อวี๋ผิงก็มีท่าทีแข็งกร้าวเช่นกัน“น้าหลิ่วครับ ผมไม่เป็นไร น้าไม่ต้องเป็นห่วงผม” หลินหยางไม่อยากเห็นหลิ่วเฉิงจื้อติดอยู่ตรงกลาง ลำบากใจกับทั้งสองฝ่าย“เสี่ยวหยาง อย่าได้ทำตัวเข้มแข็ง เธอจะตายเอาได้ เธอไปกับน้า ฉันจะดูว่าใครกล้าขวาง” หลิ่วเฉิงจื้อต้านทานความน่ากริ่งเกรงของอวี๋ผิง ยังคงเลือกที่จะปกป้องหลินหยางสำหรับหลินหยาง การกระทำนี้ก็เพียงพอแล้ว ในใจของเขามีเพียงความตื้นตันเท่านั้นสำหรับผู้ชายที่กลัวเมียคนหนึ่ง สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ก็นับว่าไม่ง่ายแล้วในเวลานั้นเอง เฉินกงหมิงได้มาถึงแล้ว“ลุงเฉิน คุณมาได้ทันเวลาพอดี รีบลงมือจับเจ้าเด็กนี่ไว้เลยค่ะ” อวี๋ผิงรีบพูด“น้าอวี๋ ผมยังคิดว่าน้าอยากทำอาหารให้ผมกินสักมื้ออย่างจริงใจเสียอีก ที่แท้เพียงเพื่อจะหลอกผมกลับมา จะได้จับผมไว้ได้ง่าย จากนั้นส่งไปให้พ่อลูกตระกูลเหลียงจัดการ” แม้หลินหยางจะเดาถึงแผนการของอวี๋ผิงได้แล้ว แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง“ไร้สาระ! ทำอาหารให้นายกิน นายคู่ควรหรือ? บะหมี่น้ำชามนี้ ฉันทำให้หมากินก็ไม่มีทางทำให้แกกิน”อวี๋ผิงกล่าวอย่างดูแคลนหลินหยางส่ายหัว รู้สึกเพียงหัวใจหนาวเหน็บ“ลุงเฉิน
“หลินหยาง นายคิดจะทำอะไร!”อวี๋ผิงตกใจหน้าซีดขาว ทว่าแสร้งพูดอย่างแข็งกร้าวทั้งที่ภายในใจขลาดกลัวหลิ่วฟู่อวี่ยิ่งถูกทำให้หวาดกลัวแล้วเธอรู้ว่าหลินหยางมีฝีมืออยู่บ้าง แต่คิดไม่ถึงว่าหลินหยางจะร้ายกาจขนาดนี้ เพียงกระบวนท่าเดียวก็เอาชนะเฉินกงหมิงได้“นายอย่าเข้ามานะ!”หลิ่วฟู่อวี่ตะโกน ใบหน้าอันสวยงามซีดขาว “พ่อ พ่อรีบช่วยพวกเราสิคะ!”หลิ่วเฉิงจื้อกัดฟัน รีบก้าวเข้ามาพูดว่า “เสี่ยวหยาง เรื่องนี้เป็นน้าอวี๋ของเธอที่ทำไม่ถูก เห็นแก่หน้าบางๆ ของน้า ปล่อยพวกเธอไปจะได้ไหม?”ถึงอย่างไรก็เป็นภรรยากับลูกสาวของตน หลิ่วเฉิงจื้อก็ไม่อาจไม่สนใจได้แต่ทำหน้าหนาขอร้องหลินหยาง“น้าหลิ่ว น้ากังวลเรื่องอะไรครับ? ผมก็แค่อยากกินบะหมี่ที่น้าอวี๋ทำชามนี้เท่านั้นเองครับ”หลินหยางเดินไปนั่งลงที่โต๊ะอาหาร กินบะหมี่ที่ร้อนกรุ่นบนโต๊ะอาหารราวไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นแต่อวี๋ผิงกับหลิ่วฟู่อวี่ก็ยังคงอกสั่นขวัญแขวน“น้าอวี๋ หลายปีมากแล้ว ฝีมือการทำบะหมี่ของน้ายิ่งมาก็ยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ เลยนะครับ รสชาตินี้ ผมคิดถึงมาสองสามปีแล้ว” หลินหยางด้านหนึ่งสนใจแต่การกินบะหมี่ของตน อีกด้านก็พูดชมฝีมือของอวี๋ผิงไ
ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเฉาเยี่ยนหลิง“คุณหลิน คุณไม่เป็นไรแล้วกระมัง? ฉันได้ยินว่าเมื่อคืนคุณถูกยอดฝีมือลอบสังหารแล้ว?”“ไม่เป็นไรครับ” “ไม่เป็นไรก็ดีค่ะ ตอนบ่ายคุณว่างไหมคะ? ฉันขอเชิญคุณไปดูหนัง แล้วจะถือโอกาสขอคำแนะนำเรื่องการฝึกวรยุทธ์สักสองสามคำถาม”เฉาเยี่ยนหลิงกล่าวในโทรศัพท์หลินหยางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รับปากแล้วคนทั้งสองนัดกันไปเจอที่โรงภาพยนตร์หลินหยางอยู่ใกล้โรงหนังมากกว่า ขับรถไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว จึงนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โซนพักของโรงหนังจู่ๆ หลินหยี่โม่ก็ดึงเขาเข้ามาในกลุ่มเพื่อนนักเรียน ยังพูดในกลุ่มเป็นพิเศษว่า ยินดีต้อนรับเพื่อนนักเรียนหลินหยางเข้ากลุ่มหลินหยางเปิดดูสมาชิกในกลุ่ม พบว่าทั้งโต้วจวิ้นและหลิ่วฟู่อวี่ต่างก็อยู่ในกลุ่มนี้ แต่เหลียงควนกลับไม่อยู่ด้านในด้วยเขากำลังเตรียมจะส่งข้อความไปทักทายเพื่อนนักเรียนคนอื่นสักบรรทัดหนึ่งด้านล่างก็มีเพื่อนนักเรียนพิมพ์อิโมติคอน [1] ประหลาดใจส่งมา ถามว่า “นี่มันอะไรกัน? หลินหยางไหนอ่ะ?”“ยังจะมีหลินหยางไหนได้อีก ก็ต้องเป็นคุณชายใหญ่หลินของซิงเย่ากรุ๊ปน่ะสิ เขายังมีชีวิตอยู่เหรอ? ใช่พ
ประโยคนี้ของโต้วจวิ้นเมื่อพิมพ์ขึ้นมา คนอื่นก็สนอกสนใจขึ้นมาแล้ว พากันมาฟังเรื่องซุบซิบ สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น“เขาล่วงเกินฉีเทียนหย่งของเทียนซินเภสัชกรรม” “ฉีเทียนหย่งคนนี้เป็นพวกโหดน่ะ คนที่กล้าล่วงเกินเขา ต่อให้ไม่ตายหนังก็ต้องโดนลอกออกไปชั้นหนึ่ง” “หลินหยาง นายโดนตัดมือหรือตัดเท้าล่ะ? ตอนนี้รอความตายอยู่ที่โรงพยาบาลไหนกันล่ะ?”เห็นโต้วจวิ้นแอดตนไม่หยุด หลินหยางก็ยิ้มจางๆ ตอบกลับไปว่า “ทำให้นายต้องผิดหวังแล้ว ฉันสบายดีมาก แต่กลับเป็นนาย ถูกฉีเทียนหย่งตบหน้าไปหลายครั้ง ดูแล้วสาหัสอยู่ไม่น้อย หน้าของนายยังเจ็บอยู่ไหม? หายบวมรึยัง?”“ผายลม แม่เอ็งน่ะสิ! ฉันไปถูกฉีเทียนหย่งตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”โต้วจวิ้นรีบด่าออกมาทันที“ถูกตีรึเปล่านายรู้ดีที่สุด ตอนที่นายคุกเข่าร้องขอความเมตตาต่อหน้าเขา มีคนเห็นอยู่มากเลยล่ะ” หลินหยางพิมพ์จบ ก็ขี้เกียจที่จะดูมือถือต่อแล้วในหมู่บ้านตี้เหา โต้วจวิ้นโมโหจนหน้าเขียว ด่าทอเสียงดังว่า “หลินหยาง นายรอบิดาก่อน กล้าแฉเรื่องของฉัน ฉันจะทำให้นายต้องเสียใจในภายหลังแน่” หลินหยี่โม่โทรศัพท์ไปขอโทษหลินหยาง เธอทำไปเพราะความหวังดี คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เป็น
เฉาเยี่ยนหลิงไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อเฉิงเหวยยี่แม้แต่น้อย“เยี่ยนหลิง คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง? คุณน่าจะรู้ดีที่สุดถึงความรู้สึกที่ผมมีให้คุณ เมื่อก่อนคุณไม่ได้ทำกับผมแบบนี้นี่ คุณบอกว่า รอจนกว่าผมจะกลายเป็นปรมาจารย์ แล้วคุณก็จะแต่งงานกับผมไม่ใช่หรือ?”เฉิงเหวยยี่พูดด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเศร้าสร้อย“เฉิงเหวยยี่คุณพูดจาไร้สาระให้น้อยหน่อย ฉันเคยพูดคำพูดพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่” เฉาเยี่ยนหลิงกลัวว่าหลินหยางจะเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย“คุณหลิน ฉันไม่เคยชอบเขามาก่อนเลย ยิ่งไม่เคยพูดคำพูดพวกนี้ด้วยค่ะ” เฉิงเหวยยี่เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เฉาเยี่ยนหลิงที่เป็นคนเย่อยิ่งถึงเพียงนั้น บัดนี้กลับใส่ใจคนผู้หนึ่งถึงเพียงนี้“ไม่เป็นไร มีคนบางประเภทชอบทำตัวเป็นหมาขี้ประจบ รู้ทั้งรู้ว่าคนเขาไม่มีใจให้ก็ยังทำตัวไร้ศักดิ์ศรีชะเลียไปทั่ว คุณไม่จำเป็นต้องไปโมโห” หลินหยางหัวเราะเบาๆ“นายว่าใครเป็นหมาขี้ประจบ?”แม้ภายนอกเฉิงเหวยยี่จะดูโมโหอย่างมาก แต่ภายในใจกลับกำลังยินดี เขากำลังคิดหาข้ออ้างในการจัดการกับหลินหยางอยู่พอดี“นายไง พ่อหมาจอมชะเลีย” หลินหยางก็ไม่เกรงใจแม้แ
เฉาเยี่ยนหลิงย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของเฉิงเหวยยี่อย่างแน่นอน หลินหยางแบ่งมือออกมาข้างหนึ่ง ดึงเธอไปไว้ข้างหลัง จากนั้นก็หยิบป๊อปคอร์นชิ้นหนึ่งออกมาจากถัง แล้วใช้นิ้วดีดออกไปเมื่อป๊อปคอร์นถูกดีดออกไป ก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเฉิงเหวยยี่เฉิงเหวยยี่ร้องเสียงหลงทีหนึ่ง รีบกุมหน้าของตนไว้“ช่างอ่อนหัดเหลือเกิน แค่กระบวนท่าเดียวก็รับไม่ได้” ถูกป๊อปคอร์นเม็ดหนึ่งดีดใส่จนร้องลั่นภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน ศักดิ์ศรีของเฉิงเหวยยี่ก็รักษาไว้ไม่อยู่แล้วเขาก็ไม่สนต่อความเจ็บบนใบหน้าอีก จู่โจมต่ออีกครั้งทันทีหลินหยางดีดป๊อปคอร์นอีกเม็ดออกไป ครั้งนี้พุ่งเข้าที่เข่าของเฉิงเหวยยี่เฉิงเหวยยี่คุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่งทันที จากนั้นป๊อปคอร์นอีกเม็ดก็พุ่งเข้าใส่เข่าอีกข้างเฉิงเหวยยี่อยู่ในสภาพคุกเข่าสองข้างต่อหน้าหลินหยางทันที เข่าเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำให้เขาไม่อาจลุกขึ้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ“สู้ไม่ได้ก็สู้ไม่ได้สิ ฉันไม่ได้จะฆ่านายสักหน่อย นายไม่ต้องแสดงความเคารพขนาดนี้ก็ได้”หลินหยางกล่าว“ไอ้เลว!”เฉิงเหวยยี่เกรี้ยวกราด หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างรีบเข้าไปช่วยประคองเขา“ไสหัวไป!”เฉิงเหวยยี่ผลักหญิ
“พ่อฉันรับปากแล้วค่ะ ท่านจะไปหาปรมาจารย์เฉิงด้วยตัวเอง” เฉาเยี่ยนหลิงกล่าวหลังจากวางโทรศัพท์“อย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อไม่ดูหนังแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนแล้วกัน” “คุณหลิน ฉันค่อยนัดคุณใหม่วันหลังนะคะ วันนี้ต้องขอโทษอย่างมากจริงๆ” เฉาเยี่ยนหลิงกล่าวด้วยความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มอกหลินหยางโบกมือ จากนั้นก็จากไปเฉาเยี่ยนหลิงกลับไปถึงรถของตน ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์“เฉิงเหยวยี่สมควรตาย นัดเดทครั้งแรกของฉันกับคุณหลินถูกนายทำเละซะได้ ช่างน่ารังเกียจจริง!”หลังจากหลินหยางและเฉาเยี่ยนหลิงจากไปได้ไม่นาน เฉิงเหวยยี่ก็พาคนบุกกลับมาที่โรงหนังคนผู้นี้คือหยิ่นเหวยสุง เป็นศิษย์คนโตของเฉิงคั่ว ระดับโฮ่วเทียนขั้นแปด“ไอ้คนขี้ขลาด ถึงกับหนีไปแล้ว!”เฉิงเหวยยี่หาคนไม่เจอ ภายในใจจึงอัดอั้นด้วยความโมโห“นายวางใจเถอะ ขอแค่ไอ้เด็กนั่นยังอยู่ในเมืองลั่ว มันก็หนีไม่พ้นแน่” หยิ่นเหวยสุงกล่าวหลินหยางไม่ได้กลับหมู่บ้านตี้เหา แต่ไปที่คฤหาสน์สกุลฉินแทนฉินโม่หนงยังไม่กลับมา หลินหยางพบว่าเบาะรองนั่งที่โซฟาถูกเปลี่ยนเป็นอันใหม่แล้วหลินหยางนอนลงบนโซฟา หลับตาพักผ่อน“แม่คะ แม่กลับมาแล้วหรือคะ?
หลินหยางก็ไม่เสแสร้งแล้ว เปิดเผยไปตามตรงว่า “ยินดีด้วย เธอตอบถูกแล้ว!”ฉินเยียนหรานกรีดร้องออกมา“ปล่อยฉันนะ ไอ้คนสารเลว!”“ไม่ปล่อย” หลินหยางกล่าว“หลินหยาง ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะควักลูกตาของแกออกมา ทำให้แกพิการจนกลับมาปกติไม่ได้อีก!”ฉินเยียนหรานโมโหจนระเบิด ยิ่งแทบอยากจะหารอยแยกบนพื้นมุดลงไปในเวลานี้เอง ฉินโม่หนงก็กลับมาถึงและเปิดประตูเข้ามา และเห็นภาพนี้เข้าพอดี“หลินหยาง!”สมองของฉินโม่หนงอื้ออึง รีบพุ่งเข้ามาทันที“นายคิดจะทำอะไรเยียนหราน!”เมื่อเห็นฉินโม่หนง หลินหยางก็ได้สติกลับมาเล็กน้อย จึงปล่อยฉินเยียนหรานฉินเยียนหรานกลับไม่มีเวลาไปสนใจอะไรอีก คิดจะลงมืออีกครั้ง เพื่อฆ่าหลินหยางฉินโม่หนงขวางเธอไว้ แล้วลากไปอยู่ด้านหลัง“แม่คะ…มันไม่ได้ตาบอด มันเห็นหมดทุกอย่างแล้วค่ะ”ฉินเยียนหรานร้องไห้ออกมา เต็มไปด้วยความคับอกคับใจ“ฉันไม่ได้บอกให้แกใส่เสื้อผ้าดีๆ เวลาอยู่บ้านหรือไง? รีบขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวนี้!”ฉินโม่หนงตำหนิเสียงเย็น“หนูจะฆ่ามัน ควักลูกตาของมันออกมาค่ะ” ฉินเยียนหรานพูดอย่างเคียดแค้น“ขึ้นไปข้างบน!”ฉินโม่หนงตะคอกอย่างโมโห ฉินเยียนหรานก็ไม่กล้าโวยวายอีก