Home / รักโบราณ / เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา / บทที่ 50 สกุลเซี่ยถึงคราวแตกหัก

Share

บทที่ 50 สกุลเซี่ยถึงคราวแตกหัก

last update Last Updated: 2025-03-11 00:47:01

เซี่ยซูเหยามองใบหน้าที่ซีดเซียวของบิดา ผ่านไปไม่ถึงชั่วยามเซี่ยห้าวไห่ที่หลับไปด้วยฤทธิ์ยาก็รู้สึกตัว นางที่หลับไปไม่นานก็ถูกปลุกด้วยฝีมือของพี่มี่ถิง

“ท่านพ่อ”

ตามร่างกายของบิดามีผ้าพันแผลพันรอบกาย ไม่ต้องพูดก็สามารถรับรู้ได้ว่าบิดาของนางถูกทำร้ายอย่างหนัก นางรีบนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง

“แค่กๆ อาเหยา” เซี่ยห้าวไห่ต้องการลุกขึ้นนั่ง จึงถูกมี่ถิงที่ยืนรออยู่ช่วยประคอง

ดวงตากลมโตคลอไปด้วยหยาดน้ำตาเมื่อเห็นบิดาได้รับบาดเจ็บมากกว่าที่คิด ภายในอกราวกับถูกบดขยี้ด้วยอะไรสักอย่าง เป็นนางที่ชะล่าใจเกินไปที่คิดว่าบิดาของนางเก่ง จึงไม่ได้ส่งคนมาเฝ้าที่จวน

“ท่านพ่อเจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ”

กลิ่นสมุนไพรคละคลุ้งไปทั่วห้องนอนของบิดา เป็นกลิ่นที่พวกนางคุ้นเคยกันดี เซี่ยซูเหยาหยิบถ้วยกระเบื้องเคลือบราคาแพงที่นางซื้อกลับมาด้วยให้บิดาจิบน้ำอุ่นที่นางสั่งให้ต้มเอาไว้

“ขอบคุณอาเหยา”

ภายในห้องมีเพียงเซี่ยซูเหยา เซี่ยห้าวไห่ และมี่ถิงเท่านั้น หม่าลี่หลินขอกลับไปดูอาการของพี่ชาย ส่วนแม่ทัพเสวี่ยกล่าวว่าเซี่ยห้าวไห่คงอยากคุยกับบุตรสาวมากกว่า

“ท่านพ่อรู้หรือไม่เจ้าคะว่าเป็นผู้ใดที่ทำร้ายท่าน” มองดูบาดแผลแล้วคนร้า
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 1 เนเน่ เนตรนภา

    หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ทุก ๆ ครั้งที่มหาวิทยาลัยมีโครงงานศึกษาดูงานต่างประเทศ เนเน่จะเป็นตัวเลือกคนแรกที่ถูกอาจารย์ที่ปรึกษาเรียกเข้าพบ แม้เธอจะไม่ต้องการก็ตามลำพังแค่ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยจนขึ้นปีสองคนเดียวก็ยากแล้ว เพื่อนในสาขาที่เรียนด้วยกันยังเหมือนจะไม่ชอบเธออีก เธอจึงชอบตัดปัญหาโดยการไม่สุงสิงกับใคร“นะ เนตรนภา เธอก็รู้ว่ายังไงถ้าไม่อ้างอิงตามคะแนนของรายวิชา เธอก็ผ่านไปได้อยู่แล้ว”เนตรนภาคือชื่อจริงของเนเน่ เธอเรียกว่าเป็นตัวท็อปอันดับต้น ๆ ของสาขาเลยก็ว่าได้ อีกอย่างก็เป็นเด็กกิจกรรมที่เข้าร่วมไม่เคยขาดจนเป็นที่เอ็นดูของเหล่าอาจารย์ครั้งนี้มหาวิทยาลัยสามารถพานิสิตไปศึกษางานเกี่ยวกับอดีตและยุคสมัยได้ถึงสิบคน ที่ไม่รวมกับอาจารย์ที่ปรึกษาของรายวิชาและอาจารย์อีกสองท่าน อาจารย์กมลนิลจึงเรียกเธอเข้ามาพูดคุย“อีกตั้งหลายวันจะมีการทำงานกลุ่มน่าจะเป็นงานสุดท้ายที่ตัดสินหรือเปล่าคะ? หนูขอกลับไปถามครอบครัวก่อนเพราะประเทศจีนต้องเดินทางไกล ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก หนูกลัวว่าที่บ้านจะไม่อนุญาตค่ะ”“ได้ ๆ”เพราะสามารถพาไปได้หลายคนเหล่าอาจารย์จึงปรึกษากันว่าคะแนนเก็บใครเยอะสุดคนน

    Last Updated : 2025-02-14
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 2 เซี่ยซูเหยา

    เนเน่ขยับตัวด้วยความอ่อนล้า ความจำล่าสุดของเธอก่อนที่จะหมดสติคือการที่เธอกลัวความมืดและกรีดร้องจนหมดสติ แต่พอลืมตาขึ้นมามันทำให้เธอถึงกับชะงัก เธอยังไม่ได้ออกจากบ้านร้างที่เก่าแก่?แต่พอมองรอบ ๆ แล้วเนเน่ต้องขยี้ตาหลายรอบ ต่อให้เป็นความมืดแต่สิ่งที่เธอจำได้ก็คือ บ้านหลังนั้นมันรกมากและกลิ่นอับชื้นก็ตีขึ้นจมูก แต่ที่นี่ไม่ใช่ และเธอยังจำได้อีกว่าเธออยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้เธอกลับนอนอยู่บนเตียงที่มีเศษผ้าเก่า และรู้สึกถึงมือที่เล็กลง“อึก!”เนเน่ยกมือขึ้นกุมขมับทันทีที่ครามทรงจำบางอย่างไหลเข้าหัว มันเป็นความเจ็บปวดที่ร่างกายแทบจะทนไม่ไหว เกือบสิบนาทีที่เนเน่ต้องทนเจ็บปวดก่อนที่ความเจ็บปวดมันจะหายไป‘มันคืออะไร’เนเน่นอนนิ่งก่อนจะทบทวนความทรงจำที่ได้รับมา ดูเหมือนว่าเธอจะตายในบ้านที่ถูกผลักเข้าไป และตื่นขึ้นมาบนร่างของ เซี่ยซูเหยา เด็กน้อยวัยสิบหนาวในแคว้นหนาน แคว้นที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพืชผักและกำลังทหารเซี่ยซูเหยาเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวสกุลเซี่ย เป็นสกุลเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของแคว้น และอยู่ในเมืองที่เลือกได้ว่ายากจนที่สุด ต่อให้แคว้นอุดมสมบูรณ์มากแค่ไหนแต่พอห่างไกลจากเมืองหลวง

    Last Updated : 2025-02-14
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 3 เซี่ยซูเหยาหายป่วย

    เซี่ยซูเหยาท้าวคางมองหน้าบ้านด้วยความเบื่อหน่าย เข้าวันที่เจ็ดแล้วที่นางได้มาอยู่ที่นี่ แต่เพราะมีร่างกายที่อ่อนแอจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกไปไหน แม้แต่แสงแดดก็ห้ามโดนจนกว่าอาการจะดีขึ้นแต่ยามนี้อาการนางดีขึ้นมากแล้วเพราะได้กินน้ำแกงไก่บำรุงร่างกายเกือบทุกวัน ไหนจะการที่นางลอบออกกำลังกายในห้องนอนอีก อาการต่าง ๆ จึงไม่ค่อยมีแล้ว คงจะมีแต่ความเบื่อนี่แหละ“พี่สาว อาเหยาเบื่ิอ” เซี่ยซูเหยาหันไปบอกเซี่ยซูเจี๋ยที่ล้างผักอยู่ ผักพวกนี้จะถูกนำไปดองเก็บไว้กิน“อาเหยาเบื่อหรือ แต่ท่านพ่อไม่ให้อาเหยาออกไปไหน” เซี่ยซูเจี๋ยเงยหน้าขึ้นมองแม้ตัวน้องสาวจะบอกว่าหายดีแล้วแต่เซี่ยซูเจี๋ยกับผู้เป็นพ่อและน้องชายก็ไม่เชื่อ อาเหยาชอบบอกว่าหายดีแล้วเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง“เฮ้อ”เซี่ยซูเหยาถอนหายใจครั้งที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้ นางเบื่อจริง ๆ นะ แม้แต่งานในครัวพี่สาวก็ไม่ยอมให้นางแตะ ให้เหตุผลว่ารอให้อากาศดีกว่านี้เสียก่อน“งั้นมาช่วยพี่สาวล้างผักดีไหม พรุงนี้พี่สาวจะทำเกี่ยมฉ่าย กับซึงไฉ่ เก็บไว้กินเดือนหน้า” เซี่ยซูเจี๋ยบอกน้องสาวนางสามารถออกไปไหนมาไหนได้ แต่อาเหยาไม่สามารถออกไปได้เพราะทุกคนเป็นห่วง เซี

    Last Updated : 2025-02-14
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 4 เข้าป่า

    เซี่ยซูเหยาอดตื่นเต้นไม่ได้ นับรวมจากที่ได้คุยกับผู้เป็นพ่อ วันนี้ก็เข้าวันที่สิบแล้ว อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือไม่หนาวจนเกินไป เซี่ยห้าวไห่จึงบอกให้ลูกชายและลูกสาวเตรียมตัว เพราะจะไปด้วยกันทั้งหมดเซี่ยห้าวไห่ไม่ค่อยเป็นห่วงเซี่ยซูเหยียนเพราะไปด้วยกันทุกวัน จะเป็นห่วงก็แต่ลูกสาวอีกสองคน คนโตไม่เท่าไรเพราะเขาเชื่อว่านางเอาตัวรอดได้ ต่างจากอาเหยาที่เป็นครั้งแรกของการเข้าป่าวันนี้เซี่ยห้าวไห่จะพาไปก็จริงแต่เขาจะให้อยู่เพียงตีนป่าเท่านั้น ข้างในมันอันตราย เขาไม่สามารถช่วยลูก ๆ ได้ทั้งหมดหากเกิดอะไรขึ้นมา ลำพังพาลูกชายไปด้วยทุกวันก็ยังเป็นห่วง“พี่สาวห่อข้าวไปด้วยหรือ” เซี่ยซูเหยาเอียงคอถามจนเซี่ยซูเจี๋ยเอื้อมมือมาบีบแก้มน้องสาว น้องสาวของนางเดิมทีก็น่ารักอยู่แล้ว พอทำท่าทางแบบนี้ยิ่งน่ารักไปใหญ่“แก้มอาเหยา!” เซี่ยซูเหยาพองแก้มพลางเท้าเอว“ฮ่า ฮ่า วันนี้ท่านพ่อให้พี่สาวทำอาหารไปเผื่อด้วย” เซี่ยซูเจี๋ยตอบปกติเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนไม่ได้ห่อกับข้าวไปด้วย เพราะทั้งสองจะกลับมากินข้าวที่บ้านทุกวัน จะมีก็แต่ยามขึ้นเขาไปล่าสัตว์เท่านั้นที่เซี่ยห้าวไห่จะให้ลูกสาวทำไว้ให้“อ๋อ”เซี่ยซูเหยา

    Last Updated : 2025-02-14
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 5 ไก่ย่างสมุนไพร

    ทุกคนดูชอบกุ้งนึ่งกับน้ำจิ้มที่เซี่ยซูเหยาทำมาก โดยเฉพาะเซี่ยห้าวไห่ที่เอ่ยชมลูกสาวไม่หยุด ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เซี่ยซูเหยาจะทำอาหารให้คนในครอบครัวกินบ่อย ๆ ยามที่จะเปิดร้านอาหารจะได้ไม่มีใครกังวล และจะได้สนับสนุนนางวันนี้ทั้งเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนออกไปรับจ้างนอกบ้านไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์ เซี่ยซูเจี๋ยก็นำตะกร้าผ้าไปซักที่ลำธาร ซึ่งที่บ้านก็เหลือเพียงเซี่ยซูเหยาผ่านมาสามวันแล้วพ่อของนางก็ยังไม่พานางเข้าป่าอีกครั้ง แต่นางเห็นว่ายุ่งเลยไม่ได้ไปอ้อนให้พาไป กุ้งกับปลาที่จับมายังไม่หมด เปลี่ยนน้ำทุกวันจึงยังไม่ตายและสดอยู่เซี่ยซูเหยาอาศัยช่วงที่ไม่มีใครอยู่บ้านออกไปหาผักในแปลงผัก เซี่ยซูเจี๋ยจะย่างไก่ป่าที่ได้มาหลายวันก่อนแต่นางไปซักผ้าอยู่ เซี่ยซูเหยาเบื่อย่างแบบเกลือแล้วนางเห็นว่าแปลงผักมีผักหลายชนิดที่เป็นสมุนไพร สามารถนำมาปรุงอาหารได้ ไหน ๆ ในอนาคตนางต้องการจะเปิดร้านอาหารอยู่แล้ว เลยคิดค้นเมนูใหม่ของที่บ้าน แม้อาจเป็นเมนูที่หลายร้านมีก็ตาม เซี่ยซูเหยาคิดว่าต่อให้ชื่อเหมือนกันแต่วิธีปรุงหรือสูตรมันต่างกันก็เพียงพอแล้วเซี่ยซูเหยาเก็บเจียง หนันเจียง และหนิงเหมิงเฉ่า จา

    Last Updated : 2025-02-14
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 6 ช่วยชีวิตลูกหมาป่า

    เซี่ยซูเหยารีบเตรียมของเมื่อพ่อของนางอนุญาตและจะพาเข้าป่าไปจับปลาอีกครั้ง เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนรับจ้างชาวบ้านทำงานวันละสิบอีแปะ ทำทั้งหมดห้าวันจึงได้เงินมาหนึ่งร้อยอีแปะ ซึ่งเซี่ยซูเหยาปวดใจไม่น้อย เงินที่ได้รับน้อยมากเมื่อเทียบกับแรงงานที่ได้ทำไปข้าวสาร 1 จิน เกือบสามร้อยอีแปะ ทั้งสองต้องทำงานมากกว่าครึ่งเดือนเพื่อซื้อข้าวสารให้นางกิน แล้วคนอื่นในบ้านกินเพียงน้ำข้าวต้มที่เหลืออยู่เท่านั้น หากนางไม่ใช่ผู้ตักข้าวเองเซี่ยซูเหยาไม่เข้าใจพ่อของนางเลย ทุกวันหากเข้าป่าล่าสัตว์ไปขายและเหลือไว้กินในบ้าน อย่างน้อยวันหนึ่งก็ได้เงินไม่ตำกว่าห้าสิบอีแปะ ทั้งยังใช้เวลาไม่นานและพักเหนื่อยได้ตลอดรับจ้างชาวบ้านในหมู่บ้านไม่เพียงแต่ต้องใช้แรง ยังได้รับเงินที่สมควรจะได้รับน้อยมาก สู้เข้าป่าหาอาหารมากินดีกว่าได้เงินเพียงน้อยแล้วอดกินแต่นางก็ไม่ได้ถามอันใดต่อ เอาไว้เมื่อถึงเวลานั้นค่อยถาม เซี่ยซูเหยารอให้เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนหยุดพักหนึ่งวันหลังออกไปรับจ้าง และวันต่อมานางถึงอ้อนท่านพ่อเพื่อขอให้พาเข้าป่าอีกครั้ง ซึ่งท่านก็ตกลง“วันนี้พี่คงไม่ได้ไปด้วย อาเหยาระวังตัวดี ๆ นะ!” เซี่ยซูเจี๋ย

