ขณะที่คำพูดของซุนหย่างซินจบลงซู่จื่อเหยียน และซู่ซานถังต่างก็ช๊อคไปทันที ราวกับว่าพวกเขาถูกสายฟ้าฟาดอย่างรุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งซู่จื่อเหยียน เธอตกใจมากจนหน้าชาไปเลยเธอได้ยินว่าอะไรนะ?เด็กคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่แม้แต่ซุนหย่างซินก็ชื่นชมงั้นเหรอ?เธอกรีดร้องและพูดด้วยความยากลำบาก “เป็นไปได้ยังไง? เป็นไปได้ยังไง หมอเทวดาซุน คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ?”“ถ้าอย่างนั้นคุณก็คิดว่าฉันจำผิดคนแล้ว”ซุนหย่างซิน ยิ้มอย่างเย็นชา และหันศีรษะไปมองฉู่เฉิน ด้วยความชื่นชมอย่างยิ่ง โดยกล่าวว่า "การมาถึงของเทพเจ้าการแพทย์ฉู่ที่ เตอเรินถังของเรา ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันเปล่งประกายสดใสจริงๆ ... ""ผู้เฒ่าซุนเกรงใจ กันเกินไปแล้วน่า" ฉู่เฉินยิ้มจาง ๆ และพูดว่า "วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อเอายาไปให้ผู้เฒ่าฉินน่ะ"“โอเค โอเค ขอเชิญหมอเทวดาฉู่มาทางนี้ด้วย และผมจะจ่ายยาให้คุณเองครับ”ซุนหย่างซินพยักหน้าอย่างตื่นเต้นและพาฉู่เฉินเข้าไปในร้านขายยา ปล่อยให้ซูจื่อเหยียน สองพ่อลูกยืนอยู่กับที่เป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกตัวไม่นาน ฉู่เฉินก็หยิบยาที่บรรจุมาแล้วพูดว่า "ขอบคุณผู้เฒ่าซุ
ฉู่เฉินหันหลังกลับและเดินจากไป แล้วเสียงที่เฉยชาก็ดังขึ้นมา: "ผิด มันคือห้าแสนล้านต่างหาก!""อะไรนะ?"ซู่จื่อเหยียนรู้สึกประหลาดใจและคิดว่าเธอได้ยินผิดไป เมื่อเธอฟื้นคืนสติและต้องการจะด่าสาปเขา เธอก็พบว่าร่างของฉู่เฉินได้หายไปแล้วเธออดไม่ได้ที่จะนั่งยองลงไปกับพื้นและร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังซู่ชานถังเดินออกไปและปลอบใจ “ลูกสาวที่รัก พ่อรู้ตั้งนานแล้ว…”“คุณหนูซู่ ขอโทษที่ฉันต้องพูดตรงๆ” ซุนหย่างซินที่ติดตามมาพูดอย่างเย็นชาว่า "คุณหยิ่งยโสเกินไป"“ คุณคิดว่าธุรกิจที่ยอดเยี่ยมของตระกูลซู่นั้นมีความสามารถล้นหลามและน่าดึงดูด แต่คุณไม่รู้ว่านี่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่”“คนอย่างท่านอาจารย์ของฉัน ความมั่งคั่งและอำนาจในโลกก็เหมือนเมฆที่ล่องลอยสำหรับเขา ไม่ต้องพูดถึงว่าคุณเป็นเพียงตระกูลซู่ แม้แต่เจียงหนานทั้งหมดก็ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย”“คุณใช้วิธีที่ผิดที่สุด ซึ่งไม่ต่างจากการตัดสินให้ทำให้คุณซู่ตาย!”คำพูดที่ไร้ความปรานีของซุนหย่างซินทำลายความภาคภูมิใจภายในของซูจื่อเหยียนไปโดยสิ้นเชิงเธอร้องไห้อย่างขมขื่นและพูดว่า "หมอวิเศษซุน ฉัน... ฉันควรทำอย่างไรดีในตอนนี้? ฉัน... ฉันไม่อยากให้
เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองของเธอ ฉู่เฉินเพียงยิ้มบาง ๆ และพูดว่า "คุณหนูฉินมีเพื่อนมากมาย ทำไมคุณถึงยืนกรานที่จะชวนผมเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยล่ะครับ?""ไม่เหมือนกันค่ะ"ฉินปิงเยว่พูดด้วยใบหน้าอันร้อนผ่าว "แม้ว่าฉันจะมีเพื่อนมากมาย แต่ก็มีไม่มากพอที่จะสำคัญเท่าคุณฉู่น่ะค่ะ"“ยิ่งไปกว่านั้น คุณฉู่ยังแสดงความเมตตาต่อตระกูลฉินของฉันอีกด้วย หากคุณสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของฉันได้ ทั้งคุณปู่และฉันก็จะมีความสุขมากๆเลยค่ะ”“ในเมื่อคุณหนูฉินพูดเช่นนั้นแล้ว ก็ไม่สมควรที่ผมจะปฏิเสธอีกครั้งใช่มั้ยครับ” ฉู่เฉินยิ้มอย่างโง่ๆฉินปิงเยว่ยิ้มหวานขึ้นมาทันทีและพูดว่า "ตกลงค่ะ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วฉันจะมารับคุณนะคะ"ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงทันทีที่ฉู่เฉินกลับไปที่บ้านตระกูลถัง เขาพบว่าหวังซวี่กำลังถ่มน้ำลายและพูดอะไรบางอย่างซึ่งทำให้เหอหลาน, ถังรั่วเวย และคนอื่น ๆ อึ้งกันไปหมดถังไห่ซานเห็นเขา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า "เสี่ยวฉู่ คุณมาได้ทันเวลาพอดี เสี่ยวหวังและรั่วเวย กำลังจะไปงานปาร์ตี้คืนนี้ แล้วทำไมคุณไม่กับพวกเขาล่ะ?"“ปาร์ตี้อะไรครับ?” ฉู่เฉินถามถังไห่ซานกล่าว "นี่เป็นการฉลองวันเกิดสำหร
กว่าสิบนาทีต่อมา อาคารย้อนยุคซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหนานเจียง นั่นก็คือวังสีขาวในขณะนี้ ทางเข้าวังสีขาวเต็มไปด้วยรถหรูทุกประเภท แต่ทว่าเบนซ์เมอร์ซิเดียสและบีเอ็มนั้นกลับไม่โดดเด่นเลยในสถานที่แห่งนี้ เพราะข้างหน้ามีทั้งแลมโบกินี, เบนท์ลีย์ และแม้แต่โรลส์รอยซ์ในฐานะลูกสาวคนโตของตระกูลฉินที่ร่ำรวย งานวันเกิดของฉินปิงเยว่ดึงดูดผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนจากชนชั้นสูงของในหนานเจียง“คุณฉู่ พวกเรามาถึงกันแล้วค่ะ”หลังจากที่ฉินปิงเยว่จอดรถเสร็จแล้ว เธอจึงลงไปเปิดประตูรถให้ฉู่เฉินเป็นการส่วนตัวในขณะนี้มีรถมาเซราติจอดอยู่ข้างๆ คนทั้งสองคน และผู้หญิงทั้งสองก็เดินออกจากรถฉินปิงเยว่เข้าไปกอดผู้หญิงคนหนึ่งทันทีและพูดว่า "ชิงเสว่ ฉันคิดว่าเธอจะไม่มาซะแล้ว"“ในฐานะเพื่อนรักของเธอ ฉันจะพลาดวันเกิดของเธอได้ยังไงกัน” หนิงชิงเสว่ยิ้มอย่างไม่พอใจครู่ต่อมา เธอก็จ้องมองไปที่ฉู่เฉิน และใบหน้าของเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นวาบ: “นั่นคุณเหรอ?”พานอวิ๋น เลขาที่อยู่ข้างๆ เธอก็มองดูฉู่เฉินด้วยสีหน้ารังเกียจคิ้วของฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะขมวด เขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบคนสองคนนี้ในงานปาร์ตี้“ชิงเสว่ ฉันขอแนะนำใ
