หนิงชิงเสว่ตื่นตระหนกทันที และรีบปรับสมดุลของร่างกาย เพื่อให้ได้สมดุลและปล่อยมือข้างหนึ่งไปตบตะเกียงไฟที่อยู่เหนือศีรษะของเธอหลังจากพยายามตบไปไม่กี่ครั้ง ตะเกียงไฟก็ไม่ตอบสนอง แถมยังร่วงลงสู่เหวเบื้องล่างอย่างไร้ที่สิ้นสุดอีกด้วยตอนนี้แหล่งกำเนิดแสงเดียวของเธอได้หายไปแล้วเรื่องทำให้หนิงชิงเสว่รู้สึกค่อนข้างจะสิ้นหวังแต่สิ่งที่ทําให้เธอสิ้นหวังมากขึ้นไปอีก ก็คือจู่ๆ เธอรู้สึกถึงความเย็นเล็กน้อยเหนือศีรษะเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่ามีฝนตกลงสองสามหยดบนใบหน้าของเธอไม่นานนั้น ฝนก็ตกหนักมากขึ้น เริ่มตกเทตกหนักลงมา จนทำให้เสื้อผ้าของเธอเปียกโชกอย่างรวดเร็ว“สวรรค์ ถ้าฉันหนิงชิงเสว่คนนี้ เคยลบลู่สวรรค์และดูหมิ่นเทพเจ้าในอดีต ก็ไม่จำเป็นต้องลงโทษฉันในตอนนี้เลยนะเจ้าคะ”หนิงชิงเสว่ร้องไห้ออกมาอย่างรู้สึกท้อแท้ใจเป็นอย่างมากแต่เธอก็ต้องปาดน้ำตาและเคลื่อนตัวต่อไปในความมืดเพราะได้เสียแหล่งกำเนิดแสงไปแล้ว เธอจึงก้าวขาพลาดไปหลายครั้ง จนร่างของเธอตกลงไปหลายเมตรก่อนจะกระแทกเข้ากับก้อนหินบนหน้าผาในที่สุดส่งผลให้หลังของเธอได้ความเจ็บปวดแสนสาหัส เกือบจะทำให้เธอหมดสติไปแต่เธอก็ยังคง
"แคร้ก!"อย่างไรก็ตามเมื่อหนิงชิงเสว่ตกลงสู่พื้นดิน เกิดเสียงกระดูกหักก็ดังมาจากเท้าขวา หลังจากนั้นเธอรู้สึกว่าร่างกายถูกกระแทกเข้าอย่างแรง ซึ่งทำให้เธอแทบจะหยุดหายใจไปเพราะด้วยความเจ็บปวดนี้วิสัยทัศน์ของหนิงชิงเสว่มืดลง และเธอก็หมดสติไปในที่สุด…………เวลาผ่านไปไม่นาน และในที่สุดหนิงชิงเสว่ก็ถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้งด้วยสายฝนที่ตกลงมาสู่พื้นดินเมื่อเธอลืมตาขึ้น ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้นโดยมีตะเกียงไฟที่ตกมาก่อนหน้านี้อยู่ข้างๆ ในขณะนี้ ความเจ็บปวดประทุขึ้นมาจากข้อเท้าขวาหนิงชิงเสว่ลุกขึ้นนั่ง ถลกขากางเกงขึ้นเพื่อตรวจสอบและพบว่าข้อเท้าบวมอย่างรุนแรง ซึ่งบ่งบอกถึงกระดูกแตกได้อย่างชัดเจนและเธอก็พบว่า ตอนนี้เหลือลูกปัดเพียงเม็ดเดียวบนหน้าอก ทำให้น้ำตาไหลอาบบนใบหน้าของเธออย่างควบคุมไม่ได้เธอต้องการช่วยน้องเสี่ยวสือโถวแต่น้องเสี่ยวสือโถวก็ได้ช่วยชีวิตเธอไว้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่เธอไม่รู้ตัวหนิงชิงเสว่ตระหนักดีว่า ถ้าไม่ใช่เพราะลูกปัดที่ระเบิดออกมาและช่วยชีวิตเธอเอาไว้นั้น อาการบาดเจ็บของเธอคงจะแย่ยิ่งกว่าข้อเท้าแตก เธออาจจะตายจากการร่วงลงมาไปแล้วเธอปาดน้ำตาอย่างไม่
เมื่อเห็นฉู่เฉินอีกครั้ง หนิงชิงเสว่รู้สึกตื้นตันมากจนน้ำตาไหลออกมาเธอไม่รู้ว่า เธอต้องต่อสู้อดทนกับความยากลำบากมามากเพียงใดระหว่างทางมาที่นี่ แม้ว่าจะวนเวียนอยู่บนปากเหวแห่งความตายมาหลายครั้งก็ตามแต่สุดท้ายก็โชคดีพอที่เธอได้พบน้องเสี่ยวสือโถวในที่สุดหนิงชิงเสว่ไม่มีเสียเวลามาคิดมากไปกว่านี้ และรีบกระโดดลงไปในน้ำทันทีโดยที่เธอไม่ได้คำนึงถึงความลึกของแม่น้ำใต้ดินนี้ด้วยซ้ำ หรือแม้แต่จะคิดว่ามีอันตรายใดๆ ซึ่งจะแอบแฝงอยู่ข้างล่างนั้นหรือไม่สิ่งที่เธอคิดอย่างเดียวคือ ต้องช่วยเหลือฉู่เฉินให้เร็วที่สุดน้ำเย็นมาก เย็นเข้าจนถึงกระดูก แต่โชคดีที่กระแสน้ำนั้นไม่แรงมากนักหนิงชิงเสว่ลากเท้าขวาที่หักและค่อย ๆ ลุยลงไปในน้ำที่ค่อยๆ ลึกไปถึงเอวและหน้าอกของเธอเธอตะเกียกตะกายย่างมาก เพราะรู้สึกเหมือนขาของเธอเต็มไปด้วยตะกั่วและถ่วงการเคลื่อนไหว ทำให้เคลื่อนไหวอย่างยากลำบากเธอว่ายน้ำไม่เป็น ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถว่ายข้ามไปได้โดยตรง เธอต้องรักษาสมดุลในขณะที่เคลื่อนตัวไปหาฉู่เฉินอย่างสิ้นหวังสิบเมตร...แปดเมตร...เจ็ดเมตร...เมื่อน้ำกำลังจะเกือบท่วมมิดศรีษะของเธอแล้วก็ได้มาถึง ใกล้กับ
แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์วรยุทธ แต่เขาไม่ได้เป็นอมตะและยังคงเป็นมนุษย์ที่มีเลือดและเนื้อฉู่เฉินยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นก้มศีรษะลงเพื่อตรวจสอบร่างกายตัวเอง พบว่าเสื้อผ้าและกางเกงของเขาขาดรุ่งริ่งหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีรอยแผลเป็นสดๆ บนร่างกายอีกด้วยสายตาของฉู่เฉินเป็นประกายวาวขึ้น ในขณะที่นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เขาจะหมดสติไปหากจำไม่ผิด เขากำลังไล่ตามจินเทียนเซิงไปที่ขอบหลุมยักษ์ และจินเทียนเซิงถูกต้อนจนจนมุม เลยเลือกที่จะทำลายตัวเองการระเบิดจากปรมาจารย์วรยุทธที่ทำลายตัวเองนั้นเทียบได้กับแผ่นดินไหว ทำให้พื้นดินถล่มและฉู่เฉินก็ตกลงไปในหลุมนั้นฉู่เฉินปีนออกมาจากก้นหลุม ลากร่างที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของเขา ไปถึงแม่น้ำใต้ดินและสลบไป“ไม่รอบคอบเสียเลย”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและส่ายหัวด้วยความผิดหวังเขาน่าจะคาดการณ์ถึงการระเบิดทำลายตัวเองของจินเทียนเซิงแต่คิดทบทวนอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ตราบใดที่เขายังคงไล่ตามฆ่าจินเทียนเซิงอยู่ อีกฝ่ายก็สามารถที่จะระเบิดทำลายตัวเองไปพร้อมกับเขาได้ทุกเมื่อ“ด้วยอาการบาดเ
สถานการณ์ที่เลวร้ายของฉู่เฉินทำให้หนิงชิงเสว่ใจเสียเป็นอย่างมากในขณะนี้เธอเริ่มสับสน แต่ยิ่งกว่านั้นเธอก็กลัวในที่สุดเธอก็พบน้องเสี่ยวสือโถวแล้ว เธอจะยอมรับว่าเขากำลังจะจากเธอไปได้อย่างไร"จะทํายังไงดี…..ทํายังไงดี"หนิงชิงเสว่กัดริมฝีปากแน่น ตื่นตระหนกและไม่แน่ใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปทันใดนั้น สัญญาณโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ทำให้หนิงชิงเสว่กลับมามีสติอีกครั้ง ขณะที่เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทาแล้วพูดว่า "ใช่แล้วๆ ต้องโทรออกไป เพื่อขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอก"เธอกดหมายเลข 110 โดยไม่ลังเล จากนั้นยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูแต่ครู่ต่อมา สายก็ถูกตัดไปพร้อมกับเสียงบี๊บหนิงชิงเสว่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และตระหนักว่าไม่มีสัญญาณแม้แต่ขีดเดียวเธอจําได้ทันทีว่านี่เป็นความลึกใต้ดิน 1 กิโลเมตรและสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่สามารถลงมาถึงได้เลยข่าวร้ายนี้เกือบจะทำให้เธอเป็นลมหมดสติ เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินไปเดินกะโผลกกะเผลกโดยหวังว่าจะมีสัญญาณแค่ขีดเดียว!เธอต้องการสัญญาณเพียงแค่ขีดเดียว แค่นั้นก็เพียงพอที่จะโทรออกได้หนิงชิงเสว่ยังคงอธิษฐานอยู่ในใจอาการบาดเจ็บของฉู่เฉ
แก้มของเธอแดงระเรื่อขึ้นในทันทีท้ายที่สุดแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ใกล้ชิดกับผู้ชายมากขนาดนี้แต่เมื่อเธอคิดว่าชายตรงหน้าคนนี้เป็นน้องเสี่ยวสือโถว เธอก็รู้สึกถึงความสุขเข้าที่ถาโถมเข้ามาหนิงชิงเสว่แนบหูกับหน้าอกของฉู่เฉิน ฟังเสียงการเต้นของหัวใจของเขาอย่างเงียบ ๆ จากนั้นตรวจดูการหายใจ และพบว่าอาการของเขาดีขึ้นแล้วสิ่งนี้ทำให้เธอเต็มไปด้วยความสุขเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าการกระทําที่ดูเหมือนเงอะงะและไม่น่าเชื่อถือก่อนหน้านี้ของเธอนั้นมีประโยชน์จริง ๆหนิงชิงเสว่จึงสังเกตเห็นว่าแสงรอบ ๆ ค่อนข้างสลัวแล้วแสงส่องเข้ามาจากรอยแตกบนหน้าผาเหนือหัวพวกเขา"ดูเหมือนว่าจะเริ่มมืดแล้ว"หนิงชิงเสว่มองไปรอบๆ ด้วยความกลัว จากนั้นจึงมองไปที่ฉู่เฉินและในที่สุดก็รวบรวมความกล้าที่จะเดินกะโผลกกะเผลกไปตามแม่น้ำใต้ดินเธอค้นพบเมื่อคืนก่อนหน้าว่าอุณหภูมิที่นี่ลดลงอย่างมากในเวลากลางคืนยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าของฉู่เฉินก็เปียกซึ่งไม่เอื้อต่อการสมานแผลของเขาดังนั้น หนิงชิงเสว่จึงต้องการใช้ประโยชน์จากทัศนวิสัยที่เหลือ เพื่อค้นหาฟืนใกล้ ๆ ที่เธอจะได้นำมาจุดไฟให้ฉู่เฉิน อบอุ่นร่างกายและให้แสงสว่าง
"ใคร?""นั่นใคร?"หนิงชิงเสว่จ้องมองไปในทิศทางที่เสียงนั้นดังขึ้น และเสียงของเธอสั่นเทาเล็กน้อยเธอกลัวความมืดมาโดยตลอดนอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นโลกใต้ดินที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครรับประกันได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในตัวอย่างเช่น หลังจากที่เธอสะดุดและล้มลง เธอเห็นกระดูกมนุษย์บนทางที่ผ่านาอย่างไรก็ตาม หลังจากที่หนิงชิงเสว่ตึงเครียดมาสักพักก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในความมืด เหมือนว่าเมื่อกี้เธอแค่หูแว่วไปเองหนิงชิงเสว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะที่เธอตัดสินใจหันหลังกลับไป จู่ๆ เสียงที่น่ากลัวก็ดังมาจากความมืด: "ฉันไม่คิดเลยว่าจะเจอคนที่ยังมีชีวิตสองคนอยู่ใต้หลุมใต้ดินแห่งนี้"ครู่ต่อมา เงาปรากฏขึ้นในช่วงการมองเห็นของหนิงชิงเสว่ ซึ่งเหมือนกับผี"อ๊าก!"หนิงชิงเสว่กรีดร้องออกมาและปกป้องฉู่เฉินตรงหน้าเอาไว้จากสัญชาตญาณ จากนั้นก็มองเงานั้นอย่างหวาดกลัวเป็นหญิงชราที่มีผมขาว อายุประมาณ 70 ปี เธอถือไม้เท้าอยู่ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยจุดดำ ดวงตามืดมนเหมือนงูพิษ ทําให้ผู้คนหวาดกลัวจนไม่กล้ามองหนิงชิงเสว่ตัวสั่นรีบคว้าฟืนอย่างมารวดเร็ว ใบหน้าของเธอซีดขณะที่พูดว่า: "คุณเป็น... คนหร
หนิงชิงเสว่พยักหน้าด้วยความกลัว“ฉันไม่เชื่อแก นำทางไปสิ ไปดูกันให้เห็นกับตา”สีหน้าของเฒ่าอสรพิษเปลี่ยนไปนับครั้งไม่ถ้วน เธอคว้าไหล่ของหนิงชิงเสว่และเล็บจิกลึกเข้าไปในเนื้อของเธอโดยไม่สนใจเสียงร้องจากความเจ็บปวดของหนิงชิงเสว่ เธอจึงบังคับร่างของหนิงชิงเสว่และกระโดดออกไป ข้ามแม่น้ำใต้ดินกว้างกว่าสิบเมตร มุ่งหน้าตรงไปยังก้นหลุมในไม่ช้า หนิงชิงเสว่ก็พาเธอไปยังที่ที่เธอนั้นตกลงมา: "มัน... มันอยู่บนนั้น"ในขณะนี้ หนิงชิงเสว่รู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่งเธอตระหนักได้ว่าเฒ่าอสรพิษไม่ใช่คนธรรมดา ทักษะของเธอช่างน่าเกรงขามและเธอก็ไม่สามารถหลุดจากการควบคุมนี้ได้เลยเฒ่าอสรพิษมองขึ้นไปบนหน้าผาที่ดูเหมือนทอดยาวไปบนท้องฟ้า ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสะบัดแขนเสื้อของเธอทันทีงูเขียวพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเธอ ตกลงบนพื้นและแยกเขี้ยวให้หนิงชิงเสว่ทันทีหนิงชิงเสว่กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว"ขึ้นไปดูหน่อยสิ" เฒ่าอสรพิษสั่งงูเขียวงูเขียวขยับและปีนขึ้นไปบนหน้าผาอย่างง่ายดายจนกระทั่งหายลับสายตาไปหลังจากนั้นไม่นาน งูเขียวก็กลับมา กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเฒ่าอสรพิษและกระซิบบางอย่างตรงหู หลังจากฟังจบ ใบ