ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเฉาเยี่ยนหลิง“คุณหลิน คุณไม่เป็นไรแล้วกระมัง? ฉันได้ยินว่าเมื่อคืนคุณถูกยอดฝีมือลอบสังหารแล้ว?”“ไม่เป็นไรครับ” “ไม่เป็นไรก็ดีค่ะ ตอนบ่ายคุณว่างไหมคะ? ฉันขอเชิญคุณไปดูหนัง แล้วจะถือโอกาสขอคำแนะนำเรื่องการฝึกวรยุทธ์สักสองสามคำถาม”เฉาเยี่ยนหลิงกล่าวในโทรศัพท์หลินหยางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รับปากแล้วคนทั้งสองนัดกันไปเจอที่โรงภาพยนตร์หลินหยางอยู่ใกล้โรงหนังมากกว่า ขับรถไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว จึงนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โซนพักของโรงหนังจู่ๆ หลินหยี่โม่ก็ดึงเขาเข้ามาในกลุ่มเพื่อนนักเรียน ยังพูดในกลุ่มเป็นพิเศษว่า ยินดีต้อนรับเพื่อนนักเรียนหลินหยางเข้ากลุ่มหลินหยางเปิดดูสมาชิกในกลุ่ม พบว่าทั้งโต้วจวิ้นและหลิ่วฟู่อวี่ต่างก็อยู่ในกลุ่มนี้ แต่เหลียงควนกลับไม่อยู่ด้านในด้วยเขากำลังเตรียมจะส่งข้อความไปทักทายเพื่อนนักเรียนคนอื่นสักบรรทัดหนึ่งด้านล่างก็มีเพื่อนนักเรียนพิมพ์อิโมติคอน [1] ประหลาดใจส่งมา ถามว่า “นี่มันอะไรกัน? หลินหยางไหนอ่ะ?”“ยังจะมีหลินหยางไหนได้อีก ก็ต้องเป็นคุณชายใหญ่หลินของซิงเย่ากรุ๊ปน่ะสิ เขายังมีชีวิตอยู่เหรอ? ใช่พ
ประโยคนี้ของโต้วจวิ้นเมื่อพิมพ์ขึ้นมา คนอื่นก็สนอกสนใจขึ้นมาแล้ว พากันมาฟังเรื่องซุบซิบ สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น“เขาล่วงเกินฉีเทียนหย่งของเทียนซินเภสัชกรรม” “ฉีเทียนหย่งคนนี้เป็นพวกโหดน่ะ คนที่กล้าล่วงเกินเขา ต่อให้ไม่ตายหนังก็ต้องโดนลอกออกไปชั้นหนึ่ง” “หลินหยาง นายโดนตัดมือหรือตัดเท้าล่ะ? ตอนนี้รอความตายอยู่ที่โรงพยาบาลไหนกันล่ะ?”เห็นโต้วจวิ้นแอดตนไม่หยุด หลินหยางก็ยิ้มจางๆ ตอบกลับไปว่า “ทำให้นายต้องผิดหวังแล้ว ฉันสบายดีมาก แต่กลับเป็นนาย ถูกฉีเทียนหย่งตบหน้าไปหลายครั้ง ดูแล้วสาหัสอยู่ไม่น้อย หน้าของนายยังเจ็บอยู่ไหม? หายบวมรึยัง?”“ผายลม แม่เอ็งน่ะสิ! ฉันไปถูกฉีเทียนหย่งตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”โต้วจวิ้นรีบด่าออกมาทันที“ถูกตีรึเปล่านายรู้ดีที่สุด ตอนที่นายคุกเข่าร้องขอความเมตตาต่อหน้าเขา มีคนเห็นอยู่มากเลยล่ะ” หลินหยางพิมพ์จบ ก็ขี้เกียจที่จะดูมือถือต่อแล้วในหมู่บ้านตี้เหา โต้วจวิ้นโมโหจนหน้าเขียว ด่าทอเสียงดังว่า “หลินหยาง นายรอบิดาก่อน กล้าแฉเรื่องของฉัน ฉันจะทำให้นายต้องเสียใจในภายหลังแน่” หลินหยี่โม่โทรศัพท์ไปขอโทษหลินหยาง เธอทำไปเพราะความหวังดี คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เป็น
เฉาเยี่ยนหลิงไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อเฉิงเหวยยี่แม้แต่น้อย“เยี่ยนหลิง คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง? คุณน่าจะรู้ดีที่สุดถึงความรู้สึกที่ผมมีให้คุณ เมื่อก่อนคุณไม่ได้ทำกับผมแบบนี้นี่ คุณบอกว่า รอจนกว่าผมจะกลายเป็นปรมาจารย์ แล้วคุณก็จะแต่งงานกับผมไม่ใช่หรือ?”เฉิงเหวยยี่พูดด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเศร้าสร้อย“เฉิงเหวยยี่คุณพูดจาไร้สาระให้น้อยหน่อย ฉันเคยพูดคำพูดพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่” เฉาเยี่ยนหลิงกลัวว่าหลินหยางจะเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย“คุณหลิน ฉันไม่เคยชอบเขามาก่อนเลย ยิ่งไม่เคยพูดคำพูดพวกนี้ด้วยค่ะ” เฉิงเหวยยี่เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เฉาเยี่ยนหลิงที่เป็นคนเย่อยิ่งถึงเพียงนั้น บัดนี้กลับใส่ใจคนผู้หนึ่งถึงเพียงนี้“ไม่เป็นไร มีคนบางประเภทชอบทำตัวเป็นหมาขี้ประจบ รู้ทั้งรู้ว่าคนเขาไม่มีใจให้ก็ยังทำตัวไร้ศักดิ์ศรีชะเลียไปทั่ว คุณไม่จำเป็นต้องไปโมโห” หลินหยางหัวเราะเบาๆ“นายว่าใครเป็นหมาขี้ประจบ?”แม้ภายนอกเฉิงเหวยยี่จะดูโมโหอย่างมาก แต่ภายในใจกลับกำลังยินดี เขากำลังคิดหาข้ออ้างในการจัดการกับหลินหยางอยู่พอดี“นายไง พ่อหมาจอมชะเลีย” หลินหยางก็ไม่เกรงใจแม้แ
เฉาเยี่ยนหลิงย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของเฉิงเหวยยี่อย่างแน่นอน หลินหยางแบ่งมือออกมาข้างหนึ่ง ดึงเธอไปไว้ข้างหลัง จากนั้นก็หยิบป๊อปคอร์นชิ้นหนึ่งออกมาจากถัง แล้วใช้นิ้วดีดออกไปเมื่อป๊อปคอร์นถูกดีดออกไป ก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเฉิงเหวยยี่เฉิงเหวยยี่ร้องเสียงหลงทีหนึ่ง รีบกุมหน้าของตนไว้“ช่างอ่อนหัดเหลือเกิน แค่กระบวนท่าเดียวก็รับไม่ได้” ถูกป๊อปคอร์นเม็ดหนึ่งดีดใส่จนร้องลั่นภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน ศักดิ์ศรีของเฉิงเหวยยี่ก็รักษาไว้ไม่อยู่แล้วเขาก็ไม่สนต่อความเจ็บบนใบหน้าอีก จู่โจมต่ออีกครั้งทันทีหลินหยางดีดป๊อปคอร์นอีกเม็ดออกไป ครั้งนี้พุ่งเข้าที่เข่าของเฉิงเหวยยี่เฉิงเหวยยี่คุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่งทันที จากนั้นป๊อปคอร์นอีกเม็ดก็พุ่งเข้าใส่เข่าอีกข้างเฉิงเหวยยี่อยู่ในสภาพคุกเข่าสองข้างต่อหน้าหลินหยางทันที เข่าเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำให้เขาไม่อาจลุกขึ้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ“สู้ไม่ได้ก็สู้ไม่ได้สิ ฉันไม่ได้จะฆ่านายสักหน่อย นายไม่ต้องแสดงความเคารพขนาดนี้ก็ได้”หลินหยางกล่าว“ไอ้เลว!”เฉิงเหวยยี่เกรี้ยวกราด หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างรีบเข้าไปช่วยประคองเขา“ไสหัวไป!”เฉิงเหวยยี่ผลักหญิ
“พ่อฉันรับปากแล้วค่ะ ท่านจะไปหาปรมาจารย์เฉิงด้วยตัวเอง” เฉาเยี่ยนหลิงกล่าวหลังจากวางโทรศัพท์“อย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อไม่ดูหนังแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนแล้วกัน” “คุณหลิน ฉันค่อยนัดคุณใหม่วันหลังนะคะ วันนี้ต้องขอโทษอย่างมากจริงๆ” เฉาเยี่ยนหลิงกล่าวด้วยความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มอกหลินหยางโบกมือ จากนั้นก็จากไปเฉาเยี่ยนหลิงกลับไปถึงรถของตน ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์“เฉิงเหยวยี่สมควรตาย นัดเดทครั้งแรกของฉันกับคุณหลินถูกนายทำเละซะได้ ช่างน่ารังเกียจจริง!”หลังจากหลินหยางและเฉาเยี่ยนหลิงจากไปได้ไม่นาน เฉิงเหวยยี่ก็พาคนบุกกลับมาที่โรงหนังคนผู้นี้คือหยิ่นเหวยสุง เป็นศิษย์คนโตของเฉิงคั่ว ระดับโฮ่วเทียนขั้นแปด“ไอ้คนขี้ขลาด ถึงกับหนีไปแล้ว!”เฉิงเหวยยี่หาคนไม่เจอ ภายในใจจึงอัดอั้นด้วยความโมโห“นายวางใจเถอะ ขอแค่ไอ้เด็กนั่นยังอยู่ในเมืองลั่ว มันก็หนีไม่พ้นแน่” หยิ่นเหวยสุงกล่าวหลินหยางไม่ได้กลับหมู่บ้านตี้เหา แต่ไปที่คฤหาสน์สกุลฉินแทนฉินโม่หนงยังไม่กลับมา หลินหยางพบว่าเบาะรองนั่งที่โซฟาถูกเปลี่ยนเป็นอันใหม่แล้วหลินหยางนอนลงบนโซฟา หลับตาพักผ่อน“แม่คะ แม่กลับมาแล้วหรือคะ?
หลินหยางก็ไม่เสแสร้งแล้ว เปิดเผยไปตามตรงว่า “ยินดีด้วย เธอตอบถูกแล้ว!”ฉินเยียนหรานกรีดร้องออกมา“ปล่อยฉันนะ ไอ้คนสารเลว!”“ไม่ปล่อย” หลินหยางกล่าว“หลินหยาง ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะควักลูกตาของแกออกมา ทำให้แกพิการจนกลับมาปกติไม่ได้อีก!”ฉินเยียนหรานโมโหจนระเบิด ยิ่งแทบอยากจะหารอยแยกบนพื้นมุดลงไปในเวลานี้เอง ฉินโม่หนงก็กลับมาถึงและเปิดประตูเข้ามา และเห็นภาพนี้เข้าพอดี“หลินหยาง!”สมองของฉินโม่หนงอื้ออึง รีบพุ่งเข้ามาทันที“นายคิดจะทำอะไรเยียนหราน!”เมื่อเห็นฉินโม่หนง หลินหยางก็ได้สติกลับมาเล็กน้อย จึงปล่อยฉินเยียนหรานฉินเยียนหรานกลับไม่มีเวลาไปสนใจอะไรอีก คิดจะลงมืออีกครั้ง เพื่อฆ่าหลินหยางฉินโม่หนงขวางเธอไว้ แล้วลากไปอยู่ด้านหลัง“แม่คะ…มันไม่ได้ตาบอด มันเห็นหมดทุกอย่างแล้วค่ะ”ฉินเยียนหรานร้องไห้ออกมา เต็มไปด้วยความคับอกคับใจ“ฉันไม่ได้บอกให้แกใส่เสื้อผ้าดีๆ เวลาอยู่บ้านหรือไง? รีบขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวนี้!”ฉินโม่หนงตำหนิเสียงเย็น“หนูจะฆ่ามัน ควักลูกตาของมันออกมาค่ะ” ฉินเยียนหรานพูดอย่างเคียดแค้น“ขึ้นไปข้างบน!”ฉินโม่หนงตะคอกอย่างโมโห ฉินเยียนหรานก็ไม่กล้าโวยวายอีก
ฉินเยียนหรานขบคิดเป็นร้อยรอบก็ยังคงไม่เข้าใจ“คืนที่เขาถูกโยนลงแม่น้ำลั่ว เขาถูกผู้สูงส่งคนหนึ่งช่วยไว้ ไม่เพียงช่วยรักษาตาของเขา แต่ยังถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้เขาด้วย” ฉินโม่หนงอธิบาย“ไอ้สารเลวนี่ ไม่ใช่แค่ดวงแข็ง แต่ยังดวงดีขนาดนี้ด้วย!”ฉินเยียนหรานพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคับแค้น“เยียนหราน วันหลังแกอย่าไปหาเรื่องเขาอีก ทุกคนอยู่กันแบบน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองก็พอ” ฉินโม่หนงกล่าว“แม่คะ พวกเราสามารถใช้เงินเชิญยอดฝีมือมาฆ่ามันได้ ไม่อย่างนั้นมันต้องมาแก้แค้นพวกเราแน่ เพราะสองปีมานี้ พวกเราก็ทรมานมันจนดูไม่ได้เลย” ฉินเยียนหรานพูดอย่างอำมหิต“พอแล้ว! เรื่องนี้ไม่ต้องให้แกมาห่วงอีก แกแค่จำคำพูดของฉันไว้ก็พอ”ฉินโม่หนงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ยังมีอีก ช่วงนี้เรื่องในบริษัทมีมากมาย ฉันก็ยุ่งมาก แกไม่มีอะไรก็ไม่ต้องกลับมาบ้าน พักอยู่ที่โรงเรียนไปนั่นแหละ” การสูญเสียความช่วยเหลือจากติ่งเซิ่งกรุ๊ปไป ได้ชักนำปัญหาใหญ่มาให้ฉินโม่หนงจริงๆ ไม่เพียงผู้ถือหุ้นที่กดดัน บริษัทที่ร่วมมือกันอยู่ก็พากันเอนเอียงไปตามสถานการณ์ด้วยถ้าไม่ถ่วงเวลาหรือไม่ยอมจ่ายเงิน ก็พูดเรื่องระงับความร่วมม
“อย่าวุ่นวาย ฉันทำอาหารอยู่นะ เอามือสกปรกของนายออกไปซะ” ฉินโม่หนงหนีบขาทั้งสองข้างเข้าหากัน กล่าวอย่างโมโห“ทำอาหารอะไร ทำอย่างอื่นเถอะ ตอนนี้ผมไม่อยากกินข้าวแล้ว กินคุณก็พอแล้ว” หลินหยางไม่สนใจสิ่งอื่นอีก เขากดฉินโม่หนงลงบนเคาน์เตอร์ครัวทันที“หลินหยาง นายบ้าไปแล้ว นี่มันห้องครัวนะ กลับไปทำที่ห้องหรือไม่บนโซฟาก็ได้” ฉินโม่หนงยืดตัวขึ้นมา หมุนกายกลับมา พยายามออกแรงอย่างหนักในการผลักหลินหยางออกไป“ห้องครัวดีออก ได้รสชาติไปอีกแบบ” หลินหยางนั่งยองลงไปทันที ฉินโม่หนงเข้าใจความต้องการของเขา รีบต่อต้านว่า “ไม่ได้! นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” “สุภาพบุรุษใช้ปากไม่ใช้มือไง” แม้ฉินโม่หนงจะอยากต่อต้าน แต่สุดท้ายก็ได้ลิ้มลองถึงความหฤหรรษ์ที่อยู่ภายใน ทำใจผลักหลินหยางออกไปไม่ได้อีก แม้ปากจะร้องว่าไม่ ทว่าร่างกายกลับซื่อตรงเป็นอย่างมากฉินโม่หนงรู้สึกว่าตนเองบ้าคลั่งเกินไปแล้ว เรื่องเช่นนี้ เมื่อก่อนตัวเธอแม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้าคิดเลยที่จริงแล้วนิสัยลึกๆ ของเธอเป็นคนที่ค่อนข้างหัวโบราณกับเรื่องแบบนี้ แต่เจ้าหลินหยางคนนี้กลับเป็นพวกหัวขบถไม่เล่นตามกฎตามธรรมเนียมฉินโม่หนงรู้สึกว่าตัวเธอเ
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต
หรือไม่ก็โทรศัพท์ไปหยอกหลูอ้าวตงอีกสักที?ไม่มีอะไรทำก็ไปยั่วโมโหหลูอ้าวตงสักหน่อย ได้กลายเป็นความเคยชินของหลินหยางไปแล้วแต่ทว่าทันทีที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กลับมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาเบอร์โทรศัพท์นั่นคือ...ฉินเจิ้งคุน?หลินหยางมีความประหลาดใจเล็กน้อย จะว่าไป ฉินเจิ้งคุนควรจะส่งคนมาไล่ฆ่าตนถึงจะถูกอย่างไรเสียสิ่งของที่ไม่ได้มาครอบครองก็ต้องทำลายทิ้ง ถึงจะเหมาะสมกับสไตล์ของตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาผลปรากฏว่าการตามล่าของตระกูลฉินที่รอคอยมาไม่ถึงสักที...เขารับสายแล้วพูดว่า “ผมคิดว่าคุณตายไปแล้วเสียอีกนะ...”“ไอ้บ้า!”ทันทีที่ฉินเจิ้งคุนต่อสายติดก็ได้ยินประโยคนี้ โมโหจนสะอึกทันที “คนที่ใกล้ตายอย่างแกยังจะกล้าพูดจาเหลวไหล! ตอนนี้แกได้ถูกหลูอ้าวตงตามฆ่าเหมือนกับหนูท่อที่น่ารังเกียจแล้วละมั้ง!”“ถ้าอย่างนั้นคงต้องทำให้คุณต้องผิดหวังแล้ว...”หลินหยางเหลือบตามองลูกน้องที่เพิ่งรับเอาไว้เมื่อสักครู่นี้แวบหนึ่ง หลูอ้าวตงทั้งส่งสมุนไพรทั้งส่งผู้หญิงมาให้ โดนตนจัดการจนรู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นมาอยู่หน่อย ๆ เสียแล้วแต่ทว่าฉินเจิ้งคุนกลับไม่เชื่อ กล่าวเสียงเย้ยหยัน “เลิกพูดจาไร้สาระ ต
เขาหยิบยาพิษสี่เม็ดออกมาจากในกระเป๋าเฉียนคุน โยนให้พวกเขา“ยาพิษนี้มีแค่ฉันเท่านั้นที่ถอนได้ ถ้าหากพวกแกกล้าทรยศ จะต้องตายอย่างน่าเวทนามากแน่อย่างแน่นอน”ปรมาจารย์ทั้งสี่เข้าใจว่าหลินหยางไม่เชื่อใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ยาพิษนี้ไม่กินก็ต้องกิน จากนั้นก็กลืนยาพิษลงไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเมื่อทั้งสี่คนกลืนยาพิษลงไปแล้ว หลินหยางถึงได้ไปช่วยรักษาม๋อจื่อภายใต้การจับตามองอย่างประหม่าของหลี่หรูเยว่หลินหยางใช้เข็มวาสนาฝืนลิขิต ม๋อจื่อค่อนข้างไม่ธรรมดา รากฐานกระดูกแข็งแรงมากมาตั้งแต่กำเนิด มุมมองของหลินหยาง เหมาะที่จะเดินเส้นทางเทพวรยุทธ์มากแต่น่าเสียดายที่ถังฮ่าวหรานความคิดตื้นเขิน ใช้วิชาแปลงอสูรสวรรค์ฝึกฝนเขาจนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ม๋อจื่อก็ฟื้นขึ้นมา ทันทีที่ลืมตาดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ท่าทางดุร้าย“ม๋อเอ๋อร์ฟื้นแล้ว!”หลี่หรูเยว่ดีใจเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาทันที หันหน้าไปมองหลินหยางพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบพระคุณนายท่าน!”ก่อนหน้านี้ม๋อจื่อดูเหมือนคนกำลังใกล้ตาย เวลาแค่เพียงครู่เดียวหลินหยางก็รักษาเขาจนหายดีแล้วนับว่าเธอนับถือฝีมือการรักษาของหลินหยางอย่างถ