    Last Updated : 2025-02-16
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 7 เสี่ยวเฮย

    เซี่ยซูเหยากอดเข่านั่งมองเสี่ยวเฮย ที่นางเก็บกลับมาด้วย นางอ้อนพ่อของนางเกือบครึ่งวันเพื่อขอเลี้ยงลูกหมาป่าตัวสีขาวเสี่ยวเฮยมีขนสีขาวแต่ที่ไม่ได้ตั้งว่าเสี่ยวไป๋ เพราะเซี่ยซูเหยานึกถึงแม่หมาป่ากับบรรดาพี่น้องของเสี่ยวเฮยที่มีขนสีดำ นางเลยตั้งชื่อนี้ให้เสี่ยวเฮยถึงเซี่ยซูเจี๋ยไม่ต้องการให้น้องสาวเลี้ยงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ลูกหมาป่ายังเด็กมันช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น และนางก็ไม่ได้ใจดำ“ท่านพ่อ อาเหยาอยากกินปลาย่าง” เซี่ยซูเหยาหันไปบอกเซี่ยห่าวไห่ที่นั่งสานตะกร้าเซี่ยห้าวไห่สามารถทำได้หลายอย่าง ล่าสัตว์ รับจ้างทั่วไป หรือสานตะกร้าเขาก็สามารถทำได้ วันนี้เขาไม่ได้เข้าป่าเพราะเพิ่งเข้าไปเมื่อวานและของที่ได้มาก็กลัวจะกินไม่ทัน อีกทั้งไม่มีใครจ้างงาน“ทำไมไม่บอกพี่สาวทำให้ล่ะ”“อาเหยาอยากทำเองเจ้าค่ะ”เวลาเซี่ยห้าวไห่อยู่บ้านเขาจะจับตานางตลอดเวลา และไม่ต้องการให้นางทำอะไรที่เหนื่อย เซี่ยซูเหยาจึงต้องขอผู้เป็นพ่อ ส่วนพี่สาวนั้นอนุญาตแล้ว“อืม ให้พี่สาวช่วยทำด้วย”เซี่ยซูเหยาพยักหน้า อันที่จริงตอนนี้พี่สาวคงล้างทำความสะอาดปลาเสร็จแล้ว นางเลยรีบเดินไปยังหลังบ้านเพื่อหาหนิงเหมิงเฉ่ามายัดไส้ตัวปลา อ

    Last Updated : 2025-02-16
  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 8 กาฝาก

    เซี่ยซูเหยามองตามเซี่ยหยุนหรงที่ถูกพี่สาวลากกลับไปด้วยความไม่พอใจ นางซือหลิงเลี้ยงลูกของนางแต่ละคนได้ดีจริง ๆถ้าจำไม่ผิดนางเคยได้ยินท่านพ่อเล่าว่าลูกสาวคนโตของนางซือหลิงแต่งออกไปก่อนที่เซี่ยซูเหยาจะเกิดซะอีก ส่วนลูกชายอีกสามคนของนางที่ไม่รวมเด็กแฝดคู่นี้เห็นว่าไม่มีการงานมั่นคง ออกไปรับจ้างอย่างเกียจคร้าน แต่มีลูกมีเมียเต็มบ้านอายุลูกชายของนางซือหลิงแต่ละคนก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว และแต่ละบ้านก็มีลูกไม่ต่ำกว่าสามคน เห็นว่ายามนี้ลูกสะใภ้ของนางก็ใกล้คลอดอีกแล้ว“พี่ชายมาแล้ว อาเหยาว่าเรากินข้าวกันเถอะ” เซี่ยซูเหยาเอ่ยขึ้น“ได้”อากาศด้านนอกมันดีกว่าในบ้านที่อบอ้าว เซี่ยซูเจี๋ยจึงยกถาดปลาย่างเกลือและน้ำจิ้ม ที่น้องสาวเตรียมของไว้ให้ปรุงออกมากินที่หน้าบ้าน ส่วยเซี่ยซูเหยายกหม้อข้าวที่หุงไว้มาตามหลังนอกจากปลาย่างเกลือและน้ำจิ้มแล้ว ยังมีผักดองและลวกผักเอาไว้กินคู่ด้วย เซี่ยซูเหยาคิดว่าเซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยียนจะไม่ชินหากไม่มีผักหรือของที่กินประจำ“โอ้ นี่หรือปลาย่างเกลือที่อาเหยาบอก” เซี่ยห้าวไห่ที่เตรียมลงมือกินข้าวมื้อกลางวันอุทานถาม“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”มิใช่ว่าเซี่ยซูเจี๋ยไม่เคยทำให้คนในบ้

    Last Updated : 2025-02-16

Latest chapter

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 50 สกุลเซี่ยถึงคราวแตกหัก

    เซี่ยซูเหยามองใบหน้าที่ซีดเซียวของบิดา ผ่านไปไม่ถึงชั่วยามเซี่ยห้าวไห่ที่หลับไปด้วยฤทธิ์ยาก็รู้สึกตัว นางที่หลับไปไม่นานก็ถูกปลุกด้วยฝีมือของพี่มี่ถิง“ท่านพ่อ”ตามร่างกายของบิดามีผ้าพันแผลพันรอบกาย ไม่ต้องพูดก็สามารถรับรู้ได้ว่าบิดาของนางถูกทำร้ายอย่างหนัก นางรีบนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง“แค่กๆ อาเหยา” เซี่ยห้าวไห่ต้องการลุกขึ้นนั่ง จึงถูกมี่ถิงที่ยืนรออยู่ช่วยประคองดวงตากลมโตคลอไปด้วยหยาดน้ำตาเมื่อเห็นบิดาได้รับบาดเจ็บมากกว่าที่คิด ภายในอกราวกับถูกบดขยี้ด้วยอะไรสักอย่าง เป็นนางที่ชะล่าใจเกินไปที่คิดว่าบิดาของนางเก่ง จึงไม่ได้ส่งคนมาเฝ้าที่จวน“ท่านพ่อเจ็บมากหรือไม่เจ้าคะ”กลิ่นสมุนไพรคละคลุ้งไปทั่วห้องนอนของบิดา เป็นกลิ่นที่พวกนางคุ้นเคยกันดี เซี่ยซูเหยาหยิบถ้วยกระเบื้องเคลือบราคาแพงที่นางซื้อกลับมาด้วยให้บิดาจิบน้ำอุ่นที่นางสั่งให้ต้มเอาไว้“ขอบคุณอาเหยา”ภายในห้องมีเพียงเซี่ยซูเหยา เซี่ยห้าวไห่ และมี่ถิงเท่านั้น หม่าลี่หลินขอกลับไปดูอาการของพี่ชาย ส่วนแม่ทัพเสวี่ยกล่าวว่าเซี่ยห้าวไห่คงอยากคุยกับบุตรสาวมากกว่า“ท่านพ่อรู้หรือไม่เจ้าคะว่าเป็นผู้ใดที่ทำร้ายท่าน” มองดูบาดแผลแล้วคนร้า

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 49 เป็นห่วง

    “เมื่อครู่เจ้าว่าอันใดนะ!”มือที่กำลังหยิบผลไม้เข้าปากชะงักค้าง ใบหน้าเล็กรีบหันไปมองฟางไฉ่ที่เอ่ยรายงาน เมื่อวานบิดาของนางไม่ได้นำของมาส่ง เซี่ยซูเหยาจึงต้องให้เขาไปดู“นายท่านถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บขอรับ! โชคดีที่ท่านแม่ทัพเสวี่ยไปหาที่บ้านพอดี จึงได้รับการช่วยเหลือจากหมอหลวง” ฟางไฉ่พยักหน้าเมื่อทวนคำพูดจบเซี่ยซูเหยามองพี่ชายที่หน้าซีดเผือด นางเองก็มีอาการไม่ต่างกันเพียงแต่นางมีสติมากกว่า อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้และบิดาของนางก็เตือนเอาไว้แล้วทว่าคนเป็นลูกอย่างพวกนางเมื่อได้รับข่าวก็ต้องกลับไป! นางพยักหน้าให้ฟางไฉ่ออกจากห้องโถง ส่วนนางหันกลับมาหาพี่ชายที่หยุดรับประทารอาหารมื้อเย็นแล้ว“ท่านพ่อ ท่านพ่อจะเป็นอะไรมากหรือไม่” เซี่ยซูเหยียนพึมพำเซี่ยอยู่เหยานั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด พรุ่งนี้ที่ร้านนางต้องทำอาหารให้ห้องบนชั้นสองไม่มากและมีทำอาหารเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เห็นทีคงต้องกลับไปหาบิดา นางไม่เชื่อว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกายธรรมดา“พรุ่งนี้หลังทำอาหารให้ลูกค้าบนชั้นสองเสร็จ อาเหยาจะกลับบ้านเจ้าค่ะ”“พี่ไปด้วย!”“ไม่ได้เจ้าค่ะ พี่ชายมีทดสอบสำคัญไม่ใช่หรือเจ้าคะ” เซี่ยซูเหยารีบปฏิเสธ ก่อนหน

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 48 ท่านหญิงหมิงเมี่ยวผิง

    กว่าท่านแม่ทัพใหญ่เสวี่ยจะรู้สึกตัวก็ผ่านไปเป็นเดือนแล้ว และกว่าจะตอบสนองได้ก็ราวๆ สองเดือน เรื่องนี้มีเพียงขุนนางคนสำคัญที่รับรู้ ไม่เช่นนั้นวังหลวงคงปั่นป่วนแล้วท่านแม่ทัพใหญ่เสวี่ยเดินวนด้านหน้าตำหนักทรงอักษรขององค์ฮ่องเต้ ถึงจะยังไม่หายดีทว่าเรื่องราวที่รับรู้มาก็สำคัญยิ่ง! คนที่ช่วยชีวิตหลานชายคนเล็กของเขามาจากสกุลเซี่ย เซี่ยห้าวไห่! หลายปีก่อนเขาเป็นคนพาท่านหญิงหมิงเมี่ยวผิงหลบหนีไปโชคช่างไม่เข้าข้างท่านแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหนานมากนักเมื่อองค์ฮ่องเต้ที่มาขอเข้าเฝ้ายังไม่ทรงงาน เวลานี้เห็นว่ายังไม่ออกจากตำหนักของฮองเฮาที่เสด็จไปหาตั้งแต่เมื่อคืน“ท่านพ่อ นั่งก่อนหรือไม่ขอรับ”แม่ทัพเสวี่ยที่ตามมาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง บิดาของเขาเพิ่งลุกขึ้นมาได้ก็ฝืนร่างกายมาที่วังหลวงแล้ว แม้ว่าตัวเขาอาสาจะมาให้แทนก็ไม่ยอมท่านแม่ทัพใหญ่เสวี่ยส่ายหน้า จริงๆ ขันทีหน้าตำหนักก็เชิญให้เข้าไปนั่งรอด้านในแล้ว ทว่าฝ่าบาทไม่อยู่ ถึงเขาจะมีศักดิ์เป็นลุงของอีกฝ่ายก็ไม่ควรทำตัวไม่เหมาะสม“ฮ่องเต้เสด็จจจจจ”เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูป เสียงขานแหลมสูงของขันทีหน้าขบวนเสด็จของฮ่องเต้หมิงหลงอันก็ดังขึ้นมา บรรดานา

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 47 เกลือเป็นหนอน

    เพราะชื่อเสียงข้าวไข่ตุ๋นของบ้านเซี่ย ทำให้เหลาอาหารขนาดเล็กที่ปรับปรุงขึ้นใหม่และใช้ชื่อว่าเหลาอาหารเซี่ย ได้มีโอกาสได้ต้อนรับลูกค้าอย่างล้นหลาม เหลาอาหารเปิดตัวได้เพียงหนึ่งเดือนทว่าห้องอาหารส่วนตัวที่มีเพียงสองห้อง ก็ถูกจองยาวเกือบสามร้อยชื่อแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าการจองที่ว่าก็ไม่ได้จองปากเปล่าชั้นสองของเหลาอาหารเซี่ยมีสองห้อง เซี่ยซูเหยาจึงรับลูกค้าเพียงสองชื่อต่อวันเท่านั้น และการจองของนางก็ต่างจากคนอื่น เพราะผู้ที่จองต้องเป็นหนึ่งในคนที่เข้าใช้งาน ลงชื่อจองว่ามากี่คน รับอาหารรายการไหนบ้าง และต้องมัดจำไว้ครึ่งหนึ่งของราคาอาหารหากมีจำนวนคนเพิ่มและอาหารเพิ่ม เมื่อถึงวันนั้นก็ต้องจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่า เพราะข้อตกลงนี้ลูกค้าได้อ่านแล้ว ซึ่งใครที่คิดว่าเหลาอาหารเอาเปรียบก็ไม่สามารถจองได้ปัญหาต่างๆ แทบไม่มีเลย หรืออันที่จริงมีหลายคนรู้มาว่านางเป็นสหายของหลานสาวท่านแม่ทัพใหญ่เสวี่ยจึงไม่กล้าหาเรื่องแน่นอนว่าพอเป็นเหลาอาหารแล้วเซี่ยซูเหยาก็เพิ่มราคาอาหารขึ้นเป็นเท่าตัว อย่างข้าวไข่ตุ๋นที่ราคาไม่ถึงร้อยอีแปะ เซี่ยซูเหยาก็เพิ่มเป็นถ้วยละหนึ่งตำลึงเงิน! ซึ่งนางต้องขนผัก ขนกุ้งมาจากบ้าน ราคาจะ

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 46 เพิ่มขึ้นทีละนิด

    ของบางส่วนถูกขนเข้าไปไว้ในจวนแล้ว จวนและเหลาอาหารที่ซื้อมาก็ถูกซ่อมแซมพร้อมเข้าอยู่ พร้อมเปิดเหลาอาหารแล้ว ท่านปู่ซ่งพร้อมภรรยาจากไปทันทีที่ขายเหลาอาหารได้จากที่คิดว่าจะเข้าไปในเมืองเลยเซี่ยซูเหยาก็ต้องวางแผนใหม่ทั้งหมด เซี่ยซูเหยียนก็ต้องออกมาเช่าโรงเตี๊ยมอยู่ระหว่างที่พวกนางยังจัดการอะไรไม่เสร็จ รวมๆ ก็สิบกว่าวันเลยทีเดียวเซี่ยห้าวไห่ได้มาคุยกับนางแล้ว เซี่ยซูเหยาจะไปอยู่ในเมืองพร้อมพี่หลิวซิ่น ฟางไฉ่ ส่วนหม่าลี่ปิง หม่าลี่หลิน และสองพี่น้องมี่จะอยู่กับบิดานาง เนื่องจากทุกคนยังต้องทำอาหารขายเหมือนเดิมบางวันก็ต้องเอาของเข้าไปส่งให้พวกนางอีก อีกอย่างก็คือเซี่ยซูเหยาไม่ต้องการแยกพี่น้องออกจากกันฟางไฉ่เคยเป็นองครักษ์มาก่อน บิดาของนางจึงไว้ใจให้ติดตามนางไป ส่วนพี่หลิวซิ่นนั้นติดตามนางมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางจะพาไปด้วย หม่าลี่ปิงเป็นบุรุษจึงต้องอยู่ช่วยเซี่ยห้าวไห่ ผู้เป็นน้องสาวอย่างหม่าลี่หลินจึงต้องอยู่ด้วยส่วนสองพี่น้องมี่ถิง มี่ถง หากเซี่ยซูเหยานำไปด้วยทั้งสองคน ที่บ้านเซี่ยก็จะไม่มีคนไว้ช่วยงาน นางเชื่อว่าหากนางไปหาคนใหม่อย่างไรก็หาได้ ส่วนเจ้าเสี่ยวเฮยนาง

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 45 เตรียมของย้ายที่อยู่

    ยามเหมาเซี่ยห้าวไห่กับหลิวซิ่นที่กลับไปเอาเงินและเอาของก็กลับมาถึงเมืองเฟิง เนื่องจากเร่งเดินทางไปกลับจึงยังไม่ได้พัก ทั้งสองจึงตัดสินใจเข้าไปนอนพักก่อนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสาย พอดีกับฟางไฉ่ที่จะออกไปจองโต๊ะนั่งด้านล่างเจอเข้ากับเซี่ยห้าวไห่พอดีเซี่ยซูเหยารู้ว่าบิดาของนางกลับมาแล้วทว่าก็ไม่ได้เข้าไปปลุก นางรอให้เขาตื่นดีกว่า หลังจากรับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จนางก็สั่งอาหารไว้สองสามอย่าง รอให้ทั้งสองคนตื่น“เห็นทีคงต้องกลับแล้ว” เซี่ยซูเหยาพึมพำนางต้องกลับไปเตรียมของใช้และอาหารบางส่วนเพื่อนำมาเก็บในจวนหลังใหม่ ถึงนางจะต้องการใช้ชีวิตในเมืองเฟิง ทว่านางก็ไม่คิดที่ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายหรอก อะไรที่สามารถเก็บไว้นานๆ ได้ นางก็จะนำมาจากบ้าน“อาเหยาว่าอย่างไรนะ” เซี่ยซูเหยียนหันมาถามน้องสาวอย่างงๆ“ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ” เซี่ยซูเหยาส่ายหน้าสองพี่น้องนั่งรออยู่บนเหลาอาหารชั้นสองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของโรงเตี๊ยมที่พวกนางเข้าพัก เซี่ยซูเหยานั่งรอให้บิดาตื่น ทว่าจะให้นั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมมันก็คงจะแปลกๆ นางจึงข้ามมาอีกฝั่งเพื่อจิบน้ำชารอแทนไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การกระทำของเซี่ยซูเหยาเปลี่

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 44 ซื้อจวน

    “หนึ่งร้อยตำลึงทอง!”สิ้นเสียงเถ้าแก่เจ้าของเหลาอาหารขนาดเล็ก ทั้งห้าคนไม่เว้นแม้แต่เซี่ยซูเหยาก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา หนึ่งร้อยตำลึงทองไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลย ทว่าหากเทียบกับทำเลแล้ว ก็คุ้มค่าไม่น้อยหากได้มาครองเซี่ยซูเหยานับเงินที่นำมาในใจ ยามนี้พวกนางเหลือเงินเพียงเก้าสิบห้าตำลึงทองเท่านั้น หากต้องการซื้อเหลาอาหารนี้ก็ต้องกลับไปเอาเงินที่บ้านอีก แน่นอนว่านางอยากได้เหลาอาหารในราคาที่นางสามารถจ่ายได้“ท่านปู่ อาเหยาขอจ่ายเพียงเก้าสิบตำลึงทองได้หรือไม่เจ้าคะ” เซี่ยซูเหยาทำหน้าอ้อนมิน่าละ ป้ายที่ติดเอาไว้ว่าขายจึงดูเก่า คงเป็นเพราะเหลาอาหารมีขนาดเล็กและเก่า เถ้าแก่เจ้าของเหลาอาหารจึงไม่สามารถขายออกได้ในราคาที่สูงถึงจะเป็นที่ทำเลเหมาะสำหรับขายอาหาร ทว่ามันคงขายได้ไม่ถึงแปดสิบตำลึงทองแน่ๆ ทางเหลาอาหารขนาดใหญ่หรือใครก็ตามที่อยากได้เหลาอาหารนี้จึงไม่ยอมซื้อ และรอให้ที่นี่ลดราคาลงคงจะมาซื้อ“ที่นี่ข้าตั้งราคาไว้หนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงทอง หลายปีมานี้ขายไม่ออกเลย ข้าจึงลดลงเหลือเพียงหนึ่งร้อยตำลึงทองเท่านั้น” เขาปฏิเสธแต่ก่อนเหลาอาหารนี้เคยมีชื่อเสียงมาก่อน ทว่าเขาไปมีปัญหากับเจ้าเมืองคนล่าสุ

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 43 เหลาอาหาร

    ยามเฉินทุกคนก็ลงมานั่งรอที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม เพื่อรออาหารเช้าที่สั่งเอาไว้ และที่ด้านล่างของโรงเตี๊ยมก็คล้ายๆ กับเหลาอาหาร ที่สามารถสั่งอาหารรับประทานได้เซี่ยซูเหยาตื่นหลังคนอื่นนางจึงเดินลงมาทีหลังพร้อมกับหลิวซิ่นที่อยู่รอ เมื่อวานนี้นางไม่ได้พักเลยจึงตื่นสายมากกว่าปกติ“ท่านพ่อ”หลิวซิ่นเดินแยกไปนั่งอีกโต๊ะที่มีฟางไฉ่นั่งรออยู่ เซี่ยซูเหยาจึงนั่งลงเก้าอี้ที่ว่างข้างพี่ชาย อาหารเช้าของวันนี้เป็นอาหารที่สั่งจากโรงเตี๊ยมไม่กี่จาน ที่เหลือก็จะเป็นอาหารที่เตรียมมาจากบ้านและขออุ่นที่นี่“อาเหยาอยากไปเดินดูตลาดต่อหรือไม่” ตลาดยามเช้าและกลางคืนไม่เหมือนกัน เซี่ยห้าวไห่จึงต้องการให้ลูกสาวไปเดินดูอีกครั้ง“อยากเจ้าค่ะ!”“อืม”ทั้งสามลงมือรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะพากันออกมาเดินตลาด ครั้งนี้เกวียนวัวของบ้านก็ถูกบังคับตามหลังสามพ่อลูกบ้านเซี่ยที่ตั้งใจเดิน เพราะเซี่ยซูเหยาคิดว่าอาจต้องซื้อของเยอะ เลยให้เอาเกวียนวัวไปด้วยเซี่ยซูเหยามองสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างตื่นเต้น วันนี้นางมองเห็นอย่างเต็มตา ไม่ว่าจะเป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก เหลาอาหาร ร้านอาภรณ์ ร้านเครื่องประดับ

  • เด็กสาวสกุลเซี่ย เซี่ยซูเหยา   บทที่ 42 ในรอบหลายเดือน

    พอใกล้ถึงเวลาที่สำนักศึกษาจะปิดแล้ว เซี่ยห้าวไห่กับเซี่ยซูเหยาก็เดินเท้าไปยังสำนักศึกษา เพราะบริเวณนั้นไม่สามารถนำเกวียนวัวหรือพาหนะไปด้วยได้ ทางสำนักศึกษากล่าวว่าหากมีเสียงสัตว์รบกวน จะทำให้เหล่าศิษย์ไม่สามารถมีสมาธิอ่านหนังสือได้เซี่ยซูเหยาปล่อยให้หลิวซิ่นจัดการเสื้อผ้าและให้ฟางไฉ่ดูแลห้องพักทั้งสี่เอาไว้ นางจึงเดินมายังสำนักศึกษาที่ไม่ห่างไกลมากกับบิดาเพียงลำพังหน้าสำนักศึกษามีศิษย์หลายคนที่มายืนรอญาติและคนดูแลมารับออกไปด้านนอก บางคนก็รอรับของที่ถูกส่งมาให้ หากไม่ใช่คนในครอบครัวหรือคนที่มีตำแหน่งมาลงชื่อรับรอง ก็ยากที่จะพาคนออกมาได้เว้นก็แต่คุณหนู คุณชายของจวนใหญ่ต่างๆ ในเมืองเฟิง ก็จะได้รับคำอนุญาตพิเศษที่สามารถเข้าออกสำนักศึกษาได้ตลอดส่วนมากคนที่พักอยู่ในสำนักศึกษาล้วนเป็นลูกหลานของชาวบ้าน เหล่าคุณชายมีน้อยมากที่จะเข้ามาพักในสำนักศึกษาหากไม่มีเหตุการณ์เร่งด่วนยื่นเรื่องขอเข้าพบเซี่ยซูเหยียนและรอให้ทหารเฝ้ายามเข้าไปเรียกลูกชายมา เซี่ยห้าวไห่ก็ลงทะเบียนรับลูกชายออกจากสำนักศึกษาไม่ถึงหนึ่งเค่อเซี่ยซูเหยาก็เห็นเซี่ยซูเหยียนเดินออกมาพร้อมห่อผ้าหนึ่งห่อ นางยิ้มกว้างพลางตะโกนเรียก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status