“ฉันก็บอกแล้วว่า คนที่อายุแค่นี้ยังมีทักษะการฝึกฝนไม่เพียงพออยู่ ดังนั้นจะมีความสามารถปรุงยาได้ยังไงกัน? นี่มันเป็นการหลอกลวงกันชัดๆ”“ใช่แล้ว พฤติกรรมนี้แสดงให้เห็นว่าไม่เห็นหัวนิกายแพทย์อย่างโจ่งแจ้ง เขาไม่สมควรที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ขับไล่เขาออกไปเถอะ!”“ผู้เฒ่าสูงสุด ขับไล่เขาออกไปเถอะครับ”“ไล่ออกไป!”……ทันใดนั้น ลูกศิษย์ทั้งหมดของนิกายแพทย์ก็เริ่มสร้างความโกลาหลผู้เฒ่าหลายคนล้อมฉู่เฉินด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามแม้แต่ผู้เฒ่าเหยาเองก็ไม่กล้าเปิดปากพูดออกมา เพราะสิ่งที่ผู้เฒ่าหลิวพูดนั้นได้รับการพิสูจน์มาทุกอย่างแล้วเมื่อเห็นฉู่เฉินก็ไม่ได้แก้ตัวใดๆ ทำเพียงแค่มองไปที่ผู้เฒ่าหลิวและพูดอย่างเย็นชา "ในเมื่อคุณเองก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ คุณน่าจะดูได้ว่ายาเม็ดนี้ถูกสร้างขึ้นจริงเมื่อวานนี้หรือไม่"คำพูดของฉู่เฉินถูกผู้เฒ่าหลิวเพิกเฉย“ขับไล่เขาออกไป ขับไล่ออกไปจากนิกายแพทย์”“นี่จะใจดีเกินไป ถ้าปล่อยออกเขาไปแบบง่ายๆ ในความคิดของฉัน หากเรื่องนี้นำมาซึ่งการขัดขวางการชุมนุมนักเล่นแร่แปรธาตุของนิกายแพทย์ ทำไมไม่ทำลายวรยุทธเขาก่อน จากนั้นค่อยขับไล่เขาออกไป?” เฟยไป๋ก้าวออกมาและพูด
เห็นได้ชัดว่าเหยาหลิงเฉินและเฟิงหยู่รู้จักกัน และทราบถึงนิสัยใจคอของเฟิงหยู่“ผู้อาวุโส ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยพูดเลยว่าต้องการเป็นผู้นำของนิกายแพทย์ เป็นคุณเองที่เอาแต่พูดเรื่องนี้ วันนี้เหตุผลเดียวที่ผมยินดีที่จะปรุงยาต่อหน้าทุกคนก็เพราะคุณ ไม่ใช่เพราะตำแหน่งผู้นำนิกาย หลังจากนี้ต่อไป ผมกับนิกายแพทย์จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก” ฉู่เฉินตอบกลับในใจวินาทีต่อมา จิตวิญญาณก็กลับเข้าร่างของฉู่เฉินท่ามกลางความกดดัน เขาพยายามดึงถุงผ้าสามใบออกมาจากร่างเมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้เฒ่าหลิวก็ถอนแรงกดดันทันทีร่างกายของฉู่เฉินผ่อนคลายลง และแทบจะทรุดตัวลงไปกับพื้นฉู่เฉินค่อยๆ เปิดถุงผ้าพร้อมกับเอ่ยปาก: "ผู้เฒ่าเหยา ผมมาที่นิกายแพทย์เพราะคุณ ก่อนที่จะมา ผมมีความคาดหวังกับนิกายแพทย์เอาไว้สูง แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกผิดหวังมาก ผมจะแสดงการปรุงยาจากวัตถุดิบทั้งสามชุดนี้ให้เพื่อคุณ และนั้นจะเป็นการแทนคำขอบคุณ ต่อจากนี้ไป ผมกับนิกายแพทย์จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เหยาปิงชู่ก็รู้สึกได้ทันทีว่าเรื่องชักจะไม่สู้ดีแล้ว ท่าทีบรรดาลูกศิษย์ของนิกายแพทย์ได้ทำให้หัวใจของฉู่เฉินด้
ไม่น่าเชื่อว่าเสียงนั้นพูดมาจากร่างกายเด็กถ้าไม่ได้มองด้วยตา“ผู้เฒ่า พอเถอะครับ ผมตัดสินใจแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ” ใบหน้าของฉู่เฉินเปลี่ยนไปเมื่อเห็นผู้เฒ่าเฟิงหยู่ผู้ชายคนนี้เป็นระดับเซียนวรยุทธที่แข็งแกร่งกว่าจอมยุทธหากต้องการรั้งไว้ที่นี่จริงๆ ฉู่เฉินกลัวว่าตัวเองจะไม่มีโอกาสโต้ตอบเลยด้วยซ้ำ“ปรมาจารย์ฉู่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันจะไม่บังคับคุณให้อยู่ ก่อนหน้านี้พวกเราทำไม่ถูกต้อง หากคุณต้องการระบายความโกรธก็ระบายกับฉันเถอะ ฉันจะไม่ขัดขืน ถ้าปรมาจารย์ฉู่ต้องการไปจากนิกายแพทย์ คุณมีอิสระที่จะทำตามความต้องการ แต่พวกเราทุกคนติดอยู่ในดินแดนลับนี้ ไม่สามารถออกไปสู่โลกภายนอกได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามปรมาจารย์ฉู่ออกไปได้ เอาอย่างนี้เป็นยังไง ฉันจะให้เหยาปิงชู่ติดตามคุณและปกป้องคุณ คุณคิดว่ายังไง?" เฟิงหยู่อ้อนวอนอย่างนอบน้อม“ผู้เฒ่าสูงสุด ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ผู้เฒ่าเหยาได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากในนิกาย จะให้เขาจะติดตามผมไปได้อย่างไร ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องให้วุ่นวายเพียงเพราะผมเลย ได้โปรดเปิดประตูดินแดนลับของนิกายให้ผมด้วย” ฉู่เฉินไม่ได้ถูกหลอกโดยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนของเฟิงหยู่ และต้องกา
ออกจากประตูมิติของนิกายแพทย์ ฉู่เฉินพบว่าตัวเองอยู่ในภูเขาลึกที่รกร้างและไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตเมื่อมองไปรอบๆ ฉู่เฉินก็สังเกตเห็นว่าเป็นสถานที่เดียวกับที่เคยเข้าไปมาก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าทั้งทางเข้าและทางออกของดินแดนลับ ซึ่งเป็นที่ตั้งของนิกายแพทย์ซวนเทียนจะตั้งอยู่ ณ จุดนี้หลังจากกำหนดทิศทางแล้ว ฉู่เฉินก็กลายเป็นสายรุ้งยาวและพุ่งตัวออกจากสถานที่นี้ในใจของเขา ได้ถามเหยาหลิงเฉิน "ผู้อาวุโส ทำไมดินแดนลับของนิกายแพทย์ของคุณตั้งอยู่กับที่ ในขณะเมืองลับแลมังกรนั้นตามผมไปทุกที่"“ไม่แน่ใจสำหรับเหตุผลหลัก เมืองลับแลมังกรก่อนหน้านี้ก็เหมือนกับนิกายแพทย์ ซึ่งอยู่ที่ตระกูลฉู่ในเมืองหลวงมาโดยตลอด เรื่องนี้น่าจะต้องเกี่ยวข้องกับฉู่เซินแน่นอน” เดิมทีเหยาหลิงเฉินไม่อยากจะพูดเรื่องของนิกายแพทย์ แต่เมื่อได้ยินคำถามของฉู่เฉิน ก็รีบพูดสิ่งที่ตัวเองเดาออกมาเมื่อได้ยินชื่อฉู่เซินจากปากของเหยาหลิงเฉินอีกครั้ง ก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น“ผู้อาวุโส ฉู่เซินที่คุณพูดถึงเป็นใครกันแน่?” แม้ว่าฉู่เฉินจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือ แต่เขาก็ยังต้องการได้รับการยืนยัน“ฉู่เซินก็คือฉู่เซิน คนที่รู้จักก
