..เผียะ!จ้าวสือม่าวยกมือขึ้นตบหน้าผู้บัญชาการ“ไอ้พวกสวะ วัน ๆ ไม่ทำอะไร! เพราะความไร้ความสามารถของพวกแก ถึงทำให้ฉันเสียหน้า!”“เพราะความไร้ความสามารถของพวกแก ฉันถึงเกือบตายคามือของไอ้สารเลวนั่นแล้ว!”จ้าวสือม่าวดุด่าทหารรักษาการณ์จนเละไม่เป็นท่า เพื่อระบายความโกรธในใจออกมา “พาผมไปโรงพยาบาลที”จ้าวสือม่าวต้องการไปพบจ้าวเจิ้งฮ่าวหลานชายของเขาที่โรงพยาบาล ซึ่งในขณะเดียวกันก็ต้องการหารือกับจ้าวเจี้ยนชิงเกี่ยวกับธุระต่อไป ณ บ้านพักทหาร เฉาจงเฉวียนรับรู้ได้ถึงสุขภาพของเขาที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงรู้สึกประทับใจและนับถือฝีมือทางการแพทย์ของหลินหยางอย่างมาก “หมอเทวดาท่านนี้ มีความกล้าหาญอันยิ่งใหญ่มาก ทำไมเขาถึงกล้าทำอย่างนี้กัน?”ตระกูลจ้าวแห่งเมืองลั่วนั้น ถือได้ว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง แม้ว่าตระกูลมู่หรงแห่งสมาคมการค้าวั่นเหา และตระกูลเฉินแห่งสมาคมการค้าหงซิ่งจะเป็นตระกูลที่ร่ำรวย แต่หนึ่งในสามของพื้นที่ในเมืองลั่วนี้ ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับตระกูลจ้าว “เขาเพียงแค่อาศัยทักษะทางการแพทย์ขั้นสูงของตัวเอง ดังนั้นจึงยะโสโอหังจนมองไม่เห็นหัวใคร ไร้ซึ่งความยำเกรงต่
หลินหยางมองดูรถยนต์ที่มุ่งตรงไปทางโรงพยาบาลแห่งเมือง เห็นถึงสถานการณ์การบาดเจ็บของสองแม่ลูก ในตอนนั้นหลินหยางเคยเห็นอาการบาดเจ็บของผู้เป็นแม่ไปแล้ว ไม่ได้รุนแรงสักเท่าไร ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต หลัก ๆ เลยคือเมื่อบาดแผลหายไปแล้วจะยังคงทิ้งร่องรอยของแผลเป็นไว้อยู่ ส่วนสถานการณ์ของฝั่งลูกนั้นค่อนข้างรุนแรง ขั้นตอนการผ่าตัดก็ค่อนข้างยุ่งยากเช่นกัน วันนี้ที่โรงพยาบาลแห่งเมืองยุ่งมากเป็นพิเศษ หานลี่ฉินเองก็ยุ่งมากเสียจนเวียนหัวตาลาย เขาวางแผนไว้แล้วว่าช่วยชีวิตเด็กด้วยการผ่าตัด จึงรีบไปรับจ้าวเจิ้งฮ่าวที่กำลังถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาล เขารู้ว่านี่คือลูกชายของจ้าวเจี้ยนชิง แต่ในฐานะโรงพยาบาลจะกล้าละเลยได้อย่างไร? หานลี่ฉินเองก็จัดแจงให้หมอเตรียมการผ่าตัดในทันใด แล้วรีบไปรับจ้าวเจี้ยนชิงมาโรงพยาบาล เป็นการสร้างแรงกดดันให้เขาอย่างมาก หลินหยางทำร้ายหลี่อิงขุย ก่อนจะมัดจ้าวสือม่าวไว้เพื่อป้องกันการหลบหนี ในส่วนของจ้าวเจี้ยนชิงเองก็ได้รับการตอบโต้กลับเช่นกัน จ้าวเจี้ยนชิงโกรธจัดจนเนื้อเต้น แทบจะทุบโทรศัพท์ทิ้งให้แหลกเป็นชิ้น ๆ อยู่แล้ว สิ่งนี้ยุ่งยุเขาได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้
