงไม่ห่างกัน ฟางหลงเดินลงไปนั่งยังเก้าอี้ที่ถัดจากที่นั่งของซือมู่อันเพียงหนึ่งตัว“สบายดี ได้ข่าวว่าพี่เลี้ยงเด็กไว้ไม่ใช่หรอ สวยไหมครับ ขอดูหน้าหน่อยสิฮ่าๆๆ” ฟางถงตอบก่อนที่จะเอ่ยแซวพี่ชายต่างสายเลือดขึ้นมาทันที ซือมู่อันนิ่วหน้าก่อนที่จะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ารู้ได้ยังไง“หึๆ พี่มู่อัน ผมน่ะตั้งแต่คบกับพี่มายังไม่เคยเห็นพี่จะเลี้ยงดูผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย ตอบมาคนนี้พิเศษยังไง” ฟางถงจี้ถามซือมู่อันอย่างสงสัย เขานิ่งคิดสักครู่ก่อนที่จะตอบออกมา
หลังจากที่ฟางถงเดินทางกลับจากการพบปะซือมู่อัน เขาก็รีบตรงไปยังโรงแรมที่มีคนที่เขาคิดถึงอยู่เต็มหัวใจ แต่พอกลับไปถึงที่ห้อง กลับพบแต่ความว่างเปล่า ฟางถงรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะสั่งบอดี้การ์ดเสียงกร้าว “ไปสืบมาว่าบ้านของฉินเวยเวยอยู่ที่ไหน” หนึ่งในบอดี้การ์ดรับคำสั่งก่อนที่เขาจะออกไปจัดการตามที่ผู้เป็นนายต้องการ “เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกแม่แมวน้อย” ฟางถงเอ่ยขึ้นขณะอยู่เพียงลำพัง ปากหนายกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ทางด้านของฉินเวยเวยก็หอบเอาร่างบางของตนกลับไปยังคอนโดหรู เพราะถ้าหากเธอกลับบ้านเวลานี้ ป๊ากับม๊าของเธอต้องซักถามถึงร่องรอยนอกร่มผ้าตามร่างกายของเธอแน่ๆ ผู้ชายคนนั้น ช่างใจร้ายกับเธอเสียจริงๆ พอได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ เขาก็ทิ้งเธอไป ฉินเวยเวยน้ำตาไหลออกมาด้วยความรู้สึกน้อยใจ เธอหลงรักเขาจริงๆ “ฉันจะไม่ยอมเจอหน้าคนแบบนายอีกแล้ว ฟางถง!!” ฉินเวยเวยเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตา ร่างบางเดินตรงไปยังห้องน้ำก่อนที่จะชำระล้างร่างกายและออกมานอนสลบเพราะความเหนื่อยล้าอยู่บนเตียงนุ่มของตน“นายครับ คนของเรารายงานมาว่าคุณฉินไม่ได้กลับไปที่บ้านของเธอครับ” บอดี้การ์ดของฟางถงเข้ามารายงาน
“ผมชอบคุณ ฉินเวยเวย” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาคู่สวย มือบางยกขึ้นมาก่อนที่จะลูบไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้า “จะ...จริงๆ ...หรือคะ” ฉินเวยเวยเอ่ยถามอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อ คนที่เธอแอบรักเขานั้นจะรักเธอตอบจริงๆ เธอคิดแค่ว่าเขาคงอยากจะสนุกกับเธอเท่านั้น “เอาจริงๆ วันนี้ที่ผมเห็นคุณกอดกับผู้ชายคนนั้นที่สนามบิน ผมหึงคุณมาก เลยทำให้ผมขาดสติลากคุณมาลงโทษนั่นไง” ฟางถงสารภาพความในใจออกมา ก่อนที่จะโอบรัดร่างบางให้แน่นขึ้น “เขาเป็นเพื่อนของดิฉันเองค่ะ” ฉินเวยเวยตอบก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมา ‘ที่แท้เขาก็หึงเธอนี่เอง’ หญิงสาวคิดในใจ ก่อนที่จะกดจูบลงบนแก้มเนียนของชายหนุ่ม