ขายาวรีบก้าวเร็วๆ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เขาเดินดุ่มๆ ไปที่เป้าหมายไม่สนใจสิ่งรอบข้าง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบว์ แววตาเต็มไปด้วยความกังวลไอแพดในมือถูกบีบจนแน่น เหงื่อไหลออกมาจนเปียกชื้นแต่เขาไม่สนใจ เขาเพิ่งรู้ข่าวนี้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า แต่พอเช็กเวลาดู ข่าวนี้ถูกเขียนลงเว็บตั้งแต่เช้ามืดแล้ว“คุณมาร์ค” เลขาสาวอัธยาศัยดีรีบเอ่ยทัก เมื่อเห็นคนคุ้นเคยเดินดุ่มๆ เข้ามาหา “ทานคุกกี้ไหมคะ.. อ้าว?”เกวลินหน้าเหวอไปเมื่อมาร์คไม่แม้แต่หยุดทักทาย เธอมองตามแผ่นหลังกว้างที่ผลุบหายเข้าไปในห้องทำงานของท่านประธานด้วยความงุนงง ก่อนจะหันกลับมามองกระปุกคุกกี้ในมือด้วยแววตาเสียดาย“ไม่เป็นไรนะเจ้าคุกกี้ ผู้ชายก็ไม่ค่อยชอบขนมแบบนี้แหละ แต่ไม่ต้องห่วง เพราะฉันจะจัดการเธอให้เรียบเลยเชียว”พลั่ก!เสียงเปิดประตูดังขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ร่างสองร่างรีบผละออกจากกัน ฝ่ายหญิงหน้าแดงก่ำ ขยับหนีเจ้าของจูบหวานๆ ไปชิดโซฟาอีกฝั่ง ก้มหน้าเงียบไม่ยอมสบตาผู้มาใหม่ ต่างจากฝ่ายชายที่ส่งสายตาอาฆาตมาให้จนคนที่รีบร้อนรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ“มีอะไร?”เสียงเข้มถามอย่างไม่สบอารมณ์ มองลูกน้องคนสนิทด้วยสายตา
พิธานเดินออกมาด้านนอก สายลมพัดสัมผัสกับเรือนร่างอย่างรุนแรงเหมือนพายุเข้า ท้องฟ้าที่เริ่มดำมืดบ่งบอกว่าอีกไม่นานฝนคงเทลงมาเขาหันไปมองคนด้านในที่ยังหลับอยู่อีกครั้ง ก่อนจะยอมกดรับสายที่ลำบากใจในที่สุด“ครับ” พิธานทักทายแค่นั้น ภายในของเขาหนักอึ้ง ไม่ใช่ว่าเขาไร้ทางออก แต่เขาไม่คิดว่าซูฮวาจะติดต่อมาเร็วขนาดนี้เร็วเกินไป เร็วจนเขากลัวว่าทุกอย่างจะผิดแผนไปหมด‘ธานคะ’“ครับ”‘ฉันเห็นข่าว...’“ครับ” พิธานยังคงตอบสั้นๆ เหมือนเดิม เขาไม่ได้อยากกวนประสาทเธอ แต่เขาแค่เหนื่อยทั้งเหนื่อย ทั้งกลัวว่าจะเผลอทำอะไรผิดพลาดลงไปจนคนที่เขารักต้องเสียใจ‘ฝีมือคุณพ่อ’“คุณรู้?” พิธานยอมรับว่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย ซูฮวาเหมือนเป็นเด็กหัวอ่อน ใครชักจูงไปทางไหนเธอก็เดินตามไม่อิดออด เขาจึงไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกมา‘ฉันรู้ค่ะ รู้ทุกอย่าง’ และเหมือนว่าพิธานจะประเมินผู้หญิงคนนี้ผิดไปหลายจุด ซูฮวาไม่ได้ไร้พิษสงอย่างที่เขาเข้าใจมาตลอด แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป และตั้งใจฟังว่าปลายสายจะพูดอะไรออกมาอีก ‘อาทิตย์ก่อนฉันกลับกรุงเทพฯ ฉันเห็นคุณอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ดูท่าทางว่าจะเป็นมากกว่าคนรู้จัก’“.....”พิธา
