”คุณบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา แต่ทำไมคุณถึงขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกับฉัน? จะโกหกก็ช่วยใช้สมองหน่อย ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้วและฉันสามารถรับผิดชอบต่อการกระทำของฉันได้ แต่ฉันไม่สามารถทนมองผู้ชายอย่างคุณที่ไม่รับผิดชอบการกระทำของตัวเอง!” ทิฟฟานี่รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก ไม่ว่าเธอจะมองรายละเอียดพวกนี้อย่างไรก็ไม่ได้ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“ขอโทษนะ? คุณเป็นคนที่ไม่อยากกลับบ้านและไม่ให้ที่อยู่บ้านของคุณกับผม ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาคุณกลับมาที่นี่เนื่องจากผมไม่สามารถส่งคุณกลับบ้านได้ ผมไม่ได้เตรียมเตียงไว้ที่ห้องอื่น ๆ นี่เป็นห้องเดียวที่เราสามารถนอนในบ้านนี้ได้และผมจะไม่นอนโซฟา นอกจากนั้นผมยังเหนื่อยที่ต้องดูแลคุณทั้งคืน ผมจะนอนที่ไหนได้อีกถ้าไม่ใช่บนเตียง” แจ็คสันโผล่หัวออกมาจากห้องน้ำในขณะที่แปรงฟันพลางบ่นทิฟฟานี่เกี่ยวกับพฤติกรรมต่าง ๆ ของเธอไม่ว่าแจ็คสันจะพูดความจริงหรือไม่ทิฟฟานี่ก็ทำได้เพียงยอมรับ เป็นความผิดของเธอที่ดื่มมากเกินไปจนจำอะไรไม่ได้ เนื่องจากเธอไม่สามารถโต้เถียงกับเขาได้ เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อใจในคำพูดของเขาเมื่อนึกถึงผู้หญิงที่เคยอยู่กับแจ็คสันก่อนหน้า
เกือบจะเป็นเวลาอาหารกลางวันที่แจ๊คสันโทรหาแผนกออกแบบ หัวหน้าตะโกนสุดเสียง “ทิฟฟานี่ เลน คุณเวสต์กำลังตามหาคุณ! รีบไปที่ห้องทำงานของเขา!”สมองของทิฟฟานี่แทบจะระเบิดเมื่อเอ่ยถึงแจ็คสัน “รับทราบแล้วค่ะ!”ระหว่างทางไปที่ออฟฟิศ เธอคิดอยู่เสมอว่าแจ็คสันจะทำอะไรอะไรกับเธอที่ออฟฟิศ เป็นไปได้ไหมที่เขาต้องการจะสานต่อเรื่องที่พวกเราทำค้างไว้เมื่อคืน? มิฉะนั้น จู่ ๆ เขาจะตามหาเธอทำไม?เธอใช้เวลาเดินไปที่ห้องทำงานของเขาแล้วยกมือขึ้นเคาะประตู เธอตัดสินใจแล้ว ถ้าแจ็คสันขอความช่วยเหลือจากเธอ เธอจะไม่ตอบตกลง นี่ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ที่มีจิตสำนึกควรทำ...“เข้ามา” เสียงของแจ็คสันดังขึ้นมาจากด้านในทิฟฟานี่สงบสติอารมณ์ลงและผลักประตูให้เปิด เธอรักษาระยะห่างระหว่างพวกเขาและยืนอยู่ที่ประตู “มีปัญหาอะไร?”แจ็คสันหยิบเอกสารขึ้นมาโดยไม่ได้เงยหน้า “ส่งสิ่งนี้ไปที่ไกลด์ เพราะแอเรียนก็อยู่ที่นั่นด้วย พวกคุณสาว ๆ สามารถไปทานอาหารกลางวันด้วยกันได้ แค่อย่าลืมมันอีก”ทิฟฟานี่ผงะ “คุณเรียกฉันมาเพราะเรื่องนี้?”แจ็คสันเงยหน้ามองเธอด้วยสีหน้างงงวย “ทำไมต้องเป็นเรื่องอื่น?”เธอผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัดและเดินหน้าไป
