เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่สะทกสะท้าน ฮวาหลางเยว่จึงพูดอีกครั้ง: "ฉันสามารถหยุดการท้าประลองของคุณกับวิหารวรยุทธได้ ตราบใดที่คุณเข้าร่วมนิกายแพทย์ซวนเทียน นอกจากนี้ นิกายแพทย์ซวนเทียนยังคงมีอิทธิพลในโลกยุทธภพอยู่บ้าง”เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฉู่เฉินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยนิกายแพทย์ซวนเทียนมีชื่อเสียงขนาดนั้นเลยเหรอ?“เจ้าหนู ยอมรับข้อเสนอของเขาซะ”เสียงของจวินหวู่หมิงก็ดังขึ้นในใจของฉู่เฉิน"ทำไม?"“นิกายแพทย์ซวนเทียนได้รับการยกย่องอย่างมากทั่วทั้งโลกยุทธภพนิกายลับที่ซ่อนอยู่หลายแห่งรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา เพราะยาเกือบทั้งหมดในโลกยุทธภพมาจากนิกายแพทย์ซวนเทียน ยาที่พวกเขาสกัดมักจะกลายเป็นศูนย์กลางของการแย่งชิงในโลกแห่งการฝึกฝน แม้ครั้งหนึ่งฉันเคยใช้โชคลาภครึ่งหนึ่งเพื่อรับยาเม็ดเดียวจากนิกายแพทย์ซวนเทียน ว่ากันว่าสาวกของนิกายสามารถรับยาได้เพียงแค่ขอจากพวกเขา” จวินหวู่หมิงอธิบายเมื่อได้ยินคำอธิบายของจวินหวู่หมิง ฉู่เฉินก็รู้สึกประทับใจในสถานการณ์ปัจจุบันที่ขาดพลังจิตวิญญาณ มูลค่าของเม็ดยาได้เพิ่มขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด แต่เมื่อมองไปที่ฮวาหลางเยว่ซึ่งกำลังกระสับกระส่ายต่อหน้าเขา
หลังจากนั้น เพลงจบที่หลินอีนัวร้องในตัวอย่างภาพยนตร์ ก็กลายเป็นเพลงฮิตทางออนไลน์ในทันที ทำให้เพลง " คนแปลกหน้า" ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก“นี่ร้องโดยเทพธิดาหลินอีนัวของฉันจริงๆ เหรอ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอไม่เพียงแต่จะมีทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังมีเสียงที่ไพเราะอีกด้วย”“ใช่แล้ว แม้แต่นักร้องมืออาชีพก็ยังไม่อาจจะเก่งขนาดนี้”“คุณว่าอะไรนะ เทพธิดาของฉันแค่มุ่งความสนใจไปที่อาชีพการแสดงของเธอ ถ้าเธอมุ่งความสนใจไปที่การร้องเพลง เธอคงกลายเป็นนักร้องชั้นนำไปแล้ว”มีคำชื่นชมมากมายบนอินเทอร์เน็ต และค่ายเพลงหลายแห่งได้ติดต่อกับหลินอีนัวเป็นการส่วนตัว โดยแสดงความปรารถนาที่จะเซ็นสัญญากับเธอ และเสนอเงินจำนวนมหาศาล แต่หลินอีนัวปฏิเสธพวกเขาทั้งหมดวันนี้ที่งานแถลงข่าว ไม่สามารถต้านทานคำขอของผู้กำกับจางได้ หลินอีนัวจึงได้แสดงสดอีกครั้งขณะที่เธอก้าวลงจากเวที เธอเห็นผู้หญิงสองคนในชุดจีนโบราณเดินเข้ามาใกล้ ท่าทางและรูปลักษณ์ของพวกเขาน่าทึ่งมาก แม้แต่หลินอีนัวในฐานะผู้หญิงก็ยังพบว่าพวกเธอน่าตกตะลึงเล็กน้อยอย่างไรก็ตาม หลินอีนัวไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก คิดว่าพวกเขาเป็นเพียงศิลปินคนอื่น
“น้องชายที่คุณพูดถึงคือใครกัน?” หลินเมียวอินผงะและถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“เขาชื่อฉู่เฉิน…”หลินอีนัวไม่ได้ปิดบังอะไร และอธิบายภูมิหลังของฉู่เฉินสั้นๆ“เขาเป็นแฟนของฉัน คุณรู้จักเขาไหม ผู้อาวุโส” เดิมทีหลินอีนัวต้องการบอกว่าเป็นน้องชายของเธอ แต่เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน หลินอีนัวก็พูดคำว่า "แฟน" ออกไปแทน“อะไรนะ? ปรมาจารย์ฉู่เป็นแฟนของเธอเหรอ?” ใบหน้าของหลินเมียวอินเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำตอบนี้ในโลกยุทธภพในตอนนี้ ไม่มีใครรู้จักฉู่เฉิน การต่อสู้ขั้นแตกหักระหว่างฉู่เฉินและคนของวิหารวรยุทธได้แพร่กระจายไปทั่วโลกยุทธภพแล้ว หลินเมียวอินไม่มีความคิดเห็นที่ชัดเจนเกี่ยวกับฉู่เฉิน ในการต่อสู้ครั้งนี้ วิหารวรยุทธที่เก็บตัวเงียบเมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉู่เฉินที่เพิ่งเกิดใหม่ ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน? “ไม่จำเป็นต้องถามเขา หลังจากพรุ่งนี้ไป คุณจะไม่มีแฟนอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ คุณสามารถโฟกัสไปที่การฝึกฝนของคุณได้” หลินเมียวอินพูดและพยายามรักษาความสงบของเธอ“คุณหมายความว่าอะไรนะ ผู้อาวุโส?”“คุณอาจยังไม่รู้ แฟนของคุณไปยั่วยุนิกายที่ยิ่งใหญ่ พรุ่งนี้ที่เจียงโจว นิกายที่ยิ่งใหญ่นั้นจะลงมือและ
แม้จะมีการพูดคุยกันมากมาย แต่ก็ไม่มีใครพูดถึงผู้หญิงเลย เห็นได้ชัดว่าหลักการเคารพผู้แข็งแกร่งจากระดับวรยุทธยังคงไม่เปลี่ยนแปลงตลอดประวัติศาสตร์ส่วนเรื่องใครถูกหรือผิดนั้นไม่สำคัญเลย“แกควรให้โอกาสนี้กับคนอื่น” ผู้หญิงคนนั้นตอบอย่างเย็นชาเพื่อตอบสนองต่อคำพูดที่เหนือกว่าของจางเฉียง“วันนี้คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ถ้าเห็นด้วยก็ต้องตกลง ถ้าไม่เห็นด้วยก็ต้องตกลงเหมือนกัน”ต่อหน้าสาธารณชน ถ้าผู้หญิงกล้าปฏิบัติกับเขาแบบนั้น จางเฉียงไม่สามารถแบกหน้าได้อีกต่อไป จึงพร้อมที่จะลงมือผู้หญิงที่อยู่ในช่วงปลายของระดับทะลวงเส้นลมปราณจะสู้กับจางเฉียงได้อย่างไร แต่ฉู่เฉินก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและบังเอิญขวางระหว่างคนทั้งสองเมื่อเห็นฉู่เฉินปรากฏตัวขึ้น จางเฉียงก็จ้องมองเขาอย่างเย็นชา “คุณหมายความว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินโต้กลับ “ไม่มีอะไรเลย ฉันเหม็นขี้หน้านาย”เมื่อมองดูร่างหนุ่มตรงหน้าเขา จางเฉียงก็ไม่สามารถวัดระดับวรยุทธของเขาได้ เพราะคิดว่าเขาต้องมีสมบัติซ่อนเร้นพลังของเขาอยู่ ชายหนุ่มจะแข็งแกร่งขนาดไหน? เขาสามารถก้าวข้ามปรมาจารย์ขั้นที่ห้าได้หรือไม่?จางเฉียงคิดถึงเรื่องนี้ และพูดขู่ออกไปอีกครั้ง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คู่รักกัน แต่เมื่อหลิงหยิงหยินได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเมื่อมองย้อนกลับ เธอคิดว่าตัวเองควรจะอยู่กับอาจารย์ของเธอ แต่เพราะอาจารย์กลับไปที่นิกาย ทำให้เธอเกือบจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายที่สุด และในช่วงเวลาวิกฤตินี้เอง ฉู่เฉินก็ออกหน้าเข้ามาช่วยเหลือ เดิมทีหลิงหยิงหยินรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบากเข้าแล้วแต่ผู้มีพระคุณของเธอไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ แค่หันหลังแล้วเดินจากไปตอนนั้นเอง ที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นได้ เข้ามาปรากฏในใจเธออย่างเงียบ ๆนี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่ารักแรกพบหลินหยิงหยินตามไปอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าผู้มีพระคุณมีผู้หญิงที่สวยกว่าตัวเธอเองอยู่ข้างๆ ในตอนแรกเธอก็เลิกหวัง แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าพวกเขาเป็นแค่พี่น้องกัน“คุณมีแซ่ฉู่เช่นเดียวกับปรมาจารย์ฉู่เฉินในเรื่องที่เล่าลือ คุณมาที่นี่เพื่อชมการต่อสู้ด้วยเหรอ?” หลินหยิงหยินถาม น้ำเสียงอย่างสนิทสนม และค่อยเข้าไปใกล้ๆ"อืม" ฉู่เฉินเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ และไม่ได้เปิดเผยตัวตนแต่อย่างใด“คุณมีบริเวณดูการท้าประลองแล้วหรือยังคะ ถ้าไม่มี สามารถไปกับฉันได้ที่พื้นที่ของนิกายเมียวหยิน ตอนแรกมีเพียงฉ
“นายไม่ได้บอกว่าเขาไร้นิกาย แล้วทำไมเขาถึงอยู่ในพื้นที่ของนิกายเมียวหยิน?”“ท่านอาจารย์ เขาพูดจริงๆ ว่าเขาไม่มีนิกาย ผมไม่ได้โกหกท่าน” ฮวาหลางเยว่พูด พร้อมลูบหัวด้วยหน้าตาที่แสดงออกถึงความเสียใจ“เจ้านี่ ใครพูดอะไรก็เชื่อหมดเลยเหรอ ไม่คิดจะหาทางตรวจสอบหน่อย?” ชายชราพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง“ท่านอาจารย์ เป็นไปได้ไหมที่เพราะท่านช้า จึงมีคนอื่นแย่งเขาไปก่อน?” ฮวาหลางเยว่ยังคงเถียงคำไม่ตกฟาก“แก... ช่างมันเถอะ หลังจากดูการต่อสู้แล้ว ฉันจะกลับไปคิดบัญชีกับแก” ชายชราเอามือไว้ข้างหลังและไม่ได้สนใจฮวาหลางเยว่อีกต่อไปบนยอดเขานี้ไม่มีเสียงรบกวนมากนัก และใครก็ตามที่ตั้งใจฟังก็จะได้ยินอย่างชัดเจนฉู่เฉินได้ยินเข้า ก็เข้าใจทันทีว่าชายชราคนนี้น่าจะเป็นปรมาจารย์ของนิกายแพทย์ซวนเทียนที่เคยชักชวนเขา แต่ในขณะที่การต่อสู้ชี้ชะตา ฉู่เฉินไม่ได้อธิบายอะไร เรื่องทุกอย่างจะเอาไว้พูดคุยกันหลังการต่อสู้ฉู่เฉินกวาดสายตาไปรอบๆ สังเกตเห็นหลายบริเวณมีปรมาจารย์ระดับมหากาฬอยู่ด้วย และมีแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้เขาเห็นจางหนิงที่กำลังจะเข้ามาทักทายทันใดนั้นท้องฟ้าทั้งหมดก็มืดลง เมื่อท้องฟ้าแจ
"อะไรนะ?"หลินหยิงหยินอุทานด้วยความประหลาดใจเมื่อมองไปที่ฉู่เฉินที่ค่อยๆหายไป ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจและพูดว่า "เขา... เขาคือปรมาจารย์ฉู่งั้นเหรอ?"จากสายตาของผู้ชมนับไม่ถ้วน ร่างหนึ่งค่อยๆ ลอยสูงขึ้นจนอยู่ในระดับเดียวกับเซี่ยจื่อเต้าบนท้องฟ้า ฉู่เฉินได้จึงหยุดเพียงเท่านั้น“ในที่สุดแกก็ตัดสินใจที่จะเผยตัวเองออกมาแล้ว ทำไมกัน ตอนที่แกได้ยินว่าฉันกำลังจะลงมือกับอารามสวรรค์ แกก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ?” เซี่ยจื่อเต้าแม้จะพบกับฉู่เฉินเป็นครั้งแรก แต่ก็รู้ว่าเป็นเขาได้ทันทีและพูดจาเย้ยหยัน“เป็นแค่ปรมาจารย์ระดับมหากาฬขั้นห้า แกกล้ายืนต่อหน้าฉันงั้นเหรอ? แกคงอยากจะตายสินะ การยั่วยุวิหารวรยุทธนั้น จะทำให้แกมีชะตากรรมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือต้องตาย!” เซี่ยจื่อเต้ายิ้มเยาะ เพราะรู้ว่าฉู่เฉินมีระดับวรยุทธที่ต่ำกว่าหนึ่งขั้น และรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นนี่เป็นผลลัพธ์ที่ต้องการ ฆ่าคนที่กล้ามากพอจะท้าทายวิหารวรยุทธท่ามกลางสายตาประชาชี เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับวิหารวรยุทธที่จะกลับมาผง่าบนโลกอีกครั้งการปรากฏตัวของฉู่เฉินนั้น ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นที่ยอดเขาหลงหูทันที“เขาคือปรมาจารย์ฉู่อย่าง
ตอนนั้นเอง เซี่ยจื่อเต้าไม่สามารถรักษาท่าทางสงบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ได้ หมัดสั่นสะเทือนความว่างเปล่า ราวกับว่าแม้แต่มิติที่มองไม่เห็นก็ไม่สามารถต้านทานพลังจากแรงหมัดได้คนทั้งบริเวณต่างอ้าปากค้าง และลูกศิษย์ของนิกายต่างๆ ต่างขยี้ตาอย่างไม่เชื่อ“ปรมาจารย์ฉู่คนนี้ไม่ใช่อยู่ขั้นห้าระดับมหากาฬหรอกหรือ? จะกดดันมหากาฬขั้นหกแบบนั้นได้ยังไงกัน เป็นไปได้ไหมที่ฉู่เฉินมีพลังที่สามารถท้าทายคู่ต่อสู้ที่อยู่เหนือระดับของเขา แม้แต่ในนิกายซ่อนเร้น ความแข็งแกร่งแบบนี้ก็ไม่มีใครเทียบได้ ในฐานะปรมาจารย์ป่าเถื่อนอย่างเขาจะบรรลุสิ่งนี้ได้ยังไงกัน”“ท้าทายคนเหนือระดับของตัวเองเหรอ อย่าไร้สาระไปหน่อยเลย เจ้าวิหารของวิหารวรยุทธยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่เลยนะ สิ่งที่เห็นตอนนี้เป็นเพียงเขากำลังหยอกล้อกับฉู่เฉินเอง”“บางทีเซี่ยจื่อเต้าอาจกำลังรอช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งนั่นจะเป็นโอกาสที่จะโจมตีให้ตายภายในครั้งเดียว”หลายคนที่มีสายตาเฉียบแหลม และสามารถมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งอันที่จริงตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เซี่ยจื่อเต้ายังไม่ได้เริ่มโจมตี เขากำลังประเมินถึงขีดจำกัดของฉู่เฉินอย่างใจเย็น ซึ่งรอโอกาสที่จะโจมต