ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเฉาเยี่ยนหลิง“คุณหลิน คุณไม่เป็นไรแล้วกระมัง? ฉันได้ยินว่าเมื่อคืนคุณถูกยอดฝีมือลอบสังหารแล้ว?”“ไม่เป็นไรครับ” “ไม่เป็นไรก็ดีค่ะ ตอนบ่ายคุณว่างไหมคะ? ฉันขอเชิญคุณไปดูหนัง แล้วจะถือโอกาสขอคำแนะนำเรื่องการฝึกวรยุทธ์สักสองสามคำถาม”เฉาเยี่ยนหลิงกล่าวในโทรศัพท์หลินหยางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รับปากแล้วคนทั้งสองนัดกันไปเจอที่โรงภาพยนตร์หลินหยางอยู่ใกล้โรงหนังมากกว่า ขับรถไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว จึงนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โซนพักของโรงหนังจู่ๆ หลินหยี่โม่ก็ดึงเขาเข้ามาในกลุ่มเพื่อนนักเรียน ยังพูดในกลุ่มเป็นพิเศษว่า ยินดีต้อนรับเพื่อนนักเรียนหลินหยางเข้ากลุ่มหลินหยางเปิดดูสมาชิกในกลุ่ม พบว่าทั้งโต้วจวิ้นและหลิ่วฟู่อวี่ต่างก็อยู่ในกลุ่มนี้ แต่เหลียงควนกลับไม่อยู่ด้านในด้วยเขากำลังเตรียมจะส่งข้อความไปทักทายเพื่อนนักเรียนคนอื่นสักบรรทัดหนึ่งด้านล่างก็มีเพื่อนนักเรียนพิมพ์อิโมติคอน [1] ประหลาดใจส่งมา ถามว่า “นี่มันอะไรกัน? หลินหยางไหนอ่ะ?”“ยังจะมีหลินหยางไหนได้อีก ก็ต้องเป็นคุณชายใหญ่หลินของซิงเย่ากรุ๊ปน่ะสิ เขายังมีชีวิตอยู่เหรอ? ใช่พ
ประโยคนี้ของโต้วจวิ้นเมื่อพิมพ์ขึ้นมา คนอื่นก็สนอกสนใจขึ้นมาแล้ว พากันมาฟังเรื่องซุบซิบ สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น“เขาล่วงเกินฉีเทียนหย่งของเทียนซินเภสัชกรรม” “ฉีเทียนหย่งคนนี้เป็นพวกโหดน่ะ คนที่กล้าล่วงเกินเขา ต่อให้ไม่ตายหนังก็ต้องโดนลอกออกไปชั้นหนึ่ง” “หลินหยาง นายโดนตัดมือหรือตัดเท้าล่ะ? ตอนนี้รอความตายอยู่ที่โรงพยาบาลไหนกันล่ะ?”เห็นโต้วจวิ้นแอดตนไม่หยุด หลินหยางก็ยิ้มจางๆ ตอบกลับไปว่า “ทำให้นายต้องผิดหวังแล้ว ฉันสบายดีมาก แต่กลับเป็นนาย ถูกฉีเทียนหย่งตบหน้าไปหลายครั้ง ดูแล้วสาหัสอยู่ไม่น้อย หน้าของนายยังเจ็บอยู่ไหม? หายบวมรึยัง?”“ผายลม แม่เอ็งน่ะสิ! ฉันไปถูกฉีเทียนหย่งตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”โต้วจวิ้นรีบด่าออกมาทันที“ถูกตีรึเปล่านายรู้ดีที่สุด ตอนที่นายคุกเข่าร้องขอความเมตตาต่อหน้าเขา มีคนเห็นอยู่มากเลยล่ะ” หลินหยางพิมพ์จบ ก็ขี้เกียจที่จะดูมือถือต่อแล้วในหมู่บ้านตี้เหา โต้วจวิ้นโมโหจนหน้าเขียว ด่าทอเสียงดังว่า “หลินหยาง นายรอบิดาก่อน กล้าแฉเรื่องของฉัน ฉันจะทำให้นายต้องเสียใจในภายหลังแน่” หลินหยี่โม่โทรศัพท์ไปขอโทษหลินหยาง เธอทำไปเพราะความหวังดี คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เป็น
เฉาเยี่ยนหลิงไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อเฉิงเหวยยี่แม้แต่น้อย“เยี่ยนหลิง คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง? คุณน่าจะรู้ดีที่สุดถึงความรู้สึกที่ผมมีให้คุณ เมื่อก่อนคุณไม่ได้ทำกับผมแบบนี้นี่ คุณบอกว่า รอจนกว่าผมจะกลายเป็นปรมาจารย์ แล้วคุณก็จะแต่งงานกับผมไม่ใช่หรือ?”เฉิงเหวยยี่พูดด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเศร้าสร้อย“เฉิงเหวยยี่คุณพูดจาไร้สาระให้น้อยหน่อย ฉันเคยพูดคำพูดพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่” เฉาเยี่ยนหลิงกลัวว่าหลินหยางจะเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย“คุณหลิน ฉันไม่เคยชอบเขามาก่อนเลย ยิ่งไม่เคยพูดคำพูดพวกนี้ด้วยค่ะ” เฉิงเหวยยี่เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เฉาเยี่ยนหลิงที่เป็นคนเย่อยิ่งถึงเพียงนั้น บัดนี้กลับใส่ใจคนผู้หนึ่งถึงเพียงนี้“ไม่เป็นไร มีคนบางประเภทชอบทำตัวเป็นหมาขี้ประจบ รู้ทั้งรู้ว่าคนเขาไม่มีใจให้ก็ยังทำตัวไร้ศักดิ์ศรีชะเลียไปทั่ว คุณไม่จำเป็นต้องไปโมโห” หลินหยางหัวเราะเบาๆ“นายว่าใครเป็นหมาขี้ประจบ?”แม้ภายนอกเฉิงเหวยยี่จะดูโมโหอย่างมาก แต่ภายในใจกลับกำลังยินดี เขากำลังคิดหาข้ออ้างในการจัดการกับหลินหยางอยู่พอดี“นายไง พ่อหมาจอมชะเลีย” หลินหยางก็ไม่เกรงใจแม้แ
เฉาเยี่ยนหลิงย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของเฉิงเหวยยี่อย่างแน่นอน หลินหยางแบ่งมือออกมาข้างหนึ่ง ดึงเธอไปไว้ข้างหลัง จากนั้นก็หยิบป๊อปคอร์นชิ้นหนึ่งออกมาจากถัง แล้วใช้นิ้วดีดออกไปเมื่อป๊อปคอร์นถูกดีดออกไป ก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเฉิงเหวยยี่เฉิงเหวยยี่ร้องเสียงหลงทีหนึ่ง รีบกุมหน้าของตนไว้“ช่างอ่อนหัดเหลือเกิน แค่กระบวนท่าเดียวก็รับไม่ได้” ถูกป๊อปคอร์นเม็ดหนึ่งดีดใส่จนร้องลั่นภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน ศักดิ์ศรีของเฉิงเหวยยี่ก็รักษาไว้ไม่อยู่แล้วเขาก็ไม่สนต่อความเจ็บบนใบหน้าอีก จู่โจมต่ออีกครั้งทันทีหลินหยางดีดป๊อปคอร์นอีกเม็ดออกไป ครั้งนี้พุ่งเข้าที่เข่าของเฉิงเหวยยี่เฉิงเหวยยี่คุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่งทันที จากนั้นป๊อปคอร์นอีกเม็ดก็พุ่งเข้าใส่เข่าอีกข้างเฉิงเหวยยี่อยู่ในสภาพคุกเข่าสองข้างต่อหน้าหลินหยางทันที เข่าเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำให้เขาไม่อาจลุกขึ้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ“สู้ไม่ได้ก็สู้ไม่ได้สิ ฉันไม่ได้จะฆ่านายสักหน่อย นายไม่ต้องแสดงความเคารพขนาดนี้ก็ได้”หลินหยางกล่าว“ไอ้เลว!”เฉิงเหวยยี่เกรี้ยวกราด หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างรีบเข้าไปช่วยประคองเขา“ไสหัวไป!”เฉิงเหวยยี่ผลักหญิ
“พ่อฉันรับปากแล้วค่ะ ท่านจะไปหาปรมาจารย์เฉิงด้วยตัวเอง” เฉาเยี่ยนหลิงกล่าวหลังจากวางโทรศัพท์“อย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อไม่ดูหนังแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนแล้วกัน” “คุณหลิน ฉันค่อยนัดคุณใหม่วันหลังนะคะ วันนี้ต้องขอโทษอย่างมากจริงๆ” เฉาเยี่ยนหลิงกล่าวด้วยความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มอกหลินหยางโบกมือ จากนั้นก็จากไปเฉาเยี่ยนหลิงกลับไปถึงรถของตน ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์“เฉิงเหยวยี่สมควรตาย นัดเดทครั้งแรกของฉันกับคุณหลินถูกนายทำเละซะได้ ช่างน่ารังเกียจจริง!”หลังจากหลินหยางและเฉาเยี่ยนหลิงจากไปได้ไม่นาน เฉิงเหวยยี่ก็พาคนบุกกลับมาที่โรงหนังคนผู้นี้คือหยิ่นเหวยสุง เป็นศิษย์คนโตของเฉิงคั่ว ระดับโฮ่วเทียนขั้นแปด“ไอ้คนขี้ขลาด ถึงกับหนีไปแล้ว!”เฉิงเหวยยี่หาคนไม่เจอ ภายในใจจึงอัดอั้นด้วยความโมโห“นายวางใจเถอะ ขอแค่ไอ้เด็กนั่นยังอยู่ในเมืองลั่ว มันก็หนีไม่พ้นแน่” หยิ่นเหวยสุงกล่าวหลินหยางไม่ได้กลับหมู่บ้านตี้เหา แต่ไปที่คฤหาสน์สกุลฉินแทนฉินโม่หนงยังไม่กลับมา หลินหยางพบว่าเบาะรองนั่งที่โซฟาถูกเปลี่ยนเป็นอันใหม่แล้วหลินหยางนอนลงบนโซฟา หลับตาพักผ่อน“แม่คะ แม่กลับมาแล้วหรือคะ?
หลินหยางก็ไม่เสแสร้งแล้ว เปิดเผยไปตามตรงว่า “ยินดีด้วย เธอตอบถูกแล้ว!”ฉินเยียนหรานกรีดร้องออกมา“ปล่อยฉันนะ ไอ้คนสารเลว!”“ไม่ปล่อย” หลินหยางกล่าว“หลินหยาง ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะควักลูกตาของแกออกมา ทำให้แกพิการจนกลับมาปกติไม่ได้อีก!”ฉินเยียนหรานโมโหจนระเบิด ยิ่งแทบอยากจะหารอยแยกบนพื้นมุดลงไปในเวลานี้เอง ฉินโม่หนงก็กลับมาถึงและเปิดประตูเข้ามา และเห็นภาพนี้เข้าพอดี“หลินหยาง!”สมองของฉินโม่หนงอื้ออึง รีบพุ่งเข้ามาทันที“นายคิดจะทำอะไรเยียนหราน!”เมื่อเห็นฉินโม่หนง หลินหยางก็ได้สติกลับมาเล็กน้อย จึงปล่อยฉินเยียนหรานฉินเยียนหรานกลับไม่มีเวลาไปสนใจอะไรอีก คิดจะลงมืออีกครั้ง เพื่อฆ่าหลินหยางฉินโม่หนงขวางเธอไว้ แล้วลากไปอยู่ด้านหลัง“แม่คะ…มันไม่ได้ตาบอด มันเห็นหมดทุกอย่างแล้วค่ะ”ฉินเยียนหรานร้องไห้ออกมา เต็มไปด้วยความคับอกคับใจ“ฉันไม่ได้บอกให้แกใส่เสื้อผ้าดีๆ เวลาอยู่บ้านหรือไง? รีบขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวนี้!”ฉินโม่หนงตำหนิเสียงเย็น“หนูจะฆ่ามัน ควักลูกตาของมันออกมาค่ะ” ฉินเยียนหรานพูดอย่างเคียดแค้น“ขึ้นไปข้างบน!”ฉินโม่หนงตะคอกอย่างโมโห ฉินเยียนหรานก็ไม่กล้าโวยวายอีก
ฉินเยียนหรานขบคิดเป็นร้อยรอบก็ยังคงไม่เข้าใจ“คืนที่เขาถูกโยนลงแม่น้ำลั่ว เขาถูกผู้สูงส่งคนหนึ่งช่วยไว้ ไม่เพียงช่วยรักษาตาของเขา แต่ยังถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้เขาด้วย” ฉินโม่หนงอธิบาย“ไอ้สารเลวนี่ ไม่ใช่แค่ดวงแข็ง แต่ยังดวงดีขนาดนี้ด้วย!”ฉินเยียนหรานพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคับแค้น“เยียนหราน วันหลังแกอย่าไปหาเรื่องเขาอีก ทุกคนอยู่กันแบบน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองก็พอ” ฉินโม่หนงกล่าว“แม่คะ พวกเราสามารถใช้เงินเชิญยอดฝีมือมาฆ่ามันได้ ไม่อย่างนั้นมันต้องมาแก้แค้นพวกเราแน่ เพราะสองปีมานี้ พวกเราก็ทรมานมันจนดูไม่ได้เลย” ฉินเยียนหรานพูดอย่างอำมหิต“พอแล้ว! เรื่องนี้ไม่ต้องให้แกมาห่วงอีก แกแค่จำคำพูดของฉันไว้ก็พอ”ฉินโม่หนงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ยังมีอีก ช่วงนี้เรื่องในบริษัทมีมากมาย ฉันก็ยุ่งมาก แกไม่มีอะไรก็ไม่ต้องกลับมาบ้าน พักอยู่ที่โรงเรียนไปนั่นแหละ” การสูญเสียความช่วยเหลือจากติ่งเซิ่งกรุ๊ปไป ได้ชักนำปัญหาใหญ่มาให้ฉินโม่หนงจริงๆ ไม่เพียงผู้ถือหุ้นที่กดดัน บริษัทที่ร่วมมือกันอยู่ก็พากันเอนเอียงไปตามสถานการณ์ด้วยถ้าไม่ถ่วงเวลาหรือไม่ยอมจ่ายเงิน ก็พูดเรื่องระงับความร่วมม
“อย่าวุ่นวาย ฉันทำอาหารอยู่นะ เอามือสกปรกของนายออกไปซะ” ฉินโม่หนงหนีบขาทั้งสองข้างเข้าหากัน กล่าวอย่างโมโห“ทำอาหารอะไร ทำอย่างอื่นเถอะ ตอนนี้ผมไม่อยากกินข้าวแล้ว กินคุณก็พอแล้ว” หลินหยางไม่สนใจสิ่งอื่นอีก เขากดฉินโม่หนงลงบนเคาน์เตอร์ครัวทันที“หลินหยาง นายบ้าไปแล้ว นี่มันห้องครัวนะ กลับไปทำที่ห้องหรือไม่บนโซฟาก็ได้” ฉินโม่หนงยืดตัวขึ้นมา หมุนกายกลับมา พยายามออกแรงอย่างหนักในการผลักหลินหยางออกไป“ห้องครัวดีออก ได้รสชาติไปอีกแบบ” หลินหยางนั่งยองลงไปทันที ฉินโม่หนงเข้าใจความต้องการของเขา รีบต่อต้านว่า “ไม่ได้! นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” “สุภาพบุรุษใช้ปากไม่ใช้มือไง” แม้ฉินโม่หนงจะอยากต่อต้าน แต่สุดท้ายก็ได้ลิ้มลองถึงความหฤหรรษ์ที่อยู่ภายใน ทำใจผลักหลินหยางออกไปไม่ได้อีก แม้ปากจะร้องว่าไม่ ทว่าร่างกายกลับซื่อตรงเป็นอย่างมากฉินโม่หนงรู้สึกว่าตนเองบ้าคลั่งเกินไปแล้ว เรื่องเช่นนี้ เมื่อก่อนตัวเธอแม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้าคิดเลยที่จริงแล้วนิสัยลึกๆ ของเธอเป็นคนที่ค่อนข้างหัวโบราณกับเรื่องแบบนี้ แต่เจ้าหลินหยางคนนี้กลับเป็นพวกหัวขบถไม่เล่นตามกฎตามธรรมเนียมฉินโม่หนงรู้สึกว่าตัวเธอเ