ทิฟฟานี่รู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย “จริงเหรอ? แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้สึกอะไรเลย?”แอเรียนตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะกลับมามีสติ “เธอหมายถึง...เธอ? เธอไม่ได้คบกับเอธานมาเป็นเวลานานและยังอยู่กับเขาเป็นครั้งคราวเหรอ? ทำไมเธอถึงถามเรื่องแบบนี้กับฉัน? เธอไม่ได้รู้เรื่องนี้ดีไปกว่าฉันเหรอ?”ดวงตาของทิฟฟานี่หรี่ลงเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงเอธาน “เอธานกับฉัน...ไม่เคยไปถึงขั้นนั้น เขาต้องการรอจนกว่าพวกเราจะแต่งงานกัน แต่ใครจะไปรู้...ฮ่าฮ่า...เขาไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับฉันตั้งแต่แรก ตอนนี้ฉันคิดได้แล้วว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดี อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉันเมื่อเขายังคบอยู่กับฉัน”จากคำบอกเล่าของเธอแอเรียนพอจะได้เบาะแสอยู่บ้าง “เพราะว่าเธอไม่เคยมีอะไรกับเอธานแล้วทำไมจู่ ๆ เธอถึงถามฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะ? ทิฟฟ์ บอกความจริงกับฉันมานะ”ทิฟฟานี่รู้สึกกังวลใจมากจนดื่มน้ำเปล่าไปครึ่งแก้ว และถอนหายใจ “หยุดถามฉันแบบนั้นแอริ ฉันบอกเธอไม่ได้... ฉันไม่เป็นไร มันก็แค่การสุ่มถาม ดูฉันสิ ฉันดูสบายดี ใช่ไหม?” หลังจากที่ยืนยันว่าเธอไม่ได้ไม่สบายที่ตรงไหนในร่างกายของเธอ เธอก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัดและตอนนี้ยังสามารถหัวเราะ
ชั่วพริบตาห้องทำงานเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีเลือดอยู่เต็มพื้น แอเรียนไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อน ขาของแอเรียนสั่น เธอฝืนตัวเองให้ดึงผู้ชายที่กำลังสู้กันอยู่ออกจากกันเมื่อเธอเห็นว่าเอริกเสียเปรียบ “หยุดสู้กัน! คุณจะทำให้ตัวเองเจ็บที่ทำแบบนี้! พวกคุณคุยกันแทนไม่ได้เหรอ?”เอริกหยุดตัวเองไม่ให้เคลื่อนไหวมากเกินไป เมื่อเขาเห็นว่าแอเรียนเข้ามาหาพวกเขา แต่มันทำให้อีกฝ่ายมีโอกาสที่จะเอาชนะเขาได้ด้วยการชกอย่างแรง เอริกล้มลงกับพื้น แอเรียนกรีดร้อง คว้ากระถางต้นกระบองเพชรบนโต๊ะทำงานและทุบลงบนหัวของชายคนนั้น “หยุดนะ!”ด้วยการกระแทกอย่างแรงทำให้ชายคนนั้นหมดสติ มันทำให้เธอตัวสั่นและเธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าฝ่ามือของเธอถูกกระบองเพชรทิ่มเอริคโซซัดโซเซขึ้นมาและปกป้องเธอไว้ที่ด้านหลังของเขา“โทรหาตำรวจ”แอเรียนส่าย “เราโทรหาตำรวจไม่ได้... เราทำร้ายเขา เราจะหนีไปไม่ได้ถ้าเราเรียกตำรวจ...”เอริกพูดไม่ออก “เขาเป็นคนที่มาที่บริษัทของผมเพื่อหาเรื่อง สิ่งที่เราทำคือการป้องกันตัวเองตามความเหมาะสม ทำไมเราจะเริ่มไม่ได้? นอกจากนี้เขายังเป็นพี่ชายคนรองของผม คุณคิดว่าเขาจะปล่อยให้ผมเข้าคุกเหรอ? การเรียกตำรวจเป็น
มาร์คไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อเห็นการยืนกรานในดวงตาของเขา แอเรียนก็ไม่อยากหาเรื่องระหว่างทางไปโรงพยาบาลเธออดที่จะถามไม่ได้ “ครอบครัวของเอริกมีพี่น้องกี่คนเหรอคะ? ทำไมพวกเขาถึงมาถึงขั้นนี้ได้?”มาร์คดึงเน็คไทของเขา “พี่สาวหนึ่งคนและพี่ชายสองคน เขาเป็นคนสุดท้ายของครอบครัว...จากภรรยาคนที่สามของพ่อเขา เขามีพี่ชายต่างแม่ มันค่อนข้างซับซ้อน ผู้ชายแก่คนนี้เขาไม่ได้นับถือมากนัก จริง ๆ แล้วไม่ใช่ความผิดของเอริก ถ้าเป็นผม ผมคงจะทำได้แย่กว่าเขามาก”แอเรียนยังคิดว่าเรื่องต่าง ๆ จะไม่หยุดอยู่แค่นี้หากเป็นมาร์คเมื่อมาถึงโรงพยาบาล แพทย์ได้ทำการดึงหนามที่ฝ่ามือของแอเรียนออก เมื่อเธอเห็นว่าฝ่ามือเปื้อนเลือด เธอเพิ่งรู้สึกว่าเธอเจ็บแค่ไหน หลังจากรักษาฝ่ามือและพันผ้าพันแผลแล้ว มาร์คขมวดคิ้วและมองมาที่ผ้าพันแผลที่มือของเธอ “ไม่ต้องกลับไปที่ออฟฟิศแล้ว ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”แอเรียนไม่เต็มใจ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จและฉันยังต้องทำงานล่วงเวลาในคืนนี้ จะไม่กลับไปทำงานได้อย่างไรคะ? บาดแผลไม่ได้ส่งผลกระทบต่องานของฉันหรอกค่ะ”มาร์คไม่สนใจความคิดเห็นของเธอและลากเธอไปขึ้นรถเพื่อไปส่งเธอที่ค
แจ็คสันกระเดาะลิ้น “ใบหน้าของนายพังหมดเลย เขารุนแรงเกินไป”แอเรียนไม่คุ้นเคยกับโต๊ะที่เต็มไปด้วยผู้ชายแบบนี้และด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวเธอจึงไม่สามารถตามบทสนทนาได้ด้วย แอเรียนจึงทานไปไม่กี่คำและลุกขึ้น "ฉันอิ่มแล้ว พวกคุณทานให้อร่อยนะคะ”มาร์คพยักหน้ารับ เธอเดินไปนั่งบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับข้าวปั้นที่เข้ามาคลอเคลียในอ้อมกอดเธออย่างเป็นธรรมชาติแจ็คสันเมื่อเห็นอย่างนั้นก็ตกใจเล็กน้อย “แมวตัวนั้นอ้วนจังเลยนะ…”มาร์คถอนหายใจโดยไม่พูดอะไร แต่แจ็คสันรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ “โถ่ โถ่ ไม่คิดไม่ฝันเลยนะเนี่ย แต่ก่อนนายเป็นคนที่กลัวสัตว์ขนมากที่สุด แต่ตอนนี้กลับเลี้ยงเองซะงั้น ดูเหมือนว่าใครบางคนจะมีอิทธิพลต่อนายค่อนข้างมากเลยสินะ?”มาร์คยังคงไม่พูดอะไร แต่สายตาเขาจ้องไปที่แจ็คสันพร้อมกับยิ้มที่มุมปากก่อนที่สายตาเขาจะกวาดไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อพวกเขาทานอาหารเสร้จก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม แจ็คสันและเอริกกลับไปด้วยสภาพที่โซเซ และมาร์คก็ไม่ได้สภาพดีกว่าพวกเขาเลย นี้เป็นครั้งแรกที่แอเรียนรู้สึกว่าคฤหาสน์เทรมอนต์ที่เคยเงียบดั่งป่าช้าได้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ในความประทั
อยู่ ๆ โทรศัพท์ของแอเรียนก็ดังขึ้น เธอหลบหนีจากการอ้อมแขนมาร์คและหยิบมือถือบนเตียงขึ้นมาดู บนหน้าจอแสดงผลให้เห็นว่าทิฟฟานี่โทรมา แอเรียนจำเป็นที่จะต้องรับสายนี้เพราะเธอมั่นใจว่ามาร์คจะต้องหยุดการกระทำของเขาไว้จนกว่าเธอจะคุยโทรศัพท์เสร็จเธอกดรับสายปราศจากความกังวล ทันทีที่มาร์คได้ยินเสียงทิฟฟานี่เขาก็กัดคอเธอเบา ๆ แอเรียนตัวแข็งก่อนที่ร่างกายเธอจะอ่อนย้วยดั่งเยลลี่ เธอพูดด้วยความยากลำบากว่า “ทิฟฟ์...ตอนนี้ฉันไม่สะดวกคุย เดี๋ยวฉันโทรกลับนะ” ทิฟฟานี่ถามอย่างงง ๆ ว่า “เธอเป็นอะไรหรอแอริ? ทำไมตอนนี้ถึงไม่สะดวกคุยละ? ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอนะ เรื่องของคุณ---” แอเรียนวางสายทันทีก่อนที่ทิฟฟานี่จะพูดจบ หัวใจเธอเต้นเร็วมาก ทิฟฟานี่เกือบเอ่ยชื่อ ‘คุณสโลน’ แล้ว ก่อนที่เธอจะรู้ความจริง เธอจะให้มาร์ครู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้เขาใกล้ชิดเธอมาก เขาได้ยินทิฟฟานี่แน่ ๆโชคดีที่มาร์คเมาและไม่ได้ถามอะไร สิ่งเดียวที่เขาสนใจตอนนี้คือ แอเรียน เขาคว้ามือถือเธอและโยนมันทิ้งโดยไม่สนใจว่าจะโยนไปที่ใดเมื่อเสื้อผ้าพวกเขาถูกถอดหมดแล้ว มาร์คไม่ได้ลงมือทันที แต่เขากลับนำทางมือแอเรียนไปยังส่วนล่างของร่างก
ทิฟฟานี่ดันแก้วน้ำไปที่ริมฝีปากของแจ็คสันอย่างเร่งรีบ “ดื่มซะ ฉันยังเหลืองานต้องทำอีกเยอะและไม่มีเวลามาคุยด้วยหรอก นายแค่ขอให้ฉันมาทำความสะอาดบ้านและเตรียมอาหารให้ นายไม่ได้บอกว่าฉันต้องมารับใช้นาย ถ้าต้องการแบบนั้นนายต้องขึ้นค่าจ้างฉัน!”แจ็คสันดื่มน้ำจนหมดแก้วและหยิบธนบัตรออกจากกระเป๋าสตางค์เขามาปึกนึง “ได้สิ...เท่าที่คุณต้องการ แต่ฉันมีข้อแม้ นอน...กับฉัน คุณเสนอราคามาเลย”ทิฟฟานี่เกือบจะระเบิดด้วยความโมโห นี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน? “แจ็คสัน เวสต์ เมื่อกี้นายพูดว่าอย่างไรนะ?”แจ็คสันปลดกระดุมเสื้อตนเองเผยให้เห็นหน้าอกที่ล่ำของเขา “นอนกับฉัน…”ทิฟฟานี่ดันตัวเองไปด้านหน้าและตบหน้าแจ็คสันอย่างไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้ “ไปตายซะ! ถ้าขืนนายยังทำตัวแบบนี้อยู่ฉันจะตีนายให้ตายแน่!”แต่เธอไม่ได้โมโหร้ายแรงขนาดนั้น ทิฟฟานี่รักในความสวยงาม ตอนแจ็คสันปลดกระดุมเสื้อเธอเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ หากแจ็คสันไม่ได้หล่อขนาดนี้เธอคงจะทำร้ายเขาจนเขาพิการไปแล้ว! แต่เพราะความมึนเมาของแจ็คสันเธอจึงไม่ได้ถือสาเขาแจ็คสันที่เพิ่งจะโดนตบไปสีหน้าและสายตาเปลี่ยนเป็นดุดัน ทิฟฟานี่เสียใจกับการกระทำเมื่อ
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง