หานชงบอกว่าเขากำลังจะลงมือฉู่เฉินก็พูดอีกประโยคขึ้น“แกไม่สงสัยเหรอว่าฉันเป็นใคร?”หานชงถาม: “แกเป็นใคร”“ฉันชื่อฉู่เฉิน”ทันทีที่เขาพูดออกไป"ฮ่าๆๆๆ...""ฮ่าๆ..."ไม่เพียงแต่หานชงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แม้แต่พ่อบ้านหลิวและคนหลายคนที่อยู่ข้างหลังเขาก็หัวเราะออกมาหานชงหัวเราะอย่างหนัก จนเจ็บท้อง“พ่อบ้านหลิว คุณได้ยินไหม? เขาบอกว่าชื่อของเขาคือฉู่เฉิน”“ฮ่าๆ ถ้าเขาเป็นฉู่เฉิน ฉันก็คงจะเป็นผู้นำของวิหารวรยุทธแม้แต่ฮวาหลางเยว่ที่โดนจับอยู่ก็ไม่ทำหน้า“สหายนักพรตเต๋า รีบหนีไปเร็วๆเข้า นี่ไม่ใช่เวลามาพูดตลกแบบนี้ สิ่งสำคัญคือต้องรีบหลบหนี”แต่ฉู่เฉินไม่ได้โกรธเลย เขาแค่มองดูคนสองสามคนตรงหน้าเขาหัวเราะเงียบๆหลังจากนั้นไม่กี่นาที หลายคนก็หยุดหัวเราะลง“เจ้าหนู แกน่าสนใจจริงๆ ดังนั้นฉันจะปล่อยแกไป แต่ต้องส่งผู้หญิงสวยๆ ที่อยู่ข้างๆ มาให้ฉัน เพื่อคอยปรนนิบัติฉัน แล้วฉันจะปล่อยแกไป แกคิดว่าไง!” ในที่สุดหานชงก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาตั้งแต่ครั้งแรกที่หานชงเห็นเย่ซิงชานที่ตลาด เขาก็ตกตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมืองเล็กๆ เช่นเจียงโจวจะมีคนที่สวยกว่าผู้หญิงทั้งหลายในเม
เมื่อเผชิญหน้ากับการสายตาที่เย็นชาของฉู่เฉิน พ่อบ้านหลิวยังไม่รู้สึกถึงอันตราย โดยคิดว่าฉู่เฉินเพียงแค่เสแสร้งและไม่กล้าฆ่าใคร“คุณคือฉู่เฉิน และฉันคือผู้ดูแลของวิหารวรยุทธ ซึ่งได้รับมอบหมายให้รักษาความสงบเรียบร้อยในตลาดนี้โดยเฉพาะ วันนี้ถือว่าพวกเราพ่ายแพ้แล้ว แค่ไว้หน้ากันแล้วก็ลืมมันไปซะ เมื่อฉันกลับไป ฉันยังสามารถพูดอะไรดีๆ กับผู้นำวิหารเพื่อขอให้เขาปล่อยคุณไปในวันพรุ่งนี้ ... " พ่อบ้านหลิวยังคงพึ่งพาสถานะของเขาในวิหารวรยุทธ อยากจะพูดอะไรบางอย่างต่อไป จู่ๆร่างกายของเขาก็ระเบิดออกมาและเสียงของเขาก็หยุดลงทันทีฉู่เฉินไม่ต้องการฟังเรื่องไร้สาระของเขาอีกต่อไป ด้วยความกดดันที่รุนแรง เขาทำให้พ่อบ้านหลิวระเบิดทันที จากนั้นฉู่เฉินก็พูดอย่างเย็นชา“ในฐานะผู้รักษาความสงบเรียบร้อย แกไม่เพียงแต่ไม่แยกแยะถูกผิด แต่แกยังทำหน้าที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอีกด้วย แกสมควรตาย!”เมื่อเห็นฉู่เฉินกล้าลงมือฆ่าและถูกเลือดกระเซ็นใส่ หานชงก็ตื่นตระหนกและเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของเขา และร้องขอความเมตตาอย่างรวดเร็ว“ปรมาจารย์ฉู่ กะ... แกฆ่าฉันไม่ได้นะ ฉันเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลหานในเมืองหลวง และตระกูล
ลึกเข้าไปในห้องโถงบรรพบุรุษของตระกูลหาน“ลุงสอง เกิดอะไรขึ้น?” ผู้พูดคือหานฉวนซิง ผู้นำตระกูลหานคนปัจจุบัน“หานชงตายแล้ว!” ชายชราตอบกลับผู้นำตระกูล“อะไรนะ หานชงลูกชายของผมตายแล้วเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? เขาไปที่เจียงโจวพร้อมปรมาจารย์หลายคน เรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นได้ยังไง?” หานฉวนซิงดูไม่เชื่อ“ลุงสอง ต้องมีเรื่องผิดพลาดบางอย่างแน่”“ไม่ผิดหรอก เหรียญตราที่เป็นตัวแทนของหานชงเพิ่งหล่นลงมาจากหอคอย” ชายชราขว้างเหรียญในมือ ซึ่งคำว่า "หานชง" ไม่ปรากฏอีกต่อไป เหลือเพียงกองเลือดเท่านั้น“หอคอยแก่นแท้โลหิตซึ่งควบแน่นสายเลือดของตระกูลหานนั้นไม่ได้เคยผิดพลาด เหรียญตราจะตกลงเมื่อเจ้าของเสียชีวิตแล้วเท่านั้น ตอนนี้เหรียญตราของหานชงได้ตกลงมาจากหอคอย”เมื่อมองดูเหรียญตรานี้ หานฉวนซิงต้องยอมรับความจริงที่ว่าลูกชายของเขาเสียชีวิตไปแล้ว“ลุงสอง ชงเอ๋อเป็นหลานชายคนโปรดของคุณ คุณทวงความยุติธรรมแทนเขา” ใบหน้าของหานฉวนซิงเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธ แม้ว่าหานเหอชิง ลุงสองของเขาจะไม่ได้เป็นนักสู้ แต่หานฉวนซิงก็รู้ว่าลุงของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าพ่อของเขาที่ทำงานในวิหารวรยุทธ หากสามารถทำให้เขาลงมือได้
เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่สะทกสะท้าน ฮวาหลางเยว่จึงพูดอีกครั้ง: "ฉันสามารถหยุดการท้าประลองของคุณกับวิหารวรยุทธได้ ตราบใดที่คุณเข้าร่วมนิกายแพทย์ซวนเทียน นอกจากนี้ นิกายแพทย์ซวนเทียนยังคงมีอิทธิพลในโลกยุทธภพอยู่บ้าง”เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฉู่เฉินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยนิกายแพทย์ซวนเทียนมีชื่อเสียงขนาดนั้นเลยเหรอ?“เจ้าหนู ยอมรับข้อเสนอของเขาซะ”เสียงของจวินหวู่หมิงก็ดังขึ้นในใจของฉู่เฉิน"ทำไม?"“นิกายแพทย์ซวนเทียนได้รับการยกย่องอย่างมากทั่วทั้งโลกยุทธภพนิกายลับที่ซ่อนอยู่หลายแห่งรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา เพราะยาเกือบทั้งหมดในโลกยุทธภพมาจากนิกายแพทย์ซวนเทียน ยาที่พวกเขาสกัดมักจะกลายเป็นศูนย์กลางของการแย่งชิงในโลกแห่งการฝึกฝน แม้ครั้งหนึ่งฉันเคยใช้โชคลาภครึ่งหนึ่งเพื่อรับยาเม็ดเดียวจากนิกายแพทย์ซวนเทียน ว่ากันว่าสาวกของนิกายสามารถรับยาได้เพียงแค่ขอจากพวกเขา” จวินหวู่หมิงอธิบายเมื่อได้ยินคำอธิบายของจวินหวู่หมิง ฉู่เฉินก็รู้สึกประทับใจในสถานการณ์ปัจจุบันที่ขาดพลังจิตวิญญาณ มูลค่าของเม็ดยาได้เพิ่มขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด แต่เมื่อมองไปที่ฮวาหลางเยว่ซึ่งกำลังกระสับกระส่ายต่อหน้าเขา
หลังจากนั้น เพลงจบที่หลินอีนัวร้องในตัวอย่างภาพยนตร์ ก็กลายเป็นเพลงฮิตทางออนไลน์ในทันที ทำให้เพลง " คนแปลกหน้า" ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก“นี่ร้องโดยเทพธิดาหลินอีนัวของฉันจริงๆ เหรอ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอไม่เพียงแต่จะมีทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังมีเสียงที่ไพเราะอีกด้วย”“ใช่แล้ว แม้แต่นักร้องมืออาชีพก็ยังไม่อาจจะเก่งขนาดนี้”“คุณว่าอะไรนะ เทพธิดาของฉันแค่มุ่งความสนใจไปที่อาชีพการแสดงของเธอ ถ้าเธอมุ่งความสนใจไปที่การร้องเพลง เธอคงกลายเป็นนักร้องชั้นนำไปแล้ว”มีคำชื่นชมมากมายบนอินเทอร์เน็ต และค่ายเพลงหลายแห่งได้ติดต่อกับหลินอีนัวเป็นการส่วนตัว โดยแสดงความปรารถนาที่จะเซ็นสัญญากับเธอ และเสนอเงินจำนวนมหาศาล แต่หลินอีนัวปฏิเสธพวกเขาทั้งหมดวันนี้ที่งานแถลงข่าว ไม่สามารถต้านทานคำขอของผู้กำกับจางได้ หลินอีนัวจึงได้แสดงสดอีกครั้งขณะที่เธอก้าวลงจากเวที เธอเห็นผู้หญิงสองคนในชุดจีนโบราณเดินเข้ามาใกล้ ท่าทางและรูปลักษณ์ของพวกเขาน่าทึ่งมาก แม้แต่หลินอีนัวในฐานะผู้หญิงก็ยังพบว่าพวกเธอน่าตกตะลึงเล็กน้อยอย่างไรก็ตาม หลินอีนัวไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก คิดว่าพวกเขาเป็นเพียงศิลปินคนอื่น
“น้องชายที่คุณพูดถึงคือใครกัน?” หลินเมียวอินผงะและถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว“เขาชื่อฉู่เฉิน…”หลินอีนัวไม่ได้ปิดบังอะไร และอธิบายภูมิหลังของฉู่เฉินสั้นๆ“เขาเป็นแฟนของฉัน คุณรู้จักเขาไหม ผู้อาวุโส” เดิมทีหลินอีนัวต้องการบอกว่าเป็นน้องชายของเธอ แต่เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน หลินอีนัวก็พูดคำว่า "แฟน" ออกไปแทน“อะไรนะ? ปรมาจารย์ฉู่เป็นแฟนของเธอเหรอ?” ใบหน้าของหลินเมียวอินเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำตอบนี้ในโลกยุทธภพในตอนนี้ ไม่มีใครรู้จักฉู่เฉิน การต่อสู้ขั้นแตกหักระหว่างฉู่เฉินและคนของวิหารวรยุทธได้แพร่กระจายไปทั่วโลกยุทธภพแล้ว หลินเมียวอินไม่มีความคิดเห็นที่ชัดเจนเกี่ยวกับฉู่เฉิน ในการต่อสู้ครั้งนี้ วิหารวรยุทธที่เก็บตัวเงียบเมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉู่เฉินที่เพิ่งเกิดใหม่ ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน? “ไม่จำเป็นต้องถามเขา หลังจากพรุ่งนี้ไป คุณจะไม่มีแฟนอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ คุณสามารถโฟกัสไปที่การฝึกฝนของคุณได้” หลินเมียวอินพูดและพยายามรักษาความสงบของเธอ“คุณหมายความว่าอะไรนะ ผู้อาวุโส?”“คุณอาจยังไม่รู้ แฟนของคุณไปยั่วยุนิกายที่ยิ่งใหญ่ พรุ่งนี้ที่เจียงโจว นิกายที่ยิ่งใหญ่นั้นจะลงมือและ
แม้จะมีการพูดคุยกันมากมาย แต่ก็ไม่มีใครพูดถึงผู้หญิงเลย เห็นได้ชัดว่าหลักการเคารพผู้แข็งแกร่งจากระดับวรยุทธยังคงไม่เปลี่ยนแปลงตลอดประวัติศาสตร์ส่วนเรื่องใครถูกหรือผิดนั้นไม่สำคัญเลย“แกควรให้โอกาสนี้กับคนอื่น” ผู้หญิงคนนั้นตอบอย่างเย็นชาเพื่อตอบสนองต่อคำพูดที่เหนือกว่าของจางเฉียง“วันนี้คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ถ้าเห็นด้วยก็ต้องตกลง ถ้าไม่เห็นด้วยก็ต้องตกลงเหมือนกัน”ต่อหน้าสาธารณชน ถ้าผู้หญิงกล้าปฏิบัติกับเขาแบบนั้น จางเฉียงไม่สามารถแบกหน้าได้อีกต่อไป จึงพร้อมที่จะลงมือผู้หญิงที่อยู่ในช่วงปลายของระดับทะลวงเส้นลมปราณจะสู้กับจางเฉียงได้อย่างไร แต่ฉู่เฉินก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและบังเอิญขวางระหว่างคนทั้งสองเมื่อเห็นฉู่เฉินปรากฏตัวขึ้น จางเฉียงก็จ้องมองเขาอย่างเย็นชา “คุณหมายความว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินโต้กลับ “ไม่มีอะไรเลย ฉันเหม็นขี้หน้านาย”เมื่อมองดูร่างหนุ่มตรงหน้าเขา จางเฉียงก็ไม่สามารถวัดระดับวรยุทธของเขาได้ เพราะคิดว่าเขาต้องมีสมบัติซ่อนเร้นพลังของเขาอยู่ ชายหนุ่มจะแข็งแกร่งขนาดไหน? เขาสามารถก้าวข้ามปรมาจารย์ขั้นที่ห้าได้หรือไม่?จางเฉียงคิดถึงเรื่องนี้ และพูดขู่ออกไปอีกครั้ง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คู่รักกัน แต่เมื่อหลิงหยิงหยินได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเมื่อมองย้อนกลับ เธอคิดว่าตัวเองควรจะอยู่กับอาจารย์ของเธอ แต่เพราะอาจารย์กลับไปที่นิกาย ทำให้เธอเกือบจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายที่สุด และในช่วงเวลาวิกฤตินี้เอง ฉู่เฉินก็ออกหน้าเข้ามาช่วยเหลือ เดิมทีหลิงหยิงหยินรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบากเข้าแล้วแต่ผู้มีพระคุณของเธอไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ แค่หันหลังแล้วเดินจากไปตอนนั้นเอง ที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นได้ เข้ามาปรากฏในใจเธออย่างเงียบ ๆนี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่ารักแรกพบหลินหยิงหยินตามไปอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าผู้มีพระคุณมีผู้หญิงที่สวยกว่าตัวเธอเองอยู่ข้างๆ ในตอนแรกเธอก็เลิกหวัง แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าพวกเขาเป็นแค่พี่น้องกัน“คุณมีแซ่ฉู่เช่นเดียวกับปรมาจารย์ฉู่เฉินในเรื่องที่เล่าลือ คุณมาที่นี่เพื่อชมการต่อสู้ด้วยเหรอ?” หลินหยิงหยินถาม น้ำเสียงอย่างสนิทสนม และค่อยเข้าไปใกล้ๆ"อืม" ฉู่เฉินเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ และไม่ได้เปิดเผยตัวตนแต่อย่างใด“คุณมีบริเวณดูการท้าประลองแล้วหรือยังคะ ถ้าไม่มี สามารถไปกับฉันได้ที่พื้นที่ของนิกายเมียวหยิน ตอนแรกมีเพียงฉ
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่