ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหนานเจียงนั่นคือนักฆ่า 5 ศาสตราที่มาจากเมืองหลวงนักฆ่า 5 ศาสตราสัมผัสได้จากระยะไกล และบ่นพึมพำกับตัวเอง“ให้ตายเถอะ ไม่อยู่ที่นี่ เด็กคนนี้เป็นตัวอะไร มีพรายกระซิบหรือยังไงกัน?”เห็นได้ชัดว่านักฆ่า 5 ศาสตราวิ่งมาจากจินหลิงทันทีที่รู้ข่าว ก็รีบตรงดิ่งมาที่หนานเจียง แต่ก็กลับไม่เจอฉู่เฉิน“หืม? มีกลิ่นคราวเลือดลอยมาจากแถวชานเมือง”ในฐานะนักฆ่า นักฆ่า 5 ศาสตราจึงมีประสาทสัมผัสไวต่อกลิ่นเลือด ทันใดนั้นก็มาปรากฏตัวขึ้น ณ บริเวณที่ฉู่เฉินเคยทรมานและสังหารปรมาจารย์ชาวญี่ปุ่นก่อนหน้านี้“มันเป็นร่องรอยของเขา!”นักฆ่า 5 ศาสตราพึมพำ จากนั้นตามรอยร่อง มุ่งหน้าไปลงทางใต้…… ตีเขาหลงหู่ ณ เจียงโจว ฉู่เฉินไม่เห็นจางอี้โม่และคนอื่นๆ ตามที่นัดกันก่อนหน้านี้เขาต่อสายโทรศัพท์หาหลินอีนัว และทราบว่าผู้กำกับจางยังไม่ได้เลือกสถานที่ถ่ายทำจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลับไปที่เจียงโจวชั่วคราวและหาโรงแรม เมื่อฉู่เฉินมาถึงโรงแรม ผู้กำกับจางก็บังเอิญเจอคนรู้จักและกำลังจะพาหลินอีนัวไปช่วยพูดคุยเรื่องการเช่าสถานที่“อีนัว คุณเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงและเป็นนักแสดงน
“คุณคือผู้กำกับชื่อดังของต้าเซี่ย จางอี้โหมว?” นักพรตลัทธิเต๋าเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสาม แล้วแสร้งทำเป็นไม่สนใจและถาม“ใช่ครับ นักพรตจาง ผมแน่ใจว่าคุณรู้จุดประสงค์ของผมดี งั้นผมจะขอเข้าประเด็น ผมยินดีที่จะช่วยทำบุญ 50 ล้านให้กับชิงกู่ โดยหวังว่าจะสามารถใช้สถานที่ได้เป็นเวลาสามวัน เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ ผมสงสัยว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ครับ” ผู้กำกับจางถ่อมตัวมากต่อหน้านักพรตจางเห็นได้ชัดว่ากำลังสับสนอย่างมากกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นับตั้งแต่ที่เขาได้เห็นความสามารถของฉู่เฉินโดยตรง จางอี้โหมวก็รู้ได้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ตอนนี้ได้ยืนอยู่บนภูเขาหลงหู่ที่มีชื่อเสียง เขาถ่อมตัวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กลัวว่าจะทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองและหลังจากได้เห็นเหตุการณ์ล่าสุด ผู้กำกับจางก็ยิ่งกลัวมากขึ้นและสงสัยว่านักพรตลัทธิเต๋าที่อยู่ตรงหน้าเขา ก็เป็นเทพสวรคค์เช่นเดียวกับฉู่เฉิน“แค่ถ่ายทำใช่ไหม ต้องการเช่าบริเวณไหน แต่ตอนนี้เป็นฤดูท่องเที่ยว รายได้จากนักท่องเที่ยวที่ได้รับทุกวันที่ภูเขาหลงหู่นั้นมากมายมหาศาล ฉันไม่สามารถปิดภูเขาและอุทยานเพียงเพื่อเอากำไรเล็กๆ น้อยจากคุณได้” นักพรตจางปฏิเสธทันที แต
ในตอนแรกหลินอีนัวคิดว่านักพรตลัทธิเต๋าคนนี้มีบรรยากาศที่เหนือธรรมชาติ แต่ตอนนี้เขาดูเหมือนไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน"จะไปไหน? ในเมื่อมาแล้ว ก็อยู่ที่นี่ก็อย่าคิดจะออกไป" หลังจากที่นักพรตจางโดนเหยียดหยาม ก็ถอดเสื้อคลุมนักพรตออก เผยให้เห็นชุดสูทขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านในเมื่อเสียงของนักพรตจางดังขึ้น ชายฉกรรจ์มากกว่าสิบคนก็พุ่งออกมาจากลานกว้าง รวมถึงนักพรตเด็กที่เคยนำทางพวกเขาคนประมาณสิบคนถือไม้และล้อมฉู่เฉินกับพรรคพวกเป็นวงกลมนักพรตจางอยู่แถวหน้า มีใบหน้าอวบอ้วนและชุดสูทขนาดใหญ่ เหมือนหมูตัวใหญ่เดินออกมาจากฝูงชน“นักพรตจาง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลัทธิเต๋าของคุณเป็นดินแดนนอกรีตงั้นเหรอ?” จางอี้โหมวไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉากไร้สาระเช่นนี้เกิดขึ้นในสถานที่ท่องเที่ยว“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลัทธิเต๋าอะไร ฉันชื่อจาง เป็นเจ้าเมืองชิงกู่ ที่นี่ฉันคือกฎหมาย ฉันแค่เล่นตามจิตนาการที่พวกแกนึกถึงนักพรตลัทธิเต๋าเพื่อทำให้พวกแกพอใจเท่านั้นแหละ พี่ๆ น้องๆ จับพวกมันไว้ มัดผู้หญิงและส่งเธอไปที่ห้องของฉันในทีหลัง ฉันอยากเห็นว่าการเล่นสนุกกับคนดังจะเป็นยังไง” เจ้าเมืองจางไม่ได้เสแสร้งอีกต่อไปหลังเจ้าเมืองจางพูดจบลง
“เสี่ยวซือโถว เมื่อพวกเราทั้งเจ็ดคนเป็นผู้ใหญ่ ทำไมไม่แต่งงานกันล่ะ?”“โอเค เมื่อผมโตขึ้น ผมจะแต่งงานกับพี่ๆ ทั้งเจ็ดคน!”เหมือนเสียงเด็ก ๆ เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้“เอาล่ะ หยุดพูดเล่นได้แล้ว พี่ เนื่องจากปัญหาสถานที่ถ่ายทำยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำไมพวกเราถึงไม่ไปเที่ยวภูเขาหลงหู่ในวันพรุ่งนี้และเยี่ยมชมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลัทธิเต๋านี้ดูล่ะ” ฉู่เฉินแนะนำด้วยใบหน้าแดงก่ำ“โอเค” แก้มของหลินอีนัวก็แดงเช่นกันหลังจากพูดจบ พวกเขาต่างแยกย้ายกลับห้องของตนเอง……แชทกลุ่มชื่อ "เรื่องทั่วไปของภูเขาหลงหู่"บัญชีผู้ใช้ของเจ้าเมืองจางก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับข้อความเจ้าเมืองจาง: วันนี้จางอี้โหมวมาที่ภูเขาหลงหู่เพียงแค่ประโยคเดียว ทั้งกลุ่มแชทก็วุ่นวายขึ้นทันที“จางอี้โหมว ใช่ผู้กำกับชื่อดังของต้าเซี่ยไหม?”“เขามาที่ภูเขาหลงหู่จริงๆ?”“ฉันได้ยินมาว่าเขากำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องคนแปลกหน้าอยู่นะ และดูเหมือนว่าฉากที่ต้องถ่ายทำจะเป็นภูเขาหลงหู่”เจ้าเมืองจาง: ใช่แล้ว เขานั่นแหละ เขาอวดว่าผู้กำกับคนดัง ดังนั้นฉันจึงไล่เขาออกไป“ผู้กำกับคนดัง มักจะนิสัยไม่ดี จึงไม่น่าแปลกใจนัก”“เป็นแค่ผู้กำกับ
ในช่วงดึก แสงวาบวาบเหนือฉู่โจวโดยไม่มีใครสังเกตเห็นนักฆ่า 5 ศาสตราปิดตาลงและตรวจสอบหาตำแหน่งจากประสาทสัมผัสครู่หนึ่ง: "ตรงนั้น!"ทันใดนั้น ร่างของเขาก็หายไป และปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่ในฐานเดิมของซวนหวู่แล้ว“มีปรมาจารย์ระดับมหากาฬสองคนต่อสู้อยู่ที่นี่!”นักฆ่า 5 ศาสตรารู้สึกประหลาดใจ แถมยังคงสัมผัสได้ถึงร่องรอยของค่ายกลที่เหลืออยู่ในบริเวณนี้ได้มีไอพลังหนึ่งที่คุ้นเคย ก็คือฉู่เฉินซึ่งเขาไล่ตามมาตลอดทาง แต่อีกคนคือใคร?เมื่อเห็นฐานที่ตั้งไร้คน นักฆ่า 5 ศาสตราก็โกรธทันทีฉู่เฉินคนนี้เป็นเหมือนหนู ดูเหมือนจะมีความสามารถในการคาดการณ์เหตุการณ์ต่างๆ และมักจะหนีไปก่อนที่เขาจะมาถึงเมื่อนึกถึงคำสั่งของผู้อาวุโสจากวิหารวรยุทธ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแยกแยะร่องรอยและไล่ตามหามันอีกครั้ง……เช้าวันรุ่งขึ้น ชายหน้าตาหล่อเหลาและสาวสวยปรากฏตัวที่เชิงเขาหลงหู่ แม้ว่าทั้งสองจะสวมหมวกที่ปิดบังใบหน้าบางส่วน แต่รัศมีที่ไม่ธรรมดาของพวกเขายังคงดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมาซึ่งอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของทั้งสองคน“เถ้าแก่เช่าแพไม้ไผ่หน่อย”“ได้สิ 1,400 เงินสดหรือสแกนจ่าย?”ชายคนนั้นพูดออก
เครื่องแต่งกายที่แปลกประหลาดนั้น ทำให้ดึงดูดผู้คนที่เดินผ่านไปมา และให้ชี้นิ้วใส่พวกเขาทั้งสองแต่งตัวแตกต่างกันอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะชายคนนั้นพูดออกมา ใครคิดว่าคนสองคนนี้มาด้วยกัน“นายน้อยเจียง ฉันมีหน้าที่ปกป้องความปลอดภัยของคุณเท่านั้น เรื่องอื่นฉันไม่สน!” ชายหนุ่มในชุดคลุมลัทธิเต๋ายังคงนิ่งเฉยและไม่แยแส แม้จะพูดถึงด้วยตนเองก็ตามนายน้อยเจียงก็ไม่โกรธ เขาเพียงเดินไปที่ฉู่เฉินและเหลือบมอง เมื่อเขาเห็นหลินอีนัว ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย“คุณหนูหลิน สวยกว่าในทีวีอีก ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อเจียงจื่อหยวน” ชายคนนั้นยื่นมือออกไปอย่างมั่นใจเห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นเชื่อว่า ทันทีที่เขาแนะนำตัวเอง อีกฝ่ายจะต้องให้ความเคารพ“เขาคือเจียงจื่อหยวน นายน้อยเจียงผู้โด่งดัง”“ใครคือนายน้อยเจียง?”“ไม่ใช่แล้วไหม คุณไม่รู้ว่านายน้อยเจียงคือใครในเจียงโจว?”“ฉันเป็นนักท่องเที่ยว ไม่รู้จริงๆ”“โอ้ แบบนี้นี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณไม่รู้ นายน้อยเจียงเป็นคนที่รวยที่สุดในเจียงโจว เขาก่อตั้งจื่อหยวนกรุ๊ปตั้งแต่อายุยังน้อย ธุรกิจเกือบทั้งหมดในเจียงโจวดำเนินการโดยจื่อหยวนกรุ๊ป นอกจากนี้ ฉันเคยได้ยินข่