ฟางถงตาโตกับสัมผัสที่ได้รับจากหญิงสาวที่เขาเฝ้าเอาแต่คิดถึงมาตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ไม่ได้เจอกับเธอ การมาเมืองแอลครั้งนี้ไม่ใช่แค่การมาพบพี่ชายคนสนิทอย่างซือมู่อันเท่านั้น หากแต่เป็นการมาตามหาหัวใจของเขาเองด้วย และวันนี้เขาก็โชคดีที่ได้พบเธอที่สนามบินพอดี หากแต่พบด้วยสถานการณ์ที่เข้าใจผิด เขาเลยสร้างรอยรักเอาไว้บนร่างกายของเธอมากมาย “ตกลงไหม เรามาคบกันอย่างจริงจังดีไหมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอ
เรื่องราวของฟางถงกับฉินเวยเวยดูท่าจะจบลงไปด้วยดี เพราะตั้งแต่วันนั้นฟางถงก็เข้าไปแนะนำตัวกับครอบครัวของฉินเวยเวย ว่าเขากำลังคบหากับเธออยู่ ซึ่งแน่นอนว่าตระกูลฉินไม่มีใครกล้าปฎิเสธ เพราะหากเมืองแอลมีคุณชายซือเป็นผู้ที่มีอิทธิพล เมืองเอ็มก็มีเขาเป็นผู้กว้างขวางเช่นกัน ทางบิดาของฉินเวยเวยนั้นพอใจในตัวลูกสาวเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะพลาดจากคุณชายซือในครั้งแรก แต่บุตรสาวก็สามารถคว้ามิตรแท้ข้างกายอย่างฟางถงมาเป็นคนรักได้ ฟางถงจึงได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีในฐานะแฟนของฉินเวยเวยทางด้านซือมู่อันที่รู้ข่าว เขาก็รู้สึกยินดีไปกับน้องชายต่างสายเลือดไม่ได้ ถึงการพบเจอกันครั้งแรกระหว่างเขากับฉินเวยเวยจะไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ หากแต่เขาก็ไม่ได้ล่วงเกินเธอ มาวันนี้เขารู้สึกโล่งใจอยู่ไม่น้อย ที่เขากับน้องชายคนนี้ไม่ได้ใช้ผู้หญิงร่วมกัน“จางหลง วันนี้ฉันต้องการไปตรวจเยี่ยมผับทางเหนือ” เสียงเย็นขรึมของซือมู่อันดังขึ้นขณะที่เดินเข้าบริษัทกับบอดี้การ์ดมือซ้าย ตอนนี้เขาส่งมือขวาอย่างต้าฉินให้ไปคอยดูแลหลิวถิงถิง“คิดยังไงอยากไปผับทางเหนือครับคุณชาย” จางหลง
“ยินดีด้วยนะลี่หลิน คุณจางหลง ในที่สุดก็จะลงเอยกันเสียที” เจ้าของร้านคนสวยเอ่ยแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวทันทีที่เห็นคู่รักเดินเข้ามาในงานเลี้ยงขนาดเล็กภายในร้านของเธอ วันนี้ร้านของเธอปิดทำการขายหนึ่งวัน และได้นำขนมบางส่วนไปให้เด็กๆ ตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ทาน ส่วนสามีสุดหล่อแถมสายเปย์ก็มอบทุนการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาสในนามของตระกูลซือ“จ้ะ ขอบใจเธอมากนะที่ทำให้เราสองคนได้รู้จักกัน” ลี่หลินเอ่ยขึ้นขณะที่เดินมาจับมือเพื่อนสาวคนสวยที่ราศีคุณนายจับ ผิวขาวเนียนผุดผ่องตามประสาคนไม่ค่อยโดนแสงแดด“มันเป็นพรหมลิขิตมากกว่า จริงไหมคะคุณจางหลง” ซือถิงถิงเอ่ยออกมาพร้อมกับเอ่ยถามบอดี้การ์ดมือซ้ายของสามีหนุ่มยิ้มๆ “ใช่ครับคุณนาย” จางหลงตอบพร้อมยิ้มกว้างออกมา ‘อันที่จริงก็เพราะคุณนายหนีไปทำงานที่เมืองเอ็มอยู่กับลี่หลินนั่นแหละครับผมถึงได้เจอเธอ’ จางหลงคิดในใจหากแต่เขาไม่พูดออกมาเพราะการหนีไปครั้งนั้นของเธอทำให้คุณชายซือผู้ที่เคยเย็นชาของเขากลับกลายเป็นคุณชายซือผู้คลั่งรักและแสนอบอุ่นกับภรรยาและลูกๆ ทั้งสองในวันนี้ สองหนุ่มสาวทักทายเจ้าของร้านคนสวยอยู่สักพักก่อนที่จะเข้าไปเล่นกับคุณชายน้อยและคุณหนูน้
