“แต่ศิษย์พี่…” จางผิงหนิงต้องการจะพูดอะไรบางอย่างมากกว่านี้“พอได้แล้ว ศิษย์น้อง ฉันตัดสินใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก” จางผิงเหอขัดจังหวะศิษย์น้องการสืบทอดปรมาจารย์สวรรค์ได้ลดลงเมื่อถึงรุ่นของเขา หากฉู่ซวนหวู่สามารถเป็นปรมาจารย์สวรรค์ในปัจจุบันได้ เขาจะเป็นผู้นำนิกายสวรรค์เจิ้งอี้ให้ฟื้นคืนกลับมาได้อีกครั้งอย่างแน่นอนแม้แต่ฉู่เฉินยังตกใจกับคำพูดของจางผิงเหอ นักพรตเฒ่าคิดว่าตำแหน่งของปรมาจารย์สวรรค์สามารถส่งมอบได้เช่นนั้นหรือ?เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สะทกสะท้านเลย เนื่องจากเป็นตำแหน่งของปรมาจารย์สวรรค์ อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงความเกลียดชังอย่างสุดซึ้งที่เขามีในตอนนี้ ฉู่เฉินก็เข้าใจดีว่าเขาไม่สามารถรับบทบาทนี้ได้“ปรมาจารย์จาง ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ฉันจะถ่ายทอดวิชานี้ให้แก่คุณ” ฉู่เฉินพูดช้าๆเมื่อเขาพูดจบ ก็คืนดาบสังหารปีศาจหยินหยางในมือ ในเวลาเดียวกันก็มีความขมขื่นและคลุมเครือปรากฏขึ้นในใจของจางผิงเหอซึ่งเป็นวิชาห้าอสนีบาต“ความเมตตาของฉู่ซวนหวู่ในวันนี้ไม่สามารถตอบแทนได้ทั้งหมดจากนิกายสวรรค์เจิ้งอี้ หากมีเรื่องเดือดร้อนในอนาคต โปรดแค่ส่งคนมาแจ้ง” จางผิงเหอเดินตามไปในฐานะคนเฝ
ฉู่เฉินไม่ได้เอาดาบสังหารปีศาจหยินหยางไปด้วย ยังไงนี่ก็เป็นสัญลักษณ์ของอารามปรมาจารย์สวรรค์ และเขายังคงต้องให้เกียรติกับปรมาจารย์สวรรค์จางหลังจากถ่ายทำฉากสุดท้ายแล้ว ผู้กำกับจางก็พอใจกับการถ่ายทำมาก และรีบกลับไปที่จินหลิงเพื่อเริ่มงานตัดต่อ“ฉู่เฉิน ไปจินหลิงพร้อมกับพวกเราเถอะ คุณเป็นนักแสดงนำชายของหนังเรื่องนี้ การโปรโมตหลังการเปิดตัวจะดำเนินต่อไปได้อย่างไรหากไม่มีคุณ” ผู้กำกับจางพยายามโน้มน้าวเขาทันทีเมื่อได้ยินว่าฉู่เฉินกำลังจะออกจากทีม“เมื่อมีอีนัวอยู่ด้วย ฉันมั่นใจว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับความนิยมอย่างมาก ฉันจึงไม่จำเป็นต้องโชว์ตัว” ฉู่เฉินปฏิเสธทันทีเมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เพียงแค่โน้มน้าวอีนัวให้กลับไปที่จินหลิงและให้ความร่วมมือกับผู้กำกับจาง ฉู่เฉินก็พยายามอย่างสุดความสามารถ สุดท้ายเขาต้องบอกว่าหลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย ฉู่เฉินจะไปที่จินหลิงเพื่อรับเธอกลับ และหลินอีนัวจึงตอบตกลงฉู่เฉินพูดคำอำลาอย่างไม่เต็มใจ จ้องมองด้วยสายตาของเขาเองขณะที่ลูกทีมทั้งหมด รวมทั้งหลินอีนัวขึ้นเครื่องบิน ในตอนนั้นเองที่เขาไปที่หนานเจียงเพียงลำพังขณะที่เขาลงจากเครื
ทั้งสองเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าอาหารจะมาเสิร์ฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่พวกเขาก็ก้มหัวลงและกินอาหารเครื่องเคียงเป็นหนิงชิงเสว่ที่ทำลายความเงียบ: "เสี่ยวเฉิน มาแต่งงานใหม่กันเถอะ!"“แค่ก แค่ก แค่ก….”ฉู่เฉินสำลักทันที“พี่เจ็ด คุณพูดอะไร?” ฉู่เฉินถามอีกครั้งหลังจากดื่มน้ำแล้ว“ฉันบอกว่ามาแต่งงานใหม่กันเถอะ!” หนิงชิงเสว่รวบรวมความกล้าที่จะพูดเสียงดังอีกครั้ง แม้แต่ลูกค้าที่อยู่ใกล้ๆ ก็ได้ยินและหันหน้าไปมองหนิงชิงเสว่ไม่สนใจต่อสายตาแปลก ๆ ของคนอื่นที่มองมาและพูดต่อ: "เหตุผลที่ฉันหย่ากับนายก่อนหน้านี้ก็คือฉันไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของนายในเวลานั้น เมื่อเผชิญกับภัยคุกคามจากตระกูลจ้าว ฉันไม่ต้องการลากนายเข้ามาเอี่ยวด้วย”“ต่อมา เมื่อฉันรู้ว่านายเป็นน้องเสี่ยวซือโถว ฉันก็สับสนว่าฉันตกหลุมรักฉู่เฉินหรือน้องเสี่ยวซือโถว ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าคุณทั้งคู่คือคนคนเดียวกัน ดังนั้นพวกเรามาแต่งงานกันอีกครั้งเถอะนะ!”ฉู่เฉินตกตะลึงกับคำสารภาพอันกล้าหาญของหนิงชิงเสว่ขณะที่เขาตกตะลึง ก็มีเสียงแหลมดังขึ้น“โอ้ นี่คุณหนิงผู้ก่อตั้งเฟยเสวี่ยกรุ๊ปด้วยตัวเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมฉันไม่ได้เจอคุณมาสักพักใหญ
"นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทําไมเฟยเสวี่ยกรุ๊ปของคุณถึงตกไปอยู่ในมือคนอื่นแล้ว" ฉู่เฉินไม่ได้สนใจหลิวเสี่ยวอวิ๋นที่หนีไป แต่หันกลับไปถามหนิงชิงเสว่เดิมทีตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หนิงชิงเสว่ได้ส่งมอบกิจการทั้งหมดของเฟยเสวี่ยกรุ๊ปให้กับลุงของเธอ และตามฉู่เฉินไปที่จิงโจวหลังจากที่ได้พบฉู่เฉิน จากนั้นเธอก็พบกับคุณยายอสรพิษเฒ่าและถูกพาตัวไปซินเจียงทางใต้ ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ฝึกฝนวิชากับคุณยายอสรพิษเฒ่าและไม่ได้กลับไปหาตระกูลหนิงอีกเลย ซึ่งเรื่องนี้นำไปสู่ความเข้าใจผิดจากคนภายนอกหลิวเสี่ยวอวิ๋นเดิมทีเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนหางแถวของเฟ่ยเสวี่ยกรุ๊ป แต่เมื่อมีปัญหากับอุปทานบางอย่าง หนิงชิงเสว่ก็ตัดหุ้นส่วนรายนี้ออกไปตอนนี้หนิงชิงเสว่ไม่อยู่ หลิวเสี่ยวอวิ๋นก็สามารถเข้ามาสร้างความร่วมมือกับเฟยเสวี่ยกรุ๊ปได้อีกครั้งจากการฟังคำพูดของหนิงชิงเสว่ ฉู่เฉินก็เข้าใจในทันที“และการระดมกำลังคนของบริษัท เพื่อออกตามค้นหาคุณคือ?”“บางทีลุงของฉันอาจกังวลเกี่ยวกับฉันเนื่องจากฉันหายไปหลายวัน” หนิงชิงเสว่ตอบโดยไม่คิดอะไรมากหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ดวงตาของฉู่เฉินสว่างขึ้น ได้เตือนพวกเขาไปแล้ว หากมีเจตนาอื่นแอบแฝง
“เจ้าหนู นายคงไม่ได้เป็นหนุ่มบริสุทธิ์ใช่ไหม?” เสียงของจวินหวู่หมิงล้อเลียนสิ่งนี้ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกเขินอายมากยิ่งขึ้นในทันที“ให้ตายเถอะ ฉันลืมไปว่ามีแอบดูอยู่ คราวหน้าฉันต้องจำเอาไว้ว่าต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้!” ฉู่เฉินเตือนตัวเองอย่างเงียบ ๆ……ในศาลาลึกลับแห่งหนึ่งในเมืองหลวงมีร่างหนึ่งปรากฏบนเก้าอี้ในห้องโถง“คาดไม่ถึง แม้แต่นักฆ่า 5 ศาสตราก็พลาดท่า การส่งนักฆ่าเพิ่มไปอีกก็คงไม่มีประโยชน์ ผู้เฒ่าสี่ ทำไมคุณไม่ไปแทนล่ะ?” เสียงชายชราดังขึ้นไม่ไกลแต่จู่ๆ ก็มีคนตอบกลับมา“ฉันลงมือได้ แต่ฉันจะไม่ลอบสังหาร”"หมายความว่ายังไง?"“ในนามของวิหารวรยุทธให้ไปท้าดวลไอ้สารเลวตัวน้อยนั้น ไม่ว่าเขาจะมาหรือไม่ก็ตาม วิหารวรยุทธจะได้รับชื่อเสียงอย่างมากจากเรื่องนี้!”"ดีมาก!"……เพิ่งกลับมาที่คฤหาสน์อวี้หลงวาน ขณะที่ฉู่เฉินยังคงดื่มด่ำกับช่วงเวลานั้นก็มีสายโทรศัพท์จากหนิงชิงเสว่โทรเข้ามาฉู่เฉินคิดว่าชิงเสว่ต้องการพบเขาอีกครั้งจึงรีบรับ แต่กลับเป็นเสียงที่ตื่นตระหนกของเธอที่ดังเข้ามาทางโทรศัพท์“เสี่ยวเฉิน คุณยายหายตัวไป”“หายก็หายไปสิ เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอไม่หลงทางหรอก อาจจะต้อง
หนานเจียงแตกต่างจากเมืองอื่นๆ ในต้าเซี่ยอย่างสิ้นเชิงฉู่เฉินเมื่อมาถึงสถานที่นั้น ก็ตระหนักได้ว่าเหมือนหวนคืนสู่วัยเด็กของเขาอีกครั้งไม่มีตึกสูงสักหลังเลย ไม่ใกล้สนามบินด้วยซ้ำหลังจากที่ทั้งสองออกจากสนามบิน ไม่นานพวกเขาก็พบกับทะเลทราย“พี่เจ็ด พวกเราจะไปไหนกัน?” ฉู่เฉินถามขณะมองดูทะเลทรายที่ไกลสุดลูกหูลูกตาตรงหน้าเขา“ไปที่สถานที่ที่คุณยายเคยอยู่และสอบสวนก่อน” หนิงชิงเสว่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ"ได้!"เมื่อไม่มีเบาะแสใดๆ ในขณะนี้ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากติดตามการนำทางของหนิงชิงเสว่ทั้งสองคนเปลี่ยนไปใช้รูปแบบการเดินทางที่หลากหลาย เปลี่ยนจากแท็กซี่เป็นรถทัวร์ จากรถทัวร์เป็นรถมินิบัส และต่อด้วยรถสามล้อ ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ลงเอยด้วยการคมนาคมแบบดั้งเดิม คือการขี่ม้าหลังจากใช้เวลาสองวันเต็มพวกเขาก็มาถึงชนเผ่าหนึ่งมีเต็นท์หลายหลังตั้งกระจัดกระจายอยู่ที่นี่ ซึ่งบางส่วนสามารถเห็นการพังทลายลงมาได้จากระยะไกลท่าไม่ดี!ทั้งสองสบตากันโดยตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติฉู่เฉินไม่สนใจเรื่องอื่น จากนั้นได้กระโดดไปข้างหน้าร่อนลงที่ชายเต็นท์แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะตามหลังไปส
ปรากฎว่าลัทธิแม่มดกู่พยามยามอย่างสุดความสามารถ ในการค้นหาเธอซึ่งเป็นการถูกยอมรับโดยหนอนไหมทองคำกู่คุณยายเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าเมื่อหนอนไหมทองคำกู่ยอมรับใครบางคนว่าเป็นเจ้านายของมัน คนคนนั้นจะได้รับการพิจารณาให้เป็นนักบุญศักดิ์สิทธิ์จากลัทธิแม่มดกู่หนิงชิงเสว่โทษตัวเองอยู่ครู่หนึ่งเห็นว่าหนิงชิงเสว่รู้สึกไม่สบายใจ ฉู่เฉินจับมือหนิงชิงเสว่แล้วกระซิบ: “พี่เจ็ด อย่าเพิ่งตำหนิตัวเองเลย ลัทธิแม่มดกู่ได้กระทำการโหดเหี้ยมเอง และไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย"“ฉันรู้ แต่มีผู้บริสุทธิ์จำนวนมากถูกฆ่า พวกเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ทำไมลัทธิแม่มดกู่ถึงไม่ปล่อยพวกเขาไป”ความเสียใจของหนิงชิงเสว่ยากที่จะทำใจได้“เมื่อมาถึงจุดนี้ รู้สึกเศร้าไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกลัทธิแม่มดกู่กำลังตามหาคุณ คุณยายอสรพิษเฒ่าไม่น่าจะได้รับอันตรายในตอนนี้ ลองคิดหาทางช่วยเหลือเธอกัน” ฉู่เฉินวิเคราะห์จากคำพูดของฉู่เฉิน หนิงชิงเสว่ก็พบว่ามันสมเหตุสมผล“ตอนที่คุณยายพาฉันไปซื้อแมลงกู่ก่อนหน้านี้ เธอพาฉันไปที่แห่งหนึ่งของลัทธิแม่มดกู่ พวกเราไปที่นั่นกันเถอะ” หนิงชิงเสว่มีความคิดทันทีก่อนอื่นต้องตามหาลัทธิแม่มดกู่ก่อนหลังจาก
เมื่อทั้งสองเข้าไปในหมู่บ้าน พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความแปลกใหม่อย่างแท้จริงหนิงชิงเสว่กำลังจะลากฉู่เฉิน ไปยังสถานที่ที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนแมลงกู่เดี๋ยวนั้น แต่ฉู่เฉินหยุดลงและพาเธอเข้าไปในอาคารที่มีลักษณะคล้ายโรงเตี๊ยมแทนในโรงเตี๊ยมมีผู้คนไม่มากนัก มีเพียงสามหรือห้าโต๊ะเท่านั้น และโต๊ะอื่นๆ ก็ว่างเปล่าทั้งหมดฉู่เฉินและหนิงชิงเสว่ นั่งลงที่โต๊ะว่างและรอสักพักก่อนที่จะมีพนักงงานเดินเข้ามาหา“คุณสองคนสั่งอะไร?” หญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดชาวเขาที่เป็นเอกลักษณ์ถามด้วยท่าทีที่ชัดเจน“นำอาหารจานพิเศษของคุณและไวน์ชั้นดีสองไหออกมา” ฉู่เฉินตั้งใจทำให้เสียงแหบแห้ง ขณะที่พูดออกไปอย่างช้าๆ"ได้ค่ะ รอสักครู่" หลังจากได้รับรายการอาหาร หญิงสาวก็รู้สึกกระตือรือร้น จากนั้นหันหลังเข้าไปในครัวลูกค้าที่สั่งอาหารแบบไม่ดูราคา นั้นหาได้ยากในโรงเตี๊ยม ดังนั้นหญิงสาวจึงทำสัญลักษณ์ว่า พวกเขาเป็นแขก VIP ทันที“เสี่ยวเฉิน ที่นี่เป็นหนึ่งในสาขาของลัทธิแม่มดกู่ พวกเราจะไม่ดึงดูดความสนใจมากเกินไปหรือ?”หนิงชิงเสว่ถามอย่างกังวลใจ“ไม่ต้องห่วง พวกเราเป็นคนแปลกหน้าที่นี่ จึงไม่มีใครรู้จักเรา นอกจากนี้