หลังจากหลินชวงอู่รับโทรศัพท์จากฉู่เฉินเมื่อสักครู่นี้ ก็รีบวางงานทันทีและรอการมาถึงของหนิงชิงเสว่เธอรอแล้วรอเล่าสุดท้ายก็ไม่มีใครมา จากนั้นไม่รอช้าที่จะโทรหาพนักงานต้อนรับนอกห้องและถามว่ามีผู้หญิงแปลกหน้ามาที่บริษัทหรือไม่ดังนั้นเธอจึงเพิ่งทราบจากปากของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่าจริง ๆ แล้วหนิงชิงเสว่ถูกพาไปที่ห้องทํางานของผู้จัดการเมื่อนึกถึงเรื่องของผู้จัดการจ้าวเหวินหยวนที่ชอบฉวยโอกาสอ้างเรื่องอ้างมาหลอกผู้หญิงแล้วนั้น เธอจึงรีบมาที่ห้องผู้จัดการทันทีแต่ฉากตรงหน้าที่เธอเห็นทำเธอหน้ามืดและเกือบจะเป็นลมแต่ท้ายสุดแล้วเธอก็มาช้าเกินไปเธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่เหนื่อยและพูดว่า "ฉู่......"ฉู่เฉินพูดก่อนว่า "รองผู้อำนวยการหลิน คนนี้ในฐานะที่เป็นผู้จัดการของบริษัท ไม่คิดว่าเขาจะกล้าข่มขู่ภรรยาผมว่าให้นอนกับเขา ผมทนไม่ได้เลยลงมือตบเขาหนึ่งที คุณดูและจัดการเอาเถอะ"เมื่อได้ยินคําพูดของเขา สายตาของจ้าวเหวินหยวนส่อถึงความเจ้าเล่ห์และไม่เกร็งกลัวใด ๆในฐานะที่ผมเป็นผู้จัดการของบริษัท ที่นี่มีตำแหน่งใหญ่ ๆ มากมาย คุณคิดว่ารองผู้อำนวยการหลินจะสามารถจัดการผมให้พวกคุณได้ห
อะไรนะ?หมื่นล้านบาท?หนิงชิงเสว่และพานอวิ๋นคิดว่าได้ยินผิดไปเดิมทีพวกเธอคิดว่าการที่จะให้นักลงทุนมาลงทุนในวันนี้จะเป็นเรื่องยากมาก แต่ใครจะไปคิดว่าหลินชวงอู่ไม่เพียงแต่รู้จุดประสงค์ของพวกเธอเท่านั้น แต่ยังริเริ่มเอ่ยปากที่จะลงทุนกับพวกเธอหมื่นล้านบาทอีกด้วย"หรือคุณหนิงคิดว่ามันน้อยไป?" หลินชวงอู่เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ถามพร้อมกับปรึกษาหารือหนิงชิงเสว่รีบโบกมือและพูดอย่างตะกุกตะกักว่า "ไม่ไม่ไม่ พอแล้ว พอแล้ว"ความตั้งใจเดิมของเธอคือสามารถเชิญเธอมาลงทุนประมาณ 500-1000 ล้านบาทก็พอใจมากแล้วแต่ผลปรากฏว่าหลินชวงอู่กลับเอ่ยปากเสนอลงทุนหมื่นล้านบาท ทำเอาเธอตกตะลึงไปเลยทีเดียว"ถ้าอย่างนั้นขอเรียนเชิญคุณไปเซ็นสัญญากับฉันหน่อย" หลินชวงอู่ทําท่าเชิญด้วยความเคารพหนิงชิงเสว่ไม่รอช้าลงนามเซ็นสัญญากับแจฟฟรีย์กรุ๊ปเมื่อกําลังจะเดินไปนั้น หลินชวงอู่ได้ยื่นนามบัตรใบหนึ่งให้เธอ "คุณหนิง นี่เป็นข้อมูลติดต่อส่วนตัวของฉัน ในอนาคตถ้าคุณมีปัญหาติดขัดใด ๆ คุณสามารถติดต่อฉันได้เสมอ"หลังจากหนิงชิงเสว่รับนามบัตรแล้ว เธอก็เดินจากไปอย่างสับสนพอเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ เธอก็หันกลับมาถามว่า "รองประธานหลิ
เมื่อฉู่เฉินพูดจบผู้หญิงสองคนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงหนิงชิงเสว่ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "หมายความว่าอะไร? หรือว่าคุณคือประธานบริษัทแจฟฟรีย์เหรอ?""ใช่ ผมเป็นประธานของแจฟฟรีย์จริง ๆ" ฉู่เฉินยอมรับอย่างเต็มอกพานอวิ๋นอดหัวเราะไม่ได้ "ฉันแค่พูดว่าแซ่ฉู่ แล้วคุณก็เสแสร้ง สนุกมากเหรอ?""คุณคิดว่าคุณก็ชื่อฉู่เฉิน คุณก็เป็นประธานบริษัทของแจฟฟรีย์แล้วเหรอ?"เธอมองฉู่เฉินด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม "ต้องบอกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนไร้ยางอายอย่างคุณ"ฉู่เฉินพูดอย่างจริงจังว่า "ฉันเป็นประธานของแจฟฟรีย์จริง ๆ ถ้าไม่เชื่อ ตอนนี้ผมก็สามารถเรียกหลินชวงอู่มาพิสูจน์ได้......""พอแล้ว หยุดล้อเล่นกันได้แล้ว ภารกิจเร่งด่วนของเราคือกลับไปที่บริษัทโดยเร็วที่สุดและบอกข่าวดีนี้กับผู้ถือหุ้นรายอื่น"หนิงชิงเสว่ขัดจังหวะฉู่เฉิน แล้วนั่งรถรีบกลับเฟยเสวี่ยกรุ๊ปทันทีเห็นได้ชัดว่าแม้แต่เธอก็ไม่เชื่อว่าฉู่เฉินจะเป็นประธานบริษัทแจฟฟรีย์กรุ๊ปด้วยขณะที่อยู่บนรถ พานอวิ๋นกล่าวด้วยความคาดหวังว่า "ท่านประธาน ตอนนี้ฉันตั้งหน้าตั้งตารอดูปฎิกิริยาของผู้ถือหุ้นซู้ลี่แล้ว ต้องยอดเยี่ยมมากแน่นอน" หนิงชิงเสว่พยักหน้าว่า "เมื
"เสียงฮือฮา!"พอถ้อยคำนี้ได้พูดออกมา เสียงผู้คนก็โกลาหลและตกอกตกใจไปตามตามกันหลังจากทุกคนอ่านและส่งต่อสัญญาฉบับนั้นให้กันและกันดู ต่างก็ไม่เชื่อสายตาตัวเองมันเป็นเรื่องจริง!เมื่อซู้ลี่ดูเสร็จ เธอรู้สึกว่าหน้ามืดและเกือบจะเป็นลม"เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้เลย ลำพังคนชั้นต่ำแบบเธอจะสามารถดึงนักลงทุนมาลงทุนเงินถึงหมื่นล้านได้อย่างไร?"สีหน้าเธอดุร้ายราวกับผีบ้า "แต่ฉันเคยทักทายกับจ้าวเหวินหยวน ไอสวะจ้าวเหวินหยวนมันทำอะไรอยู่!"ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยสิ่งที่เหลือเชื่อ ความรู้สึกหดหู่ในใจนี้เกือบทำเธอเป็นบ้าแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะหน้าตาหรือความสามารถ ก็ถูกหนิงชิงเสว่เหยียบย่ำและนำเธอมาตลอดตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เธอจะคว้าโอกาสเหยียบย่ำหนิงชิงเสว่ลงไป และคิดไม่ถึงว่าเกมส์จะผลิกเธอจะยอมรับกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร!หลังจากได้ยินคําพูดของเธอ หนิงชิงเสว่ก็พูดอย่างเย็นชาว่า "ซู้ลี่ ที่แท้จ้าวเหวินหยวนเป็นคนของคุณ""แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาถูกแจฟฟรีย์กรุ๊ปไล่ออกแล้ว ถือว่าเป็นการขอบคุณที่พระเจ้าท่านทรงประทานให้""อะไรนะ?"ซู้ลี่ถอยหลังไปสองสามก้าว พูดอย่างไม่น่าเชื่อว่า "นี่จะเป็นไ