5 ปีผ่านไป สองแฝดน้อยเติบโตมาเป็นเด็กดี และด้วยไอคิวและอีคิวที่สูงกว่าเด็กทั่วไปเลยทำให้ทั้งสองเด็กน้อยถูกเรียกว่าเด็กอัจฉริยะ ทั้งลู่ชิงและลู่เหลียนต่างเป็นที่รักของครอบครัว ครูอาจารย์และเพื่อนๆ ทั้งชั้นเรียน เพราะความเก่ง ฉลาด และมีนิสัยน่ารักน่าเอ็นดู ไม่ถือว่าตนอยู่ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่หรือสูงส่ง ลู่ชิงและลู่เหลียนมีเพื่อนตั้งแต่ตระกูลธรรมดาไปจนถึงลูกเจ้าของบริษัท“แม่ครับ วันนี้ผมขอไปเตะบอลกับต้าเฟยนะครับ” เสียงเล็กๆ ของบุตรชายเอ่ยดังขึ้นหลังจากกลับมาจากโรงเรียน ต้าเฟยคือบุตรชายของต้าฉิน กับหลินหลิน ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานและมีลูกในทันทีทำให้สองเด็กน้อยมีอายุห่างกันแค่สิบเดือนเท่านั้น“แล้วลู่เหลียนจะไปอยู่ไหนล่ะคะพี่ลู่ชิง” น้องสาวที่คลอดห่างกันไม่กี่นาทีเอ่ยถามพี่ชายขึ้นเพราะต้าเฟยนั้นก็เป็นผู้ชาย เด็กวัยเดียวกันกับเธอนั้นไม่มีเลย มีก็แต่น้องซูหนี่ว์ บุตรสาวของคุณน้าซือซือ ซุปตาร์สาวเพื่อนของมารดาที่อายุน้อยกว่าเธอไปถึงสามปี น้องเพิ่งจะได้สองขวบ เพราะคุณน้าซือซือเพิ่งตกลงแต่งงานกับคุณลุงเจียอีที่ตามจีบคุณน้ามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย “เอาอย่างนี้ไหมคะลูก เดี๋ยวลู่เหลียนไปที
“ชอบเขาหรอวะจางหลง” ต้าฉินโพล่งถามขึ้นมาทันที จางหลงที่ยกน้ำขึ้นมากระดกพอดีน้ำแทบจะพุ่งพรวดออกจากปาก มือหนายกขึ้นมาเช็ดปากก่อนที่จะหันขวับไปมองใบหน้าหล่อเหลาของไอ้เพื่อนสนิท “เออ...ว่าแต่อาการของข้ามันมองออกขนาดนั้นเลยหรอวะ” จางหลงเอ่ยถามขึ้นเสียงหลง “มาก ไม่ค่อยแสดงออกเลยฮ่าๆๆ” “เออ..ใครมันจะไปเก็บความรู้สึกเก่งแบบแก ระวังเถอะ ระวังสุนัขคาบไปรับประทาน แม่นักข่าวสาวเพื่อนสนิทของแกน่ะ” จางหลงไม่ยอมให้เพื่อนมาแขวะอยู่ฝ่ายเดียว เลยเอาความลับที่รู้มาแขวะเพื่อนกลับไปเช่นกัน ต้าฉินมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างตกใจ “เฮ้ย!! แล้วแกรู้ได้ไงวะ ฉันไม่เคยแสดงออกเลยนะ” ต้าฉินอุทานพร้อมเอ่ยถามด้วยความสงสัยปนตกใจ “ก็แกน่ะคบผู้หญิงสักคนที่ไหน ก็เห็นจะมีแต่หลินหลินคนเดียวที่แกคุยด้วย โถ่!! ไอ้ต้าฉินอย่าคิดว่าแกถือไพ่เหนือกว่าคนเดียวสิวะ ขนาดเรื่องนี้คุณชายยังรู้เลยฮ่าๆๆๆ” จางหลงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ต้าฉินตาเบิกโพลงเขาไม่คิดว่าคุณชายผู้ที่ไม่สนใจเรื่องราวใดๆ แต่ดันมารู้เรื่องของหัวใจที่เขาปิดบังเอาไว้สองหนุ่มหยอกล้อกันระหว่างที่นั่งคุมเชิงอยู่หน้าห้องพักฟื้นVVIPของคุณนายซือ
หกเดือนต่อมา และแล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงวันที่สองแฝดน้อยได้กำหนดการในการลืมตามาดูโลก คุณนายใหญ่ดูจะเป็นผู้ที่ตื่นเต้นกว่าใครทั้งหมด ด้วยยังไม่รู้ว่าหลานๆ ของตนนั้นเป็นเพศไหน เพราะทั้งบุตรชายและสะใภ้ต่างอยากจะรอลุ้นในวันคลอดทีเดียว ผู้เป็นย่าจึงทำได้แค่เพียงรอคอยและเตรียมชื่อไว้ให้สองแฝดเท่านั้น ซือมู่อันตื่นเต้นไม่แพ้กัน เขาคอยทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่ภรรยาสาวมาเป็นอย่างดี แถมเขายังงดเรื่องบนเตียงมาได้เกือบสามเดือนแล้ว เนื่องจากกลัวว่าจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกน้อยทั้งสอง ซือถิงถิงเคยพูดเล่นให้เขาไปทำแบบเดิมช่วงที่เธอไม่สามารถมอบความสุขให้เขาได้ แต่ผู้ชายแบบเขาก็ไม่มีทางผิดคำพูดที่เคยให้ไว้กับภรรยาเด็ดขาด เขาเลือกที่จะช่วยตนเองและออกกำลังกาย แทนการไปปลดปล่อยกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตน “สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะพี่ตงตง ถิงถิงเข้าห้องคลอดไปนานหรือยังคะ” เสียงหวานจากซุปตาร์สาวที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในขณะนี้เอ่ยทักทายครอบครัวของเพื่อนสนิท ก่อนที่จะถามถึงเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “อ้าว สวัสดีจ้ะหนูซือซือ เข้าไปได้สักพักแล้วจ้ะ เห็นว่าจะคลอดเองนะ แม่ก็อดท
หลิวถิงถิงเขินจนหน้าแดง ก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ของสามีหนุ่มอย่างหมั่นไส้ และหันไปมองสองบอดี้การ์ดหนุ่มข้างหลังก็พบว่าคนทั้งคู่กำลังมองไปทางอื่นเลยถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างรู้สึกโล่งใจที่สองบอดี้การ์ดหนุ่มไม่ทันเห็น แต่หารู้ไม่ว่าริมฝีปากหนาของทั้งจางหลงและต้าฉินยกยิ้มขึ้นมาอย่างขบขันเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกที่แผนกบัญชีและการเงิน ร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสีขาวลายดอกไม้ก็เดินออกมาจากลิฟต์อย่างสง่างาม พร้อมด้วยบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างจางหลงที่มาคอยดูแลความปลอดภัยให้กับคุณนายซือ สี่สาวและสองหนุ่มมองมาที่หญิงสาวในสถานะใหม่อย่างตกตะลึง ก่อนที่ทุกคนจะรีบเดินออกมายืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานเพื่อต้อนรับคุณนายซือ“สวัสดีค่ะพี่จินหยูและพี่ๆ ทุกคน สบายดีกันไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ผู้จัดการแผนกมองไปที่หญิงสาวที่มีรูปร่างอวบอิ่มอย่างตื่นเต้นและดีใจ“พี่สบายดีค่ะ น้องถิงถิง เอ่อ...คุณนายซือก็สบายดีใช่ไหมคะ” หญิงสูงวัยกว่าทักทายกลับก่อนที่จะเอ่ยถามภรรยาของท่านประธาน“เรียกว่าถิงถิงเหมือนเดิมก็ได้ค่ะพี่จินหยู พี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะ”“ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้น้องถิงถิง..เอ
เรือนร่างบอบบางเปลือยเปล่านอนกอดก่ายอยู่บนเรือนร่างหนั่นแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสามีหมาดๆ เปลือกตาบางหลับพริ้มอย่างมีความสุขหลังจากผ่านค่ำคืนที่บ่งบอกว่าเธอและเขาคือคนคนเดียวกันโดยสมบูรณ์ วงแขนอบอุ่นโอบกอดเธอเอาไว้ราวกับไม่ต้องการให้เธอจากไปไหน แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในห้องเป็นการเตือนว่าเช้านี้ทั้งสองชีวิตได้เริ่มต้นการใช้ชีวิตคู่อย่างแท้จริงแล้ว ร่างหนาของซือมู่อันค่อยๆ ขยับร่างระหงของภรรยาสาวที่ยังนอนหลับอยู่บนหน้าอกของเขาด้วยสีหน้าที่แสดงออกมาถึงความสุข มือเรียวดึงผ้าห่มมาคลุมร่างอวบอิ่มของภรรยาสาวเอาไว้ก่อนที่สายตาคมที่ทอแสงแห่งความอบอุ่นส่งไปยามมองไปที่ใบหน้าสวย เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอนก่อนที่จะตรงไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ในเวลาต่อมาร่างหนาในชุดคลุมสีขาวเดินตรงไปยังส่วนของห้องครัว มื้อนี้เขาจะเป็นคนลงมือทำอาหารเช้ามื้อแรกสำหรับภรรยาคนสวยของเขา ขณะที่มือเรียวยาวของพ่อครัวหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกำลังจับตะหลิวคนโจ๊กร้อนๆ อยู่ที่หน้าเตา ช่วงเอวสอบก็ถูกลำแขนเสลาสอดเข้ามากอดจากทางด้านหลัง ริมฝีปากบางสีกุหลาบยกยิ้มขึ้นมาอย่างอบอุ่น“กำลังทำอะไรอยู่คะ...คุณสามี” เสียงหว
การที่ไม่จัดพิธีฉลองมงคลสมรสแบบสากลในตอนเย็นนั้นเป็นความต้องการของเจ้าสาวเอง ไม่ใช่เพราะเธออยากที่จะช่วยทางเจ้าบ่าวประหยัดงบหนือเกรงใจ แต่เป็นเพราะช่วงนี้เธอรู้สึกเพลียง่ายและง่วงนอนเร็ว เลยเลือกที่จะทำพิธีแบบจีนอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเจ้าบ่าวอย่างคุณชายซือก็ไม่ขัด ถึงแม้ว่ามารดาจะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตาม เพราะความที่อยากจะกู้ศักดิ์ศรีให้กับลูกสะใภ้ แต่ก็ต้องจำยอมเพราะเธอเอาหลานๆ ในท้องมาอ้างว่าหากเธอเพลียอาจจะไม่เป็นผลดีกับสองแฝดน้อยในครรภ์คอนโดสุดหรูใจกลางเมืองแอลพอรถจอดซือมู่อันก็อุ้มร่างบอบบางที่เริ่มอวบอิ่มมีน้ำมีนวลของภรรยาขึ้นก่อนที่สองขาแข็งแรงจะก้าวยาวๆ ตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัว ใบหน้าหวานขึ้นสีเลือดฝาดขึ้นมาทันทีที่มองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย ทั้งสองได้จดทะเบียนสมรสกันก่อนที่จะจัดพิธีแต่งงานมาได้สัปดาห์หนึ่งแล้ว คนถูกมองเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าภรรยาตัวน้อยในอ้อมแขนแข็งแรงของเขาแอบมองเขาอยู่ แต่นั่นไม่จริงเลยสักนิด เขากำลังตั้งใจอุ้มเธอด้วยความระมัดระวังเพราะมีลูกๆ สองคนอยู่ในท้องของเธอ ประตูคอนโดถูกเปิดออกโดยสองหนุ่มบอดี้ก
หนึ่งเดือนต่อมาวันนี้เป็นวันที่ใครหลายคนเฝ้าจับตาและรอคอย นั่นก็คือวันแต่งงานของทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลซือซึ่งงานนั้นถูกจัดขึ้นภายในอาณาจักรตระกูลซือที่มีพื้นที่เกือบร้อยไร่ และเหตุผลที่เลือกจัดงานโดยใช้สถานที่เดียวในวันนี้ก็เพราะที่บ้านของเจ้าสาวนั้นค่อนข้างที่จะคับแคบ คุณนายใหญ่แห่งตระกูลซือเลยออกความเห็นว่าให้จัดที่บ้านเจ้าบ่าวและไปเข้าหอกันที่คอนโดสุดหรูใจกลางเมืองของเจ้าบ่าว ทางฝ่ายเจ้าสาวที่มีญาติเหลือเพียงสองคนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรภายในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม มีเจ้าสาวแสนสวยในชุดกี่เพ้าสีแดงสไตล์เรียบหรูแบบผสมผสานระหว่างจีนกับยุโรป ทรงผมถูกทักเปียเก็บอย่างสวยงามมีปิ่นเงินปิ่นทองและใบทับทิมพร้อมดอกไม้สดประดับอยู่ข้างหลังส่งกลิ่นหอมอบอวลด้วยเจ้าสาวนั้นชอบกลิ่นของมันจึงไม่ใช่ปัญหาของอาการแพ้ท้องที่ตอนนี้ครบกำหนดสามเดือนแล้ว ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดี ร่างระหงกำลังนั่งรอเจ้าบ่าวมารับตัวเพื่อลงไปประกอบพิธี ขั้นตอนนี้ผ่านพิธีมอบสินสอดและสวมแหวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่รอให้เจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวพาไปเข้าหอ “เธอสวยมากเล
หลิวถิงถิงมองพนักงานทั้งสองด้วยรอยยิ้ม เธอยังไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากนั้นผู้หญิงทั้งสองคือใคร เสียงดนตรีบรรเลงเพลงสากลขึ้นมาเบาๆ ซึ่งเธอก็จำได้ว่ามันเป็นเพลง Perfect ของEd Sheeran และมาถึงช่วงจังหวะทำนองWell, I found a woman, stronger than anyone I knowShe shares my dreams, I hope that someday I'll share her homeI found a love, to carry more than just my secretsTo carry love, to carry children of our own ร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายซือก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินเข้าไปคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าเธอ บริกรสาวภายใต้หน้ากากเปิดฝาที่ครอบถาดกลมเอาไว้ออก ซึ่งเผยให้เห็นว่าภายในมีกระปุกกลมสีทองวางอยู่ มือเรียวของซือมู่อันยื่นไปหยิบมาถือไว้ หลิวถิงถิงรู้สึกใจเต้นแรงแทบจะไม่เป็นจังหวะก่อนที่เธอจะมองไปที่บริกรสาวทั้งสองอย่างคุ้นเคย หากแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรออกไป กล่องสีทองก็ถูกว่าที่สามีสุดหล่อของเธอเปิดออกตรงหน้า แหวนเพชรวงเล็กแต่มีเพชรล้อมรอบส่งแสงระยิบระยับดูงามตา พอถึงตอนนี้เธอจึงเข้าใจทันทีว่าเธอกำลังถูกเขาขอแต่งงาน “มาเป็นคน