ภายใต้การโน้มน้าวของหลินหยาง สองสามีภรรยาจึงได้ยอมตกลงจัดเก็บสัมภาระง่ายๆ ย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านตี้เหากับหลินหยางทว่า พวกเขาพึ่งถือสัมภาระออกจากประตูบ้าน ก็ถูกคนขวางไว้“พวกแกถึงกับคิดจะหนี? คิดว่าหนีพ้นหรือไง?” ผู้พูดเป็นชายหัวโล้นตัวอ้วนใหญ่ บนใบหน้ามีรอยแผลรอยหนึ่ง มีกลิ่นอายของอันธพาล บนคอสวมสร้อยทองเส้นหนาไว้“นี่ใครหรือครับ?” หลินหยางถาม“น้องชายของเจ้าของบ้านค่ะ เป็นอันธพาลเจ้าถิ่นแถวนี้ ทุกคนเรียกเขาว่าเฝยหลงค่ะ” เสิ่นโย่วเวยอธิบายเดิมเสิ่นโย่วเวยหวาดกลัวเจ้าเฝยหลงคนนี้เป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้มีหลินหยางอยู่ข้างกาย เธอจึงมีความมั่นใจขึ้นมา“พี่หลง พวกเราไม่ได้จะหนีครับ เพียงแต่ย้ายบ้านชั่วคราวเท่านั้น” เสิ่นลี่หมินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นอธิบาย“ย้ายบ้านน่ะได้ แต่ต้องจ่ายค่าเช่าที่ค้างไว้มาก่อน ถ้ายังจ่ายไม่ไหวอีก ก็ทำตามที่บอกไว้ก่อนหน้า เอาลูกของแกมาใช้หนี้แทนซะ” ในระหว่างที่เฝยหลงพูด ก็จ้องไปที่เสิ่นโย่วเวยด้วยสีหน้าหื่นกระหาย“ค่าเช่าห้องสามเดือนเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายเอง” หลินหยางไม่อยากเปลืองน้ำลายกับคนประเภทนี้อีก จึงก้าวออกมาแสดงท่าทีว่าจะจ่ายเงินเสียเลย“แล้ว
“เด็กคนนี้ ลูกจะไปรู้อะไร พวกเราไม่อาจเพิ่มปัญหาให้คุณชายใหญ่ได้” เสิ่นลี่หมินตำหนิเสิ่นโย่วเวยทันที“ลุงเสิ่นครับ ลุงเกรงใจเกินไปแล้ว อีกอย่าง ตัวละครเล็กๆ แบบเฝยหลงนี่ก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไรเลยครับ” หลินหยางในตอนนี้เป็นถึงปรมาจารย์คนที่ห้าของเมืองลั่ว ตัวละครเล็กๆแบบเฝยหลงไม่มีความจำเป็นต้องเอามาใส่ใจแม้แต่น้อย คนทั้งสี่เดินมุ่งหน้าออกไปนอกตรอก ในเวลานี้เฝยหลงก็พาคนล้อมเข้ามาแล้ว สกัดพวกเขาไว้ในตรอกเมื่อกวาดตามองไป ในตรอกมีคนอย่างน้อยสามสิบกว่าคน ในมือหากไม่ถือมีดหั่นแตงโมก็ถือท่อนไม้ ไอสังหารคุกรุ่น แลดูดุร้ายอย่างมาก“คนเยอะขนาดนี้?” เมื่อเสิ่นโย่วเว่ยเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็อดที่จะหวาดกลัวอยู่บ้างไม่ได้เสิ่นลี่หมินและหลิวจี๋หลันย่อมไม่เคยเห็นสถานการณ์แบบนี้มาก่อนเช่นกันนายน้อย คุณพาเวยเวยหนีไปอีกทาง คนแก่แบบเราสองคนอย่างไรก็อยู่ได้อีกไม่นานแล้วเสิ่นลี่หมินกล่าว“ลุงเสิ่น ไม่ต้องร้อนใจครับ ไม่เป็นไรหรอก” หลินหยางยืนอยู่หลังเก้าอี้รถเข็น ตบไหล่ของเสิ่นลี่หมินเบาๆ เป็นการปลอบประโลม จากนั้นเดินมาที่ด้านหน้าในเวลานี้ เฝยหลงก็เดินออกมาจากกลุ่มคนเช่นกัน ในมือถือมีด
หลินหยางแค่นหัวเราะ แต่ไม่ได้หยุดชะงักฝีเท้า เดินมุ่งหน้าเข้าไปหาเฟยหลง“แกมันรนหาที่ตาย!”เฟยหลงถูกกดดันจนร้อนใจ เหนี่ยวไกปืนทันทีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ทำให้ครอบครัวของเสิ่นโย่วเวยตกใจขวัญเสียครู่ต่อมา เฟยหลงส่งเสียงร้องน่าเวทนาออกมา หลินหยางไปถึงตรงหน้าของเขาแล้ว จับข้อมือของเขาเอาไว้ แล้วบีบแตกละเอียดมันที ปืนตกลงไปบนพื้น“ฉันคือคนของท่านเว่ยเว่ยต้ากัง แกกล้าทำร้ายฉัน ท่านเว่ยไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!”เฟยหลงเผยผู้อยู่เบื้องหลังของตนเองออกมา เพื่อข่มขู่หลินหยาง“เป็นสุนัขรับใช้ของเว่ยต้ากังอีกแล้ว งั้นแกก็ไม่ได้ถูกใส่ร้ายเลยสักนิดนี่ ฉันจะส่งแกไปอยู่เป็นเพื่อนเว่ยต้ากัง!”หลินหยางพูดจบ บีบกระดูกข้อต่อหัวไหล่ของเฟยหลงจนแตกละเอียด จากนั้นเตะหัวเข่าทั้งสองข้างของเฟยหลงจนแตกละเอียด เฟยหลงเจ็บจนส่งเสียงร้องน่าเวทนาที่เหมือนกับหมูถูกเชือดออกมา ร่างกายที่อ้วนท้วนอ่อนยวบกลิ้งไปบนพื้น เหมือนกับลูกบอลจัดการกับเฟยหลงแล้ว หลินหยางเดินกลับมา เข็นวีลแชร์ของเสิ่นลี่หมิน“อาเสิ่น น้าหลิว ไม่มีอะไรแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”เสิ่นลี่หมินสองสามีภรรยาเดินผ่านข้างกายของเฟยหลงไป รู้สึกเหมือนกับกำล
หลินหยางได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเสิ่นลี่หมิน อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยเรื่องอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อสองปีก่อนขึ้นมาอีกครั้ง“อาเสิ่น ทำไมก่อนหน้านี้ไม่พูด?”หลินหยางถาม“เรื่องนี้ ผมกับประธานฉินเคยพูดกับตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้”“ตอนนั้นฉินโม่หนงพูดว่ายังไง?” หลินหยางถาม“ประธานฉินบอกว่าผมคิดมากเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นก็จำผิด แต่ผมมั่นใจว่าผมไม่มีทางจำผิด”เสิ่นลี่หมินกล่าวด้วยความจริงจัง“อาเสิ่น เรื่องนี้อาอย่าพูดกับคนอื่นอีก ผมจะไปสืบให้ชัดเจน”นัยน์ตาของหลินหยางเปล่งประกายแสงเยือกเย็น ดูจากตอนนี้ คนที่น่าสงสัยมากที่สุด ยังคงเป็นฉินโม่หนง‘ฉินโม่หนง ถ้าหากแกทำให้พ่อกับแม่ของฉันต้องตายจริง ฉันฆ่าแกแน่’หลินหยางหรี่ดวงตาแอบคิดในใจเขาโทรศัพท์หาฉีอีซิน ให้เขาส่งสมุนไพรบางส่วนมาให้ อาการป่วยของหลิวจี๋หลันกับเสิ่นลี่หมิน นอกจากต้องรักษาด้วยการฝังเข็มแล้ว ก็ต้องกินยารักษาตามขั้นตอนด้วยหลินหยางฝังเข็มให้หลิวจี๋หลันก่อนเขาจับชีพจรของหลิวจี๋หลัน แล้วก็ดูโรคของหลิวจี๋หลัน เข้าใจอาการป่วยของเธอมากเพียงพอแล้วหลิวจี๋หลันก็คือโรคไตวาย ค่อย ๆ พัฒนาเป็นไตวายเฉียบพลันแต่วันนี้เธอยังไม่ถ
“วางไว้ตรงนั้นเถอะ”หลินหยางกล่าวเสียงเรียบฉีอีซินวางสมุนไพรลง เสิ่นลี่หมินกล่าว “ลำบากหมอเทวดาฉีแล้ว ที่ต้องให้คุณมาส่งยาด้วยตัวเอง”ถึงแม้ว่าฉีอีซินจะไม่รู้จักเสิ่นลี่หมินกับหลิวจี๋หลัน แต่คนที่มาอยู่ในบ้านของหลินหยางได้ จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เขาไม่กล้าที่จะเมินเฉย“คุณอย่าเรียกแบบนี้เลย ต่อหน้าคุณหลิน ผมกล้าเรียกตัวเองว่าหมอเทวดาที่ไหนกัน คุณหลินถึงจะเป็นหมอเทวดาที่แท้จริง ผมก็แค่มารับใช้ ส่งยาเล็ก ๆ น้อย ๆ ฟังคำสั่งให้ออกมาทำงานข้างนอกของคุณหลินเท่านั้น”เสิ่นลี่หมินกับหลิวจี๋หลันเห็นฉีอีซินหมอเทวดาชื่อเสียงโด่งดังแห่งเมืองลั่ว คิดไม่ถึงว่าจะเคารพเลื่อมใสต่อหลินหยางขนาดนี้ ยิ่งเชื่อมั่นในฝีมือการรักษาของหลินหยางอย่างสุดใจ“คัมภีร์หลิงจิ้วเล่มนี้นายเอากลับไปคัดลอกหนึ่งเล่ม”หลินหยางนำคัมภีร์หลิงจิ้วโยนให้ฉีอีซินฉีอีซินประคองคัมภีร์หลิงจิ้ว ราวกับว่าเป็นสมบัติล้ำค่า ตื้นตันใจจนลงไปคุกเข่ากับพื้น โคกหัวกล่าวขอบคุณ“ขอบคุณความเมตตาของคุณหลิน กระผมซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง คุณหลินสั่งอะไร ตระกูลฉีทั้งหมดจะบุกน้ำลุยไฟ ไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”หลินหยางโบกมือ ฉีอีซินถือหนังสือเดินออก
หลินหยางเห็นมู่หรงยิ่น ทักทายเธอ แล้วก็พาเธอไปที่ห้องหนังสือชั้นบนเสิ่นลี่หมินกับหลิวจี๋หลันเองก็ไม่เคยเห็นมู่หรงยิ่นมาก่อน ก็ตกใจในความสวยเช่นกัน“นี่ลูกสาวบ้านไหน? หน้าตาสวยมาก” หลิวจี๋หลันกล่าว“ดูการแต่งกายและบุคลิกลักษณะของเธอ น่าจะต้องมาจากตระกูลร่ำรวยแน่นอน อาจจะเป็นแฟนสาวของคุณชายใหญ่” เสิ่นลี่หมินกล่าวในเวลานี้ เสิ่นโย่วเวยเดินเข้ามา ถึงได้พูดอธิบายให้พ่อกับแม่ของเธอฟัง ว่านี่เป็นมู่หรงยิ่นคุณหนูใหญ่ของตระกูลมู่หรงที่มีชื่อเสียงโด่งดังสองสามีภรรยาชราเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของมู่หรงยิ่นมาบ้าง ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง“ฉันว่าแล้ว ว่าลูกสาวบ้านไหนถึงได้หน้าตาสวยขนาดนี้ บุคลิกลักษณะดีขนาดนี้ ที่แท้ก็คือมู่หรงยิ่นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่หรงนี่เอง”“คิดไม่ถึงว่าคุณชายใหญ่จะรู้จักกับเธอเหมือนกัน! คุณชายใหญ่ตอนนี้ เก่งกาจกว่าเมื่อสองปีก่อนมาก ตอนที่ท่านประธานหลินกับคุณนายยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ได้มีเกียรติมากขนาดนี้!”ห้องหนังสือชั้นบน หลินหยางถาม “คุณมาหาผม มีธุระอะไร?”“ไม่มีธุระก็มาหาคุณไม่ได้หรือไง?”มู่หรงยิ่นย้อนถาม“คุณหนูมู่หรงงานรัดตัว จะมาเสียเวลากับเรื่องไร้สา
มู่หรงยิ่นดูเหมือนมีเกียรติยศ และเป็นไฮโซที่อยู่บนยอดพีระมิดของลั่วหยางแต่ทั้งหมดต่อหน้าของตระกูลมู่หรง เธอเป็นเพียงแค่หนึ่งในคนทำงานของสาขาเท่านั้น มีหลายอย่างที่จนปัญญา“ไอ้แก่นั่นยังกล้าแทงข้างหลัง ดูท่าจะกระทืบเบาไปหน่อย เลยไม่จำ”“โชคยังดี ที่ฉันรู้จักหมอเทวดาคนนี้ ดังนั้น ฉันเลยทำได้แค่เพียงมาขอร้องให้คุณช่วยเหลือเท่านั้นแล้วล่ะ”มู่หรงยิ่นสีหน้าท่าทางน่าสงสาร“หนานตูไม่ขาดแคลนหมอที่มีชื่อเสียง ตระกูลฉินแห่งเฟิ่งหยางนั่น ก็คือเส้นสายใหญ่มากจนน่าตกใจ จะหาหมอเทวดาไม่ได้เลยเหรอ? ไม่จำเป็นต้องให้ผมลงมือหรอกมั้ง”ในใจของหลินหยางต่อต้าน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เขาต้องแสดงพรสวรรค์ โดยเฉพาะกับตระกูลใหญ่พวกนี้ ต่อหน้าอิทธิพลใหญ่โต เขาไม่อยากจะดึงดูดความสนใจ แล้วก็ไม่อยากเข้าไปคลุกคลีด้วย“ฝีมือการรักษาของหมอมีชื่อเสียงแห่งหนานตูพวกนั้น เกรงว่าจะไม่ได้แม้แต่หนึ่งในสิบของฝีมือการรักษาของคุณ! วงศ์ตระกูลทางนั้นได้เชิญหมอที่มีชื่อเสียงแห่งหนานตูท่านหนึ่งมา แต่ว่าฉันไม่ได้เรื่อง”มู่หรงยิ่นเองก็ประจบสอพลอหลินหยางเช่นกันหลินหยางยิ้มบาง ๆ “ถ้าอย่างนั้นก็รอหลังจากที่หมอมีชื่อเสียงของหนานต
โต้วเทากล่าว “ไอ้เด็กนี่มันกล้าหาญจริง ๆ อาศัยว่าตนเองมีศิลปะการต่อสู้ก็ทำตัวหยิ่งผยอง หัวหน้าหวังจ้างคุณติงมาได้ จะต้องทำให้มันต้องคุกเข่าอ้อนวอนให้ได้เลย”โต้วเทาพ่อลูกมาที่นี่ก็เพื่อดูความสนุก ประจบสอพลอเท่านั้น“คุกเข่าขอร้องยังไม่พอ! ฉันจะทำให้มันต้องเหมือนกับตายทั้งเป็น!” หวังเซิ่งหลานสั่นระริกไปทั่วทั้งตัว ใบหน้าภายใต้หน้ากากบิดเบี้ยวด้วยความโมโห เคียดแค้นเป็นอย่างยิ่ง“ใช่! อย่าให้อภัยมันง่าย ๆ จะต้องให้มันอยากอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่เชิง ให้มันอับอายจนถึงที่สุด”โต้วจวิ้นพูดจาอย่างอวดดีตามจากนั้นโต้วเทาสองพ่อลูกรับอาสาไปเคาะประตูเสิ่นลี่หมินพวกเขาที่อยู่ในบ้านได้ยินเสียงเคาะประตูดังปัง ๆ“เวยเวย เหมือนว่าจะมีแขกมาอีกแล้ว ลูกไปเปิดประตู”เสิ่นลี่หมินตะโกนเสิ่นโย่วเวยได้ยินความเคลื่อนไหวที่รุนแรงขนาดนี้ นี่มันเป็นการเคาะประตูที่ไหนกัน เห็นชัด ๆ ว่าเป็นการถีบประตู แขกจะไร้มารยาทขนาดนี้ยังไง?“คงไม่ใช่ว่าเว่ยต้ากังพาคนมาเพื่อแก้แค้นหรอกมั้ง?”เสิ่นโย่วเวยไม่กล้าเดินไปเปิดประตูในตอนแรกหลินหยางกับมู่หรงยิ่นที่อยู่ชั้นบนก็ได้ยินความเคลื่อนไหวเช่นกัน เดินมาที่ระเบียง
เหยียนฮ่าวรู้สึกหมดความอดทนอยู่บ้าง “อยากจะเจรจาก็รีบพูดมา ไม่พูดฉันจะไปแล้ว!”หลินหยางกลับจิบไวน์อึกหนึ่ง ถึงได้หันหน้าไปมองเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเหยียน เหมือนว่าคุณจะเข้าใจผิดไปนะ”“คุณ มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับผม?”“ว่าอะไรนะ?”เหยียนฮ่าวงุนงงไปทันที หลินหยางเพียงแค่ดีดนิ้วทีหนึ่ง!ทันใดนั้น เหยียนฮ่าวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับไม่ใช่เสียงของมนุษย์! ร่างกายคดงอราวกับกุ้งต้มสุก!ยังดีที่ครั้งก่อนต่อสู้ครั้งใหญ่กับหวังเหลียนเฉิง หลังจากทำลายคฤหาสน์จนพัง หลินหยางก็ได้ให้คนมาซ่อมแซมแล้ว ยังใช้วัสดุเก็บเสียงชั้นดีอีกด้วย ถึงไม่ทำให้เสียงร้องที่ราวกับจะขาดใจตายของเขาไม่ดังเล็ดลอดออกไปข้างนอกหลินหยางนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มไวน์อย่างไม่รีบไม่ร้อน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเสียงร้องอันน่าเวทนานั่นหลังจากผ่านไปห้านาที ถึงได้ค่อย ๆ วางแก้วไวน์ลงเสียงร้องอันน่าเวทนาของเหยียนฮ่าวก็ค่อย ๆ หยุดลงเขาในเวลานี้นอนอยู่บนพื้น เหงื่อท่วมตัว สีหน้าซีดขาวจนน่าตกใจ แม้แต่พรมยังถูกเขาฉีกจนเละเทะ!“รู้สึกดีแล้วใช่ไหม?”หลินหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม“แก แกทำอะไรกับฉัน?
“แกคิดว่าแกมีลั่วหงอวี๋คอยปกป้อง ก็จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อเจ้อ! บ้านเมืองมีขื่อมีแป แม้ว่าจะเป็นลั่วหงอวี๋ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!”จ้าวเจี้ยนชิงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีลั่วหงอวี๋ หลินหยางจะสามารถหนีมานานขนาดนี้ได้ยังไง!เขาทำได้แค่มองดูหลินหยางทำตัวอวดดีมานานขนาดนั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ถูกบีบจนแทบจะเสียสติ!แต่ต่อหน้ากำลังของทางการ!ลั่วหงอวี๋ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพูดกับเหยียนฮ่าว “คุณชายเหยียน หลินหยางฆ่าข้าราชการของกรมอัยการสูงสุดต่อหน้าทุกคน ยังทำร้ายชาวตงอิ๋งจนบาดเจ็บ ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม!”แม้แต่ฮิเดนากะ ยามาโมโตะก็รีบกล่าวเช่นกัน “คุณชายเหยียนได้โปรดให้ความเป็นธรรม แก่ชาวตงอิ๋งด้วย!”เหยียนฮ่าวเข้าใจในทันที หันหน้าไปมองหลินหยางแสยะยิ้มกล่าว “ไม่คิดเลยว่าแกจะก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ยังกล้าทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วย!”“ใครก็ได้!”ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก้าวออกมาพร้อมกัน บนตัวแฝงไปด้วยสีหน้าอันดุร้าย ทุกคนเป็นปรมาจารย์ระดับแปด!
“ท่านรัฐมนตรี ท่านช่วยตบหน้ามัน แก้แค้นให้ผมหน่อยได้ไหม?”จ้าวเจิ้งฮ่าวรีบกล่าว“อนาคตอันน้อยนิดของแก...” หวังเทียนเหิงกล่าวอย่างเยาะหยัน“คงจะไม่ทำร้ายใครอีกใช่ไหม? แกควรคิดให้ดีล่ะ...”หลินหยางกล่าวด้วยความประหลาดใจหวังเทียนเหิงกลับตะคอก “ฉันจะทำร้ายแกจะทำไม!”ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบหน้าเข้าไปฉาดหนึ่งท่าทางของเขาเหยียดหยามมาก หลินหยางปรมาจารย์ระดับเจ็ดแล้วยังไง ต่อหน้าฐานะอย่างตนเอง เขามีสิทธิ์อะไรมาขัดขืน?ต้องโดนตบหน้าแต่โดยดีเหมือนกัน!ครู่ต่อมา ความเหยียดหยามบนใบหน้าของเขาก็ชะงักไปทันทีฝ่ามือของเขาถูกหลินหยางจับเอาไว้ในมือ“ยังกล้าตอบโต้อีกเหรอ? ฉันเป็นถึงตัวแทนของทางการแห่งหนานหลิงเชียวนะ?!”หวังเทียนเหิงกล่าวด้วยความโมโห“รู้แล้ว ๆ”หลินหยางใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม“รู้แล้วก็...”หวังเทียนเหิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินหยางกลับตบหน้าเขาฉาดหนึ่งอย่างรวดเร็ว สำหรับหลินหยางแล้วถือเป็นการใช้กำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้นแต่หวังเทียนเหิงกลับถูกตบลอยกระเด็นออกไปทันที ฟันผสมเลือดปลิวอยู่กลางอากาศ!นี่ยังไม่หมด ยังไม่รอให้เขาตกถึงพื้น หลินหยางเตะเขาลอยกระเด็นออกไปอีก หวังเ
เจียงรั่วหานหัวใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เป็นห่วงชายชู้ของตนเอง ครั้งนี้หลินหยางตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ!อย่างไรเสียใช้ยศตำแหน่งข่มเหงคนอื่น!ซ่งหว่านอวี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็ถอนหายใจในใจเช่นกัน ต่อให้ตำแหน่งของหลินหยางที่เมืองลั่วสูงกว่านี้แล้วจะยังไงต่อหน้าผู้มีอิทธิพลอย่างหวังเทียนเหิง ก็ทำได้แค่เพียงอดกลั้นเท่านั้น!“จะตรวจสอบงั้นก็ได้ แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย”หลี่หรูเยว่สีหน้าไม่สุขุม แต่กลับไม่กล้าให้หลินหยางมีข้อหาขัดขวางทางการติดตัว“กฎหมาย?” หวังเทียนเหิงยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งยโส “คำพูดของฉัน ก็คือกฎหมาย! มีปัญหา? เข้าไปในห้องกับฉันค่อย ๆ คุยกัน ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง!”เขาทำตัวอวดดีกำเริบเสิบสาน! ถึงอย่างไรเหยียนฮ่าวก็ได้แทรกแซงคดีนี้ด้วยตนเองแล้ว ถ้าอยากจะจับหลินหยางให้อยู่หมัด! ต้องมีหลักฐานแน่ชัด ทำให้หลินหยางดิ้นไม่หลุดตลอดไป!ส่วนการหลับนอนกับปรมาจารย์ระดับแปดคนหนึ่ง นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของผลพลอยได้เท่านั้น!เขาจ้องมองสำรวจรูปร่างที่สวยงามประณีตของหลี่หรูเยว่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว มีความร้อนกลุ่มหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในท้องน้อยข
แต่กลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสช่วงจังหวะชุลมุน ลงมือกับจ้าวเจิ้งฮ่าว!“นายพลจ้าววางใจ”สีหน้าเฉิงคั่วหนักใจ ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งในฐานะที่เขาเป็นปรมาจารย์ระดับห้า ประกอบกับมีนักรบทหารองครักษ์ชาวตงอิ๋งที่มีระดับมานะสร้างกลุ่มหนึ่งคอยช่วยเหลือ ก็มากพอที่จะจับตัวปรมาจารย์หนึ่งในนั้นได้“แม่งเอ๊ย ในเมื่อพวกแกทั้งหมดยอมเป็นสุนัขรับใช้ของหลินหยาง ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายให้หมด! คิดว่าปรมาจารย์ระดับเก้าของฉันมีไว้ประดับเหรอไงวะ!?”จ้าวเจี้ยนชิงดวงตาแดงก่ำด้วยความริษยา ตนเป็นผู้บังคับบัญชาของเมืองลั่วมานานหลายปี ยังไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งขนาดนี้ หลินหยางเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็มีปรมาจารย์ระดับหกถึงสี่คนเป็นสุนัขรับใช้?!หลินหยางยิ่งใช้ชีวิตดีเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสับหลินหยางให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!แต่ทว่ายังไม่ทันได้ลงมือเขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัว แรงอาฆาตที่เย็นยะเยือกขั้นสุดกลุ่มหนึ่งลอยมา!“จ้าวเจี้ยนชิง แกอยากตายใช่ไหม?”ในเวลานี้ หลี่หรูเยว่ยืนอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ ในมือของเธอใช้โซ่เหล็ก จูงม๋อจื่อที่เหมือนกับเป็นสัตว์ร้าย จ้องมองเขาด้วยความเย็นชาจ้าวเจี้ยนชิงรูม่านตาหดทันที กล่าวอย
ก็แค่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งเท่านั้น เขาไม่สนใจอยู่แล้วแต่ปรมาจารย์ระดับหกคนหนึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นยามให้หลินหยาง เขาไม่สามารถเข้าใจได้!แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับเก้าก็ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้!จ้าวเจิ้งฮ่าวและคนอื่น ๆ ต่างก็อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงสถานการณ์ตรงราวกับเป็นภาพลวงตาเลยทีเดียว!ไอ้หมอนี่หัวสมองมีปัญหาเหรอไง? ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เป็นปรมาจารย์ระดับหก แต่กลับมาเป็นยามให้คนที่มีระดับเจ็ดอย่างหลินหยาง?!“นับว่าแกพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่การรับใช้คนที่กำลังจะตาย เป็นการทำให้ตัวเองเสื่อมถอยแท้ ๆ เลย!”จ้าวเจี้ยนชิงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หลินหยางทำลายการค้าระหว่างกองทัพกับชาวตงอิ๋ง ฉันมาเพื่อค้นหาหลักฐาน”“ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกกลับตัวกลับใจหนึ่งครั้ง สวามิภักดิ์ต่อฉัน! ไม่อย่างนั้น จะถือว่าแกขัดขวางการสอบสวน! ฝ่าฝืนกฎหมายระดับประเทศ! ฉันจะประหารชีวิตแกทันที”เขามีความคิดที่จะชักจูงคนคนนี้ถึงอย่างไรปรมาจารย์ระดับหกในเมืองลั่วก็นับว่าเป็นยอดฝีมือ ฆ่าไปก็น่าเสียดายแต่ทว่าอาต้ากลับกล่าวเสียงเย็นชา “รับเลี้ยงฉัน? แกคู่ควรเหรอ! ไสหัวไป!”“แกคิดให้ดี ๆ กล้าขัดขวาง
เจียงรั่วหานกล่าวโต้เถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำแต่นี่ก็คือเรื่องจริงถึงอย่างไรตนก็ไม่ได้ขึ้นเตียงกับหลินหยาง แต่ทว่าทำในรถ...“ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกัน...” ซ่งหว่านอวี๋ท่าทางสบาย ๆ พูดจาปลอบโยนอย่างมีเลศนัย “เป็นเพราะพี่กลัวเธอถูกหลินหยางหลอกเอา หลินหยางนั่นบังคับให้พี่ทำเรื่องแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีอะไร!”“พี่หว่านอวี๋พี่ไม่เข้าใจเขา!”เจียงรั่วหานกลับวางแก้วกาแฟลง รีบพูดขึ้นว่า “อันที่จริงหลินหยางเป็นคนดีคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่เขาทำแบบนั้นกับพี่ อัน อันที่จริงเป็นเพราะจ้าวเจิ้งฮ่าวเป็นต้นเหตุ!”“ฉันบอกเขาแล้ว ว่าต่อไปห้ามแตะต้องพี่อีก!”ไม่แตะต้องฉัน?ฉันต้องการให้เธอช่วยเหลือเรื่องนี้เหรอ?เธอกินอิ่มแล้วไม่กะจะไม่เหลือไว้ให้ฉันกินสักคำเลยเหรอไง!ซ่งหว่านอวี๋สีหน้าดูแย่เล็กน้อย เธอกินอาหารทะเลมื้อหรูจนเคยชินแล้ว จะกินอาหารจืดชืดลงได้ยังไงอีก?“พี่หว่านอวี๋ ต่อไปฉันคงต้องอาศัยพี่คอยเป็นที่กำบังให้ฉันแล้ว ครอบครัวนี้ ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้ว!”เจียงรั่วหานยังหันหน้าไปมองซ่งหว่านอวี๋ด้วยท่าทางขอร้อง“เรื่องเล็กน้อย...”ซ่งหว่านอวี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ไม่ว่าจะพู
ฉินเจิ้งคุนกลับส่งสัญญาณมือให้เงียบเอาไว้“เรื่องพวกนี้ห้ามเอาไปพูดข้างนอกส่งเดช! การต่อสู้ของบุคคลใหญ่โตไม่ใช่สิ่งที่พวกเราวิจารณ์ได้!”เขากล่าวเตือนด้วยท่าทีขึงขังถึงแม้ว่าตระกูลฉินจะมีชื่อเสียงโด่งดังในหนานโจว แต่ในสายตาของตระกูลใหญ่ที่ล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาของซานโจวบนพวกนั้น วงศ์ตระกูลบ้านนอกอย่างตระกูลฉิน ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงการต่อสู้ระดับนั้น เพียงแค่ควันหลง ก็มากพอที่จะทำให้ทั้งตระกูลฉินตายไร้ที่ฝังศพแล้ว!ฉินอี๋หลิงรีบหุบปากทันทีเช่นกันไม่กล้าส่งเสียงดัง เพราะหวาดกลัวว่าคนบนฟ้า!“หลินไร้ศัตรูแอบรายงานแต่ละวงศ์ตระกูลใหญ่แห่งหนานโจวอย่างลับ ๆ ให้ช่วยเขาตามหาหลานชายของเขา ถ้าหากใครหาเจอ เขาก็จะยอมรับคำขอร้องของคนนั้นหนึ่งข้อ” ฉินเจิ้งคุนค่อย ๆ พูด“จริงเหรอคะ?”ฉินอี๋หลิงสีหน้าตื่นเต้นดีใจ หัวใจไฟลุกโชนถึงแม้ว่าวงศ์ตระกูลของหลินไร้ศัตรูจะล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สิ้นอำนาจโดยสมบูรณ์!คำมั่นสัญญาของเขาหนึ่งข้อ สามารถตัดสินว่าใครจะได้ครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉิน!“มีเบาะแสของหลานชายคนนั้นของเขาแล้วเหรอยัง!”เธอรีบกล่าวถาม“ง่ายแบบนั้นซะที่ไหน...”ฉินเจิ้งคุนส่ายหน้
ตนในตอนนี้ ต่อสู้ข้ามสามระดับชั้นก็ไม่เป็นปัญหา มีลูกน้องไม่กี่คน ตนก็ไม่ต้องโดนรุมโจมตีอีกบ่อย ๆมีสิทธิ์แสร้งทำเป็นเก่ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำแต่ทว่าหลี่หรูเยว่กับปรมาจารย์ทั้งสี่คนมีความปรับตัวให้เข้ากับสไตล์แบบนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่หลูอ้าวตงว่าอวดดีมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับหลินหยาง นั่นก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อยเท่านั้น...“ไปกันเถอะ กลับไปที่บ้านให้ฉันรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกแกก่อน อีกเดี๋ยวไปกับฉันฆ่าคนของจ้าวเจี้ยนชิงให้เรียบ”หลินหยางเดินลงจากภูเขาแต่หลี่หรูเยว่และคนอื่น ๆ อีกห้าคนกลับสบตากันแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าตกใจจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายหลินหยางพูดจาสบาย ๆ มาก ราวกับว่าในสายตาของเขา การฆ่าหัวหน้ากองทหารรักษาการณ์ ง่ายเหมือนกับซื้อผักพวกเขากลับไม่ทันได้คิดมาก รีบตามหลินหยางลงจากเขา คอยตามปรนนิบัติ...อีกด้านหนึ่งภายในห้องหนังสือสไตล์โบราณแห่งหนึ่งฉินเจิ้งคุนกระแทกโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลวนี่อวดดีมาก! แม้แต่สายโทรศัพท์ของฉันกล้าตัดทิ้ง!”ฉินอี๋หลิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าดูแย่เช่นกัน บทสนทนาเมื่อครู่นี้เธอได้ยินหมดแล้วหลินหยางไม่ให้เกียรติเลยแม้แต