ฉู่เฉินกรอกตามองบนทำไมทุกคนถึงต้องทำแบบนี้? ต้าเซี่ยสั่งห้ามพกปืนมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่จะต้องจัดระเบียบให้เรียบร้อยแล้วแม้ว่าปืนจะเป็นของเล่นเด็กสำหรับเขา แต่การข่มขู่ด้วยปืนในที่สาธารณะก็ยังเป็นเรื่องใหญ่แน่นอนว่า ขณะที่ชายร่างกำยำชักปืนพกออกมาฝูงชนต่างวิ่งหนีตาย ยกเว้นคนที่กลัวตายเพียงไม่กี่คนที่กล้าสังเกตจากระยะไกลฉู่เฉินเห็นว่าเหล่าไทยมุงวิ่งหนีเตลิดไป จึงหันกลับมาแล้วพูดอย่างใจเย็นกับเจียงจื่อหยวนว่า "คุณรู้ไหมว่าการครอบครองอาวุธปืนอย่างผิดกฎหมายและการมีกองทัพส่วนตัวนั้นถือเป็นโทษกบฎต้าเซี่ย"เจียงจื่อหยวนหัวเราะกับคำพูดนั้น และพูดต่อว่า "เจ้าเมืองจาง เขาขู่ฉันหรือเปล่า? บางทีเขาอาจจะรายงานฉันทีหลังก็ได้ ฉันกลัวมากเลย มันทำให้ฉันกลัวแทบตาย"เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ สีหน้าของฉู่เฉินก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่กลับพูดต่ออย่างใจเย็น “ในสายตาของนาย กฎหมายต้าเซี่ยมันไม่สำคัญงั้นแหรอ?"เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เฉิน เจียงจื่อหยวนก็ระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น“เจ้าเมืองจาง คุณได้ยินนั่นไหม? เขากำลังอธิบายฉันเกี่ยวกับกฎหมาย นี่ ไอ้หนู ในเจียงโจว ฉันคือกฎหมายโว้ย
เพียงแค่ดีดนิ้วออกไป ก็ตัดหัวคนไปหลายหัวเมื่อเห็นลำแสงจากดาบสีฟ้าอ่อนกำลังพุ่งใกล้เข้ามาเมื่ออยู่ท่ามกลางระหว่างความเป็นกับความตาย เจียงจื่อหยวนคุกเข่าลงด้วยเสียงดังลั่นและร้องขอความเมตตา "แกฆ่าฉันไม่ได้ ฉันเป็นบุคคลสำคัญในเจียงโจวและได้ช่วยเหลือเจียงโจวมามากมาย แกไม่สามารถฆ่าฉันได้ พ่อของฉันเป็นถึงนายกเทศมนตรีของเจียงโจวเชียวนะ…”ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ จางอวิ๋นหลงที่สวมชุดคลุมลัทธิเต๋าก็ปรากฏตัวต่อหน้าเจียงจื่อหยวน ในมือได้คว้าดาบโบราณเอาไว้แล้ว และจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว ก็ได้ทำลายลำแสงของดาบนั้นไปแม้ว่าจะเป็นการโจมตีแบบส่งๆ ของฉู่เฉิน แต่มันก็ทำให้ดาบโบราณคำรามอย่างไม่ลดละ หลังจากฆ่าคนไปสองสามคน“ปรมาจารย์ฉู่ ท่านฆ่าเขาไม่ได้!” จางอวิ๋นหลงจำตัวตนของฉู่เฉินได้แล้วในตอนนี้คนหนุ่มที่มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากปรมาจารย์ฉู่ผู้โด่งดัง!“ปรมาจารย์ลัทธิเต๋าต้องการช่วยเขา?”ฉู่เฉินมองไปที่จางอวิ๋นหลงด้วยสายตาที่เย็นชา และแรงกดดันของจางอวิ๋นหลงก็เพิ่มขึ้นทันที“ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติตามคำสั่งของสำนัก แม้ว่าฉันจะไม่ได้เหม็นขี้หน้าเขาก็ต
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่