ฉู่เฉินหันหน้าไปและเห็นร่างที่คุ้นเคยหลายคนเดินมาหาเขาพวกเขาคือหวังซวี่ ถังรั่วเวยและคนอื่นๆถังรั่วเวยมองเขาด้วยความประหลาดใจแล้วพูดว่า "คุณมาที่นี่ได้ยังไง?"“รั่วเวย มันยังจำเป็นที่จะต้องถามอีกเหรอครับ?” หวังซวี่ก้าวไปข้างหน้าและมองดูฉู่เฉินอย่างเหยียดหยาม “คงเป็นเพราะไอ้หนูคนนี้ที่ไม่ยอมแพ้ และแอบตามเรามาน่ะสิ”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ แววตาของรั่วเวยก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาและเธอก็พูดด้วยความรังเกียจอย่างมากว่า "ฉู่เฉิน คุณหยุดรบกวนฉันเหมือนเห็บหมัดบนตัวสุนัขซักทีจะได้ไหม? คุณรู้ไหมว่าพฤติกรรมของคุณทำให้ฉันรู้สึกรังเกียจคุรมากขึ้นแค่ไหน?"“ผมไม่ได้ตามพวกคุณมาซักหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าไม่แยแส “อันที่จริง ผมไม่รู้ว่างานปาร์ตี้ที่พวกนายจะมานั้นเป็นงานวันเกิดเพื่อนของผม ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่มา”"เพื่อนของคุณ?" กัวรุ่ยที่อยู่ด้านหลังหวังซวี่อดไม่ได้ที่จะถาม "นายบอกฉันได้ไหมว่าเพื่อนของนายคือใคร?""ฉินปิงเยว่!" ฉู่เฉินพูดเรียบเรียบทันทีที่คำพูดออกไป ทั้งกลุ่มก็เงียบลงทันทีหวังซวี่ซึ่งเป็นคนแรกที่โต้ตอบ พร้อมหัวเราะทันทีและพูดว่า "ฉันได้ยินถูกหรือเปล่า คุณหนูฉินคือเพื่อนของ
“นายน้อยหวัง เขาเป็นกันเหรอใครคะ?” เฉินย่ามองไปที่ฉีเฟิงที่กำลังเดินเข้ามาด้วยความสงสัย“แม้แต่เขา คุณก็ไม่รู้จัก?”หวังซวี่พุดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เขาคือฉีเฟิง เขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลฉีในตระกูลที่ร่ำรวยหนานเจียง เขาเป็นทายาทที่แท้จริงของตระกูลที่ร่ำรวย และไม่มีใครกล้ายั่วยุเขา! "พวกเขาทั้งสามสูดลมหายใจเข้าลึกทันทีกัวรุ่ยอุทานด้วยความประหลาดใจ "ดูสิ ดูเหมือนเขาจะเดินไปหาไอ้บ้าฉู่เฉิน"ทุกคนรีบมองและเห็นฉีเฟิงเดินไปทางฉู่เฉินแบบสบายๆ “ฉู่เฉินรู้จักฉีเฟิงหรือเปล่า?” สีหน้าของหวังซวี่เปลี่ยนไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสายตาของคนอื่นๆ ในงานก็หันไปมองฉู่เฉินด้วย“หนุ่มคนนั้นคือใคร?”“ไม่รู้สิ ดูเหมือนจะไม่ได้มาจากแวดวงของเรา”“หรือว่านายน้อยฉีรู้จักเขาหรือเปล่า? ไม่น่าจะใช่นะ ดูไอ้หนุ่นนั้นสิเสื้อผ้าทั้งหมดของเขามีมูลค่ารวมกันไม่เกินห้าพันบาท นายน้อยฉีจะไปรู้จักคนแบบนี้ได้ยังไง?”สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ ฉีเฟิงก็เดินมาถึงฉู่เฉิน และพูดว่า "แกคือฉู่เฉิน?"“ฉันเอง มีอะไรเหรอ?” ฉู่เฉินยังคงนั่งนิ่งๆ สีหน้าธรรมดา“ฮึฮึ ให้ฉันแนะนำตัวก่อน ฉันชื่อฉีเฟิง” ฉีเฟิงยิ้มด้วยรอ