แผนที่วางไว้ล้มไม่เป็นท่าพิธานพับหน้าจอโน๊ตบุ๊คลง เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ตัวนุ่ม นิ้วเรียวยกขึ้นบีบขมับของตัวเองแรงๆเขาได้รับเมลตอบกลับจากมิสเตอร์คาร์ลแล้ว อีกฝ่ายไม่ได้ปฏิเสธในทันที นักธุรกิจใหญ่จากฝรั่งเศสตอบมาเพียงว่าขอเวลาพิจารณาอีกครั้งแต่เขารอไม่ได้แล้วบอร์ดบริหารในตอนนี้กำลังกดดันให้เขาประกาศหมั้นกับซูฮวา เพื่อให้ทางมิสเตอร์หวังต่อสัญญากับทางบริษัทโดยเร็ว เพราะโปรเจกต์ใหม่ที่วางไว้ต้องใช้เงินทุนจากผู้ร่วมลงทุน ซึ่งปกติแล้วมิสเตอร์หวังจะเป็นคนช่วยในด้านนี้ทว่าพอสัญญาที่มีจบลง มิสเตอร์หวังก็เริ่มตั้งแง่มากขึ้น เขาไม่ยอมต่อสัญญาง่ายๆ และเอาซูฮวามาเป็นข้อตกลง พิธานไม่ชอบการทำธุรกิจแบบนี้ ที่ผ่านมาเขาและมิสเตอร์หวังเข้ากันได้ดีมาโดยตลอด ไม่จำเป็นต้องมีซูฮวาก็ไม่เคยมีปัญหาแต่ตอนนี้คนมากเล่ห์คนนั้นเริ่มโลภมาก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการดองกับเขา เพื่อที่ตัวเองจะได้เข้ามาหากินในประเทศไทยได้สะดวก มิสเตอร์หวังมองทุกอย่างเป็นเงินและธุรกิจไปหมดจนเขานึกขยาดพิธานรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองกำลังถึงทางตัน ถ้าหาผู้ร่วมลงทุนที่เม็ดเงินเท่ามิสเตอร์หวังแทนไม่ได้ เขาก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มิสเตอ
“แก...”น้ำเสียงของดอกแก้วไม่มั่นคงเอาเสียเลย พิธานรู้สึกใจไม่ดี เขาเดินอ้อมไปด้านหน้าเพื่อมองใบหน้าคนรักให้ชัดๆดอกแก้วรับรู้ได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ดวงตากวางช้อนมองคนที่สูงกว่า พิธานไม่ได้พูดอะไรซักคำ เขาเพียงแค่ยกมือขึ้นแตะแก้มเธอเบาๆ เพื่อบอกว่าเขาจะอยู่ข้างๆ ไม่ไปไหนเพียงแค่นั้นดอกแก้วก็ยกมือถือออกห่าง เธอจ้องชายคนรักตาไม่กระพริบ ก่อนจะตัดสินใจเปิดสปีกเกอร์โฟนให้พิธานได้ยินสิ่งที่ปลายสายพูดออกมาด้วยในเมื่อพิธานไม่มีความลับกับเธอ เธอก็จะไม่มีความลับกับเขาอีกต่อไป‘หวงเนื้อหวงตัวมาตั้งนาน ที่แท้ก็เก็บไว้ขายอัปราคา’ น้ำเสียงและคำพูดที่เต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลนทำให้พิธานเผลอกำหมัดแน่น เขาไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใคร แต่เขาไม่เคยรู้สึกอยากตัดลิ้นใครมากเท่านี้มาก่อน“แกต้องการอะไร?”‘ไม่เอาน่าดอกแก้ว อย่าคิดว่าพ่อเป็นคนเห็นแก่ได้แบบนั้นสิ’“ฉันมีพ่อคนเดียว”‘อ้อเหรอ?’ ปลายสายลากเสียงยาว จงใจยั่วยุให้คนฟังประสาทเสีย มันเกือบจะได้ผล ถ้าไม่ใช่เพราะแรงโอบกอดบริเวณเอวที่กระชับขึ้นและดึงสติของดอกแก้วให้กลับมาเสียก่อนดอกแก้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึก เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ทุกครั้งที่ไ
"แม่จ๋า... ดอกแก้วไม่ได้ทำ"ดอกแก้วบอกเสียงสั่น คลานเข่าเข้าไปหาคนเป็นแม่ สองมือที่เปื้อนเลือดกอดขาผู้ให้กำเนิดไว้แน่น“ดอกแก้วไม่ได้ทำ”“มึง...” เสียงรวยรินดังขึ้นจากด้านหลัง ดอกแก้วชะงัก เธอหันกลับไปมองคนที่นอนจมเลือดทั้งน้ำตา “อีฆาต...กร”“ไม่ใช่! ดอกแก้วไม่ใช่ฆาตกร!”“มึงแทงกู... มึงต้องติดคุก อึก!”“ไม่! ดอกแก้วไม่ได้ทำ!!” เด็กสาวกรีดร้องเสียงดัง เธอเหมือนสติหลุดไปแล้ว พยายามร้องบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำร้ายใคร ทั้งๆ หลักฐานคาตาแบบนี้ “แม่เชื่อดอกแก้วนะ ดอกแก้วไม่ได้ทำ”ร่างโปร่งของคนเป็นแม่ทรุดนั่งลงตรงหน้าลูกสาว ฝ่ามือหยาบกร้านยกขึ้นเช็ดน้ำตาให้ลูกรัก เธอร้องไห้ออกมา ยิ่งเห็นว่าลูกกำลังแย่เธอยิ่งเหมือนใจจะขาดรอนๆ“แม่เชื่อ ดอกแก้วไม่ได้ทำ”“อีเรือง!” ฝ่ายคนเจ็บเรียกเมียเสียงดังเท่าที่จะดังได้ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงพยายามคืบคลานเข้ามาใกล้สองแม่ลูก “ลูกมึง...แทงกู”“ดอกแก้วไม่ได้ทำ!!” ดาวเรืองตะโกนใส่หน้าจนอีกฝ่ายนิ่งค้าง ตั้งแต่อยู่กินกันมาดาวเรืองไม่เคยขึ้นเสียงใส่ผัวคนนี้ เพราะเธอเกรงใจที่ใช้เงินของเขาส่งเสียค่าเทอมค่ากินให้ลูก นี่เป็นครั้งแรก... “ดอกแก้วไม่ได้ทำ กูต่างหากที่เป็นคนแทง
หวังซูฮวามองร่างสูงใหญ่ที่รีบเดินออกไปทำตามคำสั่งขาแทบพันกัน ก่อนจะหันไปมองคู่หมายที่ยืนล้วงกระเป๋าเก๊กท่าที่คิดว่าขรึมเสียเหลือเกินอย่างคนวางมาดเธอหมั่นไส้ในตอนแรกที่รู้ว่าพิธานคือคนที่พ่ออยากให้แต่งงานด้วย เธอไม่ได้ขัดข้องแม้จะไม่พอใจที่ถูกบังคับ เพราะลึกๆ แล้วเธออยากหลุดจากกรอบของพ่อบ้าง ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยมีชีวิตเป็นของตัวเอง แม้แต่ตอนที่ไปเรียนต่อต่างประเทศก็ยังต้องอยู่ในสายตาพ่อตลอดการแต่งงานคือทางเดียวที่จะทำให้เธอหลุดพ้นได้กอปรกับพิธานเองก็เป็นผู้ชายโปรไฟล์ดี ทั้งหน้าตาและฐานะก็อยู่ในระดับแนวหน้า ไหนจะความเก่งและขยันที่พัฒนาบริษัทให้เติบโตได้ในเวลาไม่ถึงสิบปี เธอจึงรู้สึกว่าสามารถฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้ได้ ทำเป็นหลับหูหลับตาทุกครั้งที่ได้ยินข่าวว่าพิธานรับผู้หญิงมาเลี้ยงเป็นตัวเป็นตน เพราะเธอมั่นใจว่าผู้ชายแบบพิธานมีความรับผิดชอบพอ ถ้าเมื่อไหร่ที่เธอกับเขาหมั้นกันอย่างเป็นทางการ เธอเชื่อว่าพิธานจะหยุดทุกอย่างจนกระทั่งวันนั้นที่เธอได้เห็นพิธานอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งเธอไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แม้เธอจะรู้มาบ้างว่าพิธานรับผู้หญิงมาเลี้ยง แต่เธอไม่เคยดิ้นรนอยาก
ทำงานกับพิธานมาแปดปีเต็ม มาร์คไม่เคยรู้สึกว่าเจ้านายของเขาน่ากลัวเท่าวันนี้มาก่อน หางตาของลูกน้องคนสนิทเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ตอนหลังของรถหลายครั้ง และแต่ละครั้งเขาก็ต้องรีบถอนสายตากลับมา ก่อนที่จะถูกหางเลขไปด้วยหลังจากที่เขารายงานเรื่องทั้งหมดที่เจ้านายให้ไปสืบให้ฟัง พิธานก็เหมือนมีเงามืดใหญ่ๆ มาปกคลุมอยู่รอบตัว พิธานไม่ได้โวยวายออกมาแม้แต่คำเดียว ทั้งยังสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเข้าหน้าพิธานติด แม้แต่คุณดอกแก้วก็ยังถูกสั่งให้อยู่แต่บนเพนท์เฮ้าส์ไม่ให้ออกไปไหนท่ามกลางคลื่นทะเลที่เงียบสงบ มาร์ครู้สึกได้ว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะพัดผ่านเข้ามารถคันหรูจอดลงที่หน้าคอนโดที่คุ้นเคย เมื่อก่อนพิธานมาที่นี่ค่อนข้างบ่อย แต่พอหลังจากมีดอกแก้ว เขาก็ไม่ค่อยได้มาที่นี่อีก เขาเป็นคนซื้อที่นี่ด้วยเงินสด และพอตัดสินใจจบความสัมพันธ์ เขาก็ยกห้องที่ซื้อไว้ให้คนที่อาศัยมาแรมปีเป็นเจ้าของแทนแต่วันนี้เขาจะมาทวงทุกอย่างคืน ในเมื่อคิดจะทำร้ายคนที่เขารัก เขาก็จะไม่ให้อะไรติดตัวไปแม้แต่บาทเดียว!ไม่ต้องรอให้ลูกน้องเปิดประตูให้เหมือนทุกที พิธานก็เป็นคนดันประตูออกกว้างด้วยตัวเอง ก่อน
“กลับมาแล้ว”ทันทีที่ออกจากลิฟต์มาได้พิธานก็ส่งเสียงไปก่อนตัว ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้นุ่มเพื่อถอดเปลี่ยนรองเท้าหนังเป็นรองเท้าใส่ในบ้านสบายๆ เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยพิธานก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง“ดอกแก้ว?” พิธานแอบสะดุ้งเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าคนรักมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ มาเงียบๆ แบบนี้เขาก็ตกใจเป็นเหมือนกัน“เหนื่อยไหมคะวันนี้?”ดอกแก้วถามเหมือนทุกวัน มือบางเอื้อมไปถอดสูทสีเข้มให้อีกฝ่าย ซึ่งพิธานก็ยอมให้ดอกแก้วปรนนิบัตรแต่โดยดี“ไม่ค่อยเท่าไหร่” พิธานก็ยังเป็นพิธาน เขาตอบกลับเรียบๆ ก่อนจะหันไปสบตากวางคู่นั้น “เห็นหน้าเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”“คิดไปเองแล้วค่ะแบบนี้”ดอกแก้วซ่อนใบหน้าร้อนๆ ของตัวเองด้วยการหันหลังหนี ก่อนจะเดินนำเข้าไปในตัวเพนท์เฮ้าส์พร้อมเสื้อสูทบนแขน“ดอกแก้วลงไปหาคุณมาเมื่อบ่าย แต่คุณไม่อยู่”ดอกแก้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้พิธานฟัง เธอไม่ได้ติดใจอะไรเพราะคุณเกวก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าพิธานออกไปทำงานข้างนอก แต่คำพูดเรียบๆ ของเธอมันทำให้คนฟังร้อนรนแปลกๆเขาไม่อยากโกหกดอกแก้ว แต่เขาก็กลัวว่าเธอจะไม่สบายใจ“ออกไปข้างนอกมาก็ไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนเถอะค่ะ” ดอกแก้วหัน
ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอของพิธานกับดอกแก้วคือสองทุ่มตรง ที่จริงแล้วดาวเรืองหาฤกษ์ที่ดีกว่านี้ได้ แต่เพราะมันดึกเกินไปและพิธานไม่อยากให้คนท้องอ่อนๆ ต้องเข้านอนดึก เขาจึงขอแม่ยายให้หาฤกษ์ใหม่ให้เป็นช่วงหัวค่ำแทน ดังนั้นหลังจากพูดคุยบนเวทีเสร็จแขกที่มาร่วมงานก็ไม่ได้เห็นหน้าบ่าวสาวอีก รวมถึงเด็กๆ ทั้งสองก็มีพี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำนอน กลายเป็นว่างานเลี้ยงฉลองงานแต่งที่ยิ่งใหญ่จบลงภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ฝังอยู่ในใจแขกเหรื่อทุกคนไม่รู้ลืมห้องสวีทราคาคืนละสองหมื่นคือห้องหอในค่ำคืนนี้ พิธานกับดอกแก้วนั่งอยู่บนพื้น รอคอยให้ญาติผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรก่อนส่งตัวตามพิธี อดีตเสี่ยหนุ่มตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อ ถ้าตามพฤตินัยพิธานเข้าหอกับภรรยามานับครั้งไม่ถ้วนจนมีตัวน้อยคนที่สามแล้ว แต่ถ้าตามพิธีจริงๆ นี่เป็นครั้งแรก“ตื่นเต้นหรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามสามี พิธานดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองเหมือนเคย ลบภาพนักธุรกิจหนุ่มมาดขรึมไปจนหมด“ตื่นเต้นสิ ดอกแก้วไม่ตื่นเต้นเหรอ?”“ตื่นเต้นค่ะ”พิธานมองภรรยาที่ส่งยิ้มหวานมาให้ เธอบอกว่าตื่นเต้น แต่ท่าทางของดอกแก้วกลับดูปกติ “คงมีแค่คุณพิธานสินะที่อยู่ไม่สุข”
เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกสายตาจากคนบนเตียงให้หันไปมอง พิธานวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดภรรยาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติหลวมๆ“เหนื่อยมากไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับงานแต่ง และเพราะงานแต่งที่จะจัดขึ้นไม่ใช่งานเล็กๆ เหมือนที่เชียงใหม่ เพื่อหน้าตาของเจ้าของบริษัทอย่างพิธานจึงทำให้งานที่ควรจะสบายๆ กลับจริงจังขึ้น ข่าวการแต่งงานแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สื่อหลายสื่อให้ความสนใจทั้งยังขอสัมภาษณ์ราวกับพิธานเป็นดาราดัง แม้จะไม่ชอบใจแต่พิธานก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะการได้พื้นที่สื่อก็มีประโยชน์กับบริษัทของเขามากพอสมควรพิธานเลยจัดการนัดสื่อทั้งหลายให้มาสัมภาษณ์ที่เพนท์เฮ้าส์ โดยมีข้อแม้ว่าเขาอนุญาตให้แต่จะสำนักส่งทีมงานมาได้ไม่เกินสองคนเท่านั้น เพราะกลัวว่าเด็กๆ จะตื่นเพราะเจอคนเยอะเด็กๆ ที่ว่าหมายถึงลูกชายและลูกสาวของพิธานกับดอกแก้ว ส่วนหนึ่งที่สื่ออยากสัมภาษณ์เป็นเพราะเด็กปริศนาสองคนนี้ด้วย พิธานไม่ค่อยพาลูกออกงานที่ไหน และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดตัวอย่างจริงจังครั้งแรก“เหนื่อยค่ะ”ดอกแก้วไม่โกหก เธอเหนื่อยเหมือนตัวจะขาด วันนี้เธอต้องไปลองชุดเจ้าสาวที่จะใช้ในงานทั้งห
สามปีต่อมา.“พี่ดล ไหนกระเป๋าที่คุณยายให้คับ?”“นี่คับ!”“น้องดาว ชุดที่คุณปู่ซื้อให้ไม่อึดอัดเกินไปใช่ไหมคะลูก?”“ม่ายค่า”“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปรอแด๊ดดี้กับคุณแม่ที่รถกัน”“เย้ๆ”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของสองเด็กและสองผู้ใหญ่เงียบหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของคนเป็นพ่อและแม่ ดอกแก้วที่กำลังเก็บของชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋าส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ส่วนพิธานเองก็อมยิ้มเพราะเสียงสดใสของลูกๆ ที่เป็นเหมือนยาวิเศษช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กับเขาแค่ตื่นมาแล้วได้ยินเสียงลูกทุกวัน แค่นี้คนเป็นพ่อก็มีความสุข มีแรงทำงานได้ทั้งวันแล้ว“คุณลืมอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานของดอกแก้วเอ่ยขึ้น ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วห้องเพราะกลัวว่าจะหลงลืมอะไรวันนี้เธอและครอบครัวจะไปเที่ยวทะเลกัน เป็นครั้งแรกในรอบปีที่มีเวลามากพอจนพาลูกๆ ไปเปิดหูเปิดตาได้ ไม่ใช่ว่าเธอและพิธานงานยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง แต่เพราะตอนนี้พนธกรใกล้ขึ้นชั้นประถมหนึ่งแล้ว ส่วนพริบพราวดาว ลูกสาวอีกคนก็เรียนเตรียมอนุบาลอยู่ คนที่ไม่มีเวลาคือเด็กๆ ทั้งสองคนต่างหาก“เหมือนจะลืมนะ”“ลืมอะไรคะ-“ ยังไม่ทันได้ถามจนจบ แก้มใสก็ถูกจมูกโด่งกดลงมาแนบแน่นฟอด!“คุณพิธ
“น้องดล ไหนเรียกแด๊ดเร็วเข้า แด๊ด”“แด๊ะ”“ไม่ใช่ลูก แด๊ด ไม่แด๊ะ”“แด๊ะ”“เฮ้อ...”พิธานหมดแรงจะสอนเจ้าตัวแสบ ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนในคอกกั้นที่ปูด้วยพื้นนุ่มสำหรับลูก และเมื่อพนธกรเห็นพ่อนอนหมดแรงอยู่ก็คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย“อุ่ก! ตัวแสบ ตัวหนักแบบนี้กระโดดลงมาได้ยังไง”“คิก คิก”“หัวเราะงั้นเหรอ? มาให้แด๊ดฟัดพุงซะโดยดีเจ้าอ้วน”“มะ... คิกๆ กรี๊ด!!”เสียงหัวเราะสลับกับเสียงกรี๊ดทำให้คนเป็นแม่อดใจไม่ไหว ดอกแก้วละมือจากงานที่ทำค้างไว้ ก่อนจะเดินมาดูว่าสองพ่อลูกเขาเล่นซนอะไรกันภาพที่เธอเห็นคือร่างใหญ่ของสามีนอนหงายอยู่บนพื้น โดยที่บนตัวมีร่างอวบอ้วนของลูกชายนอนทับอยู่ ใบหน้าคมพยายามก้มลงฟัดพุงเจ้าตัวแสบ และนั่นคือสาเหตุที่พนธกรทั้งหัวเราะและกรี๊ดลั่นบ้านแบบนี้“คุณพิธาน”ดอกแก้วยืนดูซักพัก เมื่อเห็นว่าลูกเริ่มเหนื่อยแล้วจึงเรียกสามีไว้“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้น้องดลเก็บเอาไปฝัน”คำเตือนของดอกแก้วทำให้พิธานหยุดชะงักแทบจะทันที ใบหน้าคมบิดเบี้ยวเล็กน้อย เมื่อนึกถึงวีกรรมของลูกชายเมื่ออาทิตย์ก่อนพิธานเป็นผู้ชาย และพนธกรเองก็เป็นลูกชาย การเล่นกับลูกของพิธานจึงค่อนข้างหวาดเสียวตามประสา พิธาน
หลังจากคลอดลูกชายคนแรกได้ห้าวัน ดอกแก้วก็ได้รับอนุญาตจากหมอน้ำให้กลับมาพักที่บ้านได้พิธานยังคงแย้งเหมือนเคย ชายหนุ่มกังวลไปสารพัด ต่างจากดอกแก้วที่อยากกลับบ้านเต็มทน เธอไม่ชอบนอนโรงพยาบาลเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนแล้วด้วยโต้แย้งกันอยู่นานสุดท้ายพิธานก็เป็นคนแพ้ แม้ไม่เต็มใจแต่เขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือขอให้คนเป็นอาช่วยงานอีกซักพัก เพราะตนอยากใช้เวลาอยู่กับลูกในช่วงแรกให้มากเท่าที่จะทำไดใครๆ ก็รู้ว่าเหตุผลที่พิธานพูดนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง คุณพ่อมือใหม่ทำราวกับว่าที่ทำงานกับบ้านที่อยู่อาศัยไกลกันมากมาย ทั้งๆ ที่ความจริงห่างกันเพียงไม่กี่ชั้น ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็กลับมาหาลูกได้โดยไม่ต้องกระทบกับงานที่ทำ แต่เพราะพิธานกังวลมากเกินไป รวมถึงเห่อลูกชายตัวน้อยที่ยังไม่รู้ความจนไม่อยากไปทำงานก็เท่านั้น“กินเก่งจังเลยลูกชาย”ชายร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหนุ่ม ตาคมจ้องมองแก้มป่องๆ ที่ขยับขึ้นลงยามที่ได้ดูดกลืนน้ำนมจากมารดา ลูกชายของเขาช่างเลี้ยงง่ายเหลือเกิน นอกจากกินนมเป็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ยังไม่เคยงอแงไม่มีเหตุผลนอกเสียจากเวลาที่ท้องหิวพนธกร ลูกชายของดอกแก้วแล
สัปดาห์ที่สามสิบสอง ดอกแก้วรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เธอไม่สามารถเข้าครัวช่วยแม่ทำกับข้าว หรือลุกเดินเร็วๆ ได้เหมือนปกติ และนั่นทำให้จิตใจของคุณแม่อ่อนแอลงคนท้องเจ็ดเดือนลุกเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก ดอกแก้วแม้ก่อนตั้งท้องจะไม่ใช่ผู้หญิงผอมบาง ทั้งยังมีเนื้อหนังให้กอดเล่นชื่นใจ แต่ก็นับว่าเป็นผู้หญิงไซส์มินิคนหนึ่ง เมื่อตั้งท้อง ร่างกายเล็กๆ ที่ต้องมารับน้ำหนักของลูกชายที่โตได้โตดีก็พาลให้ปรับตัวไม่ทัน เธอจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเธอยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ท้องแรกเล็กจนถ้าไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปคงดูไม่ออก แต่มาเดือนนี้หน้าท้องเธอกลับขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนอึดอัดไปหมด“อึ่ก” ฟันขาวกัดปากตัวเองไว้แน่น ดวงตากลมฉ่ำน้ำมองไปที่ร่างสูงใหญ่ของสามีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อาทิตย์นี้พิธานทำงานหนัก แต่ยังต้องคอยตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อพาร่างอุ้ยอ้ายของเธอเข้าห้องน้ำทุกวัน ยิ่งท้องแก่ดอกแก้วก็ยิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย พิธานเองก็ตื่นขึ้นมาทุกครั้งที่เธอร้องขอไม่เคยบ่น แต่ดวงตาคู่คมฉายแววเหนื่อยล้าทุกเช้าจนครั้งนี้ดอกแก้วไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลืออีก“คนเก่ง”มือบางลูบหน้าท้องที่ขยับเป็นคลื่นเมื่อคนที่อยู่ภายในป
ช่วงที่อุ้มท้องลูกคนแรก เวลาในแต่ละวันของดอกแก้วช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินสัปดาห์ที่สิบหกของการตั้งครรภ์ นันทิดาบอกกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าช่วงนี้จะสามารถเห็นเพศของเจ้าตัวน้อยได้แล้ว ทั้งดอกแก้วและพิธานจึงลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าจะดูเพศลูกน้อยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะจะได้เตรียมตัวถูก คุณปู่และคุณยายเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยและโชคดีเหลือเกินที่เจ้าตัวน้อยไม่ขี้อายพิธานมองภาพของลูกน้อยด้วยความยินดี สายตาคมเข้มอ่อนลงจนบรรยากาศในห้องตรวจเต็มไปด้วยหมอกไอที่แสนอบอุ่น“ผู้ชาย ดูสิ... เปิดโชว์ไม่อายใครเลยหลานอา”นันทิดาชี้ให้คนเป็นพ่อและแม่ดูเพศของลูก หลานเธอคนนี้ไม่ขี้อาย พอรู้ว่าจะถูกดูเพศก็อวดโชว์สิ่งที่พ่อให้มาราวกับภาคภูมิใจนักหนา“ผู้ชายจริงๆ ด้วย”“ทำไมพูดเหมือนรู้อยู่แล้วคะ?”ดอกแก้วอดถามสามีไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิธานไม่เคยพูดว่าอยากมีลูกเพศไหน ไม่เคยบอกเธอว่าคิดเรื่องเพศของลูกไว้แล้ว เพราะแบบนั้นเธอเลยค่อนข้างแปลกใจ สามีเธอแอบไปคิดมาตอนไหนว่าลูกคนนี้ต้องเป็นผู้ชาย?“จำวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม?” พิธานถามกลับ รอจนภรรยาพยักหน้าเล็กน้อยจึงเฉลยออกมา “ที่แม่เฒ่าบอกว่าผู้ชาย ฉันคิดว่าท่
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณพิธานพูดไว้ไม่มีผิด คุณพิธานบอกว่าเจ้น้ำจะไม่โกรธเธอ และเจ้น้ำก็ไม่โกรธเธอจริงๆ จะมีก็แค่ความตกใจจนพูดไม่ออกไปหลายนาทีหลังจากเธอเล่าเรื่องทุกอย่างจบก็เท่านั้นต่างจากคุณทิม เพื่อนของคุณพิธานที่ดอกแก้วเคยได้เจอมาแล้วครั้งหนึ่ง รายนั้นนอกจากจะไม่ตกใจแล้ว เขายังปรบมือเสียงดังอย่างชอบใจอีก“อะไร” พิธานตวัดสายตาเข้มๆ ไปที่เพื่อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้รอยยิ้มของคนทะเล้นหายไป“ฉันปรบมือให้ตัวเอง”“เพื่อ?”“เพื่อชื่นชมความเก่งของตัวเองไง” หนุ่มลูกครึ่งตอบด้วยสำเนียงไทยชัดถ้อยชัดคำ ไม่ยี่หระกับสายตาเอือมระอาของเพื่อน “เดาไว้แล้วไม่มีผิดว่าคนนี้ต้องกลายเป็นตัวจริงของเสี่ยพิธาน”“เลิกเรียกว่าเสี่ยได้แล้ว” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมคนเป็นเพื่อนจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังจริงจังแค่ไหนทีเมื่อก่อนล่ะชอบให้ผู้หญิงมาเรียกเสี่ยคะเสี่ยขา แต่พอมีเมียเป็นตัวเป็นตนเข้าก็สั่งให้เลิกเรียกเด็ดขาดเชียว...“ไม่เสี่ยก็ไม่เสี่ย” ทิมไม่อยากเถียงกับเพื่อ ชายหนุ่มหน้าตาค่อนไปทางตะวันตกหันไปมองภรรยาเพื่อนแทน “ยินดีด้วยนะดอกแก้ว”“ขอบคุณค่ะ”เรื่องที่ทิมแสดงความยินดีไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ของ
หลังจากจับภรรยาเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยกว่าเดิมแล้ว พิธานก็จับจูงมือดอกแก้วไปที่ห้องรับประทานอาหาร เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งแด๊ดของเขาที่กำลังนั่งคุยกับอาพัลลภอย่างออกรสเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แม่ดาวเรืองที่กำลังตักข้าวให้ทุกคน รวมถึงเกวลินที่วันนี้แปลงร่างเป็นลูกมือของแม่ดาวเรืองหนึ่งวัน“ธานมาแล้ว” อาพัลลภพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานชายจูงมือผู้หญิงอีกคนเข้ามา ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับเบาๆ เมื่อดอกแก้วยกมือขึ้นไหว้ “นี่เหรอหลานสะใภ้?”“อาครับ อย่าทำเสียงดุสิ”“อาก็พูดปกตินะธาน” พัลลภเถียง เขาสาบานว่าเขาไม่ได้ทำเสียงดุเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แม่หนูคนนั้นกลับไม่กล้าสบตาเขา แถมยังหลบอยู่ด้านหลังของพิธานไม่ยอมโผล่หน้าโผล่ตาออกมาอีก“ช่วงนี้ฮอร์โมนของดอกแก้วเขาแปรปรวนน่ะลภ เขาอ่อนไหวง่าย” คนเป็นพี่ชายกระซิบบอกน้อง พัลลภพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะปรับเสียงให้อ่อนลงกว่าปกติ“หนูดอกแก้ว ไม่ต้องกลัวอานะ อาใจดีกว่าพิธานเยอะ ไม่เชื่อถามเกวลินสิ”“อาครับ” พิธานโอดครวญ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงดอกแก้วที่เริ่มหายกลัวด้วย“มานั่งนี่สิดอกแก้ว