แอเรียน วินน์ ตัวแข็งทื่อ“ฉันนอนที่ห้องเก็บของก็สบายดีอยู่แล้ว!”มาร์ค เทรมอนต์ เหลือบมองไปที่เธอด้วยสายตาอันเย็นชาและรังสีคลื่นแห่งความไม่พอใจ“ผมไม่ได้บอกว่าให้คุณนอนที่ห้องผม แมรี่จะจัดการเตรียมห้องรับแขกที่ถัดไปนี้ให้กับคุณ”สิ่งที่เธอคาดการณ์ผิดถูกเปิดเผยออกมา เธอจึงค่อนข้างอึดอัดใจหลังจากนั้นแม่บ้านก็เสิร์ฟมื้อค่ำให้กับพวกเขาที่ห้องอาหาร “ท่านคะ คุณหนูคะ ได้เวลามื้อค่ำแล้วค่ะ”มาร์ค เทรมอนนต์ ปิดหน้านิตยสารที่เขากำลังถืออยู่ในมือและยืนขึ้น“กินสิ”เขาชวนเธอทานอาหารด้วยกัน เธอจำไม่ได้เลยว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอได้ร่วมทานอาหารบนโต๊ะเดียวกันกับเขาแอเรียนก้มหน้าก้มตากินอย่างเงียบๆ เธอเพียงตักอาหารที่อยู่ใกล้ๆตัวเธอมากที่สุด มาร์ค เทรมอนต์ ทานอย่างช้าๆและไม่ส่งเสียงเช่นกัน ท่าทางของพวกเขาตอกย้ำอยู่ในความเงียบในห้องอาหารที่ใหญ่มโหฬารนี้พ่อบ้านเฮนรี่ที่ยืนอยู่ข้างๆถอนหายใจพร้อมกับยกจานอาหารขึ้นมาและตักอาหารให้กับเธอ “อย่ากินแต่ผักสิครับ วัยกำลังโตนะ”“ขอบคุณค่ะ” แอเรียนตอบอย่างนุ่มนวล ในขณะที่พวกเขากำลังรับประทานอาหาร แอเรียนทานเท่าที่พ่อบ้านเฮนรี่นั้นให้กับเธอ เธอไม่เ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งตอนที่แอเรียนยังเด็ก ถ้าจำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่กันนะที่เธอเริ่มรู้สึกอึดอัดแบบนี้เมื่อเธออยู่ใกล้กับมาร์ค เทรมอนต์ เธอสำผัสได้ถึงกลิ่นบุหรี่จางๆที่มาจากตัวเขาและกลิ่นของแอลกอฮอล์ - เขาดื่มอีกแล้ว!“วิล ซีวาน ไปแล้ว มันเป็นใครในตอนนี้? จับมือแล้วก้าวไปด้วยกัน… บอกผมมาสิว่ามันเป็นใคร?” เสียงของมาร์ค เทรมอนต์ เย็นชาแต่กลับมีสเน่ห์ดึงดูด แอเรียนกลัวมากที่จะตอบเขา เขาได้ “พา” ตัววิล ซีวาน ไปต่างประเทศแล้ว ถ้าเธอยอมรับว่าของขวัญชิ้นนี้นั้นมาจากเขา เธอไม่กล้าที่จะคิดเลยว่าเขาจะตกอยู่ในชะตากรรมแบบไหนกัน “ฉัน… ฉันไม่รู้...”“ไม่รู้งั้นหรอ? ทำไมคุณถึงซ่อนมันเป็นอย่างดีถ้าคุณไม่รู้? แอริ… เธอผิดปกตินะ…” ดูเหมือนว่ามือของมาร์ค เทรมอนนต์ ที่วางอยู่บนเอวของแอเรียนในขณะที่เขาพูดและเขาก็บีบเธออย่างเบาๆ แอเรียนเครียดมาก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะระเบิดออกมา “ฉันไม่รู้จริงๆ…”มาร์ค เทรมอนต์ เลิกที่จะคั้นเธอ เขาซุกไปที่ซอกคอของเธอและสูดดมกลิ่นหอมอย่างเบาๆ “ถ้ายังมีอย่างนี้อีกเดี๋ยวคุณจะได้เห็นดีแน่”เขาไม่ปล่อยเธอไป ริมฝีปากที่นุ่มและบางของเขานั้นค่อยๆไซ้ลงบนคอและไหล่ขอ
แอเรียนยังคงนิ่งเงียบ เธอหันไปพิงบนกำเเพงที่ทางเดินพร้อมกับอดทนกับความปวดท้อง ทิฟฟานี่รู้สึกไม่พอใจ แต่ถ้าก็ไม่ใช่คนที่จะเอะอะอะไรโดยไร้เหตุผลในเมื่อเธอทำผิด ทิฟฟานี่ขยับไปยืนข้างๆแอเรียน และเหล่ไปมองหอพักที่กำลังก่อสร้างอยู่ในตอนนี้ “เธอรู้ไหมว่าหอพักที่กำลังสร้างอยู่นั้น มาร์ค เทรมอนต์ เป็นผู้สนับสนุนน่ะ? มันค่อนข้างจะสิ้นเปลืองนะ เขารวยจริง ๆ เนอะ เมื่อเทียบกับครอบครัวของเราแล้วดูไม่มีอะไรไปเลย แอริ ฉันได้ยินว่าเขาจะมาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยในวันนี้แหละ”ไม่มีการตอบใด ๆ จากแอเรียน ความเจ็บปวดที่ท้องของเธอใกล้จะส่งเธอไปเจอยมทูตอยู่แล้วจากนั้นติวเตอร์ก็เดินออกมาอย่างเชิ่ด ๆ “พวกเธอสองคนนี่มันยังไงกันฮะ? ฉันจะลงโทษพวกเธอ ยังมีอารมณ์มาคุยเล่นกันอีกgหรอ? ไปเอากระดานวาดรูปของพวกเธอมาแล้วก็วาดให้เสร็จตรงทางเดินนี้นี่ล่ะ ดูซิว่าพวกเธอจะส่งงานได้ทันเวลาไหม!”ทิฟฟานี่เดินเชิ่ดหน้าเข้าไปในห้องเรียนเพื่อไปเอากระดานวาดรูป ขณะที่แอเรียนยืนนิ่งเป็นอัมพาตอยู่ การมองเห็นของเธอก็เริ่มพร่ามัวลง ความโกรธเดือดพล่านยิ่งขึ้นเมื่อติวเตอร์เห็นว่าเธอยืนนิ่งอยู่ เธอจึงผลักแอเรียน “ฉันบอกว่าให้เธอไปเอากระด
คณบดีตัวสั่นงกๆ“คุณเทรมอนต์ครับ... มันเป็นเพียงแค่ครั้ง...ครั้งเดียวครับ ติวเตอร์คนนั้นเป็นลูกจ้างชั่วคราว ผมจะบอกให้เธอออกไปครับ!”มาร์ค เทรมอนต์ ไม่พูดอะไร มีเพียงเปลวไฟที่สะท้อนออกมาจากความโกรธในแววตาของเขาในตอนนี้ ทิฟฟานี่ยอกย้อน “ลูกจ้างชั่วคราว? แหงล่ะ”คณบดีถึงกับพูดไม่ออก “คุณเลน อย่ายุ่งดีกว่าครับ คุณเป็นนักเรียนที่ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับกิจการของมหาวิทยาลัย!”ทิฟฟานี่ขมวดคิ้ว เมื่อเธอกำลังจะโต้กลับ แล้วคุณหมอก็เดินออกมา“ครอบครัวของผู้ป่วย?”“ฉัน” “ผม” ทิฟฟานี่ เลน และมาร์ค เทรมอนต์ ตอบพร้อมกันทิฟฟานี่ค่อนข้างประหลาดใจกับน้ำเสียงของมาร์ค เทรมอนต์ สำหรับเรื่องนี้เธอถือว่าเป็นบทบาทของครอบครัว เนื่องจากเธอไม่สามารถติดต่อกับคนที่แอเรียนเรียกว่าพี่ชายได้ แล้วมาร์ค เทรมอนต์รู้อะไร? เป็นเหตุผลที่ดีที่แพทย์เลือกมาร์ค เทรมอนต์ ซึ่งดูน่าเชื่อถือกว่าเพื่อจะอธิบายสถานการณ์ “คนไข้ไม่เป็นอะไรครับ เธอเป็นโรคกระเพาะ คนไข้อายุยังน้อยแต่สุขภาพไม่ค่อยจะดี ดูว่าเธอทานอะไรและให้เธอทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น คนไข้สามารถออกไปได้หลังจากการให้วิตามินเสร็จครับ”มาร์ค เทรมอนต์
ความรู้สึกแบบนั้นหายวับไปในทันที ก่อนที่สายตาของมาร์ค เทรมอนต์ จะกลับสู่ความห่างเหินเหมือนดั่งเคย ตาของเธอเล่นตลกกับเธอหรือเปล่า?“ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า? เสียงของเขาไร้อารมณ์เสมอแอเรียน วินน์ ส่ายหัว เมื่อเห็นว่ามือของเขาอยู่เหนือตัวเธอ ความอุ่นก็พุ่งเข้ามาที่หน้าเธอ“ฉันไม่เป็นไร… ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมาที่มหาวิทยาลัย ฉันทำให้คุณเดือดร้อน”ทำให้เขาเดือนร้อน? มาร์ค เทรมอนต์ ขมวดคิ้ว “ไม่อยากทำให้ผมเดือดร้อน แต่คนอื่นเดือนร้อนก็ไม่เป็นไรใช่ไหม? ไม่จำเป็นต้องทำให้ดูอนาถใจเลย การขออะไรบางอย่างจากผมมันทำให้คุณค่าในตัวคุณลดลงเหรอ?”แอเรียนกัดริมฝีปากของเธอด้วยความกลัว เขาโกรธอีกแล้ว…หลังจากนั้นไม่นานมาร์ค เทรมอนต์ ก็ลุกขึ้นเพื่อดูวิตามินที่ใกล้จะหมดนั้นแล้วเรียกให้พยายาลเอาออก เขาไม่ละสายตาไปจากแอเรียนและพูดอย่างเย็นชาว่า “กลับกันเถอะ”แอเรียนพลิกผ้าห่มแล้วดึงตัวเองขึ้นมา แต่รอยช้ำที่มือของเธอหลังจากการเจาะให้วิตามินทำให้เธอตัวสั่นในทุกท่วงท่ามาร์ค เทรมอนต์ ถอดเสื้อโค้ทของเขาและโยนมันให้กับเธอ การเคลื่อนไหวของเขาสุดจะหยาบกร้านก่อนที่เขาจะก้มลงเพื่อช่วยสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวของเธออย่างรว
มาร์ค เทรมอนต์ บีบคางของเธอ น้ำเสียงของเขาไม่แยแสและแข็งกร้าน “คุณจะกลับไปเรียนได้ก็ต่อเมื่อร่างกายของคุณฟื้นตัวและได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม หยุดโหยทำตัวน่าสงสารด้วยการทำให้เห็นว่าคุณมันน่าเวทนาแค่ไหน!”แอเรียน วินน์ โมโหและผลักตัวเองขึ้นมา "ไม่มีทาง…"มาร์ค เทรมอนต์ ไม่พูดอะไรสักคำ เขามองลงมาที่เธอยังฉุดไม่อยู่แอเรียนกัดริมฝีปากของเธอ เสียงของเธอก็สั่นเทาเช่นกัน “ฉันต้องเรียนอย่างหนักและคืนเงินทั้งหมดที่เป็นหนี้อยู่ให้กับคุณเมื่อฉันหาเงินได้ในอนาคต ฉันขอบคุณที่คุณดูแลฉันมาตลอดสิบปี ฉันจะย้ายออกโดยเร็วที่สุดเมื่อฉันฝึกงาน”ความจริงถูกเปิดเผย เธอไม่เคยเชื่อว่าตัวเองจะต้องพึ่งเขาไปทั้งชีวิต เธอเป็นหนี้เขามากเกินไปและเธอไม่ต้องการที่จะเป็นหนี้บุุญคุณเขาอยู่ดี ๆ มาร์ค เทรมอนต์ ก็หัวเราะ รอยยิ้มของเขาดูเหมือนดวงจันทร์ที่อยู่ห่างไกลออกไป ไม่สามารถที่จะเข้าใจและไม่สามารถเข้าถึงได้และไม่เป็นที่ต้อนรับเช่นกัน “ให้ผมสะกดมันให้คุณตอนนี้ อย่าคิดที่จะออกไปชั่วชีวิตของเธอ”หัวใจของแอเรียนดิ่งลง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมองเขาตรง ๆ โดยไม่หลบสายตา“เมื่อคุณเห็นฉันมันไม่ทำให้คุณนึกขึ้นได้เรื่องพ่
เมื่อแอเรียน วินน์ จำได้ว่าวันนี้เป็นงานประจำมหาวิทยาลัยและเขาก็จะมาที่นี่เช่นกัน... เขาไม่ได้กลับบ้านเลยตั้งแต่ที่เขาหายไปวันนั้นมันจะเป็นยังไงกันที่วันนี้จะได้เจอเขา? ทันใดนั้นเธอรู้สึกถึงความวุ่นวาย“วันนั้นเขา…พูดอะไรหรือเปล่า?”ทิฟฟานี่ เลน ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางที่เหม่อลอยของเธอ“เปล่า แต่ฉันบ่นเรื่องพี่ชายของเธอให้เขาฟัง พี่ชายของเธอเป็นไอ้ห่วยแตกจริง ๆ !”แอเรียนถึงกับพูดไม่ออก ตอนนี้เธอไม่แปลกใจอีกต่อไปว่าทำไมคำตอบของเธอในวันนั้นทำให้เขาโกรธดั่งภูเขาไฟปะทุ - ไม่เหมือนการระเบิดของภูเขาน้ำแข็งอีกต่อไป… เขาคงรู้สึกแย่มากที่ถูกประณามแบบนั้นต่อหน้าเขาด้วยเสียงกรี๊ดและกำลังใจดังมาจากชั้นล่างอย่างกะทันหัน ทิฟฟานี่ได้รับการกระตุ้นจากอะดรีนาลีน เธอจึงลากแอเรียนและลงบันไดไป “มาร์ค เทรมอนต์ อยู่ที่นี่แล้ว! ไปดูเขากันเถอะ!”แอเรียน ค่อนข้างประหม่าเพราะเธอยังไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร“ทิฟ ปล่อยฉัน เธอไปเถอะ ฉันไม่ไป…”“แอริ เขาช่วยเหลือเธอไว้ดีมทาก ๆ นะ เธอต้องไปขอบคุณเขาด้วยตนเอง!”ทิฟฟานี่รู้สึกไม่เป็นปลื้มเมื่อเธอดึงแอเรียนลงบันไดในขณะที่เธอกำลังพูดแอเรียน วินน์ ผู้ซ
คำตอบของมาร์ค เทรมอนต์ ไม่มีอะไรนอกจากเย้ยหยันที่เย็นชา คำตอบของเขาทำให้คณบดีตัวสั่นและหุบปากหลังจากนั้นไม่นานบอดี้การ์ดสองสามคนในชุดสูทสีดำและแว่นกันแดดก็รีบเข้ามา“ท่านครับ เราได้ตรวจสอบแล้ว ผู้กระทำความผิดคือคนโง่ซึ่งมีความพิการทางสมอง อายุยี่สิบเอ็ดปี ลูกชายของผู้หญิงในโรงอาหารของมหาวิทยาลัยเซาธ์ไลน์ ปกติแล้วเขาเป็นคนดูแลโรงอาหาร การกระทำของเขาในวันนี้ไม่มีมูลความจริงเนื่องจากเขาไม่สามารถตอบอะไรที่เราถามได้ เนื่องจากสภาพของเขา เป็นไปได้ยากอย่างมากที่จะส่งเขาเข้าคุกครับ”“ดังนั้นส่งเขาไปที่สถาบันจิตเวช! คนบ้าที่ก้าวร้าวควรถูกเก็บไว้ในมหาวิทยาลัยเพื่อทำร้ายผู้อื่นต่อไปหรือไม่?” คำตอบของมาร์ค เทรมอนต์ ใกล้จะเป็นการคำรามต่ำ น้ำเสียงที่เยือกเย็นแห่งความตายของเขาดังก้องในทางเดิน"ครับท่าน!" บอดี้การ์ดออกไปด้วยความรีบร้อนอีกครั้งคณบดีลังเลที่จะพูดพร้อมกับมองหน้าเขาอย่างเหมือนจะมีปัญหามาร์ค เทรมอนต์ จ้องมองเขาและหัวเราะเยาะ "มันคืออะไร? คุณไม่พอใจกับการตัดสินใจของผมหรือ?”“ ไม่ครับ ๆ…มันก็แค่…คนโง่นั้นค่อนข้างโง่ ใช่ แต่เขาไม่ได้ป่วยทางจิตเลย…โดยปกติแล้วเขาเป็นคนสุภาพและมีมารยาทดี
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง