“เพราะคุณแท้ ๆ ครั้งนี้ตระกูลหนิงทำให้ตระกูลจ้าวขุ่นเคืองแล้วจริง ๆ!”“เพราะคุณ ฉันถึงได้ทำลายความพยายามตลอดชีวิตของปู่ของฉัน!”“เพราะคุณ ฉันจึงกลายเป็นคนบาปของตระกูลหนิง!”หนิงชิงเสว่มองไปที่ฉากงานศพที่ไม่มีคนเหลืออยู่และร้องไห้อย่างเจ็บปวดหัวใจเมื่อเห็นหนิงชิงเสว่ที่สีหน้าโศกศร้า แววตาตำหนิตัวเองก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของฉู่เฉินเขาไม่คาดคิดว่าพฤติกรรมของเขาในตอนนี้จะนำส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ไปหาเธอถึงยังไงแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงอ่อนแอที่เพิ่งประสบกับการจากไปของผู้เป็นที่รักฉู่เฉินก้าวไปข้างหน้าและอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาไม่ว่าเธอจะต่อต้านอย่างไร และปลอบใจเธอ: “ผมขอโทษนะ แต่ผมจะช่วยคุณ เชื่อผมเถอะ ผมไม่ปล่อยให้ตระกูลจ้าวทำอะไรกับตระกูลหนิงหรอก”“คุณจะช่วยฉันได้ยังไง?”หนิงชิงเสว่ผลักเขาออกไปอย่างแรงและตะโกนเสียงดัง: “ฉู่เฉินคุณคิดว่าคุณเป็นใคร?”“นายเป็นแค่เด็กบ้านนอกยากไร้ ถ้าตระกูลจ้าวอยากจะฆ่านาย มันก็ง่ายเหมือนกับการฆ่ามด”“ช่างมันเถอะ มาพูดตอนนี้มันจะได้อะไร?”เธอเช็ดน้ำตาและแสร้งทำเป็นเข้มแข็งแล้วพูดว่า “นายมากับฉันเดี๋ยวนี้”“จะไปไหนครับ?” ฉู่เฉินถาม“ถึงตอนนั้นนายจะรู
ใบหน้าอันงดงามของเธอแดงก่ำ ก่อนจะพูดตะกุกตะกัก: “ฉัน...ฉันไม่กล้าขัดแล้ว คุณ...คุณยังไม่ปล่อยฉันอีก?”“ต้องแบบนี้สิครับ” ฉู่เฉินปล่อยมือของเขา“อิตาบ้า!” หนิงชิงเสว่กำลังจะตบเขาทันทีที่เธอหลุดออกจากเขาทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เลขาพานอวิ๋นโทรมา: “ประธาน ย...แย่แล้ว คณะกรรมการกำลังประชุมอยู่ พวกเขาวางแผนที่จะปลดคุณและเลือกกรรมการคนอื่น”“อะไรนะ?”ท่าทางของหนิงชิงเสว่เปลี่ยนไป หลังจากวางสายแล้วเธอก็รีบไปที่บริษัทพร้อมกับฉู่เฉินในทันทีในห้องประชุมของเฟยเสวี่ยกรุ๊ป ผู้ถือหุ้นของบริษัททุกคนรวมตัวกันเพื่อหารือว่าจะถอดหนิงชิงเสว่ออกจากตำแหน่งประธานหรือไม่หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวเย้ายวนกับแต่งหน้าหนา ๆ ยิ้มเยาะ: “ทุกคน ยังมีอะไรต้องกังวลอีก? หนิงชิงเสว่ได้นำความสูญเสียครั้งใหญ่มาให้บริษัท เธอต้องถูกถอดออก และเราจะเลือกบุคคลที่มีความสามารถอีกคนอื่น”ชื่อของเธอคือ สวีลี่ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหญิงเพียงคนเดียวของเฟยเสวี่ยกรุ๊ปก่อนหน้านี้เธออยากได้ตำแหน่งประธาน แต่ผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ ถือว่า หนิงชิงเสว่เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลหนิงและแต่งตั้งหนิงชิงเสว่เป็นประธานดังนั้นที่ผ่านมา
การตบครั้งนี้ของฉู่เฉิน ไม่เพียงแต่ทำให้สวีลี่ถึงกับตะลึงเท่านั้น แต่ผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ ก็ตกตะลึงไปด้วย“ไอ้เวรนี่ แกเป็นใคร ถึงกล้าตบประธานสวี?”ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสวีลี่มาโดยตลอดยืนขึ้นก่นด่าผู้ถือหุ้นรายอื่นก็จ้องมองไปที่ฉู่เฉินเช่นกันฉู่เฉินพูดเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “หนิงชิงเสวี่ยเป็นภรรยาของผม แต่พวกคุณกำลังหารือกันเรื่องการปลดเธอ ที่ผมตบไปครั้งเดียวมันยังน้อยไป”สวีลี่คำรามและพุ่งตรงเข้าใส่หนิงชิงเสว่พร้อมแยกเขี้ยวกางเล็บ“หนิงชิงเสว่นังสารเลว กล้าดียังไงปล่อยให้คนสวะแบบนั้นมาทำร้ายฉัน ฉันจะฆ่าแก!”“เพียะ!”ฉู่เฉินตบเธออีกครั้ง หญิงสาวถูกตบลงไปนอนกองกับพื้นอีกครั้ง และใบหน้าอีกครึ่งก็เริ่มบวมตามฉู่เฉินตบเธอสองครั้งติดต่อกัน เธอรู้สึกอัปยศอดสูมากจนแทบจะเป็นลม“ยังมีใครอยากถอดตำแหน่งของภรรยาผมอีกไหม?” ฉู่เฉินกวาดสายตามองทุกคนทุกคนตกใจมากจนลุกขึ้นยืนและถอยหลังไปสองสามก้าว ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลยปกติแล้วพวกเขามักชอบทำตัวหยิ่งยโส จะเคยเจอสถานการณ์ที่พอไม่เห็นด้วยก็ตบแบบนี้ได้ยังไง?“พอแล้ว ฉู่เฉิน”หนิงชิงเสว่ห้ามปามฉู่เฉิน ก่อนจะมอ
“ภายในสามวัน ขอแค่คุณสามารถหาทางร่วมมือกับแจฟฟรีย์กรุ๊ปและทำให้บริษัทเอาชนะความยากลำบากครั้งนี้ไปได้ คุณจะยังคงได้เป็นประธานบริษัทต่อไป เราไม่มีอะไรจะคัดค้านอีก”“ในทางกลับกัน ถ้าคุณทำไม่ได้ ก็อย่าโทษทุกคนที่ไร้เยื่อใยเลยนะ”“แค่นั้นไม่พอหรอก” จู่ ๆ ฉู่เฉินก็พูดขึ้น เขาชี้ไปที่สวีลี่แล้วพูดว่า: “ถ้าชิงเสว่หารือและได้รับการลงทุน ผมจะเพิ่มเดิมพันอีกข้อ นั่นก็คือ ผมจะลบหุ้นของผู้หญิงชั่วคนนั้นและให้เธอออกจากบริษัทของชิงเสว่!”สวีลี่ยิ้มอย่างดูถูกและพูดว่า “เอาล่ะ หากคุณได้รับเงินลงทุน ฉันจะไม่สละหุ้นในมือและโอนให้คุณโดยไม่มีเงื่อนไข ทุกคนสามารถเป็นพยานได้”“ได้ ตัดสินใจตามนนั้น”เมื่อมาถึงจุดนี้ หนิงชิงเสว่รู้ตัวดีว่าเธอไม่มีทางออกแล้ว เธอทำได้เพียงออกไปพร้อมกับฉู่เฉินหลังจากรอให้ทั้งสองจากไป สวีลี่ก็แสดงรอยยิ้มแสดงความสำเร็จของเธอ: “นังสารเลวนั่น ในที่สุดเธอก็ตกหลุมพรางของฉัน”“ที่รักของฉันน่ะเป็นถึงผู้จัดการของแจฟฟรีย์กรุ๊ป ขอแค่ฉันทักทายเขาสักหน่อย เกรงว่าแค่ประตูแจฟฟรีย์กรุ๊ปพวกเธอคงยังเข้าไปไม่ได้เลยล่ะมั้ง”“ฮ่า ๆ ๆ ที่ฉันจงใจพูดถึงแจฟฟรีย์กรุ๊ป ก็เพราะว่านายน้อยจ้าวขอให้ฉั
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หนิงชิงเสว่พาพานอวิ๋นออกการเดินทางและมุ่งหน้าไปยังแจฟฟรีย์กรุ๊ปคนขับรถคือฉู่เฉินทันทีที่หนิงชิงเสว่ขึ้นมานั่งในรถก็พูดว่า "พี่อวิ๋น ฉันให้พี่ช่วยเรียบเรียงข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้บริหารระดับสูงของแจฟฟรีย์กรุ๊ป พี่หาเสร็จหรือยัง"พานอวิ๋นรีบเปิดโน๊ตบุ๊คพลางดันกรอบแว่นตาแล้วก็พูดว่า "ท่านประธาน หามาเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ประธานกรรมการของแจฟฟรีย์กรุ๊ปในปัจจุบันชื่อว่าฉู่เฉินค่ะ"พอพูดจบ เธอก็อดไม่ได้ที่เหลือบมองฉู่เฉินที่กำลังขับรถ และกล่าวว่า "เป็นชื่อเดียวกันกับไอ้นี่ค่ะ"เป็นชื่อเดียวกันกับฉู่เฉินงั้นเหรอพอหนิงชิงเสว่ได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงไปแต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะในโลกนี้นั้นมีคนที่ชื่อซ้ำกันเยอะแยะมากมายพานอวิ๋นพูดอีกต่อไปว่า "แต่คุณฉู่คนนี้ลึกลับมาก ไม่ชอบปรากฎตัวในวงสังคมเลย ดังนั้นก็เลยไม่คอยมีคนเคยหน้าเขา""ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบริษัทนั้น ต่างก็ยกให้เป็นหลินชวงอู่ รองประธานเป็นคนตัดสินใจค่ะ""แต่ฉันไม่รู้จักรองประธานแซ่หลินคนนี้เลย" หนิงชิงเสว่สีหน้าลำบากใจมากฉู่เฉินที่กำลังขับรถอยู่นั้นอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
ไม่แปลกที่ทำให้นายน้อยนายใหญ่แห่งตระกูลจ้าวหลงไหลคลั่งไคล้ในตัวเธอและไม่แปลกใจเลยที่ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างซู้ลี่จะไม่ถูกชะตากับหนิงชิงเสว่ เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความอิจฉาริษยาฉันจะต้องดีกว่าให้ได้ในขณะนี้ จ้าวเหวินหยวนแอบมีความคิดอยู่ในใจเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่พานอวิ๋นและฉู่เฉินที่อยู่ข้าง ๆ หนิงชิงเสว่และพูดว่า "ฉันมีