“หรือเราจะปั๊มลูกรอตั้งแต่ตอนนี้เลยดี?”เสียงทุ้มกระซิบข้างหูก่อนที่ทั้งคู่จะล้มตัวลงนอน ดอกแก้วชะงักมือที่กำลังยกผ้าห่มขึ้น มองพิธานตาค้าง“คะ?”“ถ้าตรงนี้...” มือหนาวางลงบนหน้าท้องที่ยังแบนราบ ชวนให้ดอกแก้วหลุบตามองตามมือนั้นไปด้วย “มีลูกของเราอยู่ก็คงดี”“คุณพิธาน...” ดอกแก้วอดเรียกอีกฝ่ายให้กลับมาปัจจุบันไม่ได้ เธอเบนสายตาจากท้องตัวเองมาที่ใบหน้าคมเข้ม “เป็นดอกแก้ว ดีแล้วใช่ไหมคะ?”“หมายความว่ายังไง?”“หมายความว่า...” ดอกแก้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “เลือกให้ดอกแก้วเป็นแม่ของลูก คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ?”“ทำไมถึงถามแบบนั้น?” น้ำเสียงพิธานแฝงด้วยความไม่พอใจ มือหนาผละออกห่างทันที ตาคมจ้องมองคนรักเพื่อกดดันเอาคำตอบทำไมดอกแก้วถึงพูดแบบนั้น พิธานไม่รู้ว่าเธอกำลังกลัวอะไรอยู่ แต่คำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกโกรธจริงๆ“คุณพิธาน...”พิธานไม่พูดอะไรอีก เขาทิ้งหางตาให้ดอกแก้วรู้ว่ากำลังน้อยใจ ก่อนจะล้มตัวลงนอนหันหลังให้คนรัก ไม่เหมือนวันก่อนๆ ที่ต้องหันหาเข้าหากันและโอบกอดเธอเอาไว้“คุณพิธาน...” ดอกแก้วเบ้หน้า ความคิดเล็กคิดหน่อยของเธอทำให้คุณพิธานงอนเสียแล้ว เธอไม่เคยง้อใครมาก่อน และก็ไม่เคยค
ดอกแก้วลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับความเมื่อยขบ ร่างกายเธอปวดร้าวเหมือนโดนรถเหยียบมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งยังอ่อนเพลียเพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ค่อนคืนเข้าไปแล้ว แต่ความเคยชินก็ปลุกให้เธอตื่นขึ้นมาตอนหกโมงตรงเหมือนทุกวันอยู่ดีแต่ดูเหมือนว่าเธอจะตื่นสายกว่าใครอีกคนที่นอนดึกไม่ต่างกัน ดอกแก้วฝืนร่างกายให้ลุกขึ้น เนื้อตัวของเธอไม่ได้เปลือยเปล่าเพราะจำได้รางๆ ว่าใครอีกคนเช็ดตัวรวมถึงใส่เสื้อผ้าให้เธอแล้ว แขนเรียวเอื้อมไปจัดที่นอนให้เรียบร้อยแม้จะไม่ช่วยอะไรมาก แต่เธอก็ทดเอาไว้ในใจว่าเดี๋ยวจะเข้ามาถอดผ้าออกซัก หลังจากที่ตามหาคนร่วมเตียงเคียงหมอนเจอแล้วหญิงสาวเดินออกจากห้องนอนเหมือนแมวย่อง เธอรู้สึกขัดๆ ที่ส่วนเร้นลับเล็กน้อย อาจจะเพราะห่างหายมาซักพัก โชคดีที่ไม่ได้ฉีกขาดจนมีเลือดออกเหมือนครั้งแรกๆเพียงแค่โผล่พ้นระเบียงชั้นลอยออกไป ดอกแก้วก็ได้เห็นคนที่ตามหายืนจิบกาแฟอยู่ริมสระน้ำ ท่าทางของเขาดูสบายจนเธอไม่กล้าลงไปขัดแสงแดดในยามเช้าดูอบอุ่น ทำให้บรรยากาศของเมืองหลวงดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งที่ดูดีที่สุดไม่ใช่แสงแดด แต่เป็น... ร่างกายสูงใหญ่แต่สมส่วนของคนที่เธอรักดวงตากวางทอดมองร่างแกร่งที
แม้จะพิธานจะรับรู้มาว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านในอำเภอเล็กๆ แต่เขาก็ไม่คิดว่าหมู่บ้านนี้จะใหญ่ขนาดนี้ขับรถมาอีกกว่าสิบห้านาทีจากจุดที่เจอเด็กชายเอ็มเขาก็เจอกับตลาด ตลอดทางพิธานเห็นบ้านคนตั้งอยู่เรียงราย และที่ตลาดเริ่มมีผู้คนมาเปิดร้านรวงบ้างประปราย ทุกสายตาของชาวบ้านแทบจะมองมาที่รถเขาเป็นตาเดียว พิธานทำเป็นไม่สนใจ เขาตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไปตามทางที่ดอกแก้วบอกพ้นตลาดมาได้ราวสองกิโลเมตร ดอกแก้วก็บอกให้เขาชะลอรถ แถวนี้ค่อนข้างคึกคักไม่ต่างจากช่วงตลาด บ้านที่อยู่ในระแวกนี้เป็นบ้านทรงทันสมัยสลับกับบ้านทรงดั้งเดิมบ้าง และดอกแก้วก็บอกให้เขาหยุดที่หน้าบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้หลังหนึ่ง“ที่นี่เหรอ?” พิธานหันไปถามคนข้างกายเพื่อความมั่นใจ บ้านของดอกแก้วไม่ได้เหมือนภาพที่เขาคิดไว้ เป็นบ้านที่ดูดีไม่น้อย ด้านล่างของตัวบ้านมีโต๊ะกินข้าวยาวๆ สามตัว และเก้าอี้ที่ประกบคู่กับโต๊ะฝั่งละตัวแต่ถูกยกขึ้นวางบนโต๊ะเพื่อเป็นการบอกว่าวันนี้ร้านไม่ได้เปิดให้บริการส่วนของหน้าบ้านมีตู้กระจกคล้ายร้านข้าวแกงในกรุงเทพฯ ตู้ค่อนข้างใญ่ บ่งบอกว่าที่นี่คงทำอาหารขายแต่ละวันเป็นจำนวนมาก“ใช่ค่ะ”ดอกแก้วบอกพิธานแค่ไหน ก่อนที่เธ
“แต่ผมขอบคุณคุณน้านะครับ ที่ส่งดอกแก้วไปอยู่ที่นั่น”“.....”“...จนทำให้ผมได้เจอกับเธอ”พูดจบ พิธานก็กลั้นหายใจ เขาเตรียมใจยอมรับความเจ็บถ้าหากแม่ของดอกแก้วจะตีเขาอีก แต่ผ่านไปหลายนาทีแล้วหลังของเขาก็ยังไม่ถูกฟาดอย่างที่คิดไว้“แม่จ๋า”ดอกแก้วกุมมือมารดาเอาไว้ เธอมองคนที่นั่งอยู่ที่พื้นด้วยความเป็นห่วง และทั้งหมดนั้นก็อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่อย่างดาวเรือง“คุณต้องการจะพูดอะไร?” ดาวเรืองพูดขึ้นมาในที่สุด เสียงของเธอยังแข็งและห้วนจัด แต่แค่ไม่มีการทำร้ายร่างกายกันอีกดอกแก้วก็พอใจแล้ว “อย่ามาพูดอ้อมค้อม ฉันชอบคนตรงๆ”“ผมรักเธอครับ” ในเมื่อว่าที่แม่ยายบอกว่าชอบคนตรงๆ พิธานก็จะพูดตรงๆ ไม่มีอ้อมโลกอีก “ผมรักดอกแก้ว”“คุณพิธานคะ!”แก้มใสขึ้นสีแดงก่ำทันที ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่พิธานพูดคำว่ารักให้ได้ยิน แต่มันเป็นครั้งแรกที่เขาพูดต่อหน้าบุคคลที่สาม และที่ยิ่งกว่าคือคนๆ นั้นเป็นแม่ของเธอเอง...“รัก?” ดาวเรืองส่งเสียงหึในลำคอ เธอเมินหน้าไปทางอื่นที่ไม่มีลูกและเสี่ยของลูกอยู่ในสายตา “รักอะไรดอกแก้วมัน รักร่างกายมันหรือคุณ?”คำถามของคนเป็นแม่ทำให้ดอกแก้วรู้สึกปวดหนึบที่กลางใจ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อในควา
“คุณพิธานเรียกประชุมบอร์ดบริหารด่วนตอนบ่ายสอง”“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“ฉันก็ไม่รู้... ไม่มีใครรู้เลย”.เช้าวันทำงานแรกของสัปดาห์เกิดเรื่องโกลาหลขึ้นภายในบริษัท การเรียกประชุมกะทันหันทำให้ทุกคนหวาดระแวงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ในยุคที่เศรษฐกิจย่ำแย่ลงทุกวัน พนักงานตาดำๆ ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้มันเป็นเรื่องของการปลดพนักงานออกเลย เพราะในตอนนี้การจะหางานใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าอะไรทุกคนต่างทำงานด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น ต่างจากคนออกคำสั่งที่กำลังเท้าคาง นั่งมองคนรักจัดขนมและกาแฟให้อย่างเพลินตา“ทานกาแฟหน่อยเถอะค่ะ เมื่อเช้าคุณไม่ค่อยได้ทานอะไร”“อืม...” พิธานลุกจากเก้าอี้ตัวนุ่ม ขายาวก้าวเข้าไปหาคนที่ก้มๆ เงยๆ แขนแกร่งเกี่ยวเอวบางเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะหอมแก้มนุ่มๆ ไปหนึ่งที “กลิ่นกาแฟติดแก้ม”“ก็ดอกแก้วชงกาแฟให้คุณ”ดอกแก้วกุมแก้มข้างที่ถูกหอมไว้ เธอพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนที่รัดแน่นยิ่งกว่าคีมเหล็ก แต่มันก็ไม่ได้ผล“ไม่ได้ว่าอะไร แค่จะบอกว่าอยากกินเธอแทนกาแฟในแก้วเฉยๆ”“คุณพิธาน! พอเลยนะคะ”ดอกแก้วตีแขนที่กอดอยู่บนเอวแรงๆ แก้มทั้งสองข้างร้อนจัด ดันคนตัวใหญ่ให้ออกห่างอีกครั้ง ซึ่งครั้งน
เกิดความเงียบขึ้นหลังจากพิธานพูดประโยคนั้นจบ พัลลภไม่มีอะไรจะเถียงหลานชาย นอกจากพยักหน้ารับเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมา“คิดดีแล้วใช่ไหม?”“ครับ” พิธานตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจเขาได้อีกแล้ว“แม่หนูคนนั้น... สำคัญกว่าบริษัทอย่างนั้นเหรอ?”“เทียบกันไม่ได้ครับ” พิธานตอบตามความจริง คนกับสิ่งของ มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถเอามาเทียบกันได้ “ผมรักบริษัทนี้แน่นอน เพราะผมสร้างมันมากับมือ แต่ดอกแก้วก็เป็นคนสำคัญ เป็นลมหายใจของผม”“.....”“และที่สำคัญ การที่ผมลาออกจากตำแหน่งไม่ได้แปลว่าผมหมดสิทธิ์ในบริษัท ผมยังคงเป็นผู้ที่ถือหุ้นมากสุดอยู่ดี แค่เปลี่ยนมือบริหาร แต่อำนาจการตัดสินใจทุกย่างก็ต้องผ่านผม”“นี่หมายความว่า...”“ผมขอโทษที่ดึงอามาลำบากครับ แต่ผมขอเวลาแค่ไม่นาน อาแค่มานั่งเก้าอี้ตัวนี้แทนผมในระหว่างที่ผมติดต่อผู้ร่วมทุนคนใหม่”“...เฮ้อ”พัลลภส่ายหน้าเบาๆ กับความคิดของหลานชาย เขาคิดอยู่แล้วว่าพิธานไม่ยอมปล่อยบริษัทนี้ไปง่ายๆ แน่ นักธุรกิจแบบพิธาน จะทำอะไรต้องคำนวนมาดีอยู่แล้ว“หรือถ้าอาอยากนั่งยาวๆ ผมก็ไม่ขัด”“พอเลยหลานรัก” พัลลภรีบปฏิเสธทันที “อาแก่แล้ว อยากอยู่กับเมียกับลูกมากกว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ช่างคุ้นตา เหมือนว่ามันเพิ่งเกิดไปเมื่อไม่ถึงสิบวันก่อน ทางที่ลำบากทำให้คนที่ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองแก่ดมยาดมยี่ห้อดังไปตลอดทาง“ไหวไหมคะคุณพ่อ?”ว่าที่ลูกสะใภ้มีแก่ใจหันกลับมาถามตลอด ต่างจากลูกชายที่ลอบยิ้มอย่างอารมณ์ดีอยู่ในตำแหน่งของคนขับ“แด๊ดไหวอยู่แล้ว ยังไม่แก่เสียหน่อย”หน็อย! ไอ้เจ้าลูกชายคนไม่แก่ได้แต่คาดโทษลูกในใจ ก่อนจะหันไปส่ายหน้ากับว่าที่ลูกสะใภ้ให้เธอหมดห่วง แต่ไม่วายยกยาดมขึ้นจ่อจมูกอีกครั้ง“คุณธาน ขับดีๆ หน่อยสิคะ”ดอกแก้วเห็นว่าคุณพ่อไม่ชินกับเส้นทางแบบนี้จนเวียนหัวก็รีบบอกเตือนคนรัก เธอเห็นนะว่าพิธานยกยิ้มที่แกล้งพ่อตัวเองได้ แต่นี่มันใช่เวลามาแกล้งกันหรือยังไง“แหนะ! ไม่ฟังดอกแก้วเลยนะคะ”พอพิธานไม่เชื่อฟัง ดอกแก้วก็งอนเสียเลยรอยยิ้มของคนที่ได้แกล้งพ่อจางหายไปทันที พิธานอยากจะหันไปง้อดอกแก้ว แต่เพราะเขายังไม่สะดวก จึงได้แต่ปล่อยให้ดอกแก้วงอนไปก่อน ถึงที่หมายแล้วค่อยง้อยังไม่สายบางทีดอกแก้วก็ต้องรู้จักพ่อของเขาให้มากขึ้นแด๊ดของเขามีงานอดิเรกเป็นนักแข่งรถ เห็นอายุหกสิบแล้วแบบนี้แต่ยังลงสนามเดือนละครั้งเป็นอย่างต่ำ และเส้นทางบางครั้งก็ไ
พิธานตัดสินใจอยู่ที่บ้านของแม่ยายต่อไม่มีกำหนดกลับ จากกำหนดการณ์เดิมที่จะกลับในวันจันทร์เขาอยู่เพื่อจัดการเรื่องของผู้ชายคนนั้นให้เรียบร้อย ช่วงสายของวันอาทิตย์มีตำรวจเข้ามาหาแม่ดาวเรืองจริงๆ ทางนั้นมาพร้อมหมายค้นบ้าน และเชิญภรรยาผู้ต้องหาไปให้ปากคำที่โรงพัก พิธานได้แต่บอกแม่ยายว่าให้ไปตามที่ตำรวจต้องการ และให้การตามความจริงเท่าที่จะพูดได้เรื่องทุกอย่างมันต้องใช้เวลา แม่ดาวเรืองถูกปล่อยตัวกลับมาที่บ้านในเย็นวันอาทิตย์ และจากการค้นบ้านตำรวจก็ไม่เจอสิ่งผิดกฎหมายใดๆ แต่ทุกอย่างมันยังไม่จบแค่นี้ หลังจากนี้แม่ดาวเรืองคงต้องวิ่งขึ้นลงโรงพักอีกหลายครั้ง จนกว่าจะหลุดพ้นจากทุกอย่างได้จริงๆพิธานที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้จึงได้เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อม ทั้งพยานหลักฐาน หรือแม้แต่ทนายกรณีที่ต้องถึงขั้นขึ้นศาลจริงๆ และที่พิธานรู้เรื่องทุกอย่าง ก็เป็นเพราะเขานั่นแหละที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นถูกจับโชคดีที่เขามีคนรู้จักเป็นนายตำรวจที่ติดตามการขนยาเสพติดข้ามแดนอยู่พอดี และเขาก็ใช้อำนาจของเงินนิดหน่อยสืบจนรู้ว่าหนึ่งในตัวการหลักที่คอยขนยาเสพติดไปประเทศเพื่อนบ้านคือสามีของแม่ดาวเรือง โดยผู้ช
ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอของพิธานกับดอกแก้วคือสองทุ่มตรง ที่จริงแล้วดาวเรืองหาฤกษ์ที่ดีกว่านี้ได้ แต่เพราะมันดึกเกินไปและพิธานไม่อยากให้คนท้องอ่อนๆ ต้องเข้านอนดึก เขาจึงขอแม่ยายให้หาฤกษ์ใหม่ให้เป็นช่วงหัวค่ำแทน ดังนั้นหลังจากพูดคุยบนเวทีเสร็จแขกที่มาร่วมงานก็ไม่ได้เห็นหน้าบ่าวสาวอีก รวมถึงเด็กๆ ทั้งสองก็มีพี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำนอน กลายเป็นว่างานเลี้ยงฉลองงานแต่งที่ยิ่งใหญ่จบลงภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ฝังอยู่ในใจแขกเหรื่อทุกคนไม่รู้ลืมห้องสวีทราคาคืนละสองหมื่นคือห้องหอในค่ำคืนนี้ พิธานกับดอกแก้วนั่งอยู่บนพื้น รอคอยให้ญาติผู้ใหญ่เข้ามาอวยพรก่อนส่งตัวตามพิธี อดีตเสี่ยหนุ่มตื่นเต้นจนมือชื้นเหงื่อ ถ้าตามพฤตินัยพิธานเข้าหอกับภรรยามานับครั้งไม่ถ้วนจนมีตัวน้อยคนที่สามแล้ว แต่ถ้าตามพิธีจริงๆ นี่เป็นครั้งแรก“ตื่นเต้นหรือคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามสามี พิธานดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองเหมือนเคย ลบภาพนักธุรกิจหนุ่มมาดขรึมไปจนหมด“ตื่นเต้นสิ ดอกแก้วไม่ตื่นเต้นเหรอ?”“ตื่นเต้นค่ะ”พิธานมองภรรยาที่ส่งยิ้มหวานมาให้ เธอบอกว่าตื่นเต้น แต่ท่าทางของดอกแก้วกลับดูปกติ “คงมีแค่คุณพิธานสินะที่อยู่ไม่สุข”
เสียงเปิดประตูห้องน้ำเรียกสายตาจากคนบนเตียงให้หันไปมอง พิธานวางหนังสือที่อ่านอยู่ลง ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดภรรยาที่ดูอ่อนล้ากว่าปกติหลวมๆ“เหนื่อยมากไหม?”ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับงานแต่ง และเพราะงานแต่งที่จะจัดขึ้นไม่ใช่งานเล็กๆ เหมือนที่เชียงใหม่ เพื่อหน้าตาของเจ้าของบริษัทอย่างพิธานจึงทำให้งานที่ควรจะสบายๆ กลับจริงจังขึ้น ข่าวการแต่งงานแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สื่อหลายสื่อให้ความสนใจทั้งยังขอสัมภาษณ์ราวกับพิธานเป็นดาราดัง แม้จะไม่ชอบใจแต่พิธานก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะการได้พื้นที่สื่อก็มีประโยชน์กับบริษัทของเขามากพอสมควรพิธานเลยจัดการนัดสื่อทั้งหลายให้มาสัมภาษณ์ที่เพนท์เฮ้าส์ โดยมีข้อแม้ว่าเขาอนุญาตให้แต่จะสำนักส่งทีมงานมาได้ไม่เกินสองคนเท่านั้น เพราะกลัวว่าเด็กๆ จะตื่นเพราะเจอคนเยอะเด็กๆ ที่ว่าหมายถึงลูกชายและลูกสาวของพิธานกับดอกแก้ว ส่วนหนึ่งที่สื่ออยากสัมภาษณ์เป็นเพราะเด็กปริศนาสองคนนี้ด้วย พิธานไม่ค่อยพาลูกออกงานที่ไหน และการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็จะเป็นการเปิดตัวอย่างจริงจังครั้งแรก“เหนื่อยค่ะ”ดอกแก้วไม่โกหก เธอเหนื่อยเหมือนตัวจะขาด วันนี้เธอต้องไปลองชุดเจ้าสาวที่จะใช้ในงานทั้งห
สามปีต่อมา.“พี่ดล ไหนกระเป๋าที่คุณยายให้คับ?”“นี่คับ!”“น้องดาว ชุดที่คุณปู่ซื้อให้ไม่อึดอัดเกินไปใช่ไหมคะลูก?”“ม่ายค่า”“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นเราไปรอแด๊ดดี้กับคุณแม่ที่รถกัน”“เย้ๆ”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของสองเด็กและสองผู้ใหญ่เงียบหายไป แทนที่ด้วยเสียงหัวเราะของคนเป็นพ่อและแม่ ดอกแก้วที่กำลังเก็บของชิ้นสุดท้ายใส่กระเป๋าส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ส่วนพิธานเองก็อมยิ้มเพราะเสียงสดใสของลูกๆ ที่เป็นเหมือนยาวิเศษช่วยเติมเต็มพลังชีวิตให้กับเขาแค่ตื่นมาแล้วได้ยินเสียงลูกทุกวัน แค่นี้คนเป็นพ่อก็มีความสุข มีแรงทำงานได้ทั้งวันแล้ว“คุณลืมอะไรหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานของดอกแก้วเอ่ยขึ้น ดวงตากวางกวาดมองไปทั่วห้องเพราะกลัวว่าจะหลงลืมอะไรวันนี้เธอและครอบครัวจะไปเที่ยวทะเลกัน เป็นครั้งแรกในรอบปีที่มีเวลามากพอจนพาลูกๆ ไปเปิดหูเปิดตาได้ ไม่ใช่ว่าเธอและพิธานงานยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง แต่เพราะตอนนี้พนธกรใกล้ขึ้นชั้นประถมหนึ่งแล้ว ส่วนพริบพราวดาว ลูกสาวอีกคนก็เรียนเตรียมอนุบาลอยู่ คนที่ไม่มีเวลาคือเด็กๆ ทั้งสองคนต่างหาก“เหมือนจะลืมนะ”“ลืมอะไรคะ-“ ยังไม่ทันได้ถามจนจบ แก้มใสก็ถูกจมูกโด่งกดลงมาแนบแน่นฟอด!“คุณพิธ
“น้องดล ไหนเรียกแด๊ดเร็วเข้า แด๊ด”“แด๊ะ”“ไม่ใช่ลูก แด๊ด ไม่แด๊ะ”“แด๊ะ”“เฮ้อ...”พิธานหมดแรงจะสอนเจ้าตัวแสบ ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนในคอกกั้นที่ปูด้วยพื้นนุ่มสำหรับลูก และเมื่อพนธกรเห็นพ่อนอนหมดแรงอยู่ก็คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย“อุ่ก! ตัวแสบ ตัวหนักแบบนี้กระโดดลงมาได้ยังไง”“คิก คิก”“หัวเราะงั้นเหรอ? มาให้แด๊ดฟัดพุงซะโดยดีเจ้าอ้วน”“มะ... คิกๆ กรี๊ด!!”เสียงหัวเราะสลับกับเสียงกรี๊ดทำให้คนเป็นแม่อดใจไม่ไหว ดอกแก้วละมือจากงานที่ทำค้างไว้ ก่อนจะเดินมาดูว่าสองพ่อลูกเขาเล่นซนอะไรกันภาพที่เธอเห็นคือร่างใหญ่ของสามีนอนหงายอยู่บนพื้น โดยที่บนตัวมีร่างอวบอ้วนของลูกชายนอนทับอยู่ ใบหน้าคมพยายามก้มลงฟัดพุงเจ้าตัวแสบ และนั่นคือสาเหตุที่พนธกรทั้งหัวเราะและกรี๊ดลั่นบ้านแบบนี้“คุณพิธาน”ดอกแก้วยืนดูซักพัก เมื่อเห็นว่าลูกเริ่มเหนื่อยแล้วจึงเรียกสามีไว้“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวคืนนี้น้องดลเก็บเอาไปฝัน”คำเตือนของดอกแก้วทำให้พิธานหยุดชะงักแทบจะทันที ใบหน้าคมบิดเบี้ยวเล็กน้อย เมื่อนึกถึงวีกรรมของลูกชายเมื่ออาทิตย์ก่อนพิธานเป็นผู้ชาย และพนธกรเองก็เป็นลูกชาย การเล่นกับลูกของพิธานจึงค่อนข้างหวาดเสียวตามประสา พิธาน
หลังจากคลอดลูกชายคนแรกได้ห้าวัน ดอกแก้วก็ได้รับอนุญาตจากหมอน้ำให้กลับมาพักที่บ้านได้พิธานยังคงแย้งเหมือนเคย ชายหนุ่มกังวลไปสารพัด ต่างจากดอกแก้วที่อยากกลับบ้านเต็มทน เธอไม่ชอบนอนโรงพยาบาลเท่าไหร่ และเธอก็ไม่ได้เจ็บตรงไหนแล้วด้วยโต้แย้งกันอยู่นานสุดท้ายพิธานก็เป็นคนแพ้ แม้ไม่เต็มใจแต่เขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือขอให้คนเป็นอาช่วยงานอีกซักพัก เพราะตนอยากใช้เวลาอยู่กับลูกในช่วงแรกให้มากเท่าที่จะทำไดใครๆ ก็รู้ว่าเหตุผลที่พิธานพูดนั้นเป็นแค่ข้ออ้าง คุณพ่อมือใหม่ทำราวกับว่าที่ทำงานกับบ้านที่อยู่อาศัยไกลกันมากมาย ทั้งๆ ที่ความจริงห่างกันเพียงไม่กี่ชั้น ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็กลับมาหาลูกได้โดยไม่ต้องกระทบกับงานที่ทำ แต่เพราะพิธานกังวลมากเกินไป รวมถึงเห่อลูกชายตัวน้อยที่ยังไม่รู้ความจนไม่อยากไปทำงานก็เท่านั้น“กินเก่งจังเลยลูกชาย”ชายร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหนุ่ม ตาคมจ้องมองแก้มป่องๆ ที่ขยับขึ้นลงยามที่ได้ดูดกลืนน้ำนมจากมารดา ลูกชายของเขาช่างเลี้ยงง่ายเหลือเกิน นอกจากกินนมเป็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ยังไม่เคยงอแงไม่มีเหตุผลนอกเสียจากเวลาที่ท้องหิวพนธกร ลูกชายของดอกแก้วแล
สัปดาห์ที่สามสิบสอง ดอกแก้วรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเดิม เธอไม่สามารถเข้าครัวช่วยแม่ทำกับข้าว หรือลุกเดินเร็วๆ ได้เหมือนปกติ และนั่นทำให้จิตใจของคุณแม่อ่อนแอลงคนท้องเจ็ดเดือนลุกเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก ดอกแก้วแม้ก่อนตั้งท้องจะไม่ใช่ผู้หญิงผอมบาง ทั้งยังมีเนื้อหนังให้กอดเล่นชื่นใจ แต่ก็นับว่าเป็นผู้หญิงไซส์มินิคนหนึ่ง เมื่อตั้งท้อง ร่างกายเล็กๆ ที่ต้องมารับน้ำหนักของลูกชายที่โตได้โตดีก็พาลให้ปรับตัวไม่ทัน เธอจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเธอยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ท้องแรกเล็กจนถ้าไม่ใส่เสื้อผ้ารัดรูปคงดูไม่ออก แต่มาเดือนนี้หน้าท้องเธอกลับขยายใหญ่อย่างรวดเร็วจนอึดอัดไปหมด“อึ่ก” ฟันขาวกัดปากตัวเองไว้แน่น ดวงตากลมฉ่ำน้ำมองไปที่ร่างสูงใหญ่ของสามีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อาทิตย์นี้พิธานทำงานหนัก แต่ยังต้องคอยตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อพาร่างอุ้ยอ้ายของเธอเข้าห้องน้ำทุกวัน ยิ่งท้องแก่ดอกแก้วก็ยิ่งเข้าห้องน้ำบ่อย พิธานเองก็ตื่นขึ้นมาทุกครั้งที่เธอร้องขอไม่เคยบ่น แต่ดวงตาคู่คมฉายแววเหนื่อยล้าทุกเช้าจนครั้งนี้ดอกแก้วไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลืออีก“คนเก่ง”มือบางลูบหน้าท้องที่ขยับเป็นคลื่นเมื่อคนที่อยู่ภายในป
ช่วงที่อุ้มท้องลูกคนแรก เวลาในแต่ละวันของดอกแก้วช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินสัปดาห์ที่สิบหกของการตั้งครรภ์ นันทิดาบอกกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าช่วงนี้จะสามารถเห็นเพศของเจ้าตัวน้อยได้แล้ว ทั้งดอกแก้วและพิธานจึงลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่าจะดูเพศลูกน้อยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะจะได้เตรียมตัวถูก คุณปู่และคุณยายเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยและโชคดีเหลือเกินที่เจ้าตัวน้อยไม่ขี้อายพิธานมองภาพของลูกน้อยด้วยความยินดี สายตาคมเข้มอ่อนลงจนบรรยากาศในห้องตรวจเต็มไปด้วยหมอกไอที่แสนอบอุ่น“ผู้ชาย ดูสิ... เปิดโชว์ไม่อายใครเลยหลานอา”นันทิดาชี้ให้คนเป็นพ่อและแม่ดูเพศของลูก หลานเธอคนนี้ไม่ขี้อาย พอรู้ว่าจะถูกดูเพศก็อวดโชว์สิ่งที่พ่อให้มาราวกับภาคภูมิใจนักหนา“ผู้ชายจริงๆ ด้วย”“ทำไมพูดเหมือนรู้อยู่แล้วคะ?”ดอกแก้วอดถามสามีไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิธานไม่เคยพูดว่าอยากมีลูกเพศไหน ไม่เคยบอกเธอว่าคิดเรื่องเพศของลูกไว้แล้ว เพราะแบบนั้นเธอเลยค่อนข้างแปลกใจ สามีเธอแอบไปคิดมาตอนไหนว่าลูกคนนี้ต้องเป็นผู้ชาย?“จำวันที่เราแต่งงานกันได้ไหม?” พิธานถามกลับ รอจนภรรยาพยักหน้าเล็กน้อยจึงเฉลยออกมา “ที่แม่เฒ่าบอกว่าผู้ชาย ฉันคิดว่าท่
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณพิธานพูดไว้ไม่มีผิด คุณพิธานบอกว่าเจ้น้ำจะไม่โกรธเธอ และเจ้น้ำก็ไม่โกรธเธอจริงๆ จะมีก็แค่ความตกใจจนพูดไม่ออกไปหลายนาทีหลังจากเธอเล่าเรื่องทุกอย่างจบก็เท่านั้นต่างจากคุณทิม เพื่อนของคุณพิธานที่ดอกแก้วเคยได้เจอมาแล้วครั้งหนึ่ง รายนั้นนอกจากจะไม่ตกใจแล้ว เขายังปรบมือเสียงดังอย่างชอบใจอีก“อะไร” พิธานตวัดสายตาเข้มๆ ไปที่เพื่อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้รอยยิ้มของคนทะเล้นหายไป“ฉันปรบมือให้ตัวเอง”“เพื่อ?”“เพื่อชื่นชมความเก่งของตัวเองไง” หนุ่มลูกครึ่งตอบด้วยสำเนียงไทยชัดถ้อยชัดคำ ไม่ยี่หระกับสายตาเอือมระอาของเพื่อน “เดาไว้แล้วไม่มีผิดว่าคนนี้ต้องกลายเป็นตัวจริงของเสี่ยพิธาน”“เลิกเรียกว่าเสี่ยได้แล้ว” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมคนเป็นเพื่อนจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังจริงจังแค่ไหนทีเมื่อก่อนล่ะชอบให้ผู้หญิงมาเรียกเสี่ยคะเสี่ยขา แต่พอมีเมียเป็นตัวเป็นตนเข้าก็สั่งให้เลิกเรียกเด็ดขาดเชียว...“ไม่เสี่ยก็ไม่เสี่ย” ทิมไม่อยากเถียงกับเพื่อ ชายหนุ่มหน้าตาค่อนไปทางตะวันตกหันไปมองภรรยาเพื่อนแทน “ยินดีด้วยนะดอกแก้ว”“ขอบคุณค่ะ”เรื่องที่ทิมแสดงความยินดีไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ของ
หลังจากจับภรรยาเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยกว่าเดิมแล้ว พิธานก็จับจูงมือดอกแก้วไปที่ห้องรับประทานอาหาร เมื่อเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบว่าทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งแด๊ดของเขาที่กำลังนั่งคุยกับอาพัลลภอย่างออกรสเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แม่ดาวเรืองที่กำลังตักข้าวให้ทุกคน รวมถึงเกวลินที่วันนี้แปลงร่างเป็นลูกมือของแม่ดาวเรืองหนึ่งวัน“ธานมาแล้ว” อาพัลลภพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าหลานชายจูงมือผู้หญิงอีกคนเข้ามา ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับเบาๆ เมื่อดอกแก้วยกมือขึ้นไหว้ “นี่เหรอหลานสะใภ้?”“อาครับ อย่าทำเสียงดุสิ”“อาก็พูดปกตินะธาน” พัลลภเถียง เขาสาบานว่าเขาไม่ได้ทำเสียงดุเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แม่หนูคนนั้นกลับไม่กล้าสบตาเขา แถมยังหลบอยู่ด้านหลังของพิธานไม่ยอมโผล่หน้าโผล่ตาออกมาอีก“ช่วงนี้ฮอร์โมนของดอกแก้วเขาแปรปรวนน่ะลภ เขาอ่อนไหวง่าย” คนเป็นพี่ชายกระซิบบอกน้อง พัลลภพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะปรับเสียงให้อ่อนลงกว่าปกติ“หนูดอกแก้ว ไม่ต้องกลัวอานะ อาใจดีกว่าพิธานเยอะ ไม่เชื่อถามเกวลินสิ”“อาครับ” พิธานโอดครวญ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงดอกแก้วที่เริ่มหายกลัวด้วย“มานั่งนี่สิดอกแก้ว