“ถ้าแกไม่มีเงิน แล้วทำไมแกยังกล้ามาเปิดร้านอาหารในถิ่นฉันอีก? รนหาที่ตายแล้ว!”หากโดนลูกเตะนั้น เจ้าของร้านคงจะเจ็บปวดเป็นเวลาหลายวันในขณะนั้นเอง จู่ๆ ลูกค้าที่กินข้าวก็ลุกขึ้นและแทรกตัวเองระหว่างคนทั้งสอง ไม่เพียงแต่ป้องกันเจ้าของร้านเท่านั้น แต่สกัดการเตะอีกด้วย“เฮียคิดเงินที ทั้งหมดเท่าไหร่?” ลูกค้าคนนั้นคือฉู่เฉินเมื่ออยู่ที่เมืองหลวงเป็นเวลาหนึ่งวัน ฉู่เฉินก็ไม่รีบร้อนไปหาผู้เฒ่าเฉิน แต่เขาต้องการที่เรียนรู้ขนบธรรมเนียมและประเพณีท้องถิ่นของเมืองหลวงก่อนตอนที่มาถึงครั้งแรก นั่นเป็นสาเหตุที่เขามาปรากฏตัวในร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ระหว่างมื้ออาหารที่เรียบง่ายด้วยความคิดที่จะยุติข้อพิพาทอย่างสันติ ฉู่เฉินจึงก้าวเท้าออกมาอันธพาลผมบลอนด์เห็นว่าลูกเตะของเขาถูกสกัดเอาไว้ได้ และไม่เพียงเท่านั้น อาการชาที่น่องยังบอกเขาด้วยว่าคนคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา สกัดลูกเตะของเขาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะมีฝีมือแค่ไหน ชายนุ่มผมบลอนด์ก็คิดว่าตัวเองได้เปรียบในด้านจำนวนคนแน่นอนว่า จู่ๆ ชายผมสีเขียวก็ปรากฏตัวขึ้นและส่งเสียงออกมาทันที
เวลาผ่านไปนานจนกระทั่งฉู่เฉินเดินเข้าไปในตรอกทันใดนั้น คนกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาขวางทาง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง“เจ้าหนู แกกล้าทำให้แก๊งเทียนหลงขุ่นเคือง ดูสิว่าแกจะหนีไปที่ไหน!” คนที่พูดคือชายผมบลอนด์ก่อนหน้านี้อันธพาลผมบลอนด์เดินตามชายสวมชุดศิลปะการต่อสู้ในวัยสี่สิบต้นๆ โดยมีขมับสูงและนูน ซึ่งให้ความรู้สึกแรกพบว่าเป็นคนที่ไม่ควรเข้าไปยั่วยุ“อาจารย์เฉิน เขาไม่เพียงแต่ดูหมิ่นแก๊งเทียนหลงเท่านั้น แต่ยังทุบตีพี่น้องของเราด้วย”“พวกนายทั้งกลุ่มไม่สามารถจัดการกับไอ้หน้าอ่อนคนเดียวได้?”“อาจารย์เฉิน ไอ้เด็กเป็นกังฟูอยู่บ้าง พี่ๆ น้องๆ แพ้เขาหมดเลย ดังนั้นจึงต้องรบกวนให้พี่เฉินออกหน้าช่วย”เมื่อได้ยินอันธพาลผมบลอนด์พูดแบบนี้ ชายที่ชื่อพี่เฉินก็ก้าวไปข้างหน้าและเข้าไปหาฉู่เฉิน“เจ้าหนู ในเมื่อแกเป็นกังฟู แกก็น่าจะเคยได้ยินชื่อฉันมาบ้างล่ะ เอาล่ะ ฉันจะให้โอกาสแกคุกเข่าลงต่อหน้าฉันและคำนับฉันสามครั้ง บางทีฉันอาจจะไว้หน้าแกบ้าง เพราะครั้งนี้ที่แกทำให้แก๊งเทียนหลงขุ่นเคือง ถ้าฉันลงมือ แกอาจจะตายหรือพิการก็ได้” “เจ้าหนู แกคิดว่าสามารถแยกร่างได้เพียงเพราะแกมีรู้วรยุทธต่ำต้อย เลยกล้าที่จ
“แล้วพวกเขาล่ะ?” ฉู่เฉินชี้ไปที่หลังของอันธพาลฉันบลอนด์และคนอื่นๆ ที่วิ่งหนีไป“ขนาดฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะพบกับหัวหน้าแก๊งเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาเลย ผู้อาวุโส หากคุณต้องการพบกับหัวหน้าแก๊งค์จริงๆ คุณอาจพักที่โรงฝึกของฉันก่อน ฉันจะแนะนำคุณเมื่อมีโอกาสแล้วคุณจะได้พบกับหัวหน้า” เฉินเฟยอวิ๋นพูดอย่างกระตือรือร้นนับตั้งแต่ที่เห็นร่างของฉู่เฉินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เฉินเฟยอวิ๋นก็เข้าใจทันทีว่าเขาได้พบกับปรมาจารย์เข้าแล้ว เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินพูดคุยได้เป็นกันเอง เขาคิดว่าถ้าเขาสามารถติดตามอีกฝ่าย และถ้าได้รับการชี้แนะจากเขา ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าจะสามารถก้าวกระโดดขึ้นไปอีก“ถ้านายไม่เคยเจอหัวหน้าแก๊งมาก่อน แล้วราชามังกรทั้งแปดล่ะ?” จู่ๆ ฉู่เฉินก็เริ่มสนใจสิ่งที่เรียกว่าราชามังกรทั้งแปด หากเจอกับหัวหน้าแก๊งไม่ได้ แค่ตามหาราชามังกรมาสักคน ก็น่าจะให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน“ฉันก็ไม่เคยเจอราชามังกรทั้งแปดมาก่อนเหมือนกัน” เฉินเฟยอวิ๋นพูดอย่างไร้เดียงสาฉู่เฉินผิดหวังอย่างมากและกำลังจะจากไป“แต่ฉันรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับหนึ่งในราชามังกร” เฉินเฟยอวิ๋นคว้าโอกาสอย่าง
ชายทั้งสองมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัย ซึ่งอายุน้อยกว่าตัวเองอย่างเห็นได้ชัด และทั้งสองคนทำหน้าอย่างไม่เชื่อด้วยความเคารพต่ออาจารย์ พวกเขาจึงเรียกเขาว่า "ผู้อาวุโส" อย่างไม่เต็มใจฉู่เฉินไม่ได้สนใจและเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยแต่การพยักหน้านี้จุดประกายไฟของความโกรธในใจพวกเขาผู้ชายคนนี้กำลังแสดงท่าทีเป็นผู้อาวุโสจริงๆบนเวที ชายทั้งสองสบตากันและทันใดนั้นก็เกิดฝุดความคิดขึ้นหนึ่งในนั้นพูดขึ้น“ในเมื่ออาจารย์เฉินเรียกคุณว่าผู้อาวุโส วรยุทธของคุณจึงต้องล้ำลึกแน่นอน คุณยินดีที่จะให้ชี้แนะแก่ข้าหรือไม่!”ก่อนที่ฉู่เฉินจะสามารถตอบได้ เฉินเฟยอวิ๋นก็แสร้งทำเป็นโกรธและพูด: "พวกนายสองคนหยาบคายนัก! พวกนายจะตั้งคำถามถึงระดับวรยุทธของผู้อาวุโสได้ยังไง? รีบขอโทษเดี๋ยวนี้!"“อาจารย์ ผู้อาวุโสจะไม่รังเกียจที่จะฝึกซ้อมกับพวกเราใช่ไหม ผู้อาวุโส?” หนึ่งในนั้นถามฉู่เฉินมองความคิดของพวกเขาออก พวกเขาเพียงต้องการทดสอบวรยุทธของตัวเขา“วิชาที่นักสู้ฝึกฝนนั้นอันตรายถึงขั้นเอาชีวิตได้ ดังนั้นอย่าเลย” ฉู่เฉินรู้ว่าแค่ความคิดของคนไม่กี่คนเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ไม่อยากลงมือก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่คาดคิ