สวีเฟยหงชิงลงมือก่อน พลังฝ่ามือทั้งแข็งกร้าวและดุดัน ฝ่ามือหนึ่งซัดถูกกำแพง พลันทิ้งรอยฝ่ามือไว้บนกำแพงทันที กำแพงรอบด้านพลันเกิดรอยร้าวดุจใยแมงมุมเส้นแล้วเส้นเล่าขยายกว้างออกไปขึ้นมา“บัดซบ หากมีความสามารถก็อย่าหลบ รับมือปรมาจารย์ผู้นี้เสีย” สวีเฟยหงเห็นว่าโจมตีพลาดซ้ำหลายครั้ง จึงโมโหอย่างมากเช่นกัน ตัวเขาเองก็มองออกแล้วว่า วิชาตัวเบาของหลินหยางสูงล้ำอย่างยิ่ง หากยังต่อสู้กันเช่นนี้ต่อไป ตัวเขาก็ทำอะไรหลินหยางไม่ได้สวีเฟยหงกล่าวจบ ก็เกิดไอเดียขึ้นมา ไม่ไล่ตามหลินหยางอีก แต่กลับเล็งการโจมตีไปที่มู่หรงยิ่นแทนแม้ห้องผู้ป่วยจะมีขนาดใหญ่ ทว่าระยะห่างระหว่างคนทั้งสองก็มีเพียงสิบกว่าเมตรเท่านั้น ด้วยวิชาตัวเบาของผู้ที่เป็นปรมาจารย์ ระยะห่างเพียงสิบเมตรเป็นเรื่องแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นในตอนที่จิตสังหารของสวีเฟยหงล็อกเป้าหมายมา มู่หรงยิ่นพลันรู้สึกขนลุกไปทั่วร่าง ความเย็นเฉียบสายหนึ่งพุ่งจากฝ่าเท้าขึ้นสู่กระหม่อม จากนั้นเธอก็เห็นร่างของสวีเฟยหงพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วในเสี้ยววินาทีนั้น มู่หรงยิ่นหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง แต่เธอไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ เธอจึงไม่มีวิธีตอบโต้ และก็ไม่มีที่ว่างพอให
สวีเฟยหงรู้ว่าตนเองรับหมัดของหลินหยางไม่ไหว จึงได้แต่พยายามหลบหลีกสุดกำลัง กลิ้งตัวหนีบนพื้นอย่างทุลักทุเลไปรอบหนึ่งหมัดของหลินหยางจึงชกลงบนกำแพง ทำให้กำแพงด้านหนึ่งของห้องผู้ป่วยถูกต่อยจนทะลุเป็นรูฉินอี๋หลิงที่สลบไม่ได้สติอยู่บนเตียงผู้ป่วยก็ถูกความเคลื่อนไหวที่รุนแรงนี้ทำให้ตื่นขึ้นมา แต่สติของเธอยังคงพร่าเลือนอยู่บ้าง มองเห็นไม่ชัดเจนนัก“หลี่…หลี่เหยียน เกิดอะไรขึ้น?” “คุณหนู หมอแซ่หลินคนนั้นมาแล้วครับ แต่เขาปฏิเสธไม่ยอมรักษา แถมยังทำร้ายคุณชายเซวียจนได้รับบาดเจ็บอีก ตอนนี้กำลังประมืออยู่กับปรมาจารย์สวีครับ แต่ดูไปแล้ว ปรมาจารย์สวีน่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาครับ” หลี่เหยียนรีบพูดฉินอี๋หลิงพยายามยันตัวลุกขึ้นจากเตียง แต่พยายามหลายครั้งก็ไร้เรี่ยวแรง จึงได้แต่ยอมแพ้สวีเฟยหงเพิ่งลุกนั่งขึ้นจากพื้น การโจมตีของหลินหยางก็ตามมาแล้วครั้งนี้ สวีเฟยหงหลบไม่พ้นแล้ว เขาได้แต่พยายามหลบเลี่ยงจุดสำคัญ แต่ก็ยังคงถูกหนึ่งหมัดของหลินหยางชกจนกระเด็นไปกระแทกกำแพงที่ทั้งหนาและหนัก ทำให้ทั่วทั้งห้องผู้ป่วยจึงสั่นสะเทือนขึ้นมา“อั๊ก!” สวีเฟยหงรู้สึกว่ากระดูกบนร่างหักไปหลายท่อน อวัยวะภายใ
ในเวลานี้ ชีวิตน้อยๆ ของเซวียเผิงจวี่อยู่ในกำมือของหลินหยางอย่างสมบูรณ์ ขอเพียงเขาออกแรงเล็กน้อย ก็สามารถบีบคอเซวียเผิงจวี่จนหักได้“เมื่อครู่ที่ฉันให้นายพูดเป็นคำสั่งเสีย น่าเสียดายที่นายไม่ได้คว้าโอกาสไว้ให้ดี” หลินหยางพูดจบ มือก็เพิ่มแรงทีละนิด ทำให้เซวียเผิงจวี่ค่อยๆ สัมผัสถึงการขาดอากาศ เผชิญกับความหวาดหวั่นต่อความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามารูม่านตาของเขาเริ่มขยาย ดวงตาเริ่มแดงไปด้วยเลือด สติของเขาก็ค่อยๆ พร่าเลือนทว่าจนกระทั่งนาทีนี้ เซวียเผิงจวี่ก็ยังไม่กล้าเชื่อเลยว่า หลินหยางจะกล้าลงมือกับเขาถึงตายเช่นนี้เขากล้าได้อย่างไร!"หยุดมือ!"“อย่านะ!” สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เสียงแรกเป็นของสวีเฟยหง เมื่อเห็นว่าเซวียเผิงจวี่กำลังจะถูกสังหาร แม้สวีเฟยหงไร้กำลังจะขัดขวาง แต่การห้ามปรามด้วยคำพูดก็ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ส่วนผู้ที่ร้องตะโกนว่าอย่านะ คือมู่หรงยิ่นและฉินอี๋หลิงที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยเสียงของฉินอี๋หลิงไร้ซึ่งเรี่ยวแรง โดยพื้นฐานสามารถเพิกเฉยได้ส่วนมู่หรงยิ่นส่ายหัวและกล่าวกับหลินหยางว่า “คุณหลินคะ โปรดใคร่ครวญด้วย ไม่อาจฆ่าเขานะคะ” มู่หรงยิ่นอยากให้หลินหยางห
หลินหยางพลิ้วกายเข้าไป ตบฝ่ามือลงบนกระหม่อมของสวี่เฟยหงสวีเฟยหงซึ่งเป็นปรมาจารย์ขั้นสี่ผู้หนึ่งก็เสียชีวิตไปเช่นนี้ได้เห็นเซวียเผิงจวี่และสวี่เฟยหงตายไปอย่างไม่คาดคิด ฉินอี๋หลิงก็ได้แต่หลับตาลงอย่างจนใจเธอรู้ว่า พวกเธอทั้งกลุ่มล้วนต้องตายอยู่ในเมืองลั่วแล้วในเมื่อหลินหยางฆ่าคนของตระกูลฉินไปแล้ว ก็จะต้องปิดปากให้สิ้นซาก ไม่มีทางหลงเหลือหลักฐานใดไว้“คุณหลิน…นี่จะจัดการยังไงครับ? นี่เป็นถึงคนของตระกูลฉินแห่งเฟิ่งหยางเลยนะครับ คุณสังหารคนไปแบบนี้เลย?” หวังลี่ฉินพูดด้วยความหวาดกลัวเต็มใบหน้าเขารู้ว่าเรื่องถูกทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้ว คนตายที่โรงพยาบาล ยังไงเขาก็หนีความเกี่ยวข้องไม่พ้น“ลากศพออกไปก็พอ คนผมเป็นคนฆ่า ไม่เกี่ยวกับพวกคุณ” หลินหยางกล่าว“ใช่ใช่ใช่! คนเขาเป็นคนฆ่า ไม่เกี่ยวกับพวกเราแม้แต่น้อย ผมขอลาก่อนแล้ว” ถังเต้าหมินก็หวาดกลัวอย่างมากเช่นกัน รีบปัดความเกี่ยวข้องทันที เผ่นแน่บไปอย่างรวดเร็วราวทาน้ำมันไว้ใต้ฝ่าเท้า“คุณถัง คุณยังไปไม่ได้ค่ะ” เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ มู่หรงยิ่นรู้ว่ากลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่คิดหาวิธีการปิดบังเรื่องราวไว้ก่อนผู้ที่เ
มู่หรงยิ่นเดินตรงไปที่ข้างเตียงของฉินอี๋หลิง“คุณหนูอี๋หลิง ครั้งนี้ทำให้คุณได้รับความลำบากแล้ว” มู่หรงยิ่นกล่าว“มู่หรงยิ่น คุณคิดจะทำอะไร? ตัวฉันมีสภาพแบบนี้ก็เหลือชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว ถ้าคุณฆ่าฉัน ก็ถือเป็นการช่วยฉันอย่างหนึ่ง เพียงแต่ไม่ว่าคุณจะปิดบังอย่างไร ตระกูลฉินก็ไม่มีทางเลิกราแน่” ฉินอี๋หลิงถูกพิษผื่นโลหิตทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย เวลานี้สำหรับเธอแล้ว ความตายถือเป็นการปลดปล่อยอย่างหนึ่งดังนั้นบนใบหน้าของเธอจึงไม่มีความหวาดกลัวใดๆ“ขอเพียงคุณต้องการมีชีวิต คุณก็ไม่จำเป็นต้องตายค่ะ คุณหลินสามารถรักษาพิษผื่นโลหิตได้ และฉันก็สามารถขอให้คุณหลินรักษาคุณได้ค่ะ” มู่หรงยิ่นกล่าว“แต่ว่า มีเงื่อนไขใช่ไหมคะ?” ฉินอี๋หลิงก็เป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดมากเช่นกัน มู่หรงยิ่นเพึ่งพูดจบ เธอก็เดาได้ถึงแผนการของมู่หรงยิ่นได้แล้ว“การสนทนากับคนฉลาดก็ลดความยุ่งยากแบบนี้ คุณหนูอี๋หลิงเป็นคนฉลาด อย่างนั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากอีก ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากตายหรืออยากมีชีวิตรอดเท่านั้นค่ะ” ฉินอี๋หลิงก็ช่างน้ำหนักผลดีผลเสียอย่างลับๆเช่นกัน หากเธออยากมีชีวิตก็ต้องหาวิธีอำพรางเรื่องการตายของเซ
“ส่วนปรมาจารย์ซวี เขากับคุณหลินเป็นปรมาจารย์ฝึกยุทธเช่นเดียวกัน เขาจะฆ่าคุณหลิน คุณหลินย่อมมีเหตุผลที่จะฆ่าเขาเช่นกัน สถานการณ์แบบนี้ กฎของยุทธภพ จะอยู่หรือตายก็ดูกันที่ความสามารถ”มู่หรงยิ่นรู้ว่า การเจรจาสำเร็จแล้ว เรื่องนี้นับว่าคลี่คลายลงแล้วเช่นกันหลังจากฉินอี๋หลิงครุ่นคิดอยู่หลายรอบ ก็เอ่ยปากพูด “ค่ะ ตกลง ขอเพียงแค่คุณหลินรักษาพวกเราให้หายดีได้ เรื่องในวันนี้ ฉันรับรองว่าตระกูลฉินจะไม่เอาเรื่องอีกแน่นอน”มู่หรงยิ่นกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูอี๋หลิงเป็นคนที่มีเหตุผลอย่างที่คิดไว้จริง ๆ มู่หรงยิ่นนับถือ”“คุณหนูมู่หรงเฉลียวฉลาดเกินใคร จิตใจละเอียดอ่อน อี๋หลิงก็นับถือมากเช่นกัน ตระกูลมู่หรงมีคุณอยู่ อนาคตมีความหวัง สถานที่อย่างเมืองลั่ว เล็กเกินไปสำหรับคุณ”ผู้หญิงสองคนที่เพิ่งต่อสู้กันเมื่อครู่นี้ ในเวลานี้กลับประจบสอพลอกันและกัน“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณหลินช่วยทำการรักษาด้วย”ฉินอี๋หลิงกล่าวเธอถูกผื่นพิษโลหิตนี้ทรมานมามากพอแล้ว อยากจะรีบรักษาให้หายเป็นปกติเท่านั้น“ผมฆ่าคนไปสองคน ตอนนี้ก็ต้องช่วยชีวิตสองคนเท่านั้น ในบรรดาพวกเขาทั้งสามคน คุณเลือกมาสักคนเถอะ”การรักษาผื่นพิ
เฉินเหว่ยที่เป็นบอดี้การ์ดได้ยินคำพูดประโยคนี้ของฉินอี๋หลิง ก็ไม่พยายามปิดบังอีกต่อไป“คุณหนูอี๋หลิง ผมทำเรื่องที่ละอายใจต่อคุณจริง ๆ แต่ทั้งหมดนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวของผม หวังว่าคุณจะไว้ชีวิตคนในครอบครัวของผมด้วย”“ดูท่า ผื่นพิษโลหิตนี้จะเกี่ยวข้องกับลูกผู้พี่ของฉันจริง ๆด้วยซินะ เฉินเหว่ย ขอเพียงแค่นายยอมพูดความจริง ฉันขอรับรองว่าคนในครอบครัวของนายจะไม่เป็นอะไรแน่นอน”ฉินอี๋หลิงกล่าวแต่เฉินเหว่ยกลับไม่ได้เลือกที่จะพูดเรื่องทั้งหมดกับฉินอี๋หลิง“คุณหนู ถ้าหากผมพูด คนในครอบครัวของผมจะต้องตายแน่ ตอนนี้มีเพียงใช้ความตายชดเชยความผิด!”เฉินเหว่ยพูดจบ ยกมือขึ้นแล้วตบที่หน้าผากของตัวเองทีหนึ่ง ฆ่าตัวตายตรงนั้นทันทีเมื่อฉินอี๋หลิงเห็นดังนั้น ก็หมดหนทางเช่นกัน แต่การที่เฉินเหว่ยฆ่าตัวตายรวมทั้งคำพูดพวกนั้นที่เขาพูดก่อนตาย ก็สามารถยืนัยนได้แล้วว่าเซวียเผิงจวี่มีเจตนาชั่วร้ายซ่อนอยู่ นี่ก็เพียงพอแล้วติดตามเบาะแสเส้นนี้ของเซวียเผิงจวี่ ก็สามารถใช้เบาะแสนี้ เพื่อตามหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้อย่างรวดเร็วเลขาหลี่เหยียนรู้อุปนิสัยของฉินอี๋หลิง เป็นคนพูดคำไหนคำนั้นมาตลอด ถ้าเธอขอ
ถังเต้าหมินเองก็เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก แต่ว่าเขายังคงไม่เชื่อ หลินหยางที่อายุน้อยจะมีหนทางรักษาผื่นพิษโลหิตได้“คุณหนูมู่หรง ผมยังมีหนึ่งคำขอร้องที่อาจจะไม่เหมาะสม หวังว่าจะได้สมปรารถนา”ถังเต้าหมินประสานมือกล่าว“ว่ามา”“ผื่นพิษโลหิตนี้ไม่ค่อยปรากฏให้เห็น ไม่เคยปรากฏมาก่อนมาเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี ผมอยากจะอยู่ต่อเพื่อขอดูฝีมือการรักษาโรคของคุณหลินยอดเยี่ยม เปิดโลกหน่อยครับ”ถังเต้าหมินกล่าวมู่หรงยิ่นกล่าวพร้อมรอยยิ้มเยาะหยัน “คุณไม่เชื่อว่าคุณหลินจะสามารถรักษาให้หายได้ เลยอยากจะอยู่ต่อเพื่อให้ผลลัพธ์ตอนสุดท้ายเห็นกับตาละมั้ง”ถังเต้าหมินกล่าวพร้อมรอยยิ้มเคอะเขิน “คุณหนูมู่หรงสายตากว้างไกล ปิดบังความคิดของกระผมไม่อยู่จริง ๆ พูดตามตรง คุณหลินเก่งมากจริง ๆ แต่ถ้าพูดถึงฝีมือการรักษา กระผมยังยากที่จะเชื่อถือ”“ฮึ่! คุณอย่างจะอยู่ต่อ ก็อยู่เถอะ คุณควรจะเปิดหูเปิดตาบ้างจริง ๆ เปิดโลกทัศน์บ้าง” มู่หรงยิ่นแค่นเสียงหัวเราะแล้วเดินออกไป“อาจารย์ ท่านว่าคุณหลินท่านนั้น จะสามารถรักษาให้หายดีได้จริงไหม? ลูกศิษย์ของถังเต้าหมินถาม“ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อ อย่างไรก็ตามฉันไม่เชื่อ ดังนั้น
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต