“ดูสิ นี่อาจจะเป็น... วิชาฝ่ามืออรหันต์งั้นเหรอ!”คนของลัทธิแม่มดกู่ เฝ้าดูจากระยะไกลก็เห็นภาพนี้เช่นกัน เมื่อเห็นภาพที่เหมือนกับภาพยนต์เรื่องหนึ่ง พวกเขาก็ตกตะลึงและอ้าปากค้างท่าไม่ดีแล้ว!ราชากู่งูและราชากู่แมงป่องตระหนักได้ทันที ว่าเป้าหมายของฉู่เฉินคือราชากู่คางคก พวกเขารีบรวมพลังกับราชากู่คางคกทันที แต่จากแรงกดดันมหาศาล พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในทันทีในชั่วพริบตาต่อมา ก็มีเสียงระเบิดดังก้องกังวานหลุมที่ลึกที่สุดปรากฏขึ้นตรงจุดที่ราชากู่คางคกยืนอยู่ และราชากู่คางคกเองก็หายไป“น้องสาม!”ทั้งราชากู่งูและราชากู่แมงป่องตะโกนออกมาพร้อมกัน รีบวิ่งไปที่ขอบหลุมแล้วมองลงไปฉู่เฉินค่อย ๆ ไต่ขึ้นจากหลุมลึก นำศพที่สวมชุดสีแดงซึ่งควบคุมด้วยลมปราณที่แท้จริงของเขามาด้วยจะเป็นใครได้อีกนอกจากราชากู่คางคก?ฉู่เฉินโยนร่างไปทางราชากู่ที่เหลืออีกสองคน“น้องสาม!” ราชากู่แมงป่องคว้าศพไว้ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขาตบหลังศพซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อพยายามปลุกให้ตื่นเมื่อเห็นว่าเขาตายไปแล้ว ราชากู่แมงป่องก็คำรามด้วยความโกรธ "แกกล้าฆ่าน้องสามเหรอ? ฉันจะสู้กับแกจนตายกันไปข้าง!"ราชากู่
เมื่อเห็นราชางูกู่ปล่อยแมลงกู่ที่ถูกผูกมัดด้วยชีวิตของเขา หนิงชิงเสว่ก็เข้าใจความหมายกว่าฉู่เฉินอย่างชัดเจนเธอมองไปที่ชูเฉินและเห็นเขาพยักหน้าให้เธอ เธอก็ควบคุมหนอนไหมทองคำกู่ที่ผูกชีวิตของเธอไว้ ให้บินออกไปอย่างช้าๆทันทีที่หนอนไหมทองคำกู่ออกจากร่างของหนิงชิงเสว่ งูเขียวตัวเล็กก็เริ่มต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อนในอากาศ เห็นได้ชัดว่ารู้ชัดถึงชะตากรรมของมันในฐานะทาสแมลงกู่ขณะที่หนอนไหมทองคำกู่กำลังบินเข้ามาใกล้ งูเขียวก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ และจากการกัดงูเขียวเพียงครั้งเดียวงูเขียวก็เซื่องซึม เมื่อเห็นเช่นนี้ ราชางูกู่ก็จับงูเขียวออกมาด้วยสีหน้าเจ็บปวดบนใบหน้าในขณะที่หนอนไหมทองคำกู่กลับมาที่ร่างของหนิงชิงเสว่ ร่างของเธอก็สั่นไหวและพลังของเธอก็ไม่สามารถควบคุมได้ จึงได้ระเบิดออกมา"แกใช้ลูกไม้อะไร!" ฉู่เฉินเคลื่อนที่ในพริบตาไปที่ด้านข้างของราชากู่งูทันที และคว้าคอของเขาด้วยความเร็วหากราชากู่งูไม่สามารถให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้ ฉู่เฉินก็จะใช้แรงจากนิ้ว บีบให้ราชากู่งูตายในทันที“ปรมาจารย์ฉู่ คุณไม่สามารถตำหนิฉันได้สำหรับเรื่องนี้ กู่หนอนไหมทองคำของนักบุญและกู่ที่ผูกชีวิตของฉันนั้น อ
บนท้องถนนโดยมีราชางูกู่นำทางไปนั้น อสรพิษทุกชนิดก็รักษาระยะห่าง“เจ้าหนู ฉันขอแนะนำให้นายรีบหนีออกไปเถอะ ย้อนกลับไปในสมัยเด็กของฉัน ลัทธิแม่มดกู่นี้เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว ผู้นำลัทธิก็ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ฉันเกรงว่าการเดินทางครั้งนี้ของนาย จะไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับไปได้!” จวินหวู่หมิงแนะนำ“ไม่มีทาง แม้ว่าฉันจะไม่มาเคาะประตูบ้านตอนนี้ก็ตาม ผู้นำลัทธิจะไม่ปล่อยพี่เจ็ดไปแน่นอน ท้ายที่สุดจะมีสงครามเกิดขึ้นและฉันก็หลีกเลี่ยงสิ่งนั้นไม่ได้ จะดีกว่าไหมถ้าตอนนี้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม!” ฉู่เฉินหนักแน่นและแทนที่จะปล่อยให้ชิงเสว่ต้องอยู่ในความหวาดกลัวตลอดเวลา นี่จะเป็นการดีกว่าที่จะเผชิญหน้ากันในตอนนี้เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถโน้มน้าวฉู่เฉินได้ จวินหวู่หมิงก็เงียบไปไม่นานนัก พระราชวังอันงดงามในภูเขาลึกก็ปรากฏให้เห็น พระราชวังทั้งหมดมีหินขนาดยักษ์หนุนอยู่ และด้านบนมีแสงสีทองส่องประกายภายใต้ดวงอาทิตย์ยากที่จะจินตนาการถึงอาคารอันงดงามตระการตาในภูเขาลึกเช่นนี้“ราชากู่งู คุณกลับมาแล้วพร้อมกับนักบุญ ราชากู่อีกสองคนอยู่ที่ไหน?” ผู้พิทักษ์ลัทธิแม่มดกู่เห็นราชากู่งูจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อสอบ
“ไอ้หนู รีบหนีไปซะ เขาเป็นระดับมหากาฬขั้นสี่! นายเอาชนะเขาไม่ได้!” จวินหวู่หมิงยังเตือนอยู่ในใจของฉู่เฉิน“ถึงจะสู้ไม่ได้แต่ก็ต้องสู้!”ฉู่เฉินไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ผู้นำลัทธิแม่มดกู่ดูเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าเขาและคนอื่นๆจะมา และมารอตรงทางเข้าห้องโถงใหญ่แทน แผนเดิมของเขาคือลอบโจมตีนั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน เขาจะละทิ้งชิงเสว่และวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดได้อย่างไร?เขาประมาทเอง ผู้นำลัทธิต้องสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างได้ จากตอนที่แมลงกู่เขมือบได้กินศพไปก่อนหน้านี้ฉู่เฉินทำได้เพียงรวบรวมพลังงานของเขาและพูดว่า "แกคือผู้นำของลัทธิแม่มดกู่อย่างงั้นเหรอ?"ชายชราไม่รีบร้อนและค่อยตอบ ๆ“ฉันชื่ออู้ฉิงอวิ๋น ผู้นำของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ หากแกยอมจำนนต่อลัทธิ ฉันจะมอบสถานะกับแกเทียบเท่ากับสถานะของราชากู่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม ไม่สิ พูดให้ถูก แกจะอยู่เหนือพวกเขา คิดว่ายังไงล่ะ?" ชายชราพูดด้วยท่าทางที่หยิ่งพยอง“ราชากู่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามงั้นเหรอ? ตอนนี้เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ” ฉู่เฉินยิ้มเยาะ"หืม?" อู้ฉิงอวิ๋นหันหน้าไปมองที่ราชากู่งู เมื่อเห็นว่าราชากู่งูหวาดกล
ฉู่เฉินยืนอยู่กับที่ เพื่อมองหาร่างของอู้ฉิงอวิ๋นเมื่อเห็นฉู่เฉินหยุดโจมตี อู้ฉิงอวิ๋นก็ปรากฏตัวไม่ไกลจากฝั่งของหนิงชิงเสว่“เจ้าหนู หมัดของแกไม่เลวเลย แต่ก็แค่งั้นๆ แหละ” อู้ฉิงอวิ๋นพูดออกมา ตอนที่ยังมีแรงเหลืออยู่“ฮึ่ม อะไรคืองั้นๆ ลองพูดแบบนั้นต่อหน้าฉันอีกทีสิ! แกมันเป็นได้แค่ขยะเปียก!” เมื่อถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ท่าไม้ตาย จวินหวู่หมิงไม่สามารถนิ่งเงียบได้และเริ่มบ่นในใจของฉู่เฉิน“ไอ้หนู เหตุผลที่นายไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้ ก็เพราะเช่นเดียวกับนักฆ่าจากวิหารวิญญาณยุทธ เขาก็เป็นผู้ฝึกตนเป็นปีศาจด้วย! เขาแค่ใช้เงาผีกลืนกิน เพื่อหลบเลี่ยงหมัดของคุณ!”ผู้ฝึกตนปีศาจ!เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่เฉินก็มีความคิดขึ้นมาทันที“สายฟ้าจงมา!”จากเสียงร่ายคาถาของฉู่เฉิน ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆดำมืด สายฟ้าแลบสว่างวาบและฟ้าร้องคำราม! “แกรู้วิชาอัคนีด้วยเรอะ!”เมื่อเห็นภาพตรงหน้านี้ อู้ฉิงอวิ๋นก็เริ่มกังวล เพราะการบำเพ็ญตนระดับมหากาฬขั้นที่สี่ก็แพร่กระจายออกไป พร้อมกับร่างเงาที่น่ากลัวมากมายรอบตัว เหมือนภูตผีที่บินพุ่งไปทางฉู่เฉินพร้อมกับอ้าปากกว้างและอู้ฉิงอวิ๋นเองก็เริ่มร่ายคา
เพื่อปกป้องหนิงชิงเสว่ ฉู่เฉินยอมให้ภูติผีที่เหลือหลายดวงเจาะเข้าไปในร่างของเขา ไม่เพียงแต่กลืนกินเลือดและแก่นแท้ของเขาเท่านั้น แต่ยังกลืนกินลมปราณแท้จริงของเขาอีกด้วย เมื่อถึงเวลาเขาได้ขับไล่ดวงภูติผีที่อยู่ร่าง ฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยสูญเสียการการบำเพ็ญเพียรไปเกือบครึ่งหนึ่ง“ทำไมนายถึงโง่ขนาดนี้”ฉู่เฉินไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตังเอง ยังคงถ่ายทอดลมปราณที่แท้จริงของเขาไปยังเธอ ในขณะที่ลูบไล้ใบหน้าอันงดงามของหนิงชิงเสว่อย่างอ่อนโยนลมปราณที่แท้จริงอันอ่อนโยนไหลเข้าสู่ร่างกายของหนิงชิงเสว่ และเธอก็ฟื้นพลังชีวิตของเธอในที่สุด จึงพยายามดิ้นรนที่จะยืนขึ้นและหยุดฉู่เฉินไม่ให้ถ่ายเทลมปราณที่แท้จริงอีกต่อไปมีคราบเลือดบนเสื้อผ้าสีขาวของพวกเขา และทั้งสองก็ยืนจับมือ ช่างแตกต่างจากพระราชวังตรงหน้านี้ฉากนี้ไม่รอดพ้นสายตายของอู่ฉิงอวิ๋น นั่นยิ่งทำให้เขาโกรธจัดและถาม: "นักบุญ เธอเสี่ยงชีวิตเพื่อเด็กคนนี้ พวกคุณมีความสัมพันธ์อะไรกัน?"หนิงชิงเสว่จับมือของฉู่เฉินแน่นไม่ยอมปล่อย แม้จะเผชิญกับรัศมีที่เย็นชาวาบของอู่ฉิงอวิ๋น สิ่งเดียวในสายตาของพวกเขาคือกันและกันฉู่เฉินตอบอย่างใจเย็น: “พวกเ
“งั้นก็กินมันซะ”“ฉันไม่มีระดับการบำเพ็ญเพียรที่เพียงพอ และแรงจูงใจก็ไม่เพียงพอด้วย!”“แค่ระดับการบำเพ็ญเพียร? ฉันมีมัน!”หลังจากที่ฉู่เฉินพูดจบ เขาก็รวบรวมการบำเพ็ญเพียรทั้งหมด และส่งมันไปยังหนอนไหมทองคำกู่อย่างไม่ลังเลทันใดนั้น หนอนไหมทองคำกู่ก็ลอยขึ้นจากมือของหนิงชิงเสว่ และเมื่อมันลอยขึ้น รัศมีสีทองก็เริ่มขยายออกเช่นกันในขณะนี้ จะเห็นว่าหมอกสีดำถูกดูดซับด้วยแสงสีทองด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ภูติผีที่เหลืออยู่ก็สลายไปในแสงสีทองขณะที่หมอกดำถูกดูดซับ ดูเหมือนมีเสียงกรีดร้องดังก้องอยู่ในหูตลอดเวลา“เป็นไปไม่ได้! มันทั้งคู่เป็นกู่ศักดิ์สิทธิ์เเหมือนแก แกอยู่ในระดับปรมาจารย์เท่านั้น แกจะดูดซับกู่ศักดิ์สิทธิ์ของฉันได้ยังไง สิ่งนี้ไม่ใช่ความจริง!” เสียงที่ประหลาดใจของอู๋ฉิงอวิ๋น ดังมาจากภายในหมอกสีดำฉู่เฉินและหนิงชิงเสว่เมินเฉยต่อเขา โดยมุ่งเน้นไปที่การถ่ายทอดการบำเพ็ญเพียรของพวกเขาไปยัง หนอนไหมทองคำกู่เท่านั้น"ไม่ หยุดนะ!"ราวกับว่าถึงจุดวิกฤติ ความเร็วของการแพร่กระจายแสงสีทองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว"หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้!" ทันใดนั้นอู๋ฉิงอ
เขาอยู่ที่นั่นนานแค่ไหนแล้ว?ดวงตาของฉู่เฉินเป็นประกายวาว ขณะที่เขาบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นและปกป้องหนิงชิงเสว่ที่อยู่ข้างหลัง“เด็กน้อยทั้งหลาย อย่าเพิ่งตื่นตกใจไป”เสียงชราดังมาจากระยะไกล“เจ้าหนู อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม นี่คือราชาวรยุทธ” น้ำเสียงของจวินหวู่หมิงจริงจังมากจากคำเตือนนั้น ฉู่เฉินก็ยืนนิ่งระงับความคิดที่จะท้าทาย“ถ้าฉันต้องการโจมตีจริงๆ แกคงไม่ได้มายืนอยู่แบบนี้แล้ว”เมื่อคำพูดจบลง ชายชราก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ข้างหนิงชิงเสว่จู่ๆ ฉู่เฉินก็ตระหนักได้ว่าหนิงชิงเสว่กำลังหลับตาลงแน่น ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านเล็กน้อย แต่หนอนไหมทองคำกู่ที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ได้กลับเข้าสู่ร่างของหนิงชิงเสว่ และกำลังเคลื่อนที่ไปทางซ้ายขวาในอากาศ พยายามที่จะหลบหนีเกิดอะไรขึ้น?ขณะที่ฉู่เฉินกำลังสับสนชายชราก็ชี้ไปที่ความว่างเปล่า และหนอนไหมทองคำกู่ก็แข็งทื่อทันที โดยทั้งตัวยืดตรง"ฉวยโอกาสตอนนี้ เอามันกลับเข้าไปในร่างเดี๋ยวนี้!”ชายชราสั่งสอน และหนิงชิงเสว่ทำตามอย่างเชื่อฟัง และค่อยๆ เอาหนอนไหมทองคำกู่กลับเข้าไปในร่างกายทันทีที่หนิงชิงเสว่ดูดซับหนอนไหมทองคำกู่ รัศมีที่โกลาหลก็ปะทุออ
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่