จ้าวเจี้ยนชิงกำหมัดทุบไปบนโต๊ะ อำนาจของปรมาจารย์บีบบังคับทุกคนราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรู จึงรู้สึกกลัวขึ้นมาจนใจเต้นรัว “ไอ้เศษสวะ! ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ผมไม่สนหรอกนะว่าพวกคุณจะใช้วิธีไหน ในการรักษาลูกชายผม หรือจะให้ผมจับพวกคุณทุกคนโยนเข้าตะรางหน่วยรักษาการณ์!” คำพูดของจ้าวเจี้ยนชิงนั้น ยิ่งทำให้ทุกคนตกใจยกใหญ่ พวกเขาต่างก็รู้ว่า จ้าวเจี้ยนชิงไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น แต่เขาสามารถทำได้จริงแน่!” คุกแห่งกองทหารรักษาการณ์นั้น ซึ่งมันพ้องเสียงกับคำว่านรกโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นคนแข็งแกร่งมาจากไหนแต่ถ้าหากได้เข้าไปแล้วจะถูกฝึกจนกลายเป็นคนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เพียงแค่ได้ยินก็สูญสิ้นความกล้าหาญไปหมดแล้ว “ไว้ชีวิตด้วยเถิดนายพลจ้าว พวกเราทำสุดความสามารถแล้วนะครับ!” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนหน้าซีดไปตาม ๆ กันด้วยความตกใจ จึงรีบคุกเข่าลงบนพื้นวิงวอนขอความเห็นใจ หานลี่ฉินเองก็เกรงกลัว ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ตาม แต่จ้าวเจี้ยนชิงแสดงความโหดเหี้ยมมาทางเขา จึงไม่มีใครสามารถหยุดได้“พวกคุณที่มีแรงร้องขอความยุติธรรมอยู่ตรงนี้ แทนที่จะรีบคิดหาวิธีรักษาลูกชายของผม ถ้าผู้เฒ่าหวาง
เมื่อหลินหยางได้ยินหานลี่ฉินพูดจบ จู่ ๆ ก็มีความสุขขึ้นในใจ “ผู้อำนวยการหานครับ คุณหาเรื่องยุ่งยากให้ผมแล้วจริง ๆ สินะ นี่คุณจะให้ผมกลายเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลของคุณแล้วหรือครับ?” หลินหยางแซวเล่น “เอ่อ..คือ.. คุณหลิน ผมไม่มีทางเลือกจริง ๆ ครับ ผมเองก็ไม่กล้าเอ่ยปากเรียกหาท่านหรอก แต่ก็ถูกจ้าวเจี้ยนชิงขู่เข็ญมาอีกที จึงขอร้องให้ท่าน ช่วยเหลือพวกเราทีครับ” หานลี่ฉินเองก็จะร้องไห้ออกมาแล้ว พอคิดว่าจะต้องถูกจับเข้าคุกแห่งกองทหารรักษาการณ์แล้ว เข้าก็ขนหัวลุกขึ้นมาทันทีหลินหยางจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “คุณรู้ว่าคุณชายจ้าวบาดเจ็บอย่างไร?” “ได้ยินมาว่าถูกตีครับ” หลินหยางอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาทั้งยังเอ่ยถามต่ออีกว่า “งั้นคุณก็รู้แล้วสิว่าใครเป็นคนตีใช่ไหม?” “ไม่รู้ว่าไอ้หมาใจกล้าหน้าใหญ่นั่นหรอกครับ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ทำให้เหล่าหมอของเราที่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรต่างก็เหนื่อยกันไปหมด ไอ้สารเลวนี่!” หานลี่ฉินด่าออกมายกใหญ่ หลินหยางสีหน้าเปลี่ยนชั่วขณะพร้อมกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ไอ้สารเลวที่คุณพูดถึง คือผมเอง!” หานลี่ฉินสับสนงุนงงอยู่สามวิ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าต
ในที่สุดจ้าวเจี้ยนชิงก็เข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างชัดเจนแล้ว จึงมีใบหน้าบูดบึ้งขึ้นมา “ดี! ดีมาก! ในเมื่อเป็นคนเดียวกันแล้ว งั้นผมไม่สนใจหรอกว่าพวกคุณจะทำอย่างไร แต่ต้องรักษาลูกชายผมให้หายดี ไม่อย่างนั้นได้เข้าตะรางแน่!” หานลี่ฉินและแพทย์คนอื่น ๆ สีหน้าไม่สู้ดีเอาซะเลย และในขณะเดียวกันนั้นเองประตูห้องทำงานก็ถูใครสักคนเปิดขึ้น หานเซวี่ยอิ๋งเดินเข้ามา เธอชี้หน้าพร้อมกล่าวหาอย่างชอบธรรมว่า “คุณมีสิทธิ์อะไรมาคุกคามหมอ?” หานลี่ฉินเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก็สะดุ้งตกใจ ก่อนจะรีบดุไปว่า “หุบปาก! ใครให้เธอเข้ามา ออกไป!” “คุณพ่อคะ พ่ออย่ากลัวสิ! พวกคุณเป็นหมอนะการรักษาคนถือเป็นหน้าที่ แต่ถ้าหากว่ามีคนไข้จู่ ๆ ก็มาคุกคามหมออย่างนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีกฎหมายคุ้มครองบ้านเมืองเหรอ? ไม่ใช่ว่าอธิบายเหตุผลไปแล้วเหรอ!” หานเซวี่ยอิ๋งกล่าวด้วยท่าทีไม่พอใจ จ้าวเจี้ยนชิงจึงพูดอย่างเย็นชาว่า “วาจาของนายพล ก็คือกฎหมายปกครองบ้านเมือง ก็คือเหตุผล! เธอไม่นับถืองั้นหรือ?” “ใช่ ฉันไม่นับถือหรอก! ฉันรู้ว่าคุณคือนายพลหน่วยรักษาการณ์แห่งเมืองลั่ว หน้าที่ของคุณคือการปกป้องประชาชน ไม่ใช่ให้คุณใช้อิทธิพลกดขี่ข่มเหงคนอื่
“ไม่! ฉันไม่กลัวเขาหรอก! นายพลกองรักษาการณ์แน่นักหรือไง” สีหน้าของหานเซวี่ยอิ๋งเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเอาแต่ใจ ไม่ใส่ใจต่อคำพูดของหานลี่ฉินแม้แต่น้อย แลบลิ้นใส่เขา ท่าทางไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดินนั้น ทำให้หานลี่ฉินโมโหจนถลึงตากว้าง“ท่านผู้อำนวยการ นี่จะทำยังไงดีครับ?” สีหน้าของหมอในห้องทำงานแต่ละคนย่ำแย่ไปตามๆ กัน“พวกคุณรีบไปเตรียมการผ่าตัดก่อน พยายามให้สุดความสามารถ ไม่อย่างนั้นพวกเราต้องตายอย่างอนาถแน่” หานลี่ฉินรู้สึกหดหู่ใจมาก เวลานี้เขาไม่เพียงเป็นห่วงตัวเอง แต่ยังต้องเป็นห่วงลูกสาวสุดที่รักด้วยหมอแต่ละคนพากันออกจากห้องไปพร้อมสีหน้าราวสูญเสียมารดา หานเซวี่ยอิ๋งเดินเข้าไปทุบไหล่ให้หานลี่ฉิน“พ่อคะ ที่แท้เรื่องเป็นมายังไงกันแน่? พ่อเล่าให้หนูเถอะค่ะ” ในฐานะที่หานเซวี่ยอิ๋งเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ เธอจึงมีความสามารถในการจับข่าวที่ฉับไว พูดให้ตรงก็คือชื่นชอบเรื่องซุบซิบนินทาเป็นพิเศษ ในใจกำลังคาดเดาว่า หากเรื่องนี้มีเธอเป็นผู้รายงานเพียงคนเดียว จะต้องเป็นที่สนใจอย่างมากและได้รับคำชื่นชมจากเหล่าผู้บริหารแน่หานลี่ฉินถอนใจแรง เล่าเรื่องที่หลินหยางทำร้ายจ้าวเจิ้งฮ่าวจนบาดเจ็บใ
หานลี่ฉินรู้สึกหมดคำพูด ทว่าเขาก็ปล่อยวางอย่างรวดเร็ว อย่าว่าแต่หานเซวี่ยอิ๋งไม่เชื่อ แม้แต่เขา หากไม่ได้พบเจอและเห็นด้วยตาตนเอง แต่ได้ยินคนอื่นพูดแทน ก็คงไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาดเช่นกันไม่โทษที่หานเซวี่ยอิ๋งไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่เป็นหลินหยางที่เก่งกาจเกินไป!ในขณะที่หานลี่ฉินไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมหานเซวี่ยอิ๋งอย่างไรนั่นเอง ประตูของห้องทำงานก็ถูกผลักออกแล้วหลินหยางเดินตรงเข้ามา“คุณหลิน? อะไรพาคุณมาถึงที่นี่ครับ?” หานลี่ฉินคิดไม่ถึงว่าหลินหยางจะเดินส่ายอาดๆ เข้ามาในโรงพยาบาลประจำเมืองอย่างเปิดเผย ต้องรู้ว่าในตอนนี้ จ้าวเจี้ยนชิงก็อยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย“ผมมาไม่ได้หรือ?” หลินหยางพูดพลางยิ้มบางๆ“ความหมายของผมคือ ที่นี่อันตรายมากนะครับ จ้าวเจี้ยนชิงก็อยู่ในโรงพยาบาลด้วยเหมือนกันครับ…” หลินหยางโบกมือพูดว่า “คุณไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุดหรือ? ไม่ว่ายังไง จ้าวเจี้ยนชิงก็คงคิดไม่ถึงว่า ผมอยู่ใต้จมูกเขานี่เองใช่ไหมล่ะ?” หลินหยางดึงเก้าอี้มานั่ง หานลี่ฉินรีบส่งสายตาให้หานเซวี่ยอิ๋ง “เซวี่ยอิ๋ง ไปชงชามาให้คุณหลินแก้วหนึ่ง” ทันทีที่หล
“ก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น คุณเป็นถึงปรมาจารย์ คงไม่ใจแคบขนาดล้อเล่นด้วยไม่ได้ใช่ไหมคะ?” หานเซวี่ยอิ๋งไม่มีท่าทีขอโทษ หรือรู้สึกผิดเพราะคำตำหนิของหานลี่ฉินแม้แต่น้อย แต่กลับใช้คำพูดโจมตีหลินหยางด้วยหลินหยางก็มองออกแล้ว หานเซวี่ยอิ๋งจัดอยู่ในประเภทดอกไม้เรือนกระจก ถูกปกป้องดีเกินไปจนไม่รู้จักความกาลเทศะ“เธอพูดถูกแล้ว ฉันเป็นคนใจแคบมาก แล้วอีกอย่าง เธอมันระดับไหนกัน มีคุณสมบัติอะไรมาล้อเล่นกับฉัน?” หลินหยางย่อมไม่ตามใจคุณหนูที่ได้รับการทะนุถนอมแบบหานเซวี่ยอิ๋ง สีหน้าของเขาเย็นชา แตกหักทันทีหานเซวี่ยอิ๋งก็คิดไม่ถึงว่า หลินหยางจะไม่ไว้หน้าสาวงามแบบเธอ ทันใดนั้นก็รู้สึกอับอายขึ้นมาแน่นอนว่าหานเซวี่ยอิ๋งย่อมไม่มีทางยอมแพ้แบบนี้ จึงพูดด้วยความอับอายระคนโมโหว่า “คุณช่างไร้มารยาทเหลือเกิน” “เธอจงใจเอาน้ำเดือดมาสาดใส่ฉัน แล้วเธอมาบอกว่าฉันไร้มารยาท?” หลินหยางพูดอย่างเย็นชา“ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณเป็นปรมาจารย์จริงไหม ขอแค่คุณเป็นปรมาจารย์จริง ก็ทำร้ายคุณไม่ได้ซะหน่อย” หานเซวี่ยอิ๋งพูดอย่างมั่นใจในเหตุผลของตนมาก“แล้วถ้าฉันไม่ใช่ปรมาจารย์ล่ะ ก็สมควรโดนเธอลวกจนบาดเจ็บหรือ?” “ถ้าคุณไม่ใช
“เหลวไหล!” หลินไร้ศัตรูกลับค้อนเขาทีหนึ่งแล้วกล่าว “หลานชายของฉันเป็นสายเลือดโดยตรงรุ่นที่สามที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตระกูลหลิน! ถ้าหากเขาไม่อยู่แล้ว กิจการมากมายของตระกูลหลินจะส่งต่อให้ใครดูแล?!”“คือ...”ว่านเหลยกล่าวด้วยท่าทางลำบากใจ“พยายามตามหาเข้า ถึงอย่างไร...” หลินไร้ศัตรูถอนหายใจเบา ๆ ทีหนึ่ง กลับมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย “ตอนนั้นเป็นเพราะตระกูลหลินของฉันติดค้างเขาแล้วก็ยังมีพี่ชายคนโตของฉันด้วย หนี้ก้อนนี้ จำเป็นต้องคืน”อีกทางด้านหนึ่งหลินหยางกลับจามอย่างรุนแรง “ใครกำลังด่าฉัน? แม่งเอ๊ย จะต้องเป็น...”เมื่อลองคิด ๆ ดูแล้วเหมือนว่าศัตรูที่อยากจะด่าตนมีเยอะแยะมากมาย หลินหยางก็คร้านจะนับเช่นกันมองดูเวลาแวบหนึ่งก็เป็นตอนกลางคืนแล้ว เขาจึงออกจากบ้านด้านนอกคฤหาสน์ หลี่หรูเยว่ได้ยืนอยู่ที่ด้านหน้ารถแล้ว เปิดประตูรถให้หลินหยาง กล่าวด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย “ตระกูลเฉิงจัดงานเลี้ยงไว้รอแล้ว แต่ว่าจ้าวเจี้ยนชิงอยู่ที่งานเลี้ยงนั่นด้วย ที่นั่นจะต้องมีกองทัพทหารคอยเฝ้าอยู่!”ถ้าหากจ้าวเจี้ยนชิงเป็นสุนัขจนตรอก เรื่องจะต้องมีความยุ่งยากขึ้นแน่“งานใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะพลาดได้ยังไ
ชายวัยกลางคนที่อยู่อีกด้านของปลายสายโทรศัพท์ราวกับตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าจู่ ๆ ก็ได้เห็นความหวัง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย “คุณรักษาได้จริง ๆ เหรอ?”“คือว่าค่าตอบแทนนี่...”“ค่าตอบแทนไม่ใช่ปัญหา! ขอเพียงแค่คุณสามารถรักษาพิษเหมันต์แทรกซึมเข้ากระดูกได้ คุณอยากได้อะไรก็ว่ามาได้เลย!”“ยอดเยี่ยม! โสมคนอายุสามร้อยปีสักสามสิบต้น สมุนไพรอายุห้าร้อยปีสิบต้น...”หลินหยางก็ไม่ได้เกรงใจเช่นกัน จากนั้นก็สั่งสมุนไพร ราวกับสั่งอาหาร สมุนไพรพวกนี้มากพอที่จะทำให้หลูอ้าวตงต้องเจ็บปวดใจแต่ทว่าปลายสายกลับกล่าวด้วยความไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “ได้! คืนนี้ผมจะให้รถไปรับคุณ!”น้ำเสียงที่ดีใจดีนี้ ทำให้หลินหยางรู้สึกเหมือนกับว่าตนเสนอราคาต่ำไปแต่ว่าไม่เสียใจภายหลัง เขาก็ไม่ได้สนใจอีก “โรคพิษเหมันต์แทรกซึมเข้ากระดูกจะรีบร้อนไม่ได้ ผมจำเป็นต้องเตรียมตัวสักหน่อย ถึงเวลานั้นผมจะแจ้งให้คุณทราบ”ชายวัยกลางคนนั้นรับปากทันทีหลินหยางวางสายโทรศัพท์ พูดเบา ๆ “ดูท่าจะเป็นมหาเศรษฐี”อีกฝ่ายไม่ยินยอมที่จะเปิดเผยตัวตน ยังสามารถเอาสมุนไพรมากมายขนาดนี้มาให้ได้อีก ตัวตนจะต้องสูงส่งมาจนไม่สะดวกที่จะเ
หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆ รางวัล?คงไม่ใช่เป็นเพราะเขาเป็นลูกผู้ชายร่างกายกำยำใช่ไหม?เหยียนฮ่าวสีหน้าซีดขาวทันที คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตึง “คุณหลิน ผมมีตาหามีแววไม่ คุณหลินได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”หลินหยางจ้องมองเขาอย่างหมดคำพูดแวบหนึ่ง “จ้าวเจี้ยนชิงอยู่กับตระกูลเฉิง สมคบคิดกับชาวตงอิ๋งค้ายาเสพติด แกไปตรวจสอบให้ละเอียด นี่เป็นผลงานความดีความชอบครั้งใหญ่ใช่ไหม?”“ค้ายาเสพติด? เขากล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”เหยียนฮ่าวเหลือเชื่อ“นายลองไปตรวจสอบคลังสินค้าเทียนหนาน ที่นั่นเป็นจุดที่พวกมันขนส่งสินค้า” หลินหยางกล่าวอย่างสบาย ๆซ่งหว่านอวี๋เป็นคนบอกข่าวกรองนี้ด้วยตัวเอง โชคดีที่มหาปรมาจารย์หลินทำงานอย่างยากลำบากบนเตียงเหยียนฮ่าวดีใจเป็นล้นพ้นขึ้นมาทันที นี่ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เป็นความดีความชอบที่โคตรยิ่งใหญ่ประเทศหลงอ่อนไหวต่อยาเสพติดมากที่สุด และจ้าวเจี้ยนชิงเข้าร่วมด้วย ปริมาณของยาเสพติดนั่นจะต้องไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แน่นอน!“ขอบพระคุณคุณหลิน! ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”แม้แต่ความกังวลของเหยียนฮ่าวที่ถูกวางพิษกู่ ก็จางหายลงไปไม่น้อยรีบเรียกรวมคนแล้วออกไป กา
จ้าวเจี้ยนชิงตกตะลึงไปแล้ว “ราง รางวัลพลเมืองดีเด่น?”เฉิงคั่วร้อนใจ “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าคนตายคาที่ ทุกคนเห็นกันหมด! คุณทำ...”เสียงเพี้ยะดังขึ้นทีหนึ่ง!เหยียนฮ่าวสะบัดฝ่ามือเข้าไปที่บนใบหน้าของเขา เขากล่าวเสียงขรึม “เมื่อครู่นี้แกเห็นอะไร?”“ผม...”เฉิงคั่วสีหน้าซีดขาว ภายใต้สีหน้าที่เย็นยะเยือกของเหยียนฮ่าว กลับไม่กล้าพูดอะไรอีกเขาเป็นปรมาจารย์บ้านนอกคนหนึ่ง จะล่วงเกินเหยียนฮ่าวไม่ได้อย่างเด็ดขาด!“พวกแกเห็นอะไร?”เหยียนฮ่าวกวาดสายตามองคนอื่นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกล่าวขึ้นอีกครั้งทั้งหมดนิ่งเงียบ“คดีของวันนี้ง่ายมาก!” เหยียนฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “หวังเทียนเหิงรัฐมนตรีกรมอัยการสูงสุด กลั่นแกล้งประชาชน บังคับใช้กฎหมายที่รุนแรง!”“คุณหลินป้องกันตัวตามกฎหมาย ถือว่าเป็นการอพยพฉุกเฉิน!”“ผมพูดจบแล้ว มีใครเห็นด้วย มีใครคัดค้านไหม?”การอพยพฉุกเฉินสามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีเหตุผล!ทุกคนตะลึงงันแต่ว่าภายใต้สายตาของเหยียนฮ่าว สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพียงเพราะบิดาของเหยียนฮ่าวยังเป็นอธิบดีกรมอัยการสูงสุด คำพูดของเขาก็คือกฎหม
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย