เด็กสมัยนี้รับมือได้ยากจริงๆ ชายชราคร่ำครวญอยู่ในใจและพูดต่อว่า "คุณแค่เดินต่อไปจากตรงนี้ ข้ามถนนสองสาย และเห็นร้านชื่อว่าปี้หยูไจ๋ ให้เข้าไปในตู้ร้าน แล้วคุณก็สามารถเห็นถนนสายพนันที่แท้จริงได้"ไม่นานเขาก็พูดจบ ชายชราก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องให้คำแนะนำเรื่องสุดท้าย“น้องชาย มีอีกอย่างที่ยังไม่ได้พูด ถ้าอยากไปถนนสายเก่าจริงๆ ต้องจ่ายค่าเข้าที่ปี้หยูไจ๋ก่อนเข้าไป ถ้าจะให้ฉันพูดนะ บอกเลยว่าไม่ขาดอะไรก็ซื้อของบนถนนนี้ได้และมันก็ไม่แตกต่างกันสักนิด ตราบใดไม่ต้องการของแปลกๆ ก็มองไม่ออก... “เหอะๆ ทำไมคุณไปแล้วล่ะ”ดูเหมือนว่าสัญชาตญาณเกี่ยวกับสถานที่นี้ของเขาถูกต้อง มันมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ ฉู่เฉินแตะจมูกอย่างครุ่นคิดสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือมันถูกแยกออกเป็นสองถนนสถานที่แห่งนี้เป็นเพียงถนนที่ขายหินปลอมถนนสายพนันหินที่แท้จริงนั้นอยู่ที่อื่นถนนหินปลอมสามารถหลอกลวงผู้ที่มาเยือนได้แต่ถนนสายพนันหินที่แท้จริง กลับมีลูกค้าไปไม่ขาดสายเมื่อฉู่เฉินมาถึงหน้าร้านของปี้หยูไจ๋ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองป้ายขนาดใหญ่เหนือศีรษะแล้วก้าวเข้าไปข้างใน พนักงานต้อนรับหญิงสาวมองดูชุดของฉู่เฉิน แม้ว่ามันจะดูเหมือ
ฉู่เฉินเพียงแค่ต้องรอจนกระทั่งหินตกไปอยู่ในมือของใครบางคนก่อน แล้วเขาจะเข้าไปซื้อมัน หากบุคคลนั้นปฏิเสธที่จะขาย ฉู่เฉินก็จะเดินจากอย่างไม่แยแส เพราะการขโมยมันไปก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับเขาเช่นกันทุกคนเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเจ้าของร้านอย่างตึงเครียด ราวกับว่าหัวของพวกเขาติดอยู่ตรงนั้นด้วย พวกเขากลั้นหายใจและดูเครื่องตัดหินเลื่อนลงมาอย่างเงียบๆด้วยเสียงที่ดังฟังชัดของหินที่ตกลงมาบนพื้น มันทำให้แววตาทุกคนแสดงความผิดหวังเทคนิคการตัดแบบนี้จะตัดหินออกไปครึ่งหนึ่ง เมื่อดูจากการตัดที่เรียบเนียน ไม่มีความแวววาว แม้แต่หยกเพียงเล็กน้อยก็ไม่มี คนส่วนใหญ่ท้อแท้แล้ว แต่พวกเขากัดฟันและรอต่อไปโดยเฉพาะอาเหิ่งที่นำพรรคพวกลูกน้องมา เมื่อเห็นภาพแบบนี้เขาก็ถ่มน้ำลายลงบนพื้นด้วยความโกรธ เอามือไพล่หลัง และไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ที่ต้องอับอายขายหน้า ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่กัดฟันและเร่งเร้าต่อไป“เร็วเข้า เร็วอีก นี่เพิ่งครึ่งทางเท่านั้น กลัวอะไร”มือของเจ้าของร้านสั่นเทาในขณะที่เขาถือดินสอและวาดเส้นสีดำแนวยาวลงบนพื้นผิวหินอีกครึ่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็วางหินกลับเข้าไปใต้เครื่องตัด แล้วถอนหายใจออกมา "เอ
