เหยียนฮ่าวรู้สึกเหลือเชื่อ หันไปมองฉินเยียนหรานที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกล่าวถามถ้าหากหลินหยางเป็นไอ้คนน่ารังเกียจที่ไร้น้ำยาจริง มันจะมีสิทธิ์อะไรที่จะรู้จักนายท่านตง? เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาหน่อย ๆ แล้วว่าฉินเยียนหรานหลอกตนเองเหรอเปล่า“ฉันไม่ได้หลอกคุณ! เขาก็แค่เป็นวรยุทธ์นิดหน่อยเท่านั้นจริง ๆ แต่วรยุทธ์การต่อสู้นิดหน่อยนั่น นายท่านตงจะสนใจได้ยังไงกัน!”ฉินเยียนหรานอธิบายอย่างร้อนใจ บ่นพึมพำกับตัวเองอย่างร้อนใจ “ไม่ถูกต้อง ๆ จะต้องมีตรงไหนที่ไม่ถูกต้องแน่ ๆ...”ในระหว่างที่พวกเขากำลังตกตะลึง ผู้ดูแลหันไปมองหลินหยางกล่าวเสียงขรึม “ตอนนั้นคุณเป็นคนรับปากนายท่านตงเองว่าจะมา นายท่านตงรอคุณนานแล้ว รีบขึ้นมา”เหยียนฮ่าวกับฉินเยียนหรานได้ยินประโยคนี้ ก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง“ฉัน ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม? หลินหยางทำให้นายท่านตงต้องรอได้?” ฉินเยียนหรานหันไปมองเหยียนฮ่าวอย่างตกตะลึง“ไม่ผิด...”เหยียนฮ่าวสูดลมหายใจอย่างตกตะลึงหลูอ้าวตงมาที่บ้านของตน พ่อของตนยังต้องต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีคนที่สามารถทำให้หลูอ้าวตงรอเป็นพิเศษได้นั่นต้องเป็นคนถึงระดับไหน?และหลินหยางในสายตาที่ตกตะลึงของพ
เขาหันไปมองผู้ดูแลตระกูลหลูกล่าวด้วยสีหน้าไม่ดี “คุณว่า เรื่องนี้ควรจะจัดการยังไงดี?”ผู้ดูแลเองก็ขมวดคิ้วกล่าว “จัดการลำบากอยู่นิด ๆ”“นายท่านตงส่งคนมารับเขาด้วยตัวเอง เขายังไร้มารยาทขนาดนี้ นี่เป็นการไม่เห็นหัวนายท่านตง ไม่เห็นตระกูลหลู นายท่านตงรู้จักกับคนแบบนี้ได้ยังไง”“ตระกูลที่เคารพนายท่านตงอย่างสุดซึ้ง อย่างตระกูลเหยียนของผม ไม่เคยก่อความเดือดร้อนให้แก่นายท่านตง มีแต่จะคิดว่าจะช่วยจัดการปัญหา ให้แก่นายท่านตงยังไงเท่านั้นเหยียนฮ่าวมองดูเหมือนว่าจะรู้สึกเสียดายแทนหลูอ้าวตง แต่ความเป็นจริงคือกำลังแอบกล่าวโทษหลินหยางตระกูลหลูไม่ใช่พ่อของแก จะตามใจนิสัยเสียพวกนี้ของแกได้ที่ไหนกัน?เขารอดูว่า อีกเดี๋ยวหลินหยางจะถูกผู้ดูแลตบหน้ายังไง!“นายมีจิตสำนึกแบบนี้ ก็ดีมาก” ผู้ดูแลพยักหน้าเล็กน้อย รู้สึกค่อนข้างพอใจ“ชมเกินไปแล้วครับ เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำ!”เหยียนฮ่าวกล่าวอย่างถ่อมตัว“ถ้าอย่างนั้นพวกนายลงไป คุกเข่าที่ท่าเรือก็แล้วกัน”รอยยิ้มอันถ่อมตัวบนใบหน้าของเหยียนฮ่าว แข็งทื่อไปทันที เขาหันไปมองผู้ดูแลอย่างงุนงง “เมื่อกี้ คุณพูดว่าอะไรนะ?”“ลงไปแล้วคุกเข่าไง ถ้าหากเขาไม่ยอมขึ
ผู้รับผิดชอบพรั่งพรูสีหน้าแห่งความโกรธแค้นออกมา ทำให้เหยียนฮ่าวสั่นสะท้านด้วยความกลัวไปทั้งร่างกาย “พวกเราจะไปแล้ว ไปกันเถอะ” ในขณะที่พูดอยู่ เขารีบพาฉินเยียนหรานลงเรือยอร์ชไปอย่างรีบร้อน ส่วนทางหลินหยางที่เพิ่งขึ้นจากเรือยอร์ช ตอนที่เดินผ่านพวกเขา เขายังยิ้มให้ทั้งเอ่ยขึ้นมาหนึ่งคำ “ตระกูลเหยียนสวะอะไรน่ะ พออยู่ต่อหน้าปรมาจารย์คนนี้ก็แค่ตูดแหละวะ!”สีหน้าของเหยียนฮ่าวแดงก่ำ กำหมัดแน่น แต่เนื่องจากออกแรงมากไป ทำให้เล็บจิกเข้าไปใจกลางฝ่ามือนิดหน่อย เขาจึงไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาเยอะ ตอนนี้ดู ๆ แล้ว สถานะของหลินหยางออกแนวลึกลับ ทำให้ตัวเองไม่สามารถทำร้ายได้ แต่หลินหยางพูดว่าปรมาจารย์? เขาเป็นปรมาจารย์สำนักไหนกัน? ที่หลูอ้าวตงให้ความสำคัญขนาดนี้? “แกอย่าได้ใจให้มันมากนักเลย แกหลอกนายท่านตงไม่ได้ แล้วก็หลอกฉันไม่ได้ด้วย! แกลืมไปแล้วหรือว่าเมื่อก่อนเลียมือเลียเท้าฉันยังไง? แกน่ะมันก็แค่คางคกขึ้นวอ ทำคนอยากจะอ้วกซะจริง ๆ !” ความโกรธของฉินเยียนหรานทยานขึ้นสู่ฟ้า เธอไม่ได้คำนึงถึงเหยียนฮ่าวมากขนาดนั้น ยิ่งกว่านั้นคือเธอรู้เส้นสนกลในทั้งหมดของหลินหยางแล้ว ถึงอย่างไรซะ ในตอนแรกเธอก็
“มองอะไร นี่เป็นคำสั่งจากตระกูลหลู! ยังไม่คุกเข่าลงอีก!”เหยียนฮ่าวคุกเข่าลงคำนับหัวจรดพื้น ทั้งมองไปทางฉินเยียนหรานด้วยสีหน้าอึมครึม!ภายใต้สายตานี้ทำให้ฉินเยียนหรานเกรงกลัวจนหาที่เปรียบไม่ได้ จึงคุกเข่าลงอย่างลังเล อีกใจก็อยากจะก่นด่าหลินหยางออกมา แต่อีกใจก็ทำได้เพียงแค่กัดฟันกรอด ก่อนจะทำการคุกเข่าคำนับลงบนเรือยอร์ช รอเวลาให้หลินหยางจากไปก่อน แล้วจะฉีกหลินหยางออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยตัวเธอเองแน่!หลังจากที่เรือยอร์ชออกตัวไป เหยียนฮ่าวก็หยุดทำการคำนับ แล้วมองไปที่ฉินเยียนหรานด้วยสายตาอึมครึมก่อนจะกล่าวว่า “คนแซ่หลินผู้นี้ ที่กลายมาเป็นปรมาจารย์ สุดท้ายแล้วเขาคือลูกเต้าเหล่าใครจากตระกูลไหนกันแน่ อธิบายให้ผมฟังเดี๋ยวนี้!” ฉินเยียนหรานพูดปลอบใจ “คุณเชื่อฉันนะคะ ว่าเขาเป็นแมลงพิษจริง ๆ “ “สหาย เมืองลั่วของเรากำเนิดปรมาจารย์แซ่หลินขึ้นแล้วหนึ่งคน ที่กำลังต่อสู้อยู่บนเกาะ หลินหยางเองก็อยู่ร่วมใต้ฟ้าบนดินเดียวกันกับผม ต้องไม่ใช่คนคนเดียวกันแน่....” “เขาพูดด้วยความจริงใจอย่างมาก อีกหน่อยก็จะสาบานแล้ว เธอรู้ว่าเมืองลั่วกำเนิดปรมาจารย์หลินผู้เยาว์วัยขึ้นมาแล้วหนึ่งคน ผู้มีกำลังสามารถต่อ