ขณะที่ฉีเฟิงพูดจบทันใดนั้นทั้งห้องโถงก็เงียบลง และทุกคนก็รู้สึกหนาวสั่นอย่างรุนแรง“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉู่เฉินคนงี่เง่าคนนี้หัวเราะเยาะฉันมามาก ตอนนี้เขากำลังจะได้ตายแล้ว”หวังซวี่ไม่พอใจฉู่เฉินมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกมีความสุขอย่างมากในใจในสายตาของเขา ฉู่เฉินเป็นคนที่กำลังจะตายไปแล้วและเฉินย่ากับกัวรุ่ยมีความคิดแบบเดียวกันกับเขา โดยเฉพาะเฉินย่าที่หันหน้าไปมองถังรั่วเวยและพูดว่า:“รั่วเวย ฉันได้พูดไว้นานแล้วนะ ไอ้คนคนนี้ไม่ได้เป็นแค่คนบ้านนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวปัญหาอีกด้วย ไม่ช้าก็เร็วเขาจะเล่นจนตัวเองตาย ตอนนี้มันกลายเป็นจริงแล้วใช่ไหมเนี่ย?”เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของถังรั่วเวยดูซับซ้อนและหวาดกลัว: "ผู้ชายคนนี้สร้างปัญหามามากเกินไป โชคดีที่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา ไม่งั้นฉันเกรงว่าฉันจะโชคร้ายไปด้วยแน่ๆ!"ริมฝีปากของฉีเฟิงยกขึ้นเล็กน้อย และแผ่รังสีอาฆาตพลุ่งพล่านในดวงตาของเขา ขณะที่เขามองไปที่ฉู่เฉิน “ยินดีด้วย แกทำให้ฉันโกรธได้สำเร็จแล้ว” เขาพูด"เมื่ออายุแปดขวบ ฉันถูกส่งไปฝึกกองทัพทหารรับจ้างในต่างประเทศ เมื่ออายุได้สิบห้าปี ฉันเอาชนะกองทัพทหารรับจ้างที่ว่ากันว่าอยู
คนที่ตกตะลึงที่สุดคือถังรั่วเวย เพราะเธออดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา และพบว่าฉีเฟีงดูเหมือนจะถูกฉู่เฉิน……ตบจนปลิวกระเด็นออกไปการตบเพียงครั้งเดียวสามารถทำให้คนๆ หนึ่งบินไปไกลกว่าสิบเมตรได้เลยหรอ? นี่มันไม่น่าเชื่อเกินไปแล้วเธอมองดูใบหน้าที่น่ารังเกียจของฉู่เฉินอีกครั้ง และทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่าเธออาจจะประเมินชายคนนี้ต่ำไปมาโดยตลอดเขาไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปซะทีเดียวสายตาทุกคู่กำลังจับจ้องมามาที่พวกเขา ฉีเฟิงค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้นขณะนี้ เขาเช็ดคราบเลือดออกจากมุมปากของเขาและมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าขุ่นเคือง: "ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ไอ้ขยะอย่างแก! นี่มันเป็นไปไม่ได้! มันเป็นไปไม่ได้!"“ราชาแห่งทหารรับจ้าง?” ฉู่เฉินหัวเราะอย่างสนุกสนานและพูดคำแทงใจดำอีกฝ่าย “แล้วไง แต่ก็ยังสู้ไม่ได้!”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ดวงตาของฉีเฟิงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที รู้สึกเพียงความอัปยศที่พลุ่งพลานอยู่ในใจ“ฉันไม่เชื่อ!”“ฉันไม่เชื่อ!”“ไอ้บ้านี่ ตายซะ!”เขาส่งเสียงคำราม กำหมัดของเขาอีกครั้ง และรีบวิ่งไปหาฉู่เฉินด้วยเจตนาที่จะฆ่าให้ตายฉู่เฉินยังคงนิ่งเฉย ในขณะที่เขาเข้ามาหาตัวเองนั้น เขาก็ทำเพียงแค่เอ