ไม่สนว่าจะเป็นยังไง นี่ก็เป็นเพียงเศษหิน แม้ว่าจะมีการเสนอราคาที่สูงกว่าเดิม ก็ไม่สามารถสูงไปกว่าราคาก่อนหน้านี้ได้ฉู่เฉินไม่ได้เป็นคนที่จะเริ่มเสนอราคา รอให้อาเหิ่งพูดราคาออกมาเอง“ฉันจะบอกแกไว้ว่า ฉันซื้อหินก้อนนี้มา 250,000 ฉันยังใช้เงินล่วงหน้าของค่าบุหรี่ออกค่าหินไปด้วยซ้ำ ถ้าไม่ให้อย่างน้อย 50,000 หรือ 100,000 ฉันไม่ขายให้แกหรอก”เมื่อได้ยินแบบนี้ ไทยมุงก็คิดเหมือนกัน: งูเห่าอันธพาลประจำถิ่นช่างไร้ยางอายจริงๆ เมื่อกี้ทุกคนก็เห็นแล้วว่า มันถูกตัดออกจนเป็นก้อนเล็กๆ หลายก้อนเหลือแค่นี้จะตัดอะไรได้อีก? ข้างในมันไม่มีอะไรเหลือแล้ว! ยังกล้าที่จะขู่กรรโชกถึงหลักหมื่นหลักแสนบาท!เพ้อเจ้อ!“ตั้งสติหน่อย”กลัวว่าฉู่เฉินจะโดนต้มจนเปื่อย ไทยมุงที่ฉู่เฉินเคยขอคำแนะนำก่อนหน้านี้ จึงก้าวเข้ามาดึงฉู่เฉิน เพื่อบอกให้เขาหยุดพูดคนที่อยู่รอบๆ เริ่มชี้นิ้วและนินทาเมื่อชี้ไปที่ก้อนหินเล็กๆ นั้น ก็ร้อนใจจนหัวใจแทบหลุดออกมา“พอแค่นี้ล่ะ! อาเหิ่ง คุณจะรังแกคนนอกอย่างป่าเถื่อนแบบไม่ได้!”เมื่อถูกชี้หน้าด่าจังๆ แบบนี้ ดวงตาของอาเหิ่งก็ฉายแววความเย็นชา เขากลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ผิดเลยสักนิด เ
เงินห้าหมื่นบาทก็เพียงพอที่จะซื้อหินที่ตัดแต่งแล้ว และมีเหตุผลที่จะต้องทำแบบนี้ไหม?ไม่ว่าพวกเขาจะซุบซิบนินทาอะไรกันก็ตาม ก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อฉู่เฉินเลย เขาหยิบเศษก้อนหินสองสามชิ้นที่เจ้าของร้านมอบให้อย่างอารมณ์ดีแค่หยิบชิ้นหนึ่งออกมา ก็เป็นมีพลังวิญญาณไหลเวียนอยู่ข้างในแล้ว“ท่านครับ ต้องการจะผ่าหินที่นี่ไหม?”เจ้าของร้านถามขณะยื่นก้อนหินเหล่านี้ให้แน่นอนว่าฉู่เฉินไม่ต้องการผ่าหินที่นี่ เพราะด้วยนิสัยของอาเหิ่ง กลัวว่าจะทำให้เกิดปัญหาได้ ตัวเขาไม่กลัวปัญหา แต่ก็ต้องหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็นเมื่อเห็นว่าไทยมุงยังไม่แยกย้ายกันไปไหน ฉู่เฉินก็เก็บเศษหินและหมุนตัวเดินจากไปตอนนั้นเอง เห็นหลินอีนัวกับพี่ชายเธออยู่ใกล้ๆ“นี่อีนัว นั่นเป็นบอดี้การ์ดที่เธอพูดถึงไม่ใช่เหรอ? อยากจะขำให้ฟันหลุด ฉันเพิ่งจะนึกหน้าเขาออก ก็ยังสงสัยอยู่ว่าคนบื้อนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร”เมื่อพูดตรงนี้ หลินลี่ชงกับหลินอีนัวยืนอยู่ที่นี่สักพักหนึ่งแล้ว เนื่องจากบริเวณนี้มีคนรุมดูกันเยอะ พวกเขาจึงไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปได้ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงยืนมองจากด้านหลังและเห็นไม่ชัดรอจนคนเริ่มแยกย้ายจึงสามารถเบี