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ฝ่ายหน่วยงานรักษาความปลอดภัยก็ได้หันกลับไปอย่างไม่มีคำสั่ง“หยุด ทุกคนกลับมาเดี๋ยวนี้!”“เห้ย ขอร้อง หยุดทำร้ายกันได้แล้ว......”ซู้ลี่ถูกทุบตีจนร้องไห้ออกมา ขอร้องด้วยวิธีต่างๆ แต่จ้าวเหวินหยวนก็ยิ่งลงมือหนักยิ่งขึ้นมองเห็นภาพนี้แล้ว หนิงชิงเสวี่ยก็มีใบหน้าที่แสดงออกมาด้วยความสงสารอย่างชัดเจน ต้องการที่จะออกมาหยุดเหตุการณ์“หยุดนะ คุณลืมแล้วหรอ เมื่อกี้เขาหยิ่งยโสขนาดไหน” ฉู่เฉินพูดอย่างเย้ยหยันซู้ลี้ได้แต่กล่าวขอโทษ “นายน้อยหนิง คุณหนูหนิง ได้โปรด ขอร้องล่ะนะ ช่วยผมทีเถอะนะครับ......”“ผมทำผิดไปแล้ว ผมไม่ควรต่อต้านคุณ ยิ่งไม่ควรอยากได้ตำแหน่งประธานของคุณเลย”ในขณะนี้เขาถูกทุบตีจนจมูกและใบหน้าบวมเต่งรวมไปถึงแม้แต่ฟันหน้าของเขาก็ได้หลุดออกมาด้วย ตอนนี้เขาก็หยิ่งยโสไม่ออกอีกต่อไปแล้วฉู่เฉินรู้ว่าควรจะหยุดได้แล้ว และอดไม่ได้ที่ถามไปว่า “แล้วแกคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องการถอนหุ้นของแกล่ะ”“ฉันโอเค ฉันตกลงแล้ว ขอแค่รีบดึงไอ้จ้าวเหวินหยวนบ้านี้ออกไปจากฉันซักทีเถอะ” ซู่ลี่พูดอย่างอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่าฉู่เฉินให้หนิงฉิงเสวี่ยยื่นหนังสือโอนหุ้นที่เตรียมเอาไว้
“ฉันซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้เมื่อไม่กี่ปีก่อน ส่วนใหญ่ก็จะพักอยู่ที่นี่แหละ”เธอพูดกับฉู่เฉินพร้อมกับชี้ไปที่ห้องนอนชั้น 2 : “อีกหน่อยห้องนี้ก็เป็นของคุณแล้วล่ะ”ถึงแม้เธอจะไม่อยากอยู่รวมชายคาเดียวกับผู้ชาย แต่ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ฉู่เฉินก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีในนามของเธอ เธอไม่ควรให้เขาต้องเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกอีกอย่างฉู่เฉินก็ยังทำให้จ้าวหมิงฮวยโกรธอีกด้วย จนต้องพูดคำรุนแรง ทำให้เธอยิ่งเมินฉู่เฉินไปไม่ได้เลย“แบบนี้เรียกว่าผู้ร่วมอาศัยรึเปล่า?” ฉู่เฉินมองเธออย่างไม่ยินดียินร้าย“อย่าคิดไปไกล”ใบหน้าของหนิงฉิงเสวี่ยร้อนฉ่าขึ้น จากนั้นเธอก็จ้องมองเขาด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคือง : “ฉันก็แค่สงสารคนจนๆ อย่างนาย อยู่เจียงหนานก็ไม่มีที่ซุกหัวนอน เลยหวังดีให้นายมาอยู่ด้วย นายอย่าคิดไปไกล”“แต่ก่อนนายจะอยู่ ฉันมีกฎอยู่ 3 ข้อ”“พูดมาสิ” ฉู่เฉินพูดต่อ“ข้อแรก นายห้ามแตะต้องตัวฉันเป็นอันขาด แค่จับมือก็ไม่ได้”“ข้อสอง ห้ามเข้าห้องฉันถ้ายังไม่ได้รับอนุญาต ห้ามยุ่งกับของของฉัน โดยเฉพาะจำพวกชุดชั้นใน”“ฉันจะไปยุ่งกับชุดชั้นในเธอทำไม?” ฉู่เฉินทำหน้างง ข้อแรกยังพอเข้าใจได้ แต่หลังๆ มันออกจะแปลกๆ“ให้มันน้อยๆ หน่อย
ขอบอกเลยว่าห้องครัวของหนิงฉิงเสวี่ยทั้งหรูหราและใหญ่โตมากแต่เมื่อฉู่เฉินเปิดตู้เย็นของเธอ มันทำให้เขาแทบพูดไม่ออกเลยตู้เย็นมูลค่าหลายแสนนั้นว่างเปล่า มีเพียงแค่บะหมี่ขนาดเครื่องปรุงบนเตา เช่น ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูก็ยังไม่ได้เปิดเลยด้วยซ้ำฉู่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นชามบะหมี่ให้เธอ เมื่อคิดได้ว่า เหตุผลของผู้หญิงที่ต้องทำงานมักจะเดินทางไปต่างจังหวัด เขาจึงไม่ใส่ขิง กระเทียม หรืออะไรที่คล้ายกันลงไปเมื่อเขานำชามบะหมี่ที่ปรุงสุกแล้วมาวางบนโต๊ะหนิงฉิงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจแรงๆ และพูดออกมาด้วยความตกใจ: "หอมจัง ไม่คิดเลยว่านายจะทำอาหารเป็นด้วย"ฉู่เฉินเร่งเร้า : “ที่บ้านเธอไม่มีอะไรเลย เหลือแค่บะหมี่ กินไปเถอะ ถ้าไม่พอฉันจะทำให้ใหม่”เขาอยู่บนเขามาเป็นสิบปี ตาเฒ่าที่บ้านก็เป็นเขาเองที่ดูแลเรื่องทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงได้ฝึกฝีมือการทำอาหารอยู่ตลอดหนิงฉิงเสวี่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบคีบบะหมี่ขึ้นมาทานอย่างขะมักเขม้นเธอทานเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่ได้ดดูมูมมามอะไรเลย ราวกับว่าทุกการเคลื่อนไหวคือศิลปะใช้เวลาไม่นานเธอก็ทานบะหมี่จนหมดเธอเช็ดปากและอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้ฉู่เฉินแล้
ฉู่เฉินพูดไปพลางส่ายหัว : "ปล่อยให้คนของคุณกลับไปเถอะ ผมจะจัดการด้วยตัวเอง""ค่ะ"ฉินปิงเยว่ออกไปพร้อมกับคนที่เหลือทันทีฉู่เฉินมองคืนที่มืดมิดด้วยสายตาที่เย็นชา: "ตระกูลจ้าว พวกคุณเริ่มก่อนนะ"......หลังจากที่ฉินปิงเยว่กลับมาถึงบ้านแล้ว เธอก็เอาเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปบอกฉินเวิ่นเทียนทันทีท้ายที่สุดเธอก็ถามต่อ: "คุณปู่คะ ดูเหมือนว่าตระกูลจ้าวตั้งใจที่จะจัดการกับคุณหมอฉู่ เราควรทำไงดีคะ?"ฉินเวิ่นเทียนฮึดฮัดและพูดว่า: "ในนามของตระกูลฉิน จะต้องเตือนจ้าวหมิงฮวย ว่าหมอฉู่คือผู้มีพระคุณกับเรา หากเขากล้าที่จะสัมผัสแม้แต่เส้นผมของคุณหมอฉู่ งั้นก็เท่ากับว่าต้องการที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลฉินของเราด้วย”“คุณปู่คะ แต่ว่าตระกูลจ้าวเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเจียงหนาน...” เขาทำให้ฉินปิงเยว่ตกใจ เธอไม่คิดว่าอารมณ์ของคุณปู่ของเธอจะร้อนแรงขนาดนี้ เธอจึงเลือกที่จะเผชิญหน้าโดยตรง“ตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งแล้วยังไงล่ะ?”ฉินเวิ่นเทียนหัวเราะเยาะและพูดว่า: "หลานอย่าลืมนะ ว่าหมอฉู่ถือแหวนวิญญาณมังกร ในสายตาของเรา ตระกูลจ้าวก็แค่ไอ้พวกชั่ว!"“หลานปู่ หนูไม่ได้แต่งกับหมอฉู่ ก็พูดได้แค่ว่าพวกหนูไม่มีวาสนา