รักจำลอง หากวันหนึ่งเป็นจริงขึ้นมา ใครที่เสียใจ...ถ้าไม่ใช่คนสองคน
--------------------------------
ข้อความในไลน์ระหว่างกังสดาลและหมอดูโหงวเฮ้ง
“คุณลุงคะ หนูไม่มีวันเดือนปีเกิดที่แท้จริงค่ะ” หญิงสาวไม่อยากเปิดเผยเรื่องพวกนี้
“ครับ...พอรู้ว่าเกิดวันไหนบ้างไหม เช่น จันทร์ อังคาร...ประมาณนี้”
“วันเสาร์ค่ะ...”
“คุณผู้ชายให้ผมหาคนเกิดวันเสาร์อยู่พอดี”
“ทำไมคะ...”
“เพราะวันเสาร์จะเหมาะกับคนเกิดวันพุธกลางคืน”
“คุณสองคนน่าจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน แต่...”
“มีแต่ด้วยหรือคะ...!!!”
“คนวันพุธกลางคืน เป็นคนซับซ้อน รักแรงหลงแรง ชอบความเสี่ยง ประเมินอะไรมักไม่พลาด ส่วนคุณเชื่อมั่นสูง หนักแน่น คบใครต้องพิสูจน์ใจก่อน” หญิงสาวไม่ค่อยเชื่อหมอดูเลย เธอมั่นใจตนเองสูงมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยขาดพ่อแม่เป็นทุนเดิม มีแต่ย่าที่เป็นเสาหลักเดียวในครอบครัว
กังสดาลมองย่าที่ห้องรับแขกระหว่างนางรอเธอเพื่อพยุงไปที่โต๊ะกินข้าวตรงอีกมุมของห้อง วันนี้เธอทำซุปเต้าหู้ ทอดปลาสลิดและผัดสายบัวที่ย่าชอบ หญิงสาวลองถามหยั่งใจย่าดู
“ย่าคะ...ถ้าหนูแต่งงานหลังริน...จะเป็นอะไรไหม”
“หน้าอย่างแก หาผู้ชายให้มันได้ก่อนเถอะ”
“ทำไมล่ะคะ...”
“ฉันไม่เห็นแกมีใคร...ขึ้นคานล่ะไม่ว่า”
“เอ้า...ดูถูกหนูขนาดนั้น!!!”
“เบล ย่าเห็นแกมาแต่หัวกำปั้น...ทำไมจะไม่รู้ว่าแกเป็นคนยังไง”
“หน้ามั่น...หัวสูงขนาดนี้ ฉันไม่เห็นผู้ชายหน้าไหนมันจะคบแก” ย่าแซะแรงเลย
“ค่ะ...แต่ถ้ามีคนมาเสนอล่ะ ย่าจะรับไหม”
“ทำไม...จะให้ปฏิเสธรึไง...”
“ฉันจะแถม...โน่นกะละมังให้อีกใบ” ย่าชี้ไปที่กะละมังล้างผักใบใหญ่ในครัว
“เอ้า...เอาไปทำไมคะ...ย่า!!!” หญิงสาวตกใจ
“ไปคลุมหัว...เผื่อแกเลิกไสหัวเขาออกไปนะสิ...”
“ฉันด้วย...คลุมหัวอายคนแถวนี้...ไปอยู่กับใครแป๊บเดียว...กลับรังเดิม!!!” ย่าหัวเราะหึหึ คงจะขมขื่นกับหลานคนนี้ในอนาคตกาล
บ่ายวันรุ่งขึ้นกังสดาลได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เบอร์ขึ้นโชว์แต่ไม่มีชื่อที่บันทึกไว้
“สวัสดีคะ...คุณกังสดาลใช่ไหมคะ รอสักครู่” เสียงปลายสายเหมือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์
“จะหลอกอะไรอีกล่ะ...!!!” หญิงสาวชิงพูดขึ้นไม่ทันฟังเสียงปลายทาง
“ผมจะให้ผ่าน หรือ ให้ F ดีนี่...” เสียงชายหนุ่มคนเมื่อวานดังขึ้น
“ขอประทานโทษค่ะ...” เสียงหญิงสาวอ่อนลงสำนึกผิด
“พรุ่งนี้มาที่ทำงานบ่ายสองโมง มานำเสนอใหม่” เสียงห้วนของเขาตอบกลับมาแล้ววางหูทันที ยังไม่ทันที่เธอจะรับคำ
หลังจากมื้อค่ำกังสดาลบอกย่าว่า จะรีบขึ้นไปเตรียมตัววันพรุ่งนี้ เธอต้องทำให้ย่าดีใจให้ได้ เธอใช้เวลาเตรียมข้อมูลเพื่อนำเสนอใหม่เกือบถึงเที่ยงคืน เพราะแน่ใจว่าต้องเจอดีกับนายคนนั้นอีกอย่างแน่นอน ไม่รู้จะงัดทีเด็ดอะไรมาค่อนแคะเธออีก
หญิงสาวเดินทางไปถึงตึกสำนักงานช่วงเที่ยง เธอไปแวะทานข้าวร้านเดิมซึ่งวันก่อนลืมจ่ายค่าอาหาร
“เอ้า...ชาเขียวมะนาว” เสียงเขาคนเดิมมามุกนี้อีกแล้ว แต่นาทีนี้ช่างแตกต่างจากคนที่ใส่แว่นตากรอบดำคนนั้น เขาเป็นคนซับซ้อนอย่างที่ลุงหมอดูทำนาย
“ค่า...รับไว้ดีไหมนี่...นายแว่นกรอบดำ” เธอตอบกวนๆ กลับไป
“ทักผิดคนล่ะ” เสียงนี้ทำหญิงสาวลุกยืนเงยหน้ามองกลับไป เขาสูงถึง 180 ซม. ทำให้เธอจำเป็นต้องยืนขึ้นจะได้เห็นหน้าชัดๆ
“เออ...ใช่ผิดคนจริงๆ” เธอเกือบตามมุกของเขาไม่ทัน เขาไม่สวมแว่นตา สีหน้าแววตาล้อเล่นกะล่อนเหมือนพวกต้มตุ๋น
“ถามอย่างหนึ่งนะ...ก่อนเข้าออฟฟิศ มีกี่บุคลิกกันแน่...ตามไม่ทันนะคะท่าน” เธอถามตรงๆ และจ้องตา แววตาของเขาดูพิลึกมาก
“เอาไหม หรือโยนทิ้งก็ได้นะ” เขายังยื่นส่งแก้วพลาสติกชาเขียวให้เธอ
“ค่ะ...” หญิงสาวรับมาและนั่งลง เขาลากเก้าอี้ออกมาหย่อนตัวนั่งลงข้างเธอ
“วันก่อนผมจ่ายค่าข้าวให้แล้ว วันนี้ผมเลี้ยงเอง เผื่อคุณไม่ผ่าน จะได้...” เขาหยุดคำพูดทันที
“ยังไง...จะไม่ผ่านอีกเหรอ” หญิงสาวใจสั่น เธอคงจะโดนแกล้งต่ออีก นึกแล้วโมโห เธอลุกยืนเดินออกจากร้านทันที อารมณ์อยากคุยด้วยไม่มีอีกต่อไป
“อย่าลืมแต่งหน้าให้สวยล่ะ...” เขาพูดไล่หลังหัวเราะหึ...หึ
กังสดาลกลับไปออฟฟิศเจอคุณบิวพี่เลี้ยง เธอสั่งให้หญิงสาวไปห้องน้ำแต่งหน้าให้
มีสีสันและปรับอารมณ์อย่าให้ตื่นเต้นเกินไปและแล้วเธอก็โดนจนได้ในช่วงตอบข้อซักถามของการนำเสนอ
“หากมีข้อเสนอแนะ คุณมีวิธีการปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้าง” เสียงนายแว่นกรอบดำถามแทงใจดำอีกแล้ว กังสดาลตอบแบบมั่นใจอย่างเป็นข้อๆ ทั้งหมด 5 วิธี และวิธีการสุดท้าย
“ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนที่จะนำไปปรับปรุงค่ะ”
“ขอวิธีการด้วยครับ”
“จำลองวิธีการ เพื่อพิสูจน์ก่อนนำไปใช้ปรับปรุงค่ะ” หญิงสาวตอบไปโดยไม่คิดว่าเขาจะเห็นด้วย
“เอาล่ะ...ผมสรุปการประเมินทั้งหมด...ให้คุณผ่านการฝึกงานที่บริษัท” เขาตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ กังสดาลปลื้มใจจนน้ำตาซึม
“สี่โมงครึ่ง ไปพบผมที่ห้องทำงาน” เขาสั่งเธอห้วนๆ ขณะกำลังจะเดินออกห้องประชุมไป
ได้เวลานัดหมายกังสดาลกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นผู้บริหาร และเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องรองประธานฝ่ายบริหาร
“เชิญ...คุณกังสดาล” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นขณะเปิดประตูออกมา เจอสาวน้อยฝึกงานเข้าพอดี สายตาเธอกับเขาประสานกัน เธอบอกได้เลยว่า แววตาของเขามีแผนอะไรลึกลับซ่อนอยู่ในนั้น เขาไม่รีรอเปิดการสนทนาเมื่อหญิงสาวนั่งลงตรงโซฟาที่ถัดจากโต๊ะทำงานของเขา
“เย็นนี้ผมจะขอตามไปบ้านคุณ”
“ฮะ...อะไรนะ...ไปทำไม” กังสดาลขมวดคิ้วสงสัย
“ไปเจอครอบครัวคุณ” สีหน้าของเขาเคร่งขรึมผิดกับตอนเที่ยง
“เพื่ออะไรไม่ทราบค่ะ”
“เอ้า...เราจะแต่งงานกันไม่ใช่รึ” เขาพูดเหมือนตกใจ
“ท่านคะ...ฟังก่อนนะ เรายังไม่เคยรู้จักกันเลย จะเป็นไปได้หรือ”
“ผมจะทำให้เป็นไปได้”
“ลุงหมอดู...บอกคุณแล้วสินะ” ชายหนุ่มวกกลับเข้าเรื่องความเชื่อ
“เรื่องวันเกิดอะไรนั่น...จริงๆ แล้ว ดิฉันโกหก” หญิงสาวตอบบ่ายเบี่ยง
“พอดีมันเข้าล็อก ผมยินดีให้มันเป็นแบบนั้นซะด้วยสิ” ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจทันที เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนลึกลับอย่างที่ลุงหมอดูบอกไว้ที่ไลน์
“ไม่เคยเจอใครตลกหน้างานได้เหมือนท่านเลยนะคะ” หญิงสาวพูดเสียดสี
“ใช่ผมเคยเล่นตลกมาก่อน...คุณเป็นหนึ่งในคณะตลกจำไว้” เสียงของเขาดูจริงจัง
“เอ่อ...อ่ะ...ที่บ้านมีคุณย่าคนเดียว ท่านไม่เคยรู้ว่าหลานคนนี้มีแฟนมาก่อน จะทำยังไงดีล่ะ” หญิงสาวเอ่ยเหมือนปรึกษา
“จะยากอะไร...ก็จำลองวิธีการอย่างที่คุณตอบผมไง” ชายหนุ่มทำเสียงล้อเลียน ตอนนี้เขาดูหลุดโลก หมดมาดผู้บริหารอย่างสิ้นเชิง
หญิงสาวเดินออกมากดลิฟท์ลงไปรอที่ลอบบี้ของตัวตึก ความคิดลอยวกวนไปมาว่าจะพูดยังไงให้ดูเนียนแบบย่าคงเชื่อบ้าง
“ไป...รถมาจอดที่หน้าตึกแล้ว” ชายหนุ่มเดินตรงมาที่หญิงสาวนั่งอยู่
“ค่ะ...” กังสดาลใจลอยระหว่างเดินตามเขาไปที่รถ เธอเดินสะดุดเกือบล้มตรงหน้าตึก ชายหนุ่มเข้ามาจับข้อมือไว้ทัน
“ซุ่มซ่าม...จะพาผมล้มไปด้วย” เขายังดูตลกสำหรับหญิงสาว
“คุณ บอกทางให้คนขับรถด้วย”
“ขอนั่งหน้านะคะ” หญิงสาวเดินเลี่ยงไปเปิดประตูข้างคนขับรถ
“ตามใจ...จะเป็นแบบนี้ถึงวันเป็นเจ้าสาว...รึเปล่า” ชายหนุ่มทำเสียงเคืองๆ
รถมาจอดหน้าบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ หลังหนึ่งแถวชานเมืองแถบปทุมธานี หญิงสาวเปิดประตูรั้วเหล็กให้ชายหนุ่ม เธอเปิดประตูบ้านที่งับไว้ มองเข้าไปเห็นย่ากำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก นางมองตรงมาที่หลานสาวและชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างจับจ้อง
“นั่นพาใครมาด้วยล่ะ” ย่าส่งเสียงต้อนรับ
“สวัสดีครับ...ผม วิชพันธ์ ...เพื่อนของกังสดาล” ชายหนุ่มแนะนำตนเอง ทำหญิงสาวใจชื้นทันที
“ค่ะ...ที่หนูพูดถึงเมื่อคืน” เธอเล่นละครตามเลย
ชายหนุ่มยกมือไหว้ย่าของเธอ แล้วโอบเอวหญิงสาวเดินเข้าไปหาผู้สูงวัยที่กำลังส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม
“มา...มานั่งข้างย่า ถามอะไรหน่อย รู้จักหลานฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เคยมาให้เห็นหน้าเลย”
“ผมเรียนอยู่เมืองนอกครับ”
“เอ้า...เหรอ รู้จักกันยังไง”
“เรารู้จักผ่านเพื่อนรุ่นพี่ผมเอง เขาแนะนำให้คุยกัน”
“ไม่เคยเจอตัวจริงๆ กันเลยรึ”
“ครับ...ผมเพิ่งกลับมา เลยนัดเจอกัน แต่เราคุยกันมาปีกว่าแล้ว” ชายหนุ่มเล่นละครตีบทแตก จนหญิงสาวร้องในใจ ยกให้เป็นพระเอกเลยงานนี้
“จะแต่งกันเลยรึ รอยัยเบลเรียนให้จบก่อนดีกว่าไหม เห็นว่าไม่ผ่านวิชาสุดท้ายอะไรนี่ล่ะ”
“กำลังจะบอกย่าอยู่ว่า... วันนี้หนูผ่านแล้วค่ะ” เธอเข้าไปกอดย่าน้ำตาซึมขอบตา
“ดีใจด้วย...หลานเก่งมาก” ย่าชมเธอต่อหน้าชายหนุ่ม
“ผมจะเชิญคุณย่าไปพบคุณพ่อผมวันอาทิตย์นี้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“เอ้า...ตัดสินใจดีแล้วหรือ” ผู้สูงวัยที่ผ่านโลกมานานขนาดนี้มองชายหนุ่มด้วยสายตากึ่งไม่เชื่อใจ
“ครับ...” เสียงตอบอย่างจริงจังของเขา แล้วย่าหันไปมองหน้าหลานสาว
“เบล...แกแน่ใจแล้วรึ” ย่าจ้องแววตาของหลานสาวแบบไม่เข้าใจ
“ค่ะ...” กังสดาลทำตัวงอและไม่ยอมสบตาย่า
“เราพาย่าออกไปกินข้าวข้างนอกกันดีกว่านะ” เขาเสนอตัว
ย่านั่งรถออกไปไม่พูดอะไรเลย มีแต่เขาคนเดียวที่ซักถามครอบครัวของหญิงสาว คงมาเก็บข้อมูลไว้สำหรับวันอาทิตย์นี้
ระหว่างกินข้าวกัน เขาขอนั่งข้างๆ และเอามือถือแสกนไลน์ของหญิงสาว เพราะต้องการคุยกับเธอหลังจากนี้ ก่อนที่เขาจะพาทั้งสองคนไปพบคุณพ่อบ่ายวันอาทิตย์
กลางดึกเขาส่งข้อความมาที่ไลน์ของกังสดาล
“ผมอยากให้คุณ...มาทานข้าวกับผมทุกเย็นก่อนที่จะมาเจอกับคุณพ่อผม”
“ทำไม...แค่นี้ยังไม่เนียนพอรึไง”
“ผมอยากเอารูปเราส่งให้คุณพ่อดู...”
“พรุ่งนี้ผมจะไปรับที่บ้าน”
“อย่าเลย...ไปเจอที่ร้านก็ได้ค่ะ ย่าจะจับโป๊ะได้”
“หมายความว่ายังไง ...”
“เกิดเผลอ เรื่องจะแตกนะสิคะ ท่านรองประธาน”
วิชพันธ์เลยได้ทราบประวัติครอบครัวสาวน้อยฝึกงานคนนี้พอคร่าวๆ เพื่อจะได้ไปปูทางให้พ่อของเขารับรู้บ้าง
ก่อนถึงวันอาทิตย์ที่นัดหมายผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไว้ บังเอิญเขาถูกพ่อถามขึ้น
“สาวคนนี้ แกแน่ใจรึ...” ประพันธ์มองหน้าลูกชายคนเดียว เขาไม่ค่อยแน่ใจ
“ครับ...”
“เห็นแกพาไปหาหมอดูมาหลายคนแล้ว”
“ผมทำตามพ่อแนะนำทุกอย่าง...”
“เอ้า...มาโทษพ่ออีก”
“คนจะคู่กัน...มันมีเหตุให้ต้องมาเจอ ไม่ใช่ รักจำลอง อย่างที่แกพยายามสร้างขึ้น”
“ผมจะไม่ให้มันเป็นจริง!!!”
“เกิดมันเป็นจริงขึ้นมา ใครที่เสียใจ...ถ้าไม่ใช่คนสองคน... พ่ออยากเตือนนะ” ประพันธ์ไม่เห็นด้วยแต่ยอมตามใจลูกชาย
ค่าตัวสูงลิ่ว ต้องคุ้มค่า--------------------------------วิชพันธ์นัดกังสดาลให้มาเจอกันในร้านข้าวใกล้ตึกสำนักงานของชายหนุ่ม ที่เขาจ่ายค่าอาหารให้เธอถึงสองครั้ง“นี่...ชาเขียวมะนาว...” เธอกำลังคิดถึงข้อความในไลน์เมื่อคืน สะดุ้งเมื่อมีแก้วพลาสติกทรงสูงยื่นตรงหน้าเธอ“ไม่มีถุงหูหิ้ว...รึคะ”“ถ้าไม่เอา...ครั้งนี้จะเทใส่” เธอลุกขึ้นยืนจ้องหน้าเขาอย่างฉุนๆ เธอกระโดดโหยงเมื่อเขาเอาจริง“นี่...อะไรแกล้งกันไม่เลิก” เธอส่งเสียงดังจนเจ้าของร้านมองมาที่สองคน ขณะนี้ร้านกำลังจะปิด จึงมีแค่เขากับเธอเท่านั้น“ไม่ได้แกล้ง แต่ทำจริงๆ” เขาคะยั้นคะยอให้หญิงสาวรับแก้วชาเขียวมะนาวจากเขา“ไม่อยากดื่มค่ะ...” กังสดาลตอบเบาๆ“ทำไม...อยากสวยไม่ใช่รึ” เขายังข้างๆ คูๆ แค่ชาเขียวมะนาวมันจะทำให้ดูสวยขึ้นทันตาอย่างนั้นหรือ“ท่านรองประธานคะ ดิฉันไม่ตลกด้วย”“นี่...ตลกแน่นอน” เขาเทน้ำชาเขียวรดหัวไหล่ของหญิงสาว เธอจ้องหน้ากลับอย่างเดือดดาลที่เขาทำเสื้อผ้าเธอเลอะเทอะ“คุณเคยสอนว่า ควรให้เกียรติคนอื่นในที่ประชุม แล้วทำซะเอง” หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้วิชพันธ์ไม่พูดอะไรอีก เขาดึงข้อมือของหญิงสาวเดินไปที่รถของเขาที่กำล
โหวงเฮ้ง...แบบไหน จึงเหมาะสม เป็นตำนานระดับพรีเมี่ยม...ขอยกนิ้วให้ที่ยังมีคนงมงายในยุคนี -------------------------------- “เอ้า...นี่ชาเขียวมะนาว แก้หน้าแก่ก่อนวัย” เสียงใครไม่รู้เอ่ยขึ้นก่อนเอาแก้วพลาสติกทรงสูงพร้อมหลอดอยู่ในถุงหูหิ้วยื่นมาตรงหน้า “อย่ากวนบาทา ยิ่งกลุ้มอยู่” เสียงหญิงสาวตอบไม่มองหน้าแต่เอามือกุมขมับ เธอนึกว่าเป็นเพื่อนฝึกงานในแผนกไอทีที่ยังช่วยแก้ไขวิดีโอที่ต้องนำเสนอบ่ายนี้ไม่สำเร็จ “นี่...บาทา เอาเลย” เสียงอีกฝ่ายยกเท้าเตะที่ขาเก้าอี้หญิงสาว ทำให้เธอสะดุ้งจากใจลอย ลุกขึ้นยืนเงยหน้าขึ้น “เฮ้ย...นายมาทำอะไรแถวนี้ ไอ้แก๊งมิจฉาชีพ...!!!” กังสดาลส่งเสียงตกใจ เธอเผลอด่าออกไปแรงมาก “ตามเธอคนเมื่อวานมาถึงนี่ล่ะมั้ง” เขายังทำเสียงยั่วเธอต่อ “เฮ้ย... วันนี้จะตามไปหลอกถึงบ้านล่ะสิ” กังสดาลใจเต้นกลัวอย่างบอกไม่ถูก “เอาชาเขียวไปดื่มให้สดชื่นก่อน...นี่หน้าเหี่ยวแก่ล่ะ” คำพูดของเขาถึงกับทำให้เธอสะดุ้ง เธอรีบเปิดกระเป๋าหยิบกระจกพับอันเล็กออกมาส่องดู “เออ...อย่ามายุ่ง” เธอปัดแก้วน้ำหกต่อหน้าชายหนุ่ม ลุกเดินหนี กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากร้านทันที กังสดาลมีเวลาเหลืออีกแค่สองชั
ความยุ่งยากในชีวิต มันเริ่มแต่ต้นแล้ว และยอมรับให้มันค่อยซับซ้อนมากขึ้นไปอีก--------------------------------กังสดาลถูกย่าถามระหว่างกินข้าวมื้อเช้า“ค่าสินสอดอะไรกันขนาดนั้น แกไปพูดอะไรให้เขาหลงเชื่อ” ย่าจ้องแววตาของหลานสาว“เขาคงเชื่อหนูล่ะค่ะ”“เชื่ออะไรแก...บอกมา”“เชื่อว่าหนูคงอยู่กับเขาไปชั่วชีวิต” หญิงสาวอมยิ้มขณะตอบย่า“อ้อ...แกกลัวว่าย่าจะแถมกะละมังนั่นใช่ไหม” ย่าชี้ไปที่กะละมังในครัว“ไม่หรอกค่ะ...สมัยนี้แล้วจะอายไปเพื่ออะไร”“อย่างน้อยเขาจะไม่ได้มองย่าว่าสอนหลานให้...เลว”“ย่าขา...แรงนะคะ” เธอเดินไปตบฝ่ามือเบาๆ ของย่า ขณะเก็บจานข้าวบนโต๊ะ“หนูจะเอาเก็บไว้รักษาย่าวันข้างหน้านะคะ” กังสดาลไม่คิดว่าจะเอาไว้ทำอะไรเพื่อตนเอง อยากตอบแทนพระคุณที่มีย่าคอยดูแลมาจนโต“ย่าหนักใจ...”“คิดมากไป ทุกข์เปล่าๆ ค่ะ” หญิงสาวไม่อยากคิดถึงคำพูดเมื่อคืน“เขาจะข่มเหงเรา...รู้ไหม”“ย่าจะกลัวอะไร...หนูอยู่ทั้งคน เราสองคนจะย้ายไปอยู่บ้านเขานะคะ”เสียงย่าบ่นพึมพำ กังสดาลเก็บชามใส่กะละมังเข้าครัวไปล้างและเก็บเข้าตู้เสียงข้อความในไลน์ดังขึ้น เธอไม่สนใจที่จะเปิดอ่าน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากนั้น“คุณ
ตราบาปจากเกมมายาแห่งเงินตรา ทำให้คนบริสุทธิ์คนหนึ่งตกเป็นเหยื่อ--------------------------------กลับถึงบ้านกังสดาลเห็นย่ายังไม่เข้านอน นั่งดูทีวีรอเธออยู่ตรงโซฟารับแขก“เป็นยังไงบ้าง...เจอย่าของเขาแล้ว” คำถามของย่าเหมือนรู้คำตอบแล้ว“ย่ารู้จัก...คุณย่าศรีนวลหรือคะ”“ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้ว” ย่าเอ่ยขึ้นเบาๆ“เอ้า...” เสียงของหญิงสาวกึ่งตกใจ“พ่อหนุ่มมาคุยวันแรก ฉันถามประวัติ รู้เลยว่าแกจะต้องเจออะไร” ย่าทำเอากังสดาลหวั่นใจ“อะไรเหรอคะ”“งูเห่า...นะสิ” ย่าไม่เห็นว่าตอนนี้หลานสาวกำลังอ้าปากค้าง“เราต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านเขา” หญิงสาวพูดอย่างตกใจ“แกกลัวล่ะสิ...”“ไม่ค่ะ...ย่าพูดแบบนี้ หนูจะสู้”“แบบไหน...ยัยเบล”“งูต้องเจอพญานาค...ไม่ใช่รึคะ” หลานสาวของย่าทำท่าพญานาคชูคอ“เออ...ระวังมันเล่นแกทั้งรัง แกตายเลย” ย่าทำเสียงเยาะเย้ย“ย่าคะ...หนูว่าไปหาหมอดูโหงวเฮ้งคนนั้นดีไหม...เผื่อเขาจะได้เตือนเราไว้ก่อน”“ไปทำไม...แกเรียนสูงขนาดนี้ ให้หมอดูมันหลอกกินเงิน”“เอ้า...หนูนึกว่าย่าจะเห็นด้วย”“นาง...ศรีนวล มันเชื่อหมอดูอย่างกับเทวดา”“ฮ่า...มิน่าล่ะ...หลานชายแบบ งมงายเลย..ค่ะ”“พาแกไปผูกดวงสมพงศ์ด้
ความเจ็บปวดร่างกายมากมายเพียงใด ยังไม่เท่าความขมขื่นจากการถูกทำร้ายจิตใจ -------------------------------- ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายยืนอยู่หน้าห้องของชายหนุ่ม ย่าศรีนวลและย่าลำดวนซึ่งเจอกันตั้งแต่พิธีช่วงเช้า ต่างยังสงวนท่าทีไม่ยอมเสียเปรียบกัน ได้แต่แอบมองกันอย่างเฉยเมย หลังจากทักทายพอเป็นพิธี ขณะนี้ทั้งสองกำลังทำหน้าที่เป็นประธานในฐานะญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝั่งที่เกี่ยวดองกันแล้ว “ย่า...ขอให้เราทั้งสองอยู่กันดีๆ มีหลานให้ย่าไวไวนะ...ตาวิช” ย่าศรีนวลเหลือบมองย่าลำดวน ก่อนชิงกล่าวอวยพร “ครับ/ค่ะ...คุณย่า” ทั้งสองพนมมือไหว้รับพร “ย่า...อยากฝากหลานสาวคนนี้ให้ดูแล...อย่ารุนแรงกับเธอนะ...ย่าไม่ขออะไรมากไปกว่านี้” น้ำเสียงของย่าลำดวนกึ่งๆ ขอร้อง “ย่า...คะ อวยพรแบบนี้...หนูขอถอนหายใจได้ไหม” กังสดาลแอบมองหน้าเจ้าบ่าว “ครับ...ผมจะเบาๆ ตั้งแต่คืนนี้” เสียงของเขาหยอกล้อคุณแก่ ทำทุกคนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน โดยเฉพาะคุณประพันธ์เข้ามาโอบกังสดาล และกอดลูกชายของเขาตบหลังเบาๆ “ตาวิช...ค่อยไปนะ จะมีลูกเร็วจนพวกเรา...แย่งกันอุ้มหลานไม่ทัน” คุณพ่อของเขาหัวเราะเบาๆ ขณะหันมามองหน้าหญิงสาว ทำเธอหน้าเปลี่ย
หน้าที่ในนาม ...ที่เราไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้--------------------------------ตกค่ำกังสดาลทราบว่าคุณประพันธ์ได้เดินทางไปสิงคโปร์แล้วกับคุณอาอุมาตั้งแต่บ่าย วิชพันธ์อยากพากังสดาลออกมาทานข้าวนอกบ้านเพื่อไม่อยากให้หญิงสาวคิดมากกับเรื่องภายในครอบครัวของเขา“ชวนย่าไปด้วยสิคะ...กลัวว่าท่านจะเหงา”“ผมถามท่านแล้ว ย่าบอกว่าไปหาความสุขกันเถอะ” เขามองหน้าเธออมยิ้ม“หมายความว่ายังไง”“เอ้า...ใครเขาจะมาเป็นก้างขวางคอเราล่ะ” เขาจ้องแววตาเธอ“ย่าบอกว่า ให้ผมรีบมีลูก”“อะไรกันคะ...ท่านรองประธาน” หญิงสาวขึ้นเสียงเสียดสี“ท่านคงแก่ๆ กันแล้ว เห็นว่าอยากไปเริ่มมิตรภาพกับย่าศรีนวลอีกครั้ง” ชายหนุ่มคงได้รับรู้แล้วว่าย่าทั้งสองเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนเขาขับรถพาเธอไปโดยให้ลุงสนได้พัก เขาน่าจะมีอะไรคุยกับเธอส่วนตัว“คุณพ่อจะไปปรึกษาหมอที่เป็นเพื่อนของคุณอาที่นั่น เรื่องของผมด้วย”“คุณอาแนะนำให้ผมกับคุณบินตามไปที่ซิดนีย์ สัปดาห์หน้า”“เพื่อ...???” กังสดาลมองหน้าด้านข้างที่เรียบ แววตานิ่งเฉย“ผมมีลูกไม่ได้!!!”“อะไรนะ???” กังสดาลทำเสียงตกใจ“คุณก็เห็นแล้วเมื่อเช้าว่าผมเป็นอะไร” น้ำเสียงของเขาเศร้ามาก“ที
ความทรงจำแสนเจ็บปวด... คือแผลในใจที่บาดลึก -------------------------------- หลังจากที่วิชพันธ์ออกไปทำงานแล้ว กังสดาลถามย่าเรื่องภายในครอบครัวของเขา “ฉันอยากเตือน...ครอบครัวนี้มันยุ่งอีรุงตุงนังไปหมด ยิ่งกว่ารังงูเห่า...” “โห...ถึงขนาดนั้นเลย” “ฉันได้ยินมาว่า นางศรีนวลนี่ล่ะ ที่ทำให้ประสานผิดใจกับลูกๆ เรื่องพินัยกรรม” “แล้วเรื่องมันลามมาถึงหลานด้วยไหมคะ” กังสดาลเข้าใจว่าผลกระทบน่าจะมาถึงวิชพันธ์ด้วย “ฉันไม่ได้รู้อะไรมากกว่านี้” “เอ่อ...เมื่อวานหนูเจออาของเขาที่ร้านอาหาร” “ชื่อคุณอาอนุพันธ์ นั่งทานข้าวกับผู้หญิงที่ชื่อระพี” เธออยากรู้ว่าย่ารู้จักคนนี้ไหม “น่าจะเป็นลูกนางศรีนวลกับประสาน” “เท่าที่รินเล่าให้ฟัง ดิษยาเป็นลูกสาวของอาระพี” “เหรอ...รินจะแต่งงานวันไหน ย่าลืมแล้ว” “วันเสาร์นี่ละค่ะ” บ่ายสี่โมงกังสดาลแปลกใจที่เห็นลุงสนคนขับรถมาจอดเทียบลานหน้าประตูบ้าน เธอได้บอกวิชพันธ์ไปแล้วว่าจะเดินทางไปเอง เพราะยิมของดิษยาไม่ได้ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าเท่าไหร่ “คุณวิชให้ผมกลับมารับคุณหนูเอง...ครับ” “ลุงคะ...แวะร้านคุณอาอุมาด้วยนะคะ” เธอเกือบลืมที่เขาเขียนสั่งมาที่ไลน์ เพราะเธอไม่มีชุด
การแต่งงานเหมือนฝันฮันนีมูน ที่คนสองคนกำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน--------------------------------กังสดาลถูกสามีในนามอุ้มเธอมาที่เตียงนอนของเขา เขาพยายามจะทำให้เธอระงับความเศร้าสร้อย“คืนนี้นอนกับผมบนเตียงนี้เถอะ” น้ำเสียงของเขานุ่มทุ้ม ทำให้เธอยังสะอื้นต่อเบาๆ“อย่าร้องไห้... ผมยิ่งรู้สึกทุเรศใจมาก” เขาเอานิ้วรีดน้ำตาของเธอที่ไหลเป็นสายเขาพยายามกอดเธอไว้แน่นเอาหน้าซุกตรงหัวไหล่ของหญิงสาว เขารับรู้จากแรงสั่นสะท้านของตัวเธอ จึงมองหารีโมทเพื่อปรับอุณหภูมิไม่ให้เธอหนาวเหมือนคืนวาน“นอนเถอะ...คุณคงเหนื่อยมาก กินข้าวน้อยอีก”“ไม่ค่ะ...อยากทำต่อตามสัญญาก็ได้นะ” เสียงเธอยังสะอื้นเบาๆ“อย่าเลย...บรรยากาศไม่เอื้อแล้วล่ะ”เธอเพลียมากหลับปุ๋ยไปจนถึงเช้าบนเตียงนอนของเขา ไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขาลุกออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มาสะดุ้งอีกทีตอนชายหนุ่มกระซิบข้างหูเบาๆ“ผมอยากให้ชีวิตเหมือนฝัน...” เสียงของเขาดูมีชีวิตชีวาแต่เช้า“ยังไงคะ”“คุณพ่อส่งข้อความมา...”“เราต้องไปซิดนีย์อาทิตย์หน้า จำได้ไหม”“ค่ะ...เรื่องนั้นรึ”“เพื่อนของคุณอาแนะนำหมอคนหนึ่งให้ได้แล้ว” ชายหนุ่มจ้องแววตาเธออย่างปรีดา“ยินดีด้วยนะค
มันเจ็บลึกฝังเป็นตัวหนังสืออยู่กลางใจ พอเปิดใจครั้งใดเหมือนเปิดหนังสือหน้านี้ทุกที--------------------------------กังสดาลเจอหน้าของวีระพันธ์ที่โต๊ะกินข้าวตอนเช้า เธอไม่อยากพูดด้วยกำลังหันหลังจะเดินไปที่ครัว เขารั้งข้อศอกเธอไว้“มีอะไรว่ามา...ไม่ต้องถูกเนื้อต้องตัว” เธอหันไปปัดมือเขาออกอย่างไม่พอใจ“พี่วิช...เขียนมาด่าผมหาว่า ลวนลามคุณ”“ใช่ ฉันฟ้องคุณวิชเองเมื่อวันก่อน”“ทำไมต้องขนาดนั้น...เราคุยกันได้”“ถ้าทำบ่อยๆ อย่าหาว่าไม่เตือนนะ”“จะทำอะไรผมได้...”“จะดีดให้สลบคาบาทา”“รู้ไว้นะ...ฉันไม่ชอบคนนิสัยไม่ดี”“โอย...พี่สะใภ้ครับ แค่ล้อเล่นทำเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต”“โน่น...ไปล้อเล่นกับเดซี่ ไม่ใช่ฉัน”เธอหันหลังเดินขึ้นบันไดชั้นบนไม่เหลียวหลัง ได้ยินเขาบ่นพึมพำเบาๆ“พี่วิช...จะทำอะไรได้ ยังทำเป็นเล่นตัว อีกไม่นานโดนทิ้ง จะร้องไห้วิ่งมาหาเรา...ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาหุบปากทันที เมื่อคุณพ่อเดินมาได้ยิน“เป็นอะไรหัวเราะร่า...มีสาวใหม่ตามมาถึงนี่ เลยเบิกบานล่ะพ่อ” ลุงเขาเยาะเย้ย“โน่น...สะใภ้คุณลุง สาวพีเรียดยุคคุณย่า” เขาเสียดสีกลับ“เบล...เธอเป็นคนดี และอย่าทำให้ตาวิชมีปัญหา ลุงอยากเตือนให้รู้จ
ทั้งครอบครัวถูกคนคนเดียวระรานใจจนร้าวฉาน--------------------------------กังสดาลเหมือนคอยถูกจับตาจากน้องชายของสามีตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ถูกชายหนุ่มคนนี้จับจ้องจนเธอรู้สึกอึดอัด เมื่อสามีวิดีโอคอลมาคุยกับเธอตามที่เขาได้สัญญาไว้หลังจากถึงเมืองไทย เธออดรนทนไม่ได้ฟ้องเขาทันที“คุณวิชคะ...ขอฟ้องอะไรนิดนะคะ” เธอทำเสียงเรียบเฉยไม่ให้เขารำคาญใจ“เรื่องอะไร...ไอ้วีทำอะไรคุณ” เขาเสียงขุ่นทันที“ชอบลวนลาม...เบล” เธอทำเสียงกระเง้ากระงอด“ไอ้นี่...สั่งมันแล้วนะ”“เบล...อย่าโกรธนะ คุณเคยไปให้ท่ามันบ้างไหม” เขานึกถึงคำพูดของดิษยาขณะนั่งคู่กันอยู่บนเครื่องบิน “พูดอะไรบ้าๆ...” เธอนึกโมโห ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาแม้จะแต่งงานกันในนาม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอมันเกินเลยมาไกลแล้วอย่างที่เขาเอ่ยเมื่อวันก่อนนั้น จนเขาเรียกเธอว่า ภรรยาโดยสมบูรณ์ น่าจะรู้ว่าเธอเป็นคนนิสัยอย่างไร“พรุ่งนี้ผมจะไปยิมชกมวย...ขออนุญาตแล้วนะ” เขาเปลี่ยนเรื่องทันที เมื่อรับรู้ความรู้สึกไม่สบอารมณ์ของภรรยาในนามของเขา“เชิญตามสบายค่ะ...มีอะไรคืบหน้าบอกด้วยนะคะ” กังสดาลนึกแล้วว่าเขายังไม่ทิ้งความสัมพันธ์กับเธอ ยังไงเขาก็เคยคบ
ปล่อยหัวใจไว้กับคาสโนว่าจอมเกเร--------------------------------พรุ่งนี้ถึงกำหนดที่วิชพันธ์ต้องเดินทางกลับไปสะสางงานที่เขาทิ้งมาเกือบสองอาทิตย์ เขาบอกกังสดาลวันเดินทางกลับให้หาข้อมูลเรื่องการเรียนต่อให้เรียบร้อย เขาอาจไม่มีเวลาพูดคุยช่วงเวลากลางวัน แต่จะพยายามวิดีโอทุกคืนก่อนเธอเข้านอน “ผมจะฝากให้วี มันช่วยดูแลเรื่องคอร์สภาษา” เขาเปรยกับเธอให้ติดตามข้อมูลกับน้องชายของเขา“ค่ะ...โอลี่น่าจะช่วยได้ดีกว่าค่ะ” เธอแย้งเขา เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องให้น้องชายเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องนี้“ผมสั่งมันไว้แล้ว... อย่าไปยุ่งผัวชาวบ้าน!” เสียงหงุดหงิดฟังดูเหมือนเสียดสีเธอ“ท่านรองประธานคะ...สุภาพหน่อยนะคะ นั่นเพื่อนคุณนะ” เธอรู้สึกว่าในใจเขาคิดอะไรกับเพื่อนออสซี่คนนี้หลังจากมื้อค่ำที่อาอุมากลับมาดูแล กิ๊กของคุณพ่อคนนี้มีฝีมือการทำอาหารไทยเมนูสุขภาพบริการสมาชิกทุกคนในครอบครัว“อา...อยากให้คุณวิชและหนูเบล ลองผักกับปลานึ่งเมนูสมุนไพรนี้...หอมและดีต่อสุขภาพ พวกหนูควรมีลูกเร็วๆ นะคะ คุณพ่อท่านอยากอุ้มหลานแทบทนไม่ไหวแล้ว” อาอุมาจ้องหน้ากังสดาลอย่างกังวล“ค่ะ...หนูชอบทานผักอยู่แล้ว”“คุณวิช กลับไป…หนูเบ
อยากทดสอบว่า เป็นคนที่ใช่...จะไม่เข้าใจไปเอง--------------------------------ต้นสัปดาห์ถัดมาวิชพันธ์บอกกังสดาลขณะเขากำลังทานข้าวก่อนจะพาเธอไปพบดอกเตอร์ลิเดียด้วยกัน“คุณอาอุมาจะบินมาดูแลคุณพ่อพรุ่งนี้ ปลายสัปดาห์ผมจะบินกลับพร้อมเดซี่” เขาพูดขึ้นเบาๆ ช่วงที่คุณพ่อทานเสร็จลุกจากโต๊ะกินข้าวเข้าห้องหนังสือไปแล้ว“รับทราบค่ะ” เธอจ้องตาเขาอย่างเฉยเมยตั้งแต่งานปาร์ตี้วันนั้นเป็นต้นมา เขาเงียบไม่ค่อยคุยหยอกล้อและเข้ามาใกล้เธอเลย เขาทำตัวเฉยเมยจนเธอรู้สึกว่าเขาคงรู้สึกผิดต่อเธอ แต่มันไม่ใช่อย่างที่เธอเข้าใจจากคำพูดขณะนี้“อย่าเข้าใจผิดล่ะ...ผมจะกลับไปทำงาน เดซี่เธอมีธุรกิจที่ยิมชกมวยนั่น” เขาเอ่ยขึ้นโดยที่เธอยังไม่ทันได้ถามอะไร“ค่ะ...เข้าใจคุณสองคนมากพอแล้ว” เธอพูดไม่สบตา เก็บถ้วยชามเพื่อเอาไปล้าง “วันนี้...เราจะไปพบหมอลิเดียด้วยกัน” เขาจับมือรั้งไว้ก่อนที่เธอจะยกชามทั้งหมดไปล้าง“ค่ะ...คุณไปเตรียมตัวเลย จะตามขึ้นไปค่ะ” เธอพูดขึ้นขณะก้มหน้าเดินไปที่ซิงค์ล้างชามกังสดาลขึ้นมาเปิดประตูห้องเบาๆ เดินเข้าไปไม่เห็นเขา จึงโผล่หน้ามองเข้าไปเห็นเขานอนหลับตาแช่อยู่ในอ่างน้ำ เขาดูเป็นคนที่โปรดปรานการ
อยากจะไปหาความสุขที่ไม่ได้รับการยินยอมให้พึงระลึกถึงความทุกข์ที่จะตามมานั้นด้วย--------------------------------กังสดาลตื่นขึ้นกลางดึกเธอพยายามมองหาสามีของเธอท่ามกลางความมืดของห้อง ด้วยความสงสัยเลยลุกจากเตียงเดินเข้าไปมองหาในห้องน้ำ ปรากฏว่าไม่มีเสียงน้ำดูเงียบว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวาจนเธอรู้สึกใจหาย เขาน่าจะยังไม่กลับมาถึงบ้านแล้วเขาไปทำอะไรอยู่ อากาศข้างนอกวันนี้หนาวกว่าเมื่อวานเล็กน้อย เกือบรุ่งสางเธอรู้สึกว่าเตียงนอนอีกมุมกระเพื่อมด้วยแรงของอีกคนที่กำลังล้มตัวลงนอน เธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาเข้าจมูกหญิงสาวหันไปหยิบนาฬิกาปลุกที่มุมโต๊ะข้างเตียงด้านเธอมาดู คิดอยู่ในใจว่าน่าจะใกล้สว่างแล้ว แต่เวลาเกือบตีสี่เท่านั้นเธอหลับไปตั้งแต่ก่อนสี่ทุ่ม จึงทำให้เธอนึกได้ว่านอนไปเกือบหกชั่วโมงซึ่งหลับลึกเป็นตายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเธอลืมตามองเพดานและตัดสินใจลุกไปเปิดน้ำอุ่นลงอ่างน้ำ เติมกลิ่นกุหลาบจากอีกขวดหนึ่งที่วางอยู่บนแท่นข้างกลิ่นลาเวนเดอร์“อืม...หอมมากเลย จะนอนหลับแช่ไปเรื่อยๆ จนถึงเช้า” เธอพึมพำอย่างมีความสุข แต่ในใจยังนึกสงสัยสามีในนามของเธอ เขาเริ่มแสดงพฤติกรรมที่ชวนให้คิด ‘ต้องคำสาป’
ต้องคำสาปเกิดจากใจที่วิบัติของคนเราที่เข้าไปสู่วังวน ถ้าไม่สร้างเหตุปัจจัยเข้าไปเอื้อให้เกิดขึ้น--------------------------------ต้นสัปดาห์ต่อมาอาอนุพันธ์กับอาระพีเดินทางมาถึงที่ซิดนีย์ไล่หลังวิชพันธ์และกังสดาล ทั้งสองจะมาพบคุณประพันธ์ที่บ้าน ส่วนอาอุมาเดินทางกลับไปก่อนหน้าแล้วหนึ่งวัน“แก...ช่วยอยู่ต้อนรับอาแกด้วย เขาโทรมาเมื่อวานว่ามาถึงแล้ว จะมาหาพ่อบ่ายนี้” คุณพ่อนึกขึ้นได้ระหว่างมื้อเช้า“หนูเบล ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร”“ค่ะ...ขอโทษนะคะ รินญานัดจะพาไปกินข้าวเที่ยงค่ะ” กังสดาลมองหน้าพ่อสามีอย่างเกรงใจ“ไปเถอะ...บอกสองคนด้วยว่าผมไม่ว่าง” เขากะพริบตาส่งสัญญาณว่าโอเคกังสดาลขอตัวขึ้นไปเตรียมตัวก่อน ปล่อยให้คุณพ่อและสามีปรึกษากัน เธอรู้จากวิชพันธ์ว่าอาสองคนน่าจะมาติดต่อธุรกิจ ซึ่งดิษยาบอกเขาไว้ก่อนหน้าแล้วว่าจะบินตามมาทีหลังเธอเอ่ยเปรยๆ เรื่องนี้ให้รินญาและโอลี่“วันนี้คุณวิชเขาอยู่คุยกับคุณอาเขาน่ะ ฝากขอโทษโอลี่ด้วย...Sorry จริงๆ” เธอหันหน้าไปพูดไทยปนอังกฤษกับสามีของญาติสาว“เราได้ยินเพื่อนกลุ่มนาง...ซุบซิบกันดังจนมาถึงเรา...” เธอทำหน้าแบบสงสัยกับกังสดาล ราวกับว่าทำไมเธอถึงไม่รู้“เ