"เอาไปคืนเหรอ? หึ ไอ้หนูหมายความว่าไง! ฉันจะบอกแกไว้เลยนะ ฉันซื้อหยกน้ำแข็งก้อนนี้จากย่านขายหินระดับสูงในราคา 5 ล้าน แน่นอนว่าตัดออกมาแล้วต้องมีของดีอยู่แน่ ไม่ใช่ทุกคนต้องเป็นเหมือนแก ที่เอาเงินไปซื้อขยะของคนอื่น”หินมีหลายประเภท และหยกน้ำแข็งก็เป็นหยกประเภทหนึ่งที่มีราคาสูง“ถ้าตัดออกมาแล้ว ไม่มีอะไรเลยล่ะ?” ฉู่เฉินยิ้มอ่อน“แกกำลังพูดไร้สาระอะไรอยู่! แกเป็นใคร? ฉันอยู่ที่นี่มานานมากและไม่เคยพลาดเรื่องการดูหิน อีนัว เธอเชื่อใจพี่ชายเธอไหม!” เมื่อถูกฉู่เฉินถากถางก็โกรธจนควันออกหูในฐานะเจ้าของลานประมูลใต้ดินในจินหลิง ถ้าสายตาไม่เฉียบแหลมจะอยู่รอดมาได้ยังไง?“อีนัว ถ้าเธอเชื่อใจพี่ชายเธอ ก็ไปกันเถอะ อย่าไปสนใจคนเลวนี่เลย” หลินลี่ชงทำตัวเป็นศัตรูกับฉู่เฉินอยู่เสมอ“พี่ ฉันไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อพี่นะ” หลินอีนัวทำให้เขาใจเย็น “พวกเราไปตัดหินกันเถอะ”ฉู่เฉินยักไหล่อย่างเบื่อหน่าย จะให้เขาทำอะไรถ้าพวกเขาไม่ฟังฉู่เฉินกำลังจะหันหลังกลับและเดินจากไป เลือกสถานที่ที่มีคนน้อย ตัดหินพลังวิญญาณออกจากเศษหินที่แตกในมือคิดไม่ถึงว่าหลินลี่ชงจะตะโกนออกมา และไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ“อีนัว ใ
หลินลี่ชงยิ้มเยาะเย้ยและพูดกับเจ้าของร้านว่า"ตัดเลย ถ้ามีของดีอยู่ข้างในจะให้คุณได้รับส่วนแบ่งกำไรด้วย" “รับทราบครับ” เจ้าของร้านตอบกลับอย่างกระตือรือร้น เมื่อคิดว่านี่เป็นข้อตกลงทางธุรกิจใหญ่ จึงถ่มน้ำลายใส่มือทั้งสองข้าง มือจับบนด้ามมีดตัดหิน เมื่อต้องเผชิญกับสายตาของไทยมุงที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่กระพริบตา เจ้าของรู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้น"เริ่มจากตัดมุมก่อน"เอาดินสอขีดเส้นตรงที่มุมทั้งสี่ของหิน แล้ววางหินลงบนเครื่องตัดหิน พร้อมที่จะลงมือตัดหินมุมทั้งสี่ด้านของหินตัดออก มีเพียงฝุ่นที่ฟุ้งกระจายออกมาและยังไม่มีวี่แววของเนื้อหินสีเขียว ถ้าเป็นหยกน้ำแข็งจริง เนื้อหินสีเขียวก็น่าจะโผล่ออกมาให้เห็นแล้วเจ้าของร้านเกิดความสงสัย แต่ก็ตักน้ำจากอ่างราดบนหิน เพื่อรอให้น้ำชะล้างฝุ่นออกไปเจ้าของร้านหัวเราะเก้ๆ กังๆ "ทุกคนครับ โปรดอดใจรออีกสักหน่อย บางทีฉันอาจวาดเส้นชิดมุมเกินไป ดังนั้นจึงไม่ใช่จุดที่ถูกต้อง"“ไม่ต้องกังวล ไม่รีบๆ” หลินลี่ชงยังคงมั่นอกมั่นใจเหงื่อตกลงมาจากปลายจมูกลงกระทบกับพื้น เขากลืนน้ำลายและจับมือเจ้าของร้าน “เฮ้ยๆ เจ้าของร้านรอก่อน อย่าตัดลึกเกินไปในคราวเด
ทุกคนถอนหายใจและชี้นิ้วเยาะเย้ยหลินลี่ชง“ดูนั่นสิ ยังพูดมาได้ว่าคือหยกน้ำแข็ง ฮ่าๆ ก็แค่กองหินไร้ค่า”"ต้องขอบคุณเขา ที่ทำให้ทุกคนได้ดูละครตลก!""นั่นสิ! ใช่เลย!"“เหมือนว่าเจ้าของลานประมูลใต้ดินนี้ก็ไม่ได้มีน้ำยาไปมากกว่าพวกเราเลย!”สีหน้าของหลินลี่ชงซีดลง และดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อกับเหตุการณ์ที่เกิดตรงหน้า เขาลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจจนเซล้มลงกับพื้น คล้ายเป็นลมหมดสติมันจะเป็นไปได้ยังไง?ปีก่อนๆ เขาไม่เคยมองพลาดสักครั้งเดียว บางทีโชคดีก็เข้าข้างด้วย แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีทักษะการมองอยู่บ้าง?เมื่อเห็นพี่ของตัวเองเสียใจ หลินอีนัวก็รู้สึกเศร้าใจไม่แพ้กัน เขาเคยสัญญาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะนำหินล้ำค่าที่เขาพบให้เธอเป็นของขวัญห้าล้านบาทหายวับไปกับตา"เป็นไปไม่ได้!" ทันใดนั้นหลินลี่ชงก็ลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับตะโกนเสียงดัง กระชากคอของเจ้าของร้านอย่างแรงจนเหมือนคนบ้า เขาไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังขนาดนี้มาก่อนในชีวิต"พูดออกมา! เป็นเพราะแกตัดหินไม่ดี! ด้วยรูปร่างและเนื้อสัมผัสนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีหยกอยู่ข้างใน!”เจ้าของร้านตกที่นั่งลำบาก ยืนด้วยปลายเท้าและสายตามองไปรอบ ๆ อย่างทำอะไรไม
“ตัวฉันคนนี้ไม่ได้รังแกใคร ก็ไอ้เด็กคนนี้บอกว่าเขาจะรับผิดชอบ หินราคาห้าล้านบาทกับหินห้าหมื่นบาทนั้นเทียบกันไม่ได้เลย”ฝูงชนเริ่มส่งเสียงคุยจอแจกันอีกครั้ง“น่าเบื่อ!” ฉู่เฉินพูดจบ แล้วหันหลังออกไปจะให้เขาตัดเปิดออกมาก็ไม่มีใครในบริเวณนี้เข้าใจอยู่ดี พวกเขาอาจจะคิดว่ามันเป็นแค่พลอย แต่หากนักสู้มาเห็นเขา ก็อาจทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ได้“ฉู่เฉิน ถ้าแกไม่ตัดเศษหินที่นี่และตอนนี้ ฉันรับประกันว่าแกจะไม่สามารถซื้ออะไรได้อีก ในถนนการพนันหินของจินหลิงได้อีกต่อไป” หลินลี่ชงขู่เมื่อเขาเห็นว่าฉู่เฉินไม่เต็มใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ฉู่เฉินเพียงแค่หันกลับมาเขาไม่กลัวเลยสักนิดฉู่เฉินเชื่อว่าด้วยความสามารถของหลินลี่ชง เขาไม่สามารถทำตามที่เขาอวดได้เนื่องจากมีคนต้องการเห็นสิ่งที่อยู่ในเศษหินที่เขาซื้อมาในราคาห้าหมื่นบาท งั้นก็ให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตาฉู่เฉินสัมผัสได้ว่าไม่มีนักสู้อยู่ใกล้ๆจากนั้นเขาก็โยนหินไปให้หลินลี่ชง“คุณตัดมันเองเถอะ”ฉู่เฉินไม่ได้กังวลว่าหลินลี่ชงจะทำลายหินพลังวิญญาณหินพลังวิญญาณเกิดจากพลังงานจิตวิญญาณที่ควบแน่นบนคริสตัล และไม่สามารถถูกดินฟ้าอากาศทำลายไ
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่