“รออยู่นี่นะ ถ้าผมกลับไปถึงแล้วไม่เห็นว่าพวกเหยียนฮ่าวสองคนนั้นไม่ได้กำลังก้มคำนับอยู่ คุณจบเห่แน่” หลินหยางมองไปที่หลูอ้าวตงราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งเอ่ยขึ้นมา “คุณคิดว่าคุณจะยังกลับมาได้งั้นเหรอ? คุณไม่ได้พึ่งระดับเบิกฟ้าระดับห้าด้วยซ้ำ ก็แค่แมลงเหม็นตัวหนึ่ง! หนีหุบเขาห้านิ้วของนายท่านตงไม่ได้หรอก!” ผู้รับผิดชอบเอ่ยออกมาด้วยความดูถูกที่ปรากฏอยู่เต็มใบหน้า หลินหยางเพียงแค่ยิ้มออกมาอย่างสบาย ๆ ในสายตาแห่งความประหลาดใจของผู้รับผิดชอบ เพียงแค่เขายกมือขึ้นจับผู้รับผิดชอบให้อยู่ภายในมือ ก็ถูกโยนลงฝั่งไปแล้วท่ามกลางเสียงกรีดร้องอันโหยหวน หลินหยางก็กระโดดขึ้นมา ตอนที่ผู้รับผิดชอบกำลังขึ้นมาจากฝั่งอยู่นั้น เขาชนเข้ากับบางอย่าง จนหัวของผู้รับผิดชอบจมอยู่ในดินเหนียว ศีรษะของผู้รับผิดชอบจมอยู่ในโคลนตมลึก จนร่างส่วนที่อยู่เหนือพื้นดินตะคริวกิน “เจียงไห่เซิง มาให้ผมเอาชีวิตซะ!” หลินหยางชำเลืองมองอย่าโอหังทุกทิศทาง เสียงดังก้องราวสายฟ้า วาจาหนักแน่นไม่มีใครเทียม หางตาของหลูอ้าวตง แววตาอันดุร้ายแฝงไว้ด้วยความโกรธอย่างท่วมท้น มองไปทางหลินหยางแม้ว่าผู้ที่หลินหยางฆ่าจะเป็นเ
“พี่ หลูอ้าวตงเปิดไลฟ์ต่อสู้แล้ว! พาดหัวว่าเจียงไห่เซิงจะเอาชีวิตหลินหยาง!” มู่หรงหว่านเอ๋อร์ที่กำลังไถโทรศัพท์อยู่ ทันใดนั้นก็เห็นเข้ากับพาดหัวนี้ แล้วสะดุ้งตกใจ จึงรีบเรียกมู่หรงยิ่นมา มู่หรงยิ่นก็เห็นการถ่ายทอดสดบนหน้าจอ ทันใดนั้นใบหน้าที่สวยงามของเธอก็เคร่งขรึมบนหน้าจออีกฝั่งมีแค่หลินหยาง เพียงแค่คนเดียว แต่ฝั่งตรงข้ามกลับมีกำลังคนอยู่เป็นจำนวนมาก รายล้อมอยู่ข้างกายหลูอ้าวตงเว่ยจ้ง เจียงไห่เซิง จ้าวเจี้ยนชิง เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นกองกำลังรบสูงสุดของเมืองลั่ว! ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องพูดถึงปรมาจารย์เสวียนอีกคนที่อยู่ข้างกายหลูอ้าวตง! “พี่คะ ของคิดหาวิธีดูหน่อย ว่าจะช่วยหลินหยางได้ไหม เจียงไห่เซิงก็เป็นทายาทของสี่มหาปรมาจารย์ ที่มีชื่อเสียงมานานหลายปี หลินหยางสู้ไม่ไหวแน่! “ มู่หรงหว่านเอ๋อร์เอ่ยออกมาอย่างกังวลใจ “คิดว่าฉันไม่อยากช่วยงั้นเหรอ? อย่าพูดว่าฉันเลย ต้องเรียกได้ว่าทั้งตระกูลมูหรง ล้วนอยู่ในสายตาของหลูอ้าวตง เป็นเพียงแค่แมงกระชอนก็เท่านั้นเอง......” มู่หรงยิ่นรู้สึกไร้กำลังจากก้นบึ้งของหัวใจ ตระกูลหลูในตอนนี้ทรงพลังเกินไป ต่อให้ตนจะคิดอยากช่วยหลินหยางอย่างไร ก
“งั้นก็ดี...”ซ่งหว่านอวี๋ฝืนยิ้มตอบ ดวงตาก็จับจ้องไปที่หลินหยางผู้โดดเดี่ยวบนหน้าจออยู่ครู่หนึ่งในเวลาเดียวกัน ณ คฤหาสน์ตระกูลหลิ่วแห่งหมู่บ้านตี้เหา ที่เกือบจะว่างเปล่า หลิ่วเฉิงจื้อที่นั่งอยู่บนโซฟา ด้วยสีหน้าซีดเผือด ข้างกายมีอวี๋ผิงที่พูดออกมาทั้งกำลังร้องไห้และสาปส่ง “ต้องโทษที่เธอตาบอด แถมตอนแรกยังคิดไม่ถึงอีกว่าจะอยากเลี้ยงเจ้าจิ้งจอกตาขาวนั่นอีก” “ตอนนี้ดีแล้วสิ ที่เขาหันมาต่อต้านคนอื่น เห็นได้ชัดเลยว่าแค่ยื่นมือออกมาก็จะช่วยเหลือพวกเราได้ แล้วก็จะมองมาที่ความเดือดร้อนของเราทันที!” “ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว!” หลิ่วเฉิงจื้อที่ไร้ทั้งกำลังและจิตวิญญาณ หลังจากที่ถูกไล่ออกมาจากสมาคมการค้าวั่นเหา หงชังไฮ่ก็กดขี่เขาทุกกระเบียดนิ้ว ทางธนาคารก็ได้ทีขี่แพะไล่ ถอนเงินกู้ของบริษัทออกจนหมดในตอนนี้ตระกูลหลิ่วจึงเป็นหนี้ท่วมหัว เฟอร์นิเจอร์ถูกเจ้าหนี้ลากออกไปจนว่างเปล่า และต่อไปตัวเองก็จะต้องไสหัวออกไปจากเมืองลั่วด้วย.... เขาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจอย่างช่วยไม่ได้ “พ่อคะแม่คะ ถึงเวลาหายนะของไอ้หลินหยางนั่นแล้ว!”ในตอนนี้ หลิ่วฟู่อวี่วิ่งพุ่งออกมาจากห้องด้วยความดีอกดีใ
ณ ทะเลสาบเฉาอิน บนเกาะกลางทะเลสาบ มีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งลงจอด เห็นเพียงแค่ฉินเจิ้งคุนที่พาฉินอี๋หลิง และชายวัยกลางคนหน้าตาซีดเซียวเหี่ยวแห้งออกไปทางเหลืองเหมือนเทียนไขเดินออกมา หลูอ้าวตงมองไปยังฉินเจิ้งคุนทั้งสามที่เดินมุ่งหน้าเข้ามา ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย แต่ฉินเจิ้งคุนทั้งสามทำราวกับว่ามองไม่เห็นพวกเขา เดินมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน เขาเอ่ยออกมาด้วยท่าทางมืดครึ้ม “มาอย่างที่คิดไว้จริงด้วย จับตาดูพวกเขาไว้ให้ดี!” น้ำเสียงทุ้มต่ำลง เหยาจงก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว สังเกตเห็นเจตนาความเป็นศัตรูอยู่เต็มหน้าของชายวัยกลางคนหน้าตาซีดเซียวที่อยู่ด้านหลังฉินเจิ้งคุนท่านนั้นทำให้เขารับรู้ได้ถึงปรมาจารย์เสวียนผู้ยากต่อการจัดการ แม้ว่าหลูอ้าวตงจะปิดกั้นเกาะกลางทะเลสาบทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งฉินเจิ้งคุนได้ แต่อีกด้านหนึ่ง ฉินเจิ้งคุนที่ไม่ได้เห็นหลูอ้าวตงอยู่ในสายตา เพียงแค่มองไปที่หลินหยางด้วยความสนใจ ก่อนจะหันไปพูดกับฉินอี๋หลิง “ในที่สุดก็เดินมาจนถึงขั้นนี้ เด็กหนุ่มมันหลงระเริงมากเลย” “ท่านพ่อรู้เหมือนหลับตาเห็นเลยค่ะ นับว่าหลินหยางก้าวเข้าสู่ความตายทุกย่างก้าว!” ฉิน