หนิงชิงเสว่พยักหน้าด้วยความกลัว“ฉันไม่เชื่อแก นำทางไปสิ ไปดูกันให้เห็นกับตา”สีหน้าของเฒ่าอสรพิษเปลี่ยนไปนับครั้งไม่ถ้วน เธอคว้าไหล่ของหนิงชิงเสว่และเล็บจิกลึกเข้าไปในเนื้อของเธอโดยไม่สนใจเสียงร้องจากความเจ็บปวดของหนิงชิงเสว่ เธอจึงบังคับร่างของหนิงชิงเสว่และกระโดดออกไป ข้ามแม่น้ำใต้ดินกว้างกว่าสิบเมตร มุ่งหน้าตรงไปยังก้นหลุมในไม่ช้า หนิงชิงเสว่ก็พาเธอไปยังที่ที่เธอนั้นตกลงมา: "มัน... มันอยู่บนนั้น"ในขณะนี้ หนิงชิงเสว่รู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่งเธอตระหนักได้ว่าเฒ่าอสรพิษไม่ใช่คนธรรมดา ทักษะของเธอช่างน่าเกรงขามและเธอก็ไม่สามารถหลุดจากการควบคุมนี้ได้เลยเฒ่าอสรพิษมองขึ้นไปบนหน้าผาที่ดูเหมือนทอดยาวไปบนท้องฟ้า ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสะบัดแขนเสื้อของเธอทันทีงูเขียวพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเธอ ตกลงบนพื้นและแยกเขี้ยวให้หนิงชิงเสว่ทันทีหนิงชิงเสว่กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว"ขึ้นไปดูหน่อยสิ" เฒ่าอสรพิษสั่งงูเขียวงูเขียวขยับและปีนขึ้นไปบนหน้าผาอย่างง่ายดายจนกระทั่งหายลับสายตาไปหลังจากนั้นไม่นาน งูเขียวก็กลับมา กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเฒ่าอสรพิษและกระซิบบางอย่างตรงหู หลังจากฟังจบ ใบ
เมื่อเห็นการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของทั้งสองคน สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่สิ้นหวังของหนิงชิงเสว่เฒ่าอสรพิษขมวดคิ้วและคว้าหนิงชิงเสว่ด้วยมือเดียว ถอยกลับอย่างรวดเร็วกว่าสิบเมตรในทันที"ปัง!"ในขณะนั้น เยว่ฟู่หลงก็ร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคงนับตั้งแต่หนิงชิงเสว่ลงมาข้างล่างนี้ พวกเขาก็รออยู่ด้านบนอย่างใจจดใจจ่อ และรู้สึกจุกอยู่ในอกหลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปและรีบลงมาช่วยเหลือเขามองเฒ่าอสรพิษแล้วพูดว่า "ยัยแก่ ปล่อยคุณหนูหนิงไปซะ"“แล้วถ้าหญิงชราไม่ปล่อยเธอล่ะ?” เฒ่าอสรพิษเยาะเย้ยอย่างน่ากลัว“แกก็จะทำให้ฉันขุ่นเคือง”สายตาของเยว่ฟู่หลงมืดลง และเขาก็เริ่มโจมตีเธอท่าร่างของเขาราวกับเสือ ก้าวออกมาในก้าวเดียว ในขณะที่มือขวาของเขาราวกับกรงเล็บแหลมคม พุ่งตรงไปที่แขนของเฒ่าอสรพิษที่จับหนิงชิงเสว่เอาไว้"ไม่เจียมตัว!"เฒ่าอสรพิษสูดจมูกอย่างเย็นชา มือขวาที่เหี่ยวเฉาของเธอก็พุ่งออกไปทางเยว่ฟู่หลงเยว่ฟู่หลงรีบเปลี่ยนกรงเล็บเป็นฝ่ามือและปะทะกับเธออย่างดุเดือด"ปัง!"ด้วยการฟาดฝ่ามือเพียงครั้งเดียว ร่างของเยว่ฟู่หลงก็กระเด็นไปเป็นระยะทางกว่าสิ
“ฉัน... ฉันยังสบายดี”หลังจากที่เยว่ฟู่หลงลุกขึ้นนั่ง เขาก็กดจุดสองสามจุดบนร่างกายอย่างรวดเร็วเพื่อกระตุ้นจุดชีพจร และเร่งเร้าว่า "เร็วเข้า ตามล่านังแม่มดเฒ่าคนนั่นไป เธอถูกคุณโจมตีและอาจหนีไปได้ไม่ไกล"เว่ยอิงลั่วกัดฟันแล้วไล่ตามไปในทิศทางที่เฒ่าอสรพิษหลบหนีกว่าสิบนาทีต่อมา เว่ยอิงลั่วเดินตามรอยเลือดบนพื้นไปจนถึงริมแม่น้ำใต้ดินเธออดไม่ได้ที่จะหยุดและสำรวจสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวัง ไม่พบร่องรอยของเฒ่าอสรพิษ“นังแม่มดเฒ่านั่น!” เว่ยอิงลั่วด่าออกมาด้วยความโกรธในเวลานี้ เธอเพิ่งเห็นคนนอนอยู่บนพื้นฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเว่ยอิงลั่วกระโจนไปหลายก้าว และเห็นคนนอนอยู่บนพื้นอย่างชัดเจน เธอก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ: "เป็นเขาจริงๆ..."จากนั้นเธอลาดตระเวนไปมาตามแม่น้ำใต้ดินอีกต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของเฒ่าอสรพิษและหนิงชิงเสว่ เธอจึงกลับมาอุ้มฉู่เฉินเยว่ฟู่หลงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น นั่งสมาธิโดยหลับตาเพื่อระงับพิษงูในร่างกายของเขาเมื่อเห็นเว่ยอิงลั่วกลับมาพร้อมกับใครบางคนในอ้อมแขน ในตอนแรกเขาก็ตกตะลึงแล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า "นี่คือน้องฉู่เหรอ?"เว่ยอิงลั่วรู้สึกไม่ดีจึ
หลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง ในที่สุดฉู่เฉินก็ฟื้นจากอาการโคม่ามาได้เมื่อลืมตา สิ่งแรกที่เขาเห็นคือใบหน้าที่คุ้นเคยสองคน“น้องฉู่ ในที่สุดนายก็ตื่นแล้ว” เยว่ฟู่หลงพูดด้วยความดีใจอย่างเห็นได้ชัดฉู่เฉินลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยและถาม “พี่เยว่ ฉันอยู่ที่ไหน?”“นายอยู่ในฐานทัพของซวนหวู่ อย่าเพิ่งขยับไปไหนนะ อาการบาดเจ็บของนายยังไม่หายดี” เยว่ฟู่หลงแนะนำอย่างเร่งรีบเว่ยอิงลั่วอดไม่ได้ที่พูดอย่างแร้งน้ำใจ "ตาเยว่ ทำไมต้องไปโน้มน้าวเขาด้วยล่ะ ถ้าเขาต้องการตาย พวกเราก็ไม่อาจหยุดเขาไว้ได้เช่นกัน"ทันทีที่เห็นฉู่เฉิน เธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมานั่นเป็นเพราะเธออุ้มฉู่เฉินกลับมาด้วยตัวเองตลอดทั้งทางนั่นคงจะไม่เป็นไร แต่สิ่งที่ทำให้เธอรำคาญจริงๆ คือตอนที่ผู้ชายคนนี้ฉวยโอกาสที่เธอหลับอยู่ระหว่างนั่งเฮลิคอปเตอร์ถ้าไม่ใช่เพราะเยว่ฟู่หลงห้ามเธอเอาไว้ เธอคงจะได้โยนฉู่เฉินออกจากเฮลิคอปเตอร์แล้วจริงๆฉู่เฉินพยักหน้า ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นว่าอาการบาดเจ็บของเขาเกือบจะหายดีแล้วเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความขอบคุณ "พี่เยว่ ขอบคุณที่ช่วยผม"“พวกเราไม่ใช่คนที่ช่วยนาย เป็นนายที่ช่วยตัวเ
"คุณฉู่มีประสบการณ์โชกโชนจริงๆ " ฉีหงมองเขาอย่างประหลาดใจมากและพยักหน้าว่า "โชคดีที่คุณเยว่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวรยุทธและมีพลังงานที่แท้จริงปกป้องอยู่ จึงอยู่รอดมาได้จนชายชราสามารถมาช่วยถอนพิษให้ได้"ใบหน้าของเยว่ฟู่หลงเต็มไปด้วยความกลัวฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดว่า “หมอเทวดาฉี เป็นไปได้ไหมที่คุณรู้จักเจ้าของพิษซีหลิงนี้”"แน่นอน"ฉีหงพยักหน้าและพูด "จากข้อมูลของฉัน คนที่เลี้ยงดูงูเขียวเป็นหญิงชราชื่อเฒ่าอสรพิษ เธอเป็นคนใจร้ายและเป็นปรมาจารย์วรยุทธ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอได้วางยาพิษให้คนไปจำนวนมากและฆ่าให้เสียชีวิต ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าเธอเป็นคนที่ใครใครก็หวาดกลัว”“หมอเทวดาฉีรู้ที่อยู่ของเธอหรือเปล่า?” ฉู่เฉินถามอย่างเย็นชาแม่มดเฒ่าคนนี้กล้าที่จะทำร้ายหนิงชิงเสว่ ซึ่งกระตุ้นจิตสังหารของเขา“คุณฉู่ประเมินชายชราคนนี้สูงเกินไปแล้ว” ฉีหงส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอย่างขมขื่น “ที่อยู่ของบุคคลนี้ลึกลับอย่างไม่น่าเชื่อ และเธอก็เชี่ยวชาญในศิลปะการปลอมตัวอีกด้วย ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงฉัน แม้แต่ซวนหวู่ก็อาจพบกับความยากลำบากในการค้นหาตัวเธอในระยะเวลาสั้น
หลังจากที่ฉู่เฉินเข้ามาในห้องแล้ว ก็สั่งให้คนนำนำเครื่องครัวหม้อ และกระทะเข้ามาการเดินทางไปจิงโจวครั้งนี้ เขาประสบความสำเร็จในการค้นพบโสมโลหิตดร้อยปีและดอกเทียนหลิง ถัดไปก็คือปรุงยาปลุกชีพผลข้างเคียงที่เกิดจากร่างกายหนาวเหน็บของพี่สาวคนหกนั้น สามารถขจัดออกจนหมดได้ด้วยยาปลีพเท่านั้นเนื่องจากไม่มีเตาสำหรับการเล่นแร่แปรธาตุ เขาจึงต้องใช้หม้อและกระทะแทนแม้ว่าวิธีนี้จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่า แต่ก็ยังสามารถประยุกต์ใช้นำมาปรุงยาได้เมื่อนำโสมโลหิตร้อยปีและดอกหลิงเทียนออกมา ก็เปิดเตาแม่เหล็กไฟฟ้าเตาแม่เหล็กไฟฟ้าไม่มีผลต่อการเล่นแร่แปรธาตุ มีเพียงแต่ให้ความร้อนเท่านั้น ผลของการเล่นแร่แปรธาตุที่แท้จริงนั้นมาจากกำลังภายในของร่างกายฉู่เฉินเขาไม่แม้แต่จะไม่ลังเล ใส่ส่วนผสมของยาปลุกชีพลงในหม้อตามลำดับที่ระบุไว้เอาในสูตรยาเมื่อหม้อเริ่มร้อน จากนั้นไม่นานส่วนผสมเหล่านี้ก็ถูกต้มจนละลายหมด กลิ่นหอมของยาเข้มข้นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้องในระหว่างนี้ พลังภายในจากร่างกายฉู่เฉินจะถ่ายทอดอย่างต่อเนื่องกับไปสู่ยาน้ำนี้เขาต้องกำจัดสิ่งสกปรกออกจากของเหลว ทำให้มันมีคุณสมบัติของยาบริสุทธิ์มากยิ่ง
เธอซึ่งเป็นพี่หก มองดูเขาอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกในรอบสิบสองปี ต้องบอกว่าหนุ่มน้อยคนนี้ค่อนข้างหน้าตาหล่อเหลายิ่งกว่าพวดดาราหนุ่มในทีวีเสียอีก และที่สำคัญคือไม่สูญเสียความเป็นชายชาตรีสงสัยว่าผู้หญิงคนไหนกัน ที่จะโชคดีที่จะได้อยู่กับเขาในอนาคตฉู่เมิ่งเหยาพึมพำกับตัวเองทันใดนั้นราวกับว่าเธอนึกอะไรบางอย่างได้ แก้มก็แดงระเรื่อเพราะตอนที่พวกเธอยังเด็ก พี่สาวทั้งเจ็ดรวมถึงตัวเธอเองต่างก็โวยวายว่า ถ้าโตมาพวกเธอจะแต่งงานกับฉู่เฉินและให้กำเนิดลูกมากมายแก่เขาในเวลานั้นจะเป็นเพียงการพูดเล่นกันแบบเด็ก ๆ โดยไม่เข้าใจความหมายก็ตามเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ มันทำให้หัวใจของฉู่เมิ่งเหยากลับเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้เธอจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของฉู่เฉิน จากนั้นก็ก้มศีรษะลง ริมฝีปากสีแดงเย้ายวนของเธอแทบจะสัมผัสกับใบหน้าของฉู่เฉินตอนนั้นเอง ฉู่เฉินก็ลืมตาขึ้นทันทีการเคลื่อนไหวของฉู่เมิ่งเหยาก็แข็งนิ่งเหมือนหินทันทีรดวงตาของพวกเขาประสานกันแก้มของฉู่เมิ่งเหยาเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีเหมือนกับมะเขือเทศสีแดง และหัวใจของเธอก็เต้นรัวแทบจะหลุดออกมาม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป เธอกลับเห็นฉู่เฉินหลับตาลงอ
ตอนที่ทุกคนได้ยินเสียงก็เดินออกจากคฤหาสน์ เห็นรถจี๊ปทหาร 2 คันจอดอยู่ที่ทางเข้าหน้าคฤหาสน์หน้ารถจี๊ปมีชายฉกรรจ์สองสามคนเดินนำหน้าชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งกำลังตะโกนโหวกเหวกอยู่ในขณะนี้เมื่อเห็นชายหนุ่ม ใบหน้าที่สวยงามของฉู่เมิ่งเหยาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา“คุณฉู่ พวกเขา…” แม่บ้านเฉินเหมยหรูมองไปที่ฉู่เฉินราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณอีกแล้วครับ”ฉู่เฉินส่ายหัวก่อนหันไปหาชายหนุ่ม: "นายเป็นใครกัน? นายไม่รู้เหรอว่าไม่มีสิทธิ์มาก่อความวุ่นวายหน้าคนอื่น"“ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองป็นใครถึงต้องรู้ว่าฉันคือใคร?”ชายหนุ่มยิ้มอย่างเหยียดหยามก่อน หันไปมองฉู่เมิ่งเหยาที่อยู่ข้างหลังเขา: "ฉู่เมิ่งเหยา เธอคิดว่าซ่อนตัวจากฉันจะได้ผลเหรอ? รีบตามฉันกลับไปเพื่อแต่งงานกันเถอะ"ฉู่เมิ่งเหยาตัวแข็งทื่อแล้วพูดตอบกลับอย่างเย็นชา: "หานเล่ย ฉันไม่เคยตอบตกลงที่จะแต่งงานกับนายเลย ตอนที่ฉันยืมตะกรุดเสือจากพ่อนาย ฉันแค่บอกว่าจะพิจารณานายดู""ไร้สาระ!"ชายหนุ่มชื่อหานเล่ยโต้กลับอย่างฉุนเฉียว: "ฉันไม่ต้องการโอกาสบ้าๆ ฉันแค่อยากแต่งงานกับเธอ!"“รออะไรกันอยู่ล่ะ? พาคุณหนูฉู่กลับไป”เขาโบกมือให้ชาย