ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้างพร้อมเปล่งเสียงร้องแต่นั่นยังช้าไปกว่าเขาที่เข้าประชิด ฝ่ามือของเขาทาบปิดริมฝีปากของเธอไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยเพราะในนั้นเขาเห็นแววตื่นกลัวปะปนกับความร้อนแรงที่แทรกอยู่ ‘ไม่ธรรมดา’ เธอคนนี้จะร้อนได้อีกถ้าถูกเขาจุดไฟสวาทให้
“ชู่ววววว... สาวน้อย เธอสวยเหลือเกิน สวยเหมือนนางฟ้า สวยจนฉันอดใจไว้ไม่ไหว ฉันจะพานางฟ้าขึ้นสวรรค์... จับดูสิ เจ้านี่จะพาเธอไป”
เขาจับฝ่ามือของเธอให้กอบกุมความยิ่งใหญ่ของเขาไว้แทนผืนผ้าที่เธอขยี้เมื่อครู่ อยากให้เธอขยี้ท่อนสวาทของเขาเหลือเกิน และสายตาที่มองสบก็ทำให้เขาปลดปล่อยริมฝีปากนั้นให้เป็นอิสระ ก่อนที่เขาจะบดเบียดความร้อนรุ่มลงไปแทน ฝ่ามือข้างหนึ่งกระชับแผ่นหลังดันเข้าหา อีกมือหนึ่งกอบกุมเต้าอวบอิ่มขยำขยี้ให้หนำใจกับความอยาก
ลิ้นจ้วงแทงเข้าใส่กลีบปากบอบบาง ชอกชอน กว้านวนจนสาวเจ้าสะท้านเฮือกแอ่นสะโพกเข้าหาท่อนสวาทของเขาไม่หยุด ทั้งฝ่ามือก็บีบเคล้นความหยุ่นนุ่มมืออย่างเมามัน เพื่อเร่งเร้าให้เธอตอบโต้ และลีลาปลายลิ้นที่เกี่ยวตวัดรัดลิ้นของเขาเอาไว้ พร้อมกับฝ่ามือที่กอบกุมความยิ่งใหญ่และรูดเข้ารูดออกเบาๆ ก็บ่งบอกว่าเธอก็จัดจ้านพอตัว
“อา... อื้อ...”
เธอร่ำร้องในทันทีที่เขาปล่อยให้ริมฝีปากเป็นอิสระ แต่ฝ่ามือกลับยังยึดท่อนเนื้อของเขาเอาไว้แน่น จนเขาต้องเป็นฝ่ายแกะออก ก่อนจะก้มหน้าลงไปหาความอวบอิ่ม อ้าปากต้อนเอาปลายยอดสีชมพูสดข้างหนึ่งเข้าสู่อุ้งปากที่โหยหิว
ปลายลิ้นสากตวัดต้อนปลายยอดที่สะท้านตามจังหวะละเลงลิ้น ตวัดลิ้นชอนชิมไปมาอย่างรุนแรง เพราะอยากกลืนกินเธอให้หมดทั้งตัว ทั้งเลียและดูดดุนปลายยอดไม่หยุด จนนางกลางไพรส่งเสียงครวญครางฟังไม่ได้ศัพท์ออกมาไม่ขาดสาย แต่ก็ยังไม่หยุดแอ่นอัดความอวบใหญ่ใส่ใบหน้าของเขาอย่างไม่รู้ตัว
“อา... อื้อ... พี่จ๋าเสียวเหลือเกิน โอว...”
สาวบ้านป่าซู้ดซี้ดริมฝีปากอย่างน่าเวทนา มือไม้ไขว่คว้าหาท่อนเนื้อของเขาไม่หยุดจนเขาต้องจับมาวางไว้บนบ่าแกร่ง และเมื่อได้ที่ยึดแน่นหนา เธอก็ไม่รีรอที่จะระบายความอัดอั้นนั้นลงไปในทันที พงศกรยิ้มอย่างสมใจเมื่อเธอคนนี้เร่าร้อนถูกใจเขาที่สุด
ไม่คิดว่าการมาเที่ยวป่าครั้งนี้จะคุ้มแสนคุ้ม เพราะแม้จะหลงกับผองเพื่อนและคงไม่มีโอกาสได้ยิงสัตว์สักตัว แต่หากเพื่อนๆ ได้รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คงไม่มีผู้ชายคนไหนไม่อิจฉาเขาแน่ เพราะตอนนี้เขากำลังละเลียดลิ้นชอนชิมเนื้อกวางสาว และไม่กี่นาทีต่อจากนี้เขาก็จะได้พาความแข็งแกร่งเข้าไปกลืนกินน้ำหวานด้านใน เมื่อกินจนอิ่มก็จะสาดกระสุนใส่จนหมดแม็ก
“อื้อ... พี่จ๋า... ฉันเสียวเหลือเกิน ทำฉันสักที โอว... พี่จ๋า... ช่วยฉันด้วย โอว... อื้อ...”
สาวน้อยบ้านป่าร่ำร้องให้เขาช่วยเหลือ และเขาก็เข้าใจดีว่าจุดที่เธอทรมานนั้นอยู่ตรงไหน แต่ยังก่อน เธอต้องทรมานมากกว่านี้อีก ทรมานจนต้องกรีดร้องเสียงหลง
“ฉันจะทำให้เธอจะมีความสุข ฉันจะช่วยเธอเอง”
เขาเอ่ยคำพูดอยู่บนยอดอก ก่อนจะอ้าริมฝีปากออกและดูดดุนปลายยอดของเธออีกครั้ง แต่ฝ่ามือของเขาที่แตะอยู่ตรงส่วนนั้นก็ไม่น้อยหน้า เพราะเขากำลังขยำขยี้ที่ติ่งเนื้อจนเธอร่ำร้องถ้อยคำหลากหลายออกมา และทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้เขาปลดเปลื้องความอยากนี้จากร่างกายของเธอสักที
“ขึ้นสวรรค์ไปด้วยกันสาวน้อย”
ฝ่ามือกระชับสะโพกผายของเธอให้ลอยขึ้นเหนือน้ำจนมองเห็นดอกไม้เบ่งบานและงดงามจนเขาอยากจะก้มลงไปชอนชิมหยาดน้ำหวานนั้นดูสักครั้ง แต่ขอให้เขาได้ปลดเปลื้องก่อน ต่อจากนั้นเขาจะวกกลับมาชอนชิมความหวานต่อ
ดวงตาตื่นตะลึงมองท่อนสวาทของเขา กับฝ่ามือของเธอที่เอื้อมมาคว้า เร่งเร้าให้เขาอยากจะปลดเปลื้องเหลือเกิน ยิ่งเขาใช้ส่วนหัวเสียดสีอยู่ด้านบน เธอก็ขยับเพื่อให้ส่วนหัวนั้นเลื่อนลงด้านล่าง เขารู้ใจว่าเธออยากให้ท่อนสวาทนั้นจดจ่ออยู่ในจุดที่สมควร อยากให้เขาเข้าไปสักที และครั้งนี้เขาจะไม่รั้งไว้
“โอว...”
“ไปสวรรค์กับฉัน โอว... เยี่ยม... โอว...”
เขาพาความยิ่งใหญ่สอดเข้าไปทีเดียวมิดด้ามจนเธอต้องอ้าปากค้าง ก่อนจะพ่นระบายลมหายใจติดขัดออกมา และเป็นฝ่ายหลับตาพร้อมแอ่นอัดถ้ำลึกลับของเธอใส่ท่อนเนื้อยิ่งใหญ่ของเขาซะเอง เธอรู้งานจนเขาคลั่ง เพราะคาดหวังว่าเธอจะทำได้มากกว่านี้
เขาโอบอุ้มเธออยู่กลางลำธาร ยกสะโพกขึ้นลงให้เธอแหงนหน้าครวญครางซึมซับกับผืนป่าสีเขียว ก่อนจะตามด้วยท่วงท่าให้เธอแหวกว่ายอยู่กลางสายน้ำโดยมีเขากระแทกความแข็งแกร่งส่งเข้ามาทางบั้นท้าย จากนั้นเขาก็พาเธอขึ้นไปซึมซับกับโขดหินด้านข้าง โดยกระแทกความแข็งแกร่งบดเบียดสู่ถ้ำแห่งความสุขของเธอไม่หยุด ทุกท่วงท่าที่กระทำ เธอไม่ร้องให้เขาหยุดเลย มีแต่เสียงร่ำร้อง
“โอว... เสียว... โอว... พี่จ๋า... น้องเสียว... โอว...”
เสียงครวญครางดังอย่างต่อเนื่องเพราะเขาส่งเธอล่องลอยไปสู่สวรรค์อย่างนับครั้งไม่ถ้วน และเมื่อเขาครางต่ำด้วยความเสียว เธอเองก็กรีดร้องด้วยความซาบซ่านเช่นเดียวกัน
“โอว... พี่จ๋า... โอว... พี่จ๋า... โอว...”
“อืม... สุดยอด โอว... สุดยอด...”
‘สุดา’ มองผู้ชายที่ส่งมอบความยิ่งใหญ่และหยาดน้ำอุ่นวาบเข้าสู่ร่างกายของเธอด้วยจิตพิศวาส สายตาของเธอฉายชัดถึงความต้องการอย่างมากล้น และเมื่อเขาบดเบียดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง สุดาก็พร้อมแล้วที่จะขึ้นไปโลดแล่นอยู่บนร่างกายของเขา เธอโยกย้ายส่ายสะโพกบดเบียดความอยากลงไปจนสุด
เพราะความแข็งแกร่งนี้แหละคือสิ่งที่เธอต้องการและรอคอย และเมื่อความสุขสมอีกครั้งเสร็จสิ้นไป ชีวิตของสุดาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะในค่ำคืนนั้นเอง เธอก็พาชายแปลกหน้าลัดเลาะออกจากหมู่บ้านชายป่าเข้าไปสู่ในเมือง โดยไม่คิดจะกลับไปเยือนบ้านป่าอีกตลอดกาล
สุดาเลือกชีวิตสุขสบายมั่งมีไปด้วยเงินทองและบ่าวไพร่มารายล้อม จากไม่เคยไปไหนไกลเท่าตลาดในเมือง เธอก็ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดนั้น ก็ไม่พ้นจะเป็นความยิ่งใหญ่แข็งแกร่งของ ‘หม่อมเจ้าพงศกร วรเวชเดชากร’ ชายแปลกหน้าที่โชคชะตานำทางให้มาพบกับเธอ “ทำอะไรอยู่รึหม่อม” เสียงทุ้มที่ดังอยู่ด้านหลังก่อนอ้อมกอดแกร่งจะกระชับรอบเอวทำให้ ‘หม่อมสุดาวดี’ ตื่นจากภวังค์และหันไปยิ้มให้กับสามี พร้อมกับเอี้ยวหน้าไปรับรอยจูบที่ท่านบดเบียดลงมาหา และจากจูบเพียงนิดก็กลายเป็นปลายลิ้นที่แหย่ลงมา จนสุดาวดีต้องใช้ฝ่ามือยันแผงอกกว้างนั้นไว้ “อื้อ... ท่านชาย เดี๋ยวสิเพคะ สุดาหายใจหายคอไม่ออกแล้ว” “อะไรกันเล่า ฉันรู้นะว่าสุดาน่ะหายใจออกเสมอ แม้แต่กลืนกินฉันอยู่ สุดาก็ยังหายใจได้” “ท่านอ่ะ สุดาไม่พูดด้วยแล้ว” “ไม่พูดก็ได้ งั้นเปลี่ยนเป็นครางก็แล้วกัน” “อื้อ... ท่านชาย...” แค่นั้นที่สุดาวดีได้ร้องห้าม เพราะสุดท้ายเธอก็ไม่สามารถห้ามปรามฝ่ามือร้อนรุ่มของท่านชายพงศกรได้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่อย
ของอร่อยที่เคยได้กลืนกินอย่างเมามันทุกค่ำคืน ต้องร้างลาไปนานปี และเมื่อมีโอกาสได้กลับมากินอีกครั้ง เธอก็หวังว่าจะเอร็ดอร่อยจนต้องซู้ดปากไม่หยุด ทว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นกลับทำให้นกกระจอกตัวน้อยไม่เคยโผบินอีกเลย ได้แต่นอนคอพับคออ่อน ปลุกไม่ตื่น เรียกไม่ลุก และผัวแก่ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย วันๆ ได้แต่นั่งหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ปล่อยให้เธอต้องปลดเปลื้องความร้อนรุ่มด้วยตัวเอง แต่แค่นั้นจะไปถึงใจเธอได้ยังไง เธอต้องการมากกว่านั้น และมากครั้งกว่าที่เคยได้รับ จนได้มาพบกับท่านชาย ในยามนั้นท่านเป็นชายแปลกหน้าที่หล่อเหลาจนสาวบ้านป่าอย่างเธอตื่นตะลึง และฝ่ามือที่ล่วงล้ำร่างกายของเธอ ก็ทำให้เธอลืมทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะเมื่อความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งราวกับมีชีวิตนั้นผงกหัวและส่ายไปมาอยู่ในอุ้งมือของเธอ เธอตื่นเต้นจนสั่นเพราะรู้ว่าสิ่งนี้จะทำอะไรกับเธอได้บ้าง และเพียงท่านชายสอดแทรกความแข็งแกร่งเข้ามาสู่ร่างกายของเธอ เธอก็ค้นพบแล้วว่าสิ่งนี้แหละที่จะเติมเต็มความอดอยากโหยหิวให้กับเธอได้ สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตได้คืนมา การเสร็จสมครั้งแรกในรอบปีจากท่อนเนื้อของผู้ชายที่หล่อเหลาราวเทพ
กลุ่มควันสีขาวที่เกิดจากเปลวไฟกำลังเผาไหม้ร่างของพ่อ นั่นคือเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ อีกทั้งข่าวการตายของพ่อที่กระพือไปทั่วประเทศไทยและขจรไกลไปอีกฟากโลกก็ไม่อาจมีใครเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปอีกนานเท่าไร อีก 10 ปี 20 ปี หรืออีก 30 ปี โลกโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ไวกว่าไฟลามทุ่งก็จะทำให้ข่าว... ‘หม่อมเจ้าพงศกร วรเวชเดชากร ตายคาอกหม่อมเพราะใช้ไวอากร้าเกินขนาด’ จะยังถูกพูดถึงไปตลอดกาล “คุณชายครับ เรื่องพินัยกรรมของท่าน” ดวงตาคมเข้มของ ‘หม่อมราชวงศ์ธีรดนย์ วรเวชเดชากร’ มีแววกร้าวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปรับให้เป็นปกติดังเดิม เขาไม่ได้อยากฟังเรื่องพินัยกรรมในเวลานี้ เพราะร่างของพ่อยังเผาไม่หมดซะด้วยซ้ำ แต่เพราะทนายวีระเดชนั้นเป็นทนายประจำตระกูลและเป็นเพื่อนสนิทของพ่อ เขาจึงไม่ควรแสดงกิริยาไม่เหมาะสมออกไป อีกทั้งฐานันดรที่แบกอยู่บนบ่าตั้งแต่เกิดก็สอนสั่งให้เขาเก็บอารมณ์ “ไว้คุยกันวันอื่นได้มั้ยครับคุณลุง” ทนายวีระเดชชำเลืองมองใบหน้าเคร่งขรึม นึกเห็นใจคุณชายธีรดนย์ที่สุด เพราะคุณชายไม่ควรต้องมาพบเจอกับเรื่องราวแบบนี้เลย เ
ฝ่ามือแกร่งปาดไล่หยาดเหงื่อที่ไหลซึมผ่านคอเสื้อลงมาเป็นทาง ก่อนจะปลดรังดุมเสื้อเชิ้ตออกและกระพือเรียกลมเย็นจากภายนอกเข้ามาปะทะแผงอกด้านใน ‘พงศกร’ ควักเอาผ้าเช็ดหน้าที่ยัดใส่กระเป๋ากางเกงเดินป่าแบบลวกๆ ขึ้นมาซับเหงื่อที่ไหลต่างน้ำ กว่า 2 ชั่วโมงแล้วที่เขาเดินหลงเข้ามาในป่าแห่งนี้และยังมองไม่เห็นทางออก นึกโทษตัวเองที่มัวแต่ส่องนกเพลินจนพลัดหลงกับเพื่อนและพรานป่านำทาง แต่ประสบการณ์เข้าป่าที่พอมีอยู่บ้างก็สอนให้เขาต้องเงี่ยหูฟังเสียงรอบด้าน เขาต้องฟังเสียงน้ำ เสียงสัตว์ และเสียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นรอบตัว เพราะนั่นจะทำให้เขาได้เจอกับเพื่อนๆ และพรานป่าที่กำลังออกตามหาเขาอยู่ก็ได้ แต่ยิ่งเดินเข้ามาลึกเขาก็ยิ่งถอดใจและคิดว่าไม่น่าเลย เพราะเขาควรจะหยุดรออยู่ตรงจุดที่หลง เพื่อรอให้คนอื่นเดินมาพบ ไม่ควรตัดสินใจเดินตามร่องรอยที่เพื่อนทิ้งไว้เลย แต่คิดได้ตอนนี้ก็สายเสียแล้ว เพราะความอึมครึมที่คืบคลานเด่นชัดคือสัญญาณบ่งบอกว่าเวลานี้ใกล้ค่ำเต็มทน หากเป็นในเมืองกรุง เวลานี้ผีเสื้อราตรีคงเพิ่งตื่นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโผบินในยามค่ำคืน แต่สำหรับป่า สัตว์หากินยามค่ำคื
กลุ่มควันสีขาวที่เกิดจากเปลวไฟกำลังเผาไหม้ร่างของพ่อ นั่นคือเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ อีกทั้งข่าวการตายของพ่อที่กระพือไปทั่วประเทศไทยและขจรไกลไปอีกฟากโลกก็ไม่อาจมีใครเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปอีกนานเท่าไร อีก 10 ปี 20 ปี หรืออีก 30 ปี โลกโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ไวกว่าไฟลามทุ่งก็จะทำให้ข่าว... ‘หม่อมเจ้าพงศกร วรเวชเดชากร ตายคาอกหม่อมเพราะใช้ไวอากร้าเกินขนาด’ จะยังถูกพูดถึงไปตลอดกาล “คุณชายครับ เรื่องพินัยกรรมของท่าน” ดวงตาคมเข้มของ ‘หม่อมราชวงศ์ธีรดนย์ วรเวชเดชากร’ มีแววกร้าวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปรับให้เป็นปกติดังเดิม เขาไม่ได้อยากฟังเรื่องพินัยกรรมในเวลานี้ เพราะร่างของพ่อยังเผาไม่หมดซะด้วยซ้ำ แต่เพราะทนายวีระเดชนั้นเป็นทนายประจำตระกูลและเป็นเพื่อนสนิทของพ่อ เขาจึงไม่ควรแสดงกิริยาไม่เหมาะสมออกไป อีกทั้งฐานันดรที่แบกอยู่บนบ่าตั้งแต่เกิดก็สอนสั่งให้เขาเก็บอารมณ์ “ไว้คุยกันวันอื่นได้มั้ยครับคุณลุง” ทนายวีระเดชชำเลืองมองใบหน้าเคร่งขรึม นึกเห็นใจคุณชายธีรดนย์ที่สุด เพราะคุณชายไม่ควรต้องมาพบเจอกับเรื่องราวแบบนี้เลย เ
ของอร่อยที่เคยได้กลืนกินอย่างเมามันทุกค่ำคืน ต้องร้างลาไปนานปี และเมื่อมีโอกาสได้กลับมากินอีกครั้ง เธอก็หวังว่าจะเอร็ดอร่อยจนต้องซู้ดปากไม่หยุด ทว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นกลับทำให้นกกระจอกตัวน้อยไม่เคยโผบินอีกเลย ได้แต่นอนคอพับคออ่อน ปลุกไม่ตื่น เรียกไม่ลุก และผัวแก่ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย วันๆ ได้แต่นั่งหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ปล่อยให้เธอต้องปลดเปลื้องความร้อนรุ่มด้วยตัวเอง แต่แค่นั้นจะไปถึงใจเธอได้ยังไง เธอต้องการมากกว่านั้น และมากครั้งกว่าที่เคยได้รับ จนได้มาพบกับท่านชาย ในยามนั้นท่านเป็นชายแปลกหน้าที่หล่อเหลาจนสาวบ้านป่าอย่างเธอตื่นตะลึง และฝ่ามือที่ล่วงล้ำร่างกายของเธอ ก็ทำให้เธอลืมทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะเมื่อความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งราวกับมีชีวิตนั้นผงกหัวและส่ายไปมาอยู่ในอุ้งมือของเธอ เธอตื่นเต้นจนสั่นเพราะรู้ว่าสิ่งนี้จะทำอะไรกับเธอได้บ้าง และเพียงท่านชายสอดแทรกความแข็งแกร่งเข้ามาสู่ร่างกายของเธอ เธอก็ค้นพบแล้วว่าสิ่งนี้แหละที่จะเติมเต็มความอดอยากโหยหิวให้กับเธอได้ สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตได้คืนมา การเสร็จสมครั้งแรกในรอบปีจากท่อนเนื้อของผู้ชายที่หล่อเหลาราวเทพ
สุดาเลือกชีวิตสุขสบายมั่งมีไปด้วยเงินทองและบ่าวไพร่มารายล้อม จากไม่เคยไปไหนไกลเท่าตลาดในเมือง เธอก็ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดนั้น ก็ไม่พ้นจะเป็นความยิ่งใหญ่แข็งแกร่งของ ‘หม่อมเจ้าพงศกร วรเวชเดชากร’ ชายแปลกหน้าที่โชคชะตานำทางให้มาพบกับเธอ “ทำอะไรอยู่รึหม่อม” เสียงทุ้มที่ดังอยู่ด้านหลังก่อนอ้อมกอดแกร่งจะกระชับรอบเอวทำให้ ‘หม่อมสุดาวดี’ ตื่นจากภวังค์และหันไปยิ้มให้กับสามี พร้อมกับเอี้ยวหน้าไปรับรอยจูบที่ท่านบดเบียดลงมาหา และจากจูบเพียงนิดก็กลายเป็นปลายลิ้นที่แหย่ลงมา จนสุดาวดีต้องใช้ฝ่ามือยันแผงอกกว้างนั้นไว้ “อื้อ... ท่านชาย เดี๋ยวสิเพคะ สุดาหายใจหายคอไม่ออกแล้ว” “อะไรกันเล่า ฉันรู้นะว่าสุดาน่ะหายใจออกเสมอ แม้แต่กลืนกินฉันอยู่ สุดาก็ยังหายใจได้” “ท่านอ่ะ สุดาไม่พูดด้วยแล้ว” “ไม่พูดก็ได้ งั้นเปลี่ยนเป็นครางก็แล้วกัน” “อื้อ... ท่านชาย...” แค่นั้นที่สุดาวดีได้ร้องห้าม เพราะสุดท้ายเธอก็ไม่สามารถห้ามปรามฝ่ามือร้อนรุ่มของท่านชายพงศกรได้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่อย
ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้างพร้อมเปล่งเสียงร้องแต่นั่นยังช้าไปกว่าเขาที่เข้าประชิด ฝ่ามือของเขาทาบปิดริมฝีปากของเธอไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยเพราะในนั้นเขาเห็นแววตื่นกลัวปะปนกับความร้อนแรงที่แทรกอยู่ ‘ไม่ธรรมดา’ เธอคนนี้จะร้อนได้อีกถ้าถูกเขาจุดไฟสวาทให้ “ชู่ววววว... สาวน้อย เธอสวยเหลือเกิน สวยเหมือนนางฟ้า สวยจนฉันอดใจไว้ไม่ไหว ฉันจะพานางฟ้าขึ้นสวรรค์... จับดูสิ เจ้านี่จะพาเธอไป” เขาจับฝ่ามือของเธอให้กอบกุมความยิ่งใหญ่ของเขาไว้แทนผืนผ้าที่เธอขยี้เมื่อครู่ อยากให้เธอขยี้ท่อนสวาทของเขาเหลือเกิน และสายตาที่มองสบก็ทำให้เขาปลดปล่อยริมฝีปากนั้นให้เป็นอิสระ ก่อนที่เขาจะบดเบียดความร้อนรุ่มลงไปแทน ฝ่ามือข้างหนึ่งกระชับแผ่นหลังดันเข้าหา อีกมือหนึ่งกอบกุมเต้าอวบอิ่มขยำขยี้ให้หนำใจกับความอยาก ลิ้นจ้วงแทงเข้าใส่กลีบปากบอบบาง ชอกชอน กว้านวนจนสาวเจ้าสะท้านเฮือกแอ่นสะโพกเข้าหาท่อนสวาทของเขาไม่หยุด ทั้งฝ่ามือก็บีบเคล้นความหยุ่นนุ่มมืออย่างเมามัน เพื่อเร่งเร้าให้เธอตอบโต้ และลีลาปลายลิ้นที่เกี่ยวตวัดรัดลิ้นของเขาเอาไว้ พร้อมกับฝ่ามือที่กอบกุมความย
ฝ่ามือแกร่งปาดไล่หยาดเหงื่อที่ไหลซึมผ่านคอเสื้อลงมาเป็นทาง ก่อนจะปลดรังดุมเสื้อเชิ้ตออกและกระพือเรียกลมเย็นจากภายนอกเข้ามาปะทะแผงอกด้านใน ‘พงศกร’ ควักเอาผ้าเช็ดหน้าที่ยัดใส่กระเป๋ากางเกงเดินป่าแบบลวกๆ ขึ้นมาซับเหงื่อที่ไหลต่างน้ำ กว่า 2 ชั่วโมงแล้วที่เขาเดินหลงเข้ามาในป่าแห่งนี้และยังมองไม่เห็นทางออก นึกโทษตัวเองที่มัวแต่ส่องนกเพลินจนพลัดหลงกับเพื่อนและพรานป่านำทาง แต่ประสบการณ์เข้าป่าที่พอมีอยู่บ้างก็สอนให้เขาต้องเงี่ยหูฟังเสียงรอบด้าน เขาต้องฟังเสียงน้ำ เสียงสัตว์ และเสียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นรอบตัว เพราะนั่นจะทำให้เขาได้เจอกับเพื่อนๆ และพรานป่าที่กำลังออกตามหาเขาอยู่ก็ได้ แต่ยิ่งเดินเข้ามาลึกเขาก็ยิ่งถอดใจและคิดว่าไม่น่าเลย เพราะเขาควรจะหยุดรออยู่ตรงจุดที่หลง เพื่อรอให้คนอื่นเดินมาพบ ไม่ควรตัดสินใจเดินตามร่องรอยที่เพื่อนทิ้งไว้เลย แต่คิดได้ตอนนี้ก็สายเสียแล้ว เพราะความอึมครึมที่คืบคลานเด่นชัดคือสัญญาณบ่งบอกว่าเวลานี้ใกล้ค่ำเต็มทน หากเป็นในเมืองกรุง เวลานี้ผีเสื้อราตรีคงเพิ่งตื่นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโผบินในยามค่ำคืน แต่สำหรับป่า สัตว์หากินยามค่ำคื