เราตอบแทนคนที่ยังเหลืออยู่...ถือว่าได้ตอบแทนพระคุณเช่นกัน--------------------------------การเดินทางออกจากสนามบินช่วงบ่ายกว่าจะถึงที่ปลายทางสนามบินซิดนีย์ใช้เวลาเกือบเก้าชั่วโมง เที่ยวบินจากเมืองไทยต้องแวะที่มาเลเซียและต่อเที่ยวบินรอที่กัวลาลัมเปอร์อีกหกชั่วโมง ระหว่างรอเธอเห็นสามีเอาโน้ตบุ๊คออกมาทำงาน คงฆ่าเวลาไป เขาปล่อยให้กังสดาลไปเดินมองดูของเรื่อยเปื่อยที่ร้านต่างๆ ในสนามบิน เธอเข้าไปเช็คดูไลน์ของรินญาที่เขียนส่งมาทักทาย“ฝากดูของที่ระลึกของมาเลที อยากได้อ่ะ” เธอรู้จากข้อความว่ากังสดาลจะต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่มาเลเซีย“เอาช็อกโกรูปตึกแฝดนะ...” เธอถ่ายรูปส่งไปให้รินญาดูเธอเดินกลับมาที่เขานั่งอยู่ในเลาจน์กำลังทำงานไม่ยอมเงยหน้ามองอะไรเลย“ซื้ออะไรมา...” เขาถามขณะเหลือบเห็นถุงพลาสติกที่เธอถือ“ของฝากที่รินอยากได้ค่ะ...” “ผู้หญิงชอบกินช็อกโกแลตรึ” เขาถามไม่มองหน้าเธอ“ชอบสิ...กินแล้วคลายเครียด” เธอหยอกชายหนุ่มต่อ“ช่วยให้มีลูกดก...” เธอพูดขำๆ“เฮ้ย...จริงดิ...ขอสักชิ้นหนึ่ง” เขาจ้องหน้าเธออย่างจริงจัง“หมดสิทธิ ซื้อมาแค่กล่องเดียวค่ะ” เธอมองหน้าตลกๆ ของเขา“เดินไปซื้อมาอีก...อยา
แค่ความหอมยังช่วยดูแลใจให้กันได้รื่นรมย์กว่าการสัมผัสทางกายเสียอีก--------------------------------เช้าวันศุกร์ปลายเดือนที่วิชพันธ์กำลังวุ่นวายกับงานประชุมต่างๆ ของบริษัททั้งหมด เขาจึงขอให้กังสดาลเข้าไปดูแลเอกสารเกือบทั้งหมดเพื่อจัดการเอาใส่กระเป๋าไปด้วย คุณบิวเข้ามาคุยอย่างยินดีกับสถานะใหม่ของเธอ “ได้ข่าวว่า ได้ทุนไปเรียนต่อจากบริษัทรึ” “ค่ะ...หนูจะกลับมาทำงานที่นี่หลังเรียนจบ” กังสดาลเข้าใจว่าทุกคนที่นี่ไม่น่ารู้อะไรมากไปกว่าการที่เธอได้รับทุนเพื่อไปเรียนต่อกับทางบริษัท“โชคดีนะ...เบล” ทุกคนที่แผนกประชาสัมพันธ์ซักไซ้นิดหน่อย เธอจึงขอตัวกลับออกไปกับคนขับรถของวิชพันธ์ที่มาช่วยถือกระเป๋าเอกสารไปที่รถเธอกลับมาที่บ้านก่อนสามี เพราะเขามีประชุมกับทุกแผนกต่อ การสั่งงานน่าจะยังไม่ลงตัวกับทุกฝ่าย แต่เขาได้ขอให้อาอนุพันธ์ช่วยดูแลช่วงที่เขาเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว กังสดาลไม่รอสามีสำหรับมื้อนี้ เธอหิวจนตาลายเพราะวันนี้ทั้งวันช่วยเขาจัดการเรื่องต่างๆ ทั้งออกไปติดต่อกับบางบริษัทที่ดีลกันอยู่แทนเขา เธอเพลินกับการออกไปติดต่อผู้คนเกือบค่อนวัน ข้าวปลาแทบจะไม่ได้สนใจกินให้อิ่มสักเท่าไหร่ย่าสั่งใ
การหาตัวตึงไว้สำรอง จะช่วยให้วันเวลาที่รอสัญญาสิ้นสุดลง มีความหมาย--------------------------------เช้ารุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ วิชพันธ์คงออกไปยิมแต่เช้าเพื่อซ้อมมวยอย่างที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว กังสดาลยังนอนพลิกตัวมองเพดานห้องคิดว่า ถ้าเขาจริงจังกับดิษยาขึ้นมาจริงๆ เธอจะทำอย่างไร“นางเป็นตัวตึงของคุณย่าศรีนวลด้วยสิ” เธอพึมพำเบาๆ กับตนเอง “หรือว่าลองคุยกับริน ให้หาฝรั่งที่นั่นสำรองไว้ เผื่อเขาฉีกสัญญาเร็วกว่ากำหนด เธอจะได้อยู่ที่นั่นต่อ โดยไม่ต้องพึ่งพาคุณพ่อของเขา” เธอพูดกับตนเองเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น“ย่าหรือคะ...” เธอตะโกนถาม“ผมเอง...”เธอได้ยินเสียงกลอนประตูหมุนดังกริ๊ก เขาเดินเข้ามาพร้อมกางเกงขาสั้นตัวเดียว“นึกว่าไปยิมแล้ว...”“รอคุณไปด้วย...”“ลุกไปอาบน้ำ...จะได้ลงไปกินข้าว สายมากแล้ว”เธอเห็นเขาแต่งตัวกำลังเปิดประตูลงไป กังสดาลส่งเสียงจากในห้องน้ำ“เอ่อ...ขอไม่ไปได้ไหมคะ อยากไปเดินห้าง”“ตามใจ...ผมอยากไปคลายเครียด”“เชิญตามสบายนะคะ...” หญิงสาวยินดีที่วันนี้เธอจะมีเวลาว่างหลังจากทานข้าวเช้าแบบเบาๆ กังสดาลขออนุญาตกับย่าด้วยว่าจะออกไปเดินห้าง แท้จริงเธออยากกินข้าวเช