กว่าจะโอ๋ให้พี่ลีวายหยุดร้องไห้ได้ก็นานพอสมควร เขาคงรู้สึกผิดและเข็ดหลาบแล้วจริง ๆ แต่ตอนนี้นี่สิ นั่งกอดฉันไว้บนตักไม่ยอมให้ลุกขึ้นไปไหนเลย“พี่ลีวาย”“หืม?”“มิลินนั่งอยู่บนตักพี่ลีวายแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะคะ”“แล้วยังไงต่อครับ”“ปล่อยหนูก่อนได้ไหม”“รู้ไหมว่าพูดแบบนี้แล้วยิ่งทำให้ไม่อยากปล่อย”ไม่พูดเปล่าพี่ลีวายกดริมฝีปากจูบลงมาบนซอกคอของฉันด้วย เขาลากไล้ริมฝีปากดูดเลียและขบเม้มจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว“อื้อ~ ยะ... หยุดก่อน”“พี่คิดถึงเธอใจแทบขาด”พอได้ยินอีกฝ่ายแทนตัวเองว่าพี่ทำเอาฉันถึงกับทำตัวไม่ถูก ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวแล้วตอนนี้“อยากเป็นเด็กเหรอคะถึงแทนตัวเองว่าพี่”“ก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้น”“แต่ก็แก่อยู่ดีนี่นา”“ทำไมชอบว่าฉันแก่” พี่ลีวายถามเสียงเข้ม เมื่อกี้ยังพูดเสียงอ้อนเสียงหวานอยู่เลยพอพูดเข้มใส่มันทำให้ฉันตกใจไม่น้อย“ก็พี่ลีวายสามสิบกว่าแล้ว”“ทำไมชอบพูดเรื่องอายุ”“ทำไมต้องโกรธมิลินด้วย” ฉันถามกลับเพราะเหมือนว่าตอนนี้พี่ลีวายกำลังไม่พอใจ“ก็ดูเธอพูด ทำไมชอบบอกว่าฉันแก่ แก่ยังไงก็เป็นผัวเธอ”“อื้อ!!!”ฉันร้องอุทานเสียงดังเมื่อถูกเขี้ยวฟันคมของพี่ลีวายงับมาบนพวงแก้ม ถึงแ
สี่เดือนผ่านไปหลังจากที่พูดเรื่องแต่งครั้งนั้นก็ไม่ได้พูดถึงอีกเลยเพราะฉันยุ่งเรื่องเรียน ส่วนพี่ลีวายก็ยุ่งเรื่องงานที่บริษัท เอาจริง ๆ คือเราแทบไม่เจอกันเลยด้วยซ้ำเพราะโทรหากันบ่อยมากกว่าไปเจอฉันไม่ยอมย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน เพราะคอนโดมันใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่า ทั้งที่คุณท่านและพี่ลีวายก็ขอให้ย้ายกลับไป แต่คิดว่าอีกไม่ถึงสองเดือนก็จะเรียนจบแล้วฉันจึงขออยู่ให้ถึงเรียนจบเลยดีกว่านี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่พี่ลีวายว่างมารอรับที่มหาวิทยาลัย เพราะปกติเขางานยุ่งแทบไม่มีเวลาปลีกตัวทำอะไรเลยไหนจะต้องบินไปฮ่องกงบ่อย ๆ อีก“มิลิน ๆ งานโปรเจกต์ที่จะทำด้วยกันจะนัดทำที่ไหนดี” อาตถามเพราะอาจารย์จับคู่ให้เขาสองคน“อาตสะดวกที่ไหน ถ้าบ้านมิลินคงต้องขออนุญาตคุณท่านก่อน”“ที่บ้านมิลินก็ได้เพราะถ้าทำที่บ้านเราเดี๋ยวเธออึดอัด มันไม่เหมาะสมด้วย” อาตค่อนข้างวางตัวดี ยังจำได้ว่าตอนนั้นเขาเกือบจะจีบฉัน แต่มีน้องแทนมาตัดหน้าซะก่อนพูดถึงน้องแทนตอนนี้เขาย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศแล้ว นาน ๆ ทีจะส่งข้อความมาคุยกัน พอถามเรื่องหัวใจก็บอกว่ามีดู ๆ อยู่บ้าง ฉันดีใจนะที่ตอนนี้แทนยอมเปิดโอกาสให้ตัวเองแล้ว
หลังจากที่แม่เสียไปตอนนี้ชีวิตฉันไม่ต่างอะไรกับกาฝาก แถมยังถูกตราหน้าว่าเป็นลูกเมียน้อย ฉันชื่อ ‘มิลิน’ เป็นลูกสาวแม่บ้านหรือเรียกอีกอย่างว่าคนรับใช้ ตั้งแต่จำความได้ฉันก็เติบโตมาในคฤหาสน์หลังใหญ่ในฐานะลูกสาวคนใช้ โดยมีนายท่านของบ้านที่เอ็นดูส่งเสียให้ได้เรียนโรงเรียนดีๆ แถมยังได้เรียนมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ เรื่องราวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกเมียน้อย ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แม่บอกเสมอว่าต่อให้ใครจะคิดยังไงก็ช่าง เรารู้ตัวเองดีที่สุดว่าไม่ใช่ และฉันเชื่อว่าแม่ไม่มีทางเป็นอย่างที่คนอื่นๆ กล่าวหา “มิลิน” เสียงของคุณท่านเรียกฉันขณะกำลังนั่งกินอาหาร “คะคุณท่าน” “วันนี้คนขับรถไม่ว่าง เดี๋ยวฉันจะให้ตาลีวายไปส่งที่มหาวิทยาลัยแทนแล้วกันนะ” “…เอ่อคือว่า” เมื่อได้ยินชื่อนั้นหัวใจดวงน้อยก็เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เพราะพี่ ‘ลีวาย’ คือคนที่ฉันแอบชอบมาตั้งแต่เด็ก แต่เขา…เกลียดฉัน “นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี” ฉันรีบก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมาสบตากับเจ้าของใบหน้าคมคายที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องอาหาร หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวไม่ยอมหยุด “มีอะไรหรือเปล่าครับ” “วันนี้ฉันจะให้แกไปส่งหนูมิลินที่มหาวิทยาลัย”“ผ
ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้พี่ลีวายคิดแบบนั้น ทั้งที่ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวหา ถึงจะชอบแต่ก็รู้ตัวเองดีว่าไม่มีสิทธิ์และเขาไม่มีวันหันมาสนใจ @มหาวิทยาลัยฉันไม่มีเพื่อนที่สนิทมีแต่คนที่รู้จัก อาจเป็นเพราะปิดกั้นตัวเองและไม่กล้าเข้าสังคมทำให้ไม่มีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขา วันนี้อาจารย์ให้จับคู่ทำวิจัยคนอื่นๆ ก็ได้คู่กันหมดแล้วเหลือแค่ฉัน “มิลิน มาคู่กับเราไหม” เสียงของเพื่อนในห้องเอ่ยถามฉันที่นั่งเงียบ เขาชื่ออาต เรารู้จักกันแต่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร“อาตไม่คู่กับวินหรอ” “ไอ้วินมันมีคู่แล้ว” “อือ โอเค^_^” ฉันนึกว่าตัวเองจะไม่มีคู่แล้วซะอีกแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย “เราจะทำวิจัยเรื่องอะไรกันดี” ฉันกับอาตช่วยกันคิดอยู่นาน เมื่อคิดได้ก็แบ่งหน้าที่กัน การทำวิจัยใช้เวลานานเราไม่สามารถทำเสร็จภายในวันเดียวได้ เห็นว่าได้เวลาเลิกเรียนแล้วฉันจึงรีบขอตัวกลับก่อน ที่ต้องรีบก็เพราะวันนี้พี่ลีวายมารับ ไม่ใช่คนขับรถของที่บ้าน หากช้าไปแค่วินาทีเดียวเขาก็โกรธฉันเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว “มิลินๆ” เสียงของอาตตะโกนเรียกขณะที่ฉันกำลังเร่งฝีเท้าเดินไปที่รถ “ว่าไงอาต”“เธอลืมโทรศัพท์” “อุ้ย! ฉันนี่มันขี้ลื
พี่ลีวายคงจะรับรู้ความรู้สึกภายในใจของฉันเขาถึงพูดแบบไม่แยแสแบบนั้น “มิลินรู้ค่ะว่าตัวเองไม่คู่ควร รู้ว่าตัวเองอยู่จุดไหน มันก็แค่ความรู้สึก…พี่ลีวายไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” ในเมื่อความรู้สึกที่มีถูกอีกฝ่ายรับรู้แล้วฉันก็จะไม่ปิดบังอีกต่อไป “ก็ดี…อย่าทำตัวเหมือนแม่ของเธอ”“แม่เกี่ยวอะไรด้วยคะ ท่านเสียไปแล้วทำไมยังเอาแต่กล่าวหาว่าแม่ผิด” ฉันเสียใจทุกครั้งที่ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยถึงแม่แบบนี้ เขาไม่ยอมเปิดใจรับฟังเลย ยังนึดติดกับความเชื่อบ้าๆ ของตัวเอง พี่ลีวายปล่อยมือออกจากใบหน้าของฉันก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน จากนั้นบรรยากาศภายในห้องก็กลับมาเงียบ ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ มันก็อยากร้องไห้ ฉันเกลียดความอ่อนแอของตัวเอง หวังว่าสักวันจะเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น “ห้ามร้องไห้ให้ฉันเห็น”“แม้แต่น้ำตาของมิลินพี่ลีวายก็รังเกียจหรอคะ” “ใช่ รู้แล้วก็ดี” ความรู้มันเจ็บปวดแต่ทำไมฉันถึงยังชอบคนใจร้ายแบบนี้อยู่อีก อยากจะหยุดความรู้สึกบ้าๆ แต่ก็ทำไม่ได้ ก็อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ก่อนจะถูกเปิดเข้ามาโดยที่คนด้านในยังไม่อนุญาต ผู้หญิงที่อยู่ในชุดเดรสเซ็กซี่ส่งยิ้มหวานให้พี่ลีวาย จากนั้นก็รีบเดินไปนั่งบนตั
#กลับมาที่บ้าน พอพี่ลีวายมาส่งฉันแล้วเขาก็กลับรถออกไปอีก ไม่รู้ว่าไปไหนเพราะตลอดทางเราไม่ได้คุยกันเลยสักคำ “ไอ้ลูกชายตัวดีของฉันมันไปไหนอีก” พอฉันเดินเข้ามาในบ้านคุณท่านก็ถามทันที “ไม่รู้ค่ะ” “ชอบทำให้ฉันปวดหัวอยู่เรื่อย!!”“พี่ลีวายเพิ่งกลับมาจากคาสิโน วันนี้หนูเห็นเขาตั้งใจทำงานมากเลยนะคะ” ฉันบอกเพื่อให้คุณท่านสบายใจ แต่สมองมันดันคิดถึงภาพบ้าๆ นั่น “เรียนเป็นยังไงบ้าง”“ก็ดีค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ”ฉันรีบเดินหนีคุณท่านมาที่เรือนเล็ก ฉันกับแม่อาศัยอยู่ที่เรือนเล็ก เป็นชื่อเรียกที่พักของคนรับใช้ จะเป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่ถูกสร้างแยกออกมาจากตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ คุณท่านเคยบอกให้ฉันย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันในคฤหาสน์แต่ฉันไม่สามารถทำตามประสงค์ได้ ถึงแม้จะรู้ดีว่าคุณท่านเอ็นดูตัวเองขนาดไหน เหตุผลก็เพราะไม่อยากถูกพี่ลีวายเข้าใจผิด แค่นี้เขาก็มองฉันไม่ดีแล้ว หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ตั้งแต่วันนั้นพี่ลีวายไม่กลับบ้านเลยทำให้คุณท่านร้อนใจมาก จึงให้มาตามที่คอนโดเพราะวันนี้ฉันไม่มีเรียน พี่ลีวายเป็นแบบนี้บ่อยเขาไม่ชอบกลับบ้าน อาจเป็นเพราะไม่อยากเจอหน้าฉัน นั่งรถมาไม่นานก็มาถึงที่คอนโดหรูที่พี่ลีวายพักอยู่
พี่ลีวายกำลังกล่าวหาว่าฉันตั้งใจมานอนอยู่บนเตียง ทั้งที่ความจริงเขาเป็นคนดึงฉันลงมานอนด้วย “มิลินเปล่านะคะ” “มองหน้าเธอฉันก็รู้แล้วว่าคิดอะไร”“……..” ฉันไม่รู้จะพูดยังไงให้พี่ลีวายเข้าใจ เพราะต่อให้พูดไปพี่ลีวายก็ไม่เข้าใจอยู่ดี “อย่าพยายาม เพราะฉันไม่มีวันลดตัวไปทำเรื่องต่ำๆ แบบนั้นกับลูกคนรับใช้อย่างเธอ”“เกินไปแล้วนะคะ” ฉันโกรธกับคำพูดที่ไม่สนใจว่าอีกคนจะรู้สึกยังไง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้“อ่า! หรือจะเรียกว่าลูกเมียน้อยดี” น้ำตามันเอ่อล้นเต็มสองข้าง ฉันใช้แรงทั้งหมดที่มีดันตัวเองออกแล้วรีบลุกขึ้นจากเตียง “ทำไมต้องพูดขนาดนี้ด้วย อึก~” ฉันเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ไม่อยากจะร้องไห้แต่มันกลั้นเอาไว้ไม่ได้ “ใช้ใครให้เธอมาวุ่นวายกับฉัน” “คุณท่าน อึก~ สั่งให้มา” บอกไปตั้งหลายครั้งแล้วแต่เหมือนพี่ลีวายอยากจะใช้คำพูดแรงๆ เพื่อเล่นกับความรู้สึกฉันมากกว่า“ออกไปฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ” “อึก~” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะวิ่งออกมาจากห้อง ความใจร้ายของพี่ลีวายมันเริ่มมากขึ้นทุกวันๆ จนฉันไม่สามารถอดทนกับคำพูดเหล่านั้นได้ บางทีฉันเองก็อยากออกไปอยู่คอนโดจะได้ไม่เจอกับเขาอีกและไม่ถูกคุณท่านสั่งให้มา
พี่ลีวายผลักแผ่นหลังของฉันอัดติดกับพนังห้องอย่างแรง แล้วใช้มือบีบแก้ม “ไปบอกพ่อซะว่าเธอไม่อยากมาเรียนรู้งานกับฉัน” “พะ พูดกันดีๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องรุนแรงเลยค่ะ” “ใครจะไปอยากพูดดีกับเธอ” สายคาคู่นั้นยังคงมองฉันอย่างรังเกียจ ทำให้หัวใจดวงน้องรู้สึกเจ็บปวดเอามากๆ “มิลินเข้าใจแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ” ฉันหลบสายตาแล้วตอบเสียงเบา พี่ลีวายจึงยอมปล่อยมือที่บีบแก้มออก “ออกไป”“ดึงมิลินเข้ามาในห้องเพราะจะพูดเรื่องแค่นี้เองหรอคะ” “เธอคาดหวังอะไร?” หัวคิ้วหนาขนาดชนกันก่อนที่พี่ลีวายจะโน้มลงมาใกล้ๆ แล้วพูดต่อ “ผู้หญิงอย่างเธอ…ต่อให้แก้ผ้าต่อหน้าฉันก็ไม่มีอารมณ์” “……..” ฉันกำมือแน่นกับคำพูดที่แสนจะดูถูก พอได้ยินแล้วมันอยากจะถอดเสื้อผ้าออกให้หมด เพื่อดูว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือเปล่า แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่มีความกล้าขนาดนั้น ทำได้แค่ยืนฟังให้พี่ลีวายพูดดูถูก ฉันรีบเปิดประตูออกมาจากห้องก่อนที่พี่ลีวายจะใช้คำพูดทำร้ายจิตใจไปมากกว่านี้ “อึก~คนใจร้าย” ฉันแอบมาร้องไห้อยู่ในห้องของตัวเองพลางพูดถึงพี่ลีวาย คนที่ชอบใช้คำพูดทำร้ายความรู้สึกคนอื่น ถ้าเลือกได้ฉันก็อยากจะหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ปัญหามันจะได้จบสัก