พอได้ยินฉันพูดแบบนั้นพี่ลีวายก็เริ่มยิ้มออก เขายื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ แล้วขโมยหอมไปหนึ่งที“ฉันรักเธอมาก ๆ มากที่สุด”“ค่ะ มิลินก็รักพี่ลีวายมาก ๆ มากที่สุดเหมือนกัน”สายตาของเราทั้งคู่มองประสานกัน ส่งมอบความรักทั้งหมดที่มีผ่านแววตานี้ ใบหน้าของพี่ลีวายขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนริมฝีปากของเราห่างกันไม่ถึงคืบปลายจมูกโด่งแนบชิดกับปลายจมูกฉัน พร้อมกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงมา ทำเอาหัวใจเต้นตุ้บตั้บไม่เป็นจังหวะฉันสัมผัสได้ถึงจังหวะการหายใจของพี่ลีวายที่คล้ายจะถี่ขึ้น จึงขยับใบหน้าออกห่าง ทว่ากลับถูกมือหนาคว้าท้ายทอยไว้ ก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาจูบอย่างแนบแน่นดวงตาฉันเบิกกว้างอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทว่าครู่เดียวก็คล้อยตามไปกับจูบหวานละมุนของคนตรงหน้าพี่ลีวายบรรจงขบเม้มและดูดดึงกลีบปากของฉันอย่างอ่อนโยน เขาใช้ปลายลิ้นลากเลีย บางครั้งก็ใช้ฟันกัดมันเบา ๆ จนตอนนี้มันเริ่มบวมเห่อและได้กลิ่นคาวของเลือด“อื้อ~” ฉันส่งเสียงในลำคอเบา ๆ เมื่อเรียวลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าในโพรงปากโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัวเขาตวัดเลีย รุกไล่ และเกี่ยวกระหวัดอย่างชำนาญ ลิ้นของเราทั้งคู่พัวพันกันจนน้ำลายสีใสไหล
พี่ลีวายหมกมุ่นอยู่กับฉันหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ฟังไม่ผิด เขาไม่ทำอะไรเลยนอกจากเรื่องบนเตียงแล้วก็ขี้อ้อนไปวัน ๆ“จะไปจริง ๆ ใช่ไหม”“ใช่ค่ะ”พี่ลีวายทำหน้างอเมื่อฉันบอกว่าจะกลับคอนโดของตัวเอง อยากถ่ายคลิปตอนนี้เอาไว้ให้เขาดูจริง ๆ ว่าตัวเองงอแงขนาดไหน“ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน”“นี่เราก็อยู่ด้วยกันเป็นอาทิตย์แล้วนะคะ”“หมายถึงย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน”“อยู่คอนโดมันใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่าไงคะ”“อยู่ที่บ้านฉันก็ไปส่งเธอได้ ได้ทุกวัน”“แต่พี่ลีวายต้องทำงาน”“ไปส่งเธอแล้วไปทำงาน”“อยู่คอนโดดีแล้วค่ะ สะดวกที่สุดแล้ว”ฉันตัดบทสนทนาอย่างเด็ดขาด จริง ๆ เรื่องกลับไปอยู่ที่บ้านพี่ลีวายพูดหลายครั้งแล้วแต่ฉันคิดว่าการอยู่คอนโดมันสะดวกมากกว่า อีกไม่นานก็จะเรียนจบแล้วด้วย จบแล้วค่อยกลับไปอยู่ที่บ้านก็ได้#วันต่อมาวันนี้ฉันมาเรียนแล้วยื่นคำขาดกับพี่ลีวายว่าจะกลับมานอนที่คอนโดของตัวเอง ซึ่งเขาก็ทำหน้างอนตุบป่องตั้งแต่เช้า“ได้ข่าวว่าพี่ลีวายติดแกมากเลยเหรอมิลิน” น้ำอิงถามพร้อมยิ้มกริ่ม“พี่เฟยบอกใช่ไหม รู้ดีจริง ๆ เลย”“อือ เล่าว่างานไม่ยอมทำเลยด้วย”“วันนี้ฉันไล่ให้ไปทำงาน หน้างอมาก”“ก็เขาติดแ
#วันต่อมาฉันนอนอยู่บนเตียงโดยมีพี่ลีวายนอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างกาย เมื่อคืนเขานั้นร้อนแรงราวกับเพลิงไฟ ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนทั้งที่อายุก็เข้าเลขสามแล้วแท้ ๆ“ทำไมมีรอยตรงนี้นะ” ฉันมองท่อนแขนแกร่งที่มีรอยแผลเป็นซึ่งน่าจะเป็นรอยใหม่ ๆ ด้วย เพราะก่อนหน้าจำได้ว่าไม่มีแน่ ๆแผลมันอยู่สูงขึ้นมาเกือบจะถึงไหล่ ทำให้ฉันคิดว่าเขาไปได้รอยแผลนี้มาจากไหน หรือว่าถูกยิงสองจุดแล้วไม่ยอมบอกพรึบ! ฉันดึงผ้าห่มออกเพื่อจะสำรวจแผลที่ถูกยิงของพี่ลีวาย แต่ก็ต้องแปลกใจที่พยายามมองหาตรงแผงอกและหน้าท้องเท่าไร ก็ไม่เห็นแม้แต่รอยแผลเป็น บนตัวเขามีเพียงรอยแผลเดียวตรงท่อนแขนเท่านั้นแล้วตอนที่อยู่โรงพยาบาล เขาพันผ้าพันแผลรอบแผงอกล่ะ มันหมายความว่ายังไง แผลหายไปไหน“พี่ลีวาย!!” ฉันเรียกคนที่นอนหลับอยู่เสียงดังลั่นห้อง ทำให้ดวงตาคมค่อย ๆ ปรือขึ้นมามองช้า ๆ“ลุกขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”“อื้อ วันนี้ไม่เข้าบริษัทขอนอนต่ออีกนิดได้ไหม” เขาตอบเสียงงัวเงีย“ไม่ได้ มิลินจะคุยเดี๋ยวนี้ ตอนนี้” ฉันยื่นคำขาด ทำให้พี่ลีวายต้องฝืนตัวเองลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ตายังไม่อยากจะลืมขึ้นมามอง“มีอะไร”“บอกมิลินอีกครั้งได้ไหม
Talk ลีวาย“กูบอกมึงแล้วว่าแผนมันไม่เวิร์ค!!”“ทำอะไรไม่คิด”“เป็นไงพวกกูเลยถูกมิลินงอนไปด้วย”“มึงก็น่าจะบอกไปตั้งแต่แรกไม่น่ารอให้จับได้”“โง่ฉิบ!!”“พวกมึงหยุด!!!”ผมตวาดออกไปเสียงดังบอกให้คัลเลนและไอ้คาแลนให้หยุด เพราะตั้งแต่มาถึงที่คาสิโนมันก็เอาแต่บ่นไม่เว้นช่องว่างให้หายใจ“กูให้มาช่วยคิดวิธีง้อ ไม่ใช่ซ้ำเติม”“สมควร!!” มันสองพี่น้องสบถออกมาพร้อมกัน ทำให้ผมถอนหายใจพรืดใหญ่ คงคิดผิดจริง ๆ ที่ขอให้มันสองคนช่วย“แล้วยังไง มิลินก็โกรธกูเนี่ย” ไอ้คัลเลนยกมือขึ้นมากุมขมับ “โทรหาก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”“มึงโทรหาเมียกู?” ผมขมวดคิ้วถามมัน“เออ”“โทรหาทำไม”“ก็มึงบอกว่ามิลินโกรธกู”“มึงจะเดือดร้อนอะไร กูมากกว่าไหมที่ต้องเดือดร้อน เมียไม่ยอมให้ไปเจอหน้า”“นั่นน้องกูไหมวะ”“มั่นใจว่ามึงคิดแค่น้อง?” ผมถามอย่างหาเรื่อง ถึงจะเป็นเพื่อนแต่เรื่องนี้คงยอมให้ไม่ได้“มึงสองตัวหยุด! จะเถียงกันเพื่อ”“ดูน้องชายมึง! ทำไมมันชอบวุ่นวายกับเมียกูนัก”“เออคัลเลนมึงเลิกวอแวกับเมียมันก่อน ดูดิหวงจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว”“มึงเลิกโทรหาเมียกูเลยนะ”“เมียจะทิ้งอยู่แล้วยังจะหวง”“ไอ้สัส มึงเลิกพูด! เมียกูแค่งอนไม
กว่าจะโอ๋ให้พี่ลีวายหยุดร้องไห้ได้ก็นานพอสมควร เขาคงรู้สึกผิดและเข็ดหลาบแล้วจริง ๆ แต่ตอนนี้นี่สิ นั่งกอดฉันไว้บนตักไม่ยอมให้ลุกขึ้นไปไหนเลย“พี่ลีวาย”“หืม?”“มิลินนั่งอยู่บนตักพี่ลีวายแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะคะ”“แล้วยังไงต่อครับ”“ปล่อยหนูก่อนได้ไหม”“รู้ไหมว่าพูดแบบนี้แล้วยิ่งทำให้ไม่อยากปล่อย”ไม่พูดเปล่าพี่ลีวายกดริมฝีปากจูบลงมาบนซอกคอของฉันด้วย เขาลากไล้ริมฝีปากดูดเลียและขบเม้มจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว“อื้อ~ ยะ... หยุดก่อน”“พี่คิดถึงเธอใจแทบขาด”พอได้ยินอีกฝ่ายแทนตัวเองว่าพี่ทำเอาฉันถึงกับทำตัวไม่ถูก ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวแล้วตอนนี้“อยากเป็นเด็กเหรอคะถึงแทนตัวเองว่าพี่”“ก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้น”“แต่ก็แก่อยู่ดีนี่นา”“ทำไมชอบว่าฉันแก่” พี่ลีวายถามเสียงเข้ม เมื่อกี้ยังพูดเสียงอ้อนเสียงหวานอยู่เลยพอพูดเข้มใส่มันทำให้ฉันตกใจไม่น้อย“ก็พี่ลีวายสามสิบกว่าแล้ว”“ทำไมชอบพูดเรื่องอายุ”“ทำไมต้องโกรธมิลินด้วย” ฉันถามกลับเพราะเหมือนว่าตอนนี้พี่ลีวายกำลังไม่พอใจ“ก็ดูเธอพูด ทำไมชอบบอกว่าฉันแก่ แก่ยังไงก็เป็นผัวเธอ”“อื้อ!!!”ฉันร้องอุทานเสียงดังเมื่อถูกเขี้ยวฟันคมของพี่ลีวายงับมาบนพวงแก้ม ถึงแ
สี่เดือนผ่านไปหลังจากที่พูดเรื่องแต่งครั้งนั้นก็ไม่ได้พูดถึงอีกเลยเพราะฉันยุ่งเรื่องเรียน ส่วนพี่ลีวายก็ยุ่งเรื่องงานที่บริษัท เอาจริง ๆ คือเราแทบไม่เจอกันเลยด้วยซ้ำเพราะโทรหากันบ่อยมากกว่าไปเจอฉันไม่ยอมย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน เพราะคอนโดมันใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่า ทั้งที่คุณท่านและพี่ลีวายก็ขอให้ย้ายกลับไป แต่คิดว่าอีกไม่ถึงสองเดือนก็จะเรียนจบแล้วฉันจึงขออยู่ให้ถึงเรียนจบเลยดีกว่านี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่พี่ลีวายว่างมารอรับที่มหาวิทยาลัย เพราะปกติเขางานยุ่งแทบไม่มีเวลาปลีกตัวทำอะไรเลยไหนจะต้องบินไปฮ่องกงบ่อย ๆ อีก“มิลิน ๆ งานโปรเจกต์ที่จะทำด้วยกันจะนัดทำที่ไหนดี” อาตถามเพราะอาจารย์จับคู่ให้เขาสองคน“อาตสะดวกที่ไหน ถ้าบ้านมิลินคงต้องขออนุญาตคุณท่านก่อน”“ที่บ้านมิลินก็ได้เพราะถ้าทำที่บ้านเราเดี๋ยวเธออึดอัด มันไม่เหมาะสมด้วย” อาตค่อนข้างวางตัวดี ยังจำได้ว่าตอนนั้นเขาเกือบจะจีบฉัน แต่มีน้องแทนมาตัดหน้าซะก่อนพูดถึงน้องแทนตอนนี้เขาย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศแล้ว นาน ๆ ทีจะส่งข้อความมาคุยกัน พอถามเรื่องหัวใจก็บอกว่ามีดู ๆ อยู่บ้าง ฉันดีใจนะที่ตอนนี้แทนยอมเปิดโอกาสให้ตัวเองแล้ว
หลังจากที่แม่เสียไปตอนนี้ชีวิตฉันไม่ต่างอะไรกับกาฝาก แถมยังถูกตราหน้าว่าเป็นลูกเมียน้อย ฉันชื่อ ‘มิลิน’ เป็นลูกสาวแม่บ้านหรือเรียกอีกอย่างว่าคนรับใช้ ตั้งแต่จำความได้ฉันก็เติบโตมาในคฤหาสน์หลังใหญ่ในฐานะลูกสาวคนใช้ โดยมีนายท่านของบ้านที่เอ็นดูส่งเสียให้ได้เรียนโรงเรียนดีๆ แถมยังได้เรียนมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ เรื่องราวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกเมียน้อย ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แม่บอกเสมอว่าต่อให้ใครจะคิดยังไงก็ช่าง เรารู้ตัวเองดีที่สุดว่าไม่ใช่ และฉันเชื่อว่าแม่ไม่มีทางเป็นอย่างที่คนอื่นๆ กล่าวหา “มิลิน” เสียงของคุณท่านเรียกฉันขณะกำลังนั่งกินอาหาร “คะคุณท่าน” “วันนี้คนขับรถไม่ว่าง เดี๋ยวฉันจะให้ตาลีวายไปส่งที่มหาวิทยาลัยแทนแล้วกันนะ” “…เอ่อคือว่า” เมื่อได้ยินชื่อนั้นหัวใจดวงน้อยก็เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เพราะพี่ ‘ลีวาย’ คือคนที่ฉันแอบชอบมาตั้งแต่เด็ก แต่เขา…เกลียดฉัน “นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี” ฉันรีบก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมาสบตากับเจ้าของใบหน้าคมคายที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องอาหาร หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวไม่ยอมหยุด “มีอะไรหรือเปล่าครับ” “วันนี้ฉันจะให้แกไปส่งหนูมิลินที่มหาวิทยาลัย”“ผ
ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้พี่ลีวายคิดแบบนั้น ทั้งที่ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวหา ถึงจะชอบแต่ก็รู้ตัวเองดีว่าไม่มีสิทธิ์และเขาไม่มีวันหันมาสนใจ @มหาวิทยาลัยฉันไม่มีเพื่อนที่สนิทมีแต่คนที่รู้จัก อาจเป็นเพราะปิดกั้นตัวเองและไม่กล้าเข้าสังคมทำให้ไม่มีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขา วันนี้อาจารย์ให้จับคู่ทำวิจัยคนอื่นๆ ก็ได้คู่กันหมดแล้วเหลือแค่ฉัน “มิลิน มาคู่กับเราไหม” เสียงของเพื่อนในห้องเอ่ยถามฉันที่นั่งเงียบ เขาชื่ออาต เรารู้จักกันแต่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร“อาตไม่คู่กับวินหรอ” “ไอ้วินมันมีคู่แล้ว” “อือ โอเค^_^” ฉันนึกว่าตัวเองจะไม่มีคู่แล้วซะอีกแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย “เราจะทำวิจัยเรื่องอะไรกันดี” ฉันกับอาตช่วยกันคิดอยู่นาน เมื่อคิดได้ก็แบ่งหน้าที่กัน การทำวิจัยใช้เวลานานเราไม่สามารถทำเสร็จภายในวันเดียวได้ เห็นว่าได้เวลาเลิกเรียนแล้วฉันจึงรีบขอตัวกลับก่อน ที่ต้องรีบก็เพราะวันนี้พี่ลีวายมารับ ไม่ใช่คนขับรถของที่บ้าน หากช้าไปแค่วินาทีเดียวเขาก็โกรธฉันเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว “มิลินๆ” เสียงของอาตตะโกนเรียกขณะที่ฉันกำลังเร่งฝีเท้าเดินไปที่รถ “ว่าไงอาต”“เธอลืมโทรศัพท์” “อุ้ย! ฉันนี่มันขี้ลื