เมื่อทั้งสองเข้าไปในหมู่บ้าน พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความแปลกใหม่อย่างแท้จริงหนิงชิงเสว่กำลังจะลากฉู่เฉิน ไปยังสถานที่ที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนแมลงกู่เดี๋ยวนั้น แต่ฉู่เฉินหยุดลงและพาเธอเข้าไปในอาคารที่มีลักษณะคล้ายโรงเตี๊ยมแทนในโรงเตี๊ยมมีผู้คนไม่มากนัก มีเพียงสามหรือห้าโต๊ะเท่านั้น และโต๊ะอื่นๆ ก็ว่างเปล่าทั้งหมดฉู่เฉินและหนิงชิงเสว่ นั่งลงที่โต๊ะว่างและรอสักพักก่อนที่จะมีพนักงงานเดินเข้ามาหา“คุณสองคนสั่งอะไร?” หญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดชาวเขาที่เป็นเอกลักษณ์ถามด้วยท่าทีที่ชัดเจน“นำอาหารจานพิเศษของคุณและไวน์ชั้นดีสองไหออกมา” ฉู่เฉินตั้งใจทำให้เสียงแหบแห้ง ขณะที่พูดออกไปอย่างช้าๆ"ได้ค่ะ รอสักครู่" หลังจากได้รับรายการอาหาร หญิงสาวก็รู้สึกกระตือรือร้น จากนั้นหันหลังเข้าไปในครัวลูกค้าที่สั่งอาหารแบบไม่ดูราคา นั้นหาได้ยากในโรงเตี๊ยม ดังนั้นหญิงสาวจึงทำสัญลักษณ์ว่า พวกเขาเป็นแขก VIP ทันที“เสี่ยวเฉิน ที่นี่เป็นหนึ่งในสาขาของลัทธิแม่มดกู่ พวกเราจะไม่ดึงดูดความสนใจมากเกินไปหรือ?”หนิงชิงเสว่ถามอย่างกังวลใจ“ไม่ต้องห่วง พวกเราเป็นคนแปลกหน้าที่นี่ จึงไม่มีใครรู้จักเรา นอกจากนี้
กำลังพลระดับล่างของลัทธิแม่มดกู่ ไม่ได้สังเกตเห็นว่าฉู่เฉินและหนิงชิงเสว่กำลังสะกดรอยตามพวกเขาทั้งกลุ่มเดินไปพูดไปและหัวเราะกันตลอดทางขณะที่พวกเขาเข้าใกล้อาคารโบราณ พวกเขาก็เงียบ เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาถึงฐานใหญ่ลัทธิแม่มดกู่ ที่พวกเขาพูดถึงแล้วสถาปัตยกรรมโบราณตั้งอยู่ลึกเข้าไปในป่าแห่งนี้ ผสมผสานอย่างลงตัวราวกับว่าได้เติบโตมาจากพื้นดิน ผนังเชื่อมต่อกันด้วยต้นไม้สูงตระหง่านหลายต้นจนรวมกันเป็นอาคารขนาดใหญ่ แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าฐานใหญ่ของลัทธิแม่มดกู่“พวกแกแอบออกมาอีกแล้ว ไม่รู้เหรอว่านี่เป็นวันอะไร ถ้าผู้พิทักษ์เห็นเข้าจะต้องเจอมีปัญหาใหญ่อีกแน่”ขณะที่พวกเขาก้าวผ่านประตูไป ชายร่างใหญ่ก็ตำหนิพวกเขา“ผู้พิทักษ์มาแล้วเหรอ?” หนึ่งในนั้นเหงื่อตกเมื่อเอ่ยถึงผู้พิทักษ์“ฮึ่ม เดี๋ยวค่อยจัดการกับพวกแกทีหลัง” ชายร่างใหญ่พ่นลมหายใจออกมา และปล่อยผ่านพวกเขาเข้าไปพวกเขารีบวิ่งเข้าไปข้างในด้วยความโล่งใจ"พวกเราทำยังไงต่อ?" หนิงชิงเสว่ถามฉู่เฉินอย่างเงียบๆ ขณะที่เห็นกลุ่มคนแยกย้ายกันไปข้างใน“พี่เจ็ด ใจเย็นๆ ก่อนนะ ก่อนอื่นต้องมายืนยันว่าคุณยายอสรพิษเฒ่ายังอยู่ที่นี่หรือไม่
เมื่อเห็นหนิงชิงเสว่ แววตาของคุณยายอสรพิษเฒ่าก็ฉายความกลัวเป็นครั้งแรก จากนั้นดูเหมือนจะนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ริมฝีปากที่แตกร้าวแล้วพูดช้าๆ “สาวน้อยโง่เขลา สุดท้ายพวกเราก็หนีไม่พ้น และตอนนี้พวกเราพบกันในยมโลก ”เห็นได้ชัดว่า คุณยายอสรพิษเฒ่าไม่คิดว่าเธอจะรอดมาได้ หลังจากตกไปอยู่ในเงื้อมมือของลัทธิแม่มดกู่ ดังนั้นเมื่อเห็นหนิงชิงเสว่ จึงคิดว่าตัวเองได้เดินทางมาถึงยมโลกแล้ว“คุณยาย คุณกำลังพูดอะไร ฉันมาที่หนานเจียงเพื่อช่วยคุณ” หนิงชิงเสว่พูดพร้อมกับเช็ดน้ำตา พร้อมใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นคุณยายอสรพิษเฒ่าได้สติ“อะไรนะ เธอมาที่หนานเจียงด้วยเหรอ? ช่างโง่เขลาจริงๆ ฉันบอกให้เธอรีบหนีไปแท้ๆ และอยู่ห่างจากหนานเจียงเอาไว้ไม่ใช่เหรอ?” คุณยายอสรพิษเฒ่าได้ยินแบบนั้น ไม่เพียงแต่ไม่มีความสุข แต่ยังรู้สึกกังวลอีกด้วย“คุณยาย ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ได้มาคนเดียว ยังมีเสี่ยวเฉินก็มาด้วย คุณไม่รู้สิ ตอนนี้เสี่ยวเฉินแข็งแกร่งมาก” หนิงชิงเสว่ปลอบใจ เพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉู่เฉินแข็งแกร่งมากเพียงใด“เธอรู้ไหมว่าหนานเจียงน่ากลัวแค่ไหน? ไม่ใช่แค่เธอ แม้แต่คนรักของเธอ อย่างปรมาจารย์ฉู่ หากมาที่หน
เมื่อเห็นว่าการปะทะกันกำลังใกล้เข้ามา หนิงชิงเสว่ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน และได้ถ่ายเวียนลมปรานที่แท้จริง ทันใดนั้น งูพิษที่อยู่รอบๆ ผู้กอง ทำท่างเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้ และหัวงูที่เชิดอยู่แต่เดิมก็ตกลงทันที เพื่อแสดงการเชื่อฟังผู้กองยังรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์นี้และนึกถึงบางสิ่งได้ทันที“นักบุญ แม้ว่าคุณจะสามารถข่มขู่อสรพิษด้วยรัศมีของกู่ศักดิ์สิทธิ์ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำให้อสรพิษพวกนี้หวาดกลัว ยังไงคุณก็เป็นแค่ระดับปรมาจารย์และความแข็งแกร่งของตัวคุณเองก็มีอยู่แค่นั่น แม้ว่าฉันจะไม่มีอรพิษมีพิษพวกนี้ ฉันก็จัดการกับคุณได้อย่างง่ายดาย " ผู้กองพูดและแผ่รัศมีออกมารัศมีกดดันจากปรมาจารย์ระดับสี่ปกคลุมทั้งคุกทันที บังคับให้กองกำลังของลัทธิแม่มดกู่ที่อยู่ใกล้ๆ ต้องคุกเข่าลง“นักบุญ ตราบใดที่คุณเลิกต่อต้านและกลับไปที่ฐานใหญ่พร้อมกับพวกเรา คุณก็ยังคงเป็นนักบุญเพียงคนเดียว ซึ่งอยู่เหนือกว่าคนนับหมื่น ตำแหน่งนี้เป็นที่ต้องการของผู้คนนับไม่ถ้วนในหนานเจียง ฉันแนะนำให้คุณยอมจำนนซะ" ผู้กองเดินไปหาหนิงชิงเสว่ร่างของหนิงชิงเสว่ สั่นอยู่ครู่หนึ่งราวกับว่ามีน้ำหนักถึงพั
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ผู้คนทั่วบริเวณเหมือนถูกตบหน้าฉาบใหญ่ ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที“บังอาจ แกกล้าดูถูกนักบุญได้ยังไง!”“อะไรนะ นักบุญแต่งงานแล้วเหรอ?”“เขารนหาที่ตาย!”“ฆ่าเขาซะ! ไม่มีใครสามารถพูดจาดูถูกนักบุญได้”“ใครดูหมิ่นนักบุญจะต้องตาย!”……ไม่เพียงแต่ใบหน้าของผู้พิทักษ์ไมตี๋จะดูเคร่งขรึมเท่านั้นพลทหารคนอื่นๆ ของลัทธิแม่มดกู่ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นด้วยความโกรธและรีบพุ่งเข้าใส่ฉู่เฉินแม้ว่าลัทธิแม่มดกู่ จะมีกองกำลังจำนวนมาก แต่พวกเขาก็ยังเป็นแค่พวกมดปลวกฉู่เฉินยังคงนิ่งเฉยทันทีที่พลทหารหลายสิบคนพุ่งไปข้างหน้า ร่างของพวกเขาก็ระเบิดออกและตายในทันที เลือดและอวัยวะภายในกระจัดกระจายไปทั่วทั้งบริเวณเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ผู้พิทักษ์ไมตี๋ก็พุ่งไปข้างหน้าเช่นกันหากไม่ลงมือตอนนี้ ฐานย่อยของลัทธิแม่มดกู่นี้จะถูกฉู่เฉินฆ่าล้างเผ่าผู้พิทักษ์ไมตี๋ลงมือ ฉู่เฉินก็ตั้งใจขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขาเป็นประกายและทยานหนีขึ้นไป ต่อมาได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้พิทักษ์ไมตี๋และปล่อยหมัดใส่เหมือนจะหมัดธรรมดาแต่มีพลังวนล้อมรอบอยู่อย่างมากมาย มีหลายวิธีในการหลบหลีกแวบเข
หลังจากกลืนกินศพแล้ว แมลงกู่ก็เติบโตขึ้นเล็กน้อย จากนั้นมุดลงไปในดินอย่างไร้ร่องรอย"ตัวอะไร?" ฉู่เฉินยังคงมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสงสัย“นี่เป็นแมลงศักดิ์สิทธิ์อีกตัวหนึ่งของลัทธิแม่มดกู่ แมลงกู่เขมือบ เช่นเดียวกับหนอนไหมทองคำกู่ของชิงเสว่ แมลงตัวนี้ก็เป็นแมลงกู่ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน แต่มีพลังเหนือกว่าหนอนไหมทองคำกู่ของชิงเสว่ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้นำลัทธิโกหกพวกเรา แถมยังมีแมลงกู่อยู่ในร่างของคนของลัทธิอีกด้วย ไม่น่าแปลกใจเลยที่สามีของฉันถึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย” คุณยายอสรพิษเฒ่าอธิบายด้วยท่าทางเกลียดชังเห็นได้ชัดว่าภาพนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณยายอสรพิษเฒ่า และดูเหมือนเธอจะเข้าใจเหตุการณ์ในอดีตได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในตอนนี้“คุณยาย ในเมื่อผู้นำลัทธิแม่มดกู่ มีแมลงกู่ศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองอยู่แล้ว ทำไมจึงต้องตามหาชิงเสว่ขนาดนั้นด้วย?” ฉู่เฉินถามอย่างสงสัยก่อนหน้านี้เขาคิดว่าลัทธิแม่มดกู่กำลังตามหาชิงเสว่เพียงเพราะหนอนไหมทองคำกู่ในร่างของเธอ แต่ตอนนี้มันดูซับซ้อนกว่าเดิม“เพราะมีตำนานของลัทธิแม่มดกู่ ว่ากันว่าแมลงกู่ศักดิ์สิทธิ์สามารถพัฒนาเป็นแมลงกู่อมตะได้ จากการกลืนกินแมลงกู่ศ
เบื้องหลังผู้อาวุโสสามคนที่ถูกเรียกว่าสามราชากู่ผู้ยิ่งใหญ่โดยคุณยายอสรพิษเฒ่า ยังมีผู้ติดตามลัทธิแม่มดกู่อีกมากมายแน่นอนว่าก่อนที่ผู้พิทักษ์ไมตี๋จะเสียชีวิต เขาใช้วิธีการใดและแจ้งคนอื่นในลัทธิแม่มดกู่“เหอะๆ ใครจะคิดว่าพวกเราจะไม่ได้ปรากฏตัวบนโลกนี้มานาน แต่ก็ยังมีคนที่จำพวกเราสามคนได้อีก” ชายชราชุดแดงพูดอย่างครุ่นคิดชายชราในชุดดำอีกคนหนึ่งเห็นฉู่เฉินจับมือของนักบุญแล้วพูด: "ในเมื่อรู้จักพวกเรา ก็จงยอมแพ้ซะและอย่าต่อสู้ไปอย่างไร้ความหมาย ไอ้หนู ปล่อยนักบุญซะ แล้วพวกเราจะทำให้ให้ศพของแกครบสามสิบสองเอง"ชายชราในชุดเขียวมองไปที่คุณยายอสรพิษเฒ่าซึ่งอยู่บนหลังของหนิงชิงเสว่ และพูดช้าๆ : "เจ้าต้องเป็นภรรยาของลูกศิษย์ที่ไร้ประโยชน์ของข้า จงยอมแพ้ซะ แล้วข้าจะขอร้องผู้นำลัทธิให้ไว้ชีวิตเจ้า ”“ท่านเป็นอาจารย์สามีของฉันเหรอ?” คุณยายอสรพิษเฒ่าถามด้วยพลังเต็มเปี่ยม“ใช่ ฉันนี่แหละ เด็กคนนี้ได้ฆ่าคนไปมากมายในลัทธิศักดิ์สิทธิ์ และเขาจะตายอย่างแน่นอน” ชายชราในชุดเขียวคิดอย่างชัดเจนว่าคุณยายอสรพิษเฒ่ามาที่นี่เพื่อขอความเมตตา“ในเมื่อท่านเป็นอาจารย์ของเขา ทำไมท่านถึงเพิกเฉยต่อเขา ตอนนี้เขาเส
จริงๆ ไม่ต้องเตือนด้วยซ้ำ เพราะสัตว์มีพิษรอบตัวพวกเขาได้เตือนฉู่เฉินแล้วอากาศเต็มไปด้วยพิษ แม้แต่คนของลัทธิแม่มดกู่ยังต้องหนีออกไปไกล เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ยังกลัวสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเช่นกันงูพิษสีสันสดใสแลบลิ้นออกมา และแมงป่องสีดำสนิทก็ยกหางขึ้นสูง เหมือนว่าเตรียมพร้อมที่จะยิงเหล็กในของพวกมันทุกเมื่อ นอกจากนี้ กลุ่มคางคกสีสดใสยังพ่นหมอกที่ด้านข้างอีกด้วย“เจ้าหนู การเผชิญหน้ากับระดับมหากาฬสามคนพร้อมกัน อาจเป็นเรื่องยากสำหรับนาย” จวินหวู่หมิงพูดเหน็บแนมในใจของฉู่เฉินอย่างไม่สะทกสะท้านกับสถานการณ์ปัจจุบัน“เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ราชากู่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามลงมือพร้อมกัน และภาพตรงหน้านี้ก็เริ่มน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ”"ใช่ ภาพแบบนี้ อย่าว่าแต่แค่การป้องกันเลย แค่เห็นก็กลัวจนฉี่ราดกางเกงแล้ว"“ชิ แกก็กลัวไปซะทุกอย่าง แต่ภาพนี้น่ากลัวจริงๆ แม้แต่ผู้นำลัทธิยังบอกว่าพลังของสามราชากู่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามสามารถกวาดล้างหนานเจียงได้ แกคงจินตนาการได้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน”“เด็กคนนี้ถึงคราวตายแล้ว การต่อต้านลัทธิศักดิ์สิทธิ์หนานเจียงเป็นเพียงการแสวงหาความตาย”คนในลัทธิแม่มดกู่ เต็มไปด้วยควา
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่