“คุณชายเหยียน คุณอย่าสร้างความลำบากใจให้พวกเราเลยครับ! ไม่เช่นนั้นทุกคนจะดูไม่ดีกันไปด้วย”เมื่อกล่าวจบ แววตาของหน่วยตรวจการก็เปลี่ยนเป็นคมกล้าระแวดระวังขึ้นมา ราวเสือร้ายที่กำลังจับจ้องเหยื่อของตนและทุกคนที่อยู่ในงาน ต่างก็ตะลึงค้างไปตามกันเหยียนฮ่าวถูกเหยียนหรูอวี้เพิกเฉยเช่นนี้ ไม่เหลือเกียรติแม้แต่น้อย!เมื่อครู่เขาดูมีหน้ามีตาเพียงใด ตอนนี้ก็ดูทุลักทุเลเท่านั้น!“พวกแกปัญญาอ่อนไปหมดแล้วหรือไง? บิดาเป็นถึงลูกอธิบดีกรมอัยการสูงสุด เหยียนหรูอวี้นับเป็นตัวอะไร ฉันจะดูว่าหล่อนจะกล้าไล่ฉันไปยังไง!”เหยียนฮ่าวสัมผัสได้ถึงสายตาแห่งความสงสัยรอบกาย ความโมโหจึงพวยพุ่งขึ้นมา จนตะโกนออกมาอย่างแข็งกร้าวหัวหน้าหน่วยตรวจการลังเลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ค่อยกล้าลงมือเท่าใดจริงๆเพราะถึงอย่างไร อธิบดีกรมอัยการสูงสุดก็ร้ายกาจจริงๆ พวกเขาไม่สะดวกที่จะใช้กำลังนัก…“ไอ้พวกเศษสวะ! ยังกล้าคิดจะมาไล่ฉัน? แค่เหยียนหรูอวี้คนเดียวยังไม่พอหรอก!”เหยียนฮ่าวกวาดตามองทุกคนทีละคน ในแววตาแห่งความดูแคลนปรากฏความโกรธเกรี้ยวออกมา เหยียนหรูอวี้ถึงกับกล้าไม่ให้เกียรติเขา!“อย่างนั้น ตระกูลมู่หรงของพวกเราพอไหม!”
“หรือว่าคุณไม่กลัว”มู่หรงยิ่นกลับมองเขาอย่างเรียบเฉยเท่านั้นแขกจำนวนไม่น้อยที่มุงดูใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ไม่รู้ว่ามู่หรงยิ่นเอาความมั่นใจมาจากไหนนี่คือลูกชายคนโตของอธิบดีกรมอัยการสูงสุดแห่งมณฑลหนานตู ตระกูลมู่หรงเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองลั่วจริง วางอำนาจบาตรใหญ่ แต่เมื่อทอดสายตามองมณฑลหนานตู ก็เป็นเพียงแค่ลูกหลานสาขาหนึ่งเท่านั้น!สายตาของทุกคนเคลื่อนย้ายไปยังตัวของเหยียนฮ่าว ดูว่าเขาจะตอบโต้อย่างไร!คำพูดเพียงประโยคเดียวของมู่หรงยิ่นทำให้เหยียนฮ่าวโกรธจนหน้าเขียว ถ้าหากมู่หรงยิ่นเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลมู่หรงจริง ๆ เขาก็คงตอบโต้กลับไปนานแล้วหรือว่าวงศ์ตระกูลมู่หรงจะแตกคอกับบิดาของตน เพียงเพื่อลูกสาวของลูกหลานสาขาหนึ่งเชียวเหรอ?แต่เมื่อนึกถึงคู่หมั้นของมู่หรงยิ่นคนนั้น...เขากัดฟันกล่าว “เธอก็แค่โชคดี ไม่คาดคิดเลยว่าคนผู้นั้นจะชอบพอ เพียงแต่ถ้าหากให้เขารู้ว่า เธอกำลังใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของเขา เพื่อปกป้องผู้ชาย จะเป็นยังไง!”มู่หรงยิ่นสีหน้ายิ่งเย็นชามากกว่าเดิม “นายกเทศมนตรีเหยียนออกคำสั่งให้ขับไล่คนคนนี้ออกไป พวกนายมัวทำอะไรกันอยู่? ถึงยังไม่ไล่เขา
อวี๋ผิงเกือบจะคุกเข่าให้มู่หรงยิ่น “ประธานยิ่น ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลิน คุณหลินไม่สนใจพวกเรา พวกเราจะใช้แผนการที่โง่เขลาแบบนี้ได้ยังไงกัน! ตระกูลหลิ่วของพวกเราเป็นครอบครัวที่มีศักดิ์ศรี”“ตาแก่หลิ่วคุณพูดซิ ตอนนั้นที่เราเคยอุ้มหลินหยางน่ะ!”หลิ่วเฉิงจื้อถอนหายใจ ส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าว “เป็นเรื่องในอดีตแล้ว หลังจากที่มนุษย์เจริญรุ่งเรืองก็จะลืมเพื่อนเก่าเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ของพวกเขา มู่หรงยิ่นก็ยิ้มด้วยความโมโห “พูดแบบนี้ หมายความว่าคุณหลินบังคับให้พวกเธอเข้าหาผู้มีอำนาจงั้นเหรอ?”“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ฉันเพียงแค่รู้สึกว่าตอนนี้คุณหลินได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนมากมาย ทำไมถึงได้ปฏิบัติต่อเพื่อนเก่าอย่างพวกเราแบบนี้? ตอนนั้นที่เขาตกอับ ฉันยังลงมือทำกับข้าวให้เขากินด้วยตนเอง ตอนนี้เขากลับรังเกียจเพื่อนเก่า แถมยังขับไล่พวกเราออกจากเมืองลั่วอีก!”อวี๋ผิงกล่าวด้วยความน้อยใจเป็นอย่างยิ่งทันทีที่พูดออกไป ทุกคนก็ฮือฮาขึ้นมา ยังมีคนอีกมากมาย ที่ไม่รู้เรื่องในอดีตของหลินหยางกับตระกูลหลิ่วหลังจากที่หลินหยางเจริญรุ่งเรืองก็ไม่ช่วยเหลือเพื่อนเก่า? เรื่องนี้ทำลายภาพลักษณ์ของหลิน
“ไอ้บอด แกรีบเก็บข้าวของ แล้วไสหัวออกไปจากบ้านฉัน”ในคฤหาสน์ตระกูลฉิน ฉินเยียนหรานเดินมายังห้องใต้ดินที่หลินหยางอาศัยอยู่ พูดจาอย่างหยิ่งผยองกับหลินหยางที่กำลังคุกเข่าถูพื้นอยู่หลินหยางไม่แม้แต่จะเงยหน้า ไม่แม้แต่จะส่งเสียงและถูพื้นต่อไปฉินเยียนหรานถีบหลินหยางจนล้มลงไปกองกับพื้น“ไอ้บอด! ฉันกำลังพูดกับแก แกหูตึงหรือไง?”หลินหยางค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างของเขามองไม่เห็น ด้านหน้ามีเพียงความมืดมิด“ผมไปก็ได้ แต่ผมต้องเอาของที่เป็นของผมกลับคืนมา” หลินหยางกล่าว“ของอะไรที่เป็นของแก? กระจกตา? หรือว่าหุ้นของซิงเย่า กรุ๊ป?”ฉินเยียนหรานหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยาม “ไอ้บอดอย่างแก ช่างคิดเพ้อฝันจริง ๆ ตอนนี้ไม่มีของชิ้นไหนที่เป็นของแกเลยสักชิ้น ทั้งซิงเย่า กรุ๊ป เป็นของตระกูลพวกฉันหมดแล้ว”“แม้แต่ ชีวิตอันไร้ค่าของแก ก็เป็นของครอบครัวฉันเหมือนกัน ฉันไม่ฆ่าแกให้ตาย แค่จะให้แกไสหัวออกไปใช้ชีวิตตามยถากรรม ก็นับว่าเมตตากับแกแล้ว”เมื่อหลินหยางได้ยินดังนั้น ก็กำหมัดแน่นอย่างหมดความอดทน ใบหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน ฉินโม่หนงพาลูกสาวฉินเยียนหรานหนีภัยมาที่เ
หลินหยางสลบไปนานมาก ทั้งยังฝันประหลาดอีกด้วย ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ก็เป็นเช้าวันถัดมาแล้วเขาเห็นตาแก่ผมสีดอกเลาคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างหน้า ก็รู้สึกตกใจมาก“เจ้าหนุ่ม ไม่ต้องตกใจ ฉันได้รักษาดวงตากับบาดแผลทั้งหมดของเธอเรียบร้อยแล้ว”ตาแก่กล่าวด้วยสีหน้าเมตตาหลินหยางแอบหยิกตัวเองหนึ่งที เจ็บมาก เขามั่นใจแล้วว่านี่ใช่ความฝันแน่ ๆ แต่ตอนนี้ภายในหัวสมองยังคงยุ่งเหยิงอยู่“ฉันมีชีวิตอยู่อีกไม่นานแล้ว เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว ก่อนตายได้คนสืบทอดแบบเธอ ก็นับว่าปลื้มใจแล้ว”ตาแก่โบกมือให้หลินหยางพร้อมกล่าวขึ้นว่า “เธอคุกเข่าลงก้มหัวคำนับอาจารย์ เดี๋ยวค่อยอธิบายรายละเอียดให้เธอฟัง”หลินหยางไม่ลังเล รีบก้มหัวคำนับอาจารย์ พร้อมทั้งเรียกท่านอาจารย์ตาแก่ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหลินหยาง กล่าวด้วยใบหน้าปลื้มปีติ “เจ้าเด็กดี! เธอนั่งให้ดี ต่อไปเรื่องทุกอย่างที่อาจารย์จะเล่า เธอจะต้องตั้งใจฟัง จดจำเอาไว้ในใจ ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาด”หลินหยางเงี่ยหู นั่งลงที่ข้างกายของตาแก่ ตั้งใจฟังตาแก่พูด หลินหยางเป็นผู้มีเนตรคู่ที่หาได้ยากในรอบพันปี เป็นเพราะกระจกตาถูกทำลาย ทำให้ไม่สามารถปลุกพลังของเนตรคู่ได
“ไอ้ระยำ ปล่อยฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแก!”ฉินโม่หนงยังดุด่าไม่ทันเสร็จดี ก็ถูกหลินหยางยกมือขึ้นตบหน้าฉาดหนึ่งการตบหน้าฉาดนี้ ทำให้ฉินโม่หนงงุนงงไปแล้ว!เธอคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่า หลินหยางที่อ่อนแอขี้ขลาด จะกล้าลงมือทำร้ายเธอ!“ไอ้เดรัจฉาน แกรนหาที่ตาย!”ตอนนี้ฉินโม่หนงมีสถานะระดับไหน จะทนการตบหน้าที่เป็นการดูถูกของหลินหยางได้อย่างไร จึงระเบิดอารมณ์ทันทีเธอพยายามออกแรงดิ้นรน คิดไม่ถึงว่าภายในเวลาชั่วพริบตาหลินหยางกลายเป็นคนหยาบคายแบบนี้ พละกำลังก็มากด้วยความพยายามของเธอ ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง!สองปีมานี้ หลินหยางถูกพวกเธอสองแม่ลูกคุมขังและปฏิบัติอย่างโหดร้าย ไม่มีแรงต่อต้านเลยแม้แต่น้อย ราวกับเนื้อปลาที่อยู่บนเขียงแต่ในเวลานี้ บทบาทสับเปลี่ยนกัน ฉินโม่หนงได้กลายเป็นเนื้อปลาที่อยู่บนเขียงของหลินหยางไปแล้วเพี้ยะ!หลินหยางตบหน้าฉินโม่หนงอีกฉาดหนึ่ง“ฉินโม่หนง ดูท่าแกยังจะไม่เข้าใจชัดเจนนะ ตอนนี้ชีวิตของแกอยู่ในกำมือฉันแล้ว ฉันสามารถฆ่าแกได้ทุกเมื่อ แกยังกล้าข่มขู่ฉันอีกเหรอ? ทางที่ดีแกรีบสำรวมท่าทางเย่อหยิ่งอวดดีนั้นของแกไปซะ”หลินหยางบีบลำคอขาวสะอาดของฉินโม่หนง การตบหน้าส
อีกฝ่ายเป็นฝ่ายกล่าวขอโทษ หลินหยางก็ไม่ได้คิดหยุมหยิมอีกต่อไป คุกเข่าต่อหน้าหลุมศพของพ่อกับแม่ต่อไปมู่หรงจางพาบอดี้การ์ดกับมู่หรงหว่านเอ๋อร์เดินไปด้านข้าง“พ่อคะ ไอ้หมอนี่หน้าไม่อายเกินไปแล้วนะคะ พ่อไม่รู้อะไร เขาเป็นผีพนัน ติดหนี้พนันก้อนโต ยังเสพยาจนถูกจับ เพราะฉะนั้นเลยถูกตระกูลหลิ่วยกเลิกงานหมั้น ถ้าหากไม่ใช่ว่ามีผู้หญิงที่มีความสามารถโดดเด่นอย่างฉินโม่หนง ทรัพย์สินเพียงเล็กน้อยนั้นของพ่อแม่เขา ก็คงถูกเขาเอาไปเล่นพนันจนเกลี้ยงแล้ว“อีกทั้งถ้าหากไม่มีฉินโม่หนงคอยปกป้องเขา เขาคงจะถูกเจ้าหนี้ดอกเบี้ยโหดฟันตายไปตั้งนานแล้ว!”“หนูเดาว่าจะต้องเป็นเพราะฉินโม่หนงไม่ยอมให้เงินเขาไปเล่นพนันกับเสพยาแน่นอน ดังนั้นเขาเลยด่าชาวบ้านว่าจิตใจโหดเหี้ยม อันที่จริง เขานั่นแหละที่เป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมที่แท้จริง”“ลูกรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน?” มู่หรงจางกล่าวถาม“ฉินโม่หนงกับตระกูลพวกเรามีความร่วมมือทางธุรกิจกัน หนูเคยเจอหน้าเธออยู่หลายครั้ง ค่อนข้างนับถือเธอเลยทีเดียว เลยได้ยินเรื่องนินทาเกี่ยวกับตระกูลหลินมานิดหน่อยค่ะ”“ฉินโม่หนง...พ่อเองก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน เป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างมีฝีมือแล
ถึงแม้ว่ามู่หรงหว่านเอ๋อร์จะไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เนื่องด้วยการบังคับอันน่าเกรงขามของมู่หรงจาง ยังคงต้องกล่าวขอโทษอย่างขอไปทีหลินหยางเองก็คร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับเธอ“สิ่งที่เธอได้ยินมา อาจจะไม่ใช่ความจริง ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ เธอควรจะมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ฟังข่าวลือไม่มีมูล แล้วมาตัดสินคนคนหนึ่งเอาง่ายๆ”หลินหยางเอ่ยกล่าวเสียงเรียบ“นายเก่งมาจากไหน? มีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน?”มู่หรงหว่านเอ๋อร์กล่าวอย่างโกรธเคืองมู่หรงจางจ้องเธอด้วยสายตาดุร้ายทีหนึ่ง กล่าวกับหลินหยาง “น้องชายได้โปรดให้อภัย”หลินหยางโบกมือกล่าว “ไม่จำเป็นต้องพูดจาสุภาพ เพียงเพราะผมช่วยชีวิตคุณเอาไว้ครั้งหนึ่ง คุณควรจะจ่ายค่ารักษา”“ใช่ๆ นี่เป็นเรื่องที่สมควร ไม่ทราบว่าน้องชายจะเก็บค่ารักษาเท่าไหร่?”มู่หรงจางกล่าวที่หลินหยางยอมยื่นมือช่วยมู่หรงจาง ทั้งหมดก็เพื่อเงินออกมาจากตระกูลฉิน เขาไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท ยากจนข้นแค้น จำเป็นต้องหาเงินเล็กน้อยมาไว้ในมือ“คุณคิดว่าชีวิตของคุณมีค่ามากแค่ไหน?”“คำถามนี้ ถามได้ดี แต่ว่าฉันไม่มีนิสัยพกเงินติดตัวตอนออกจากบ้าน เอาแบบนี้แล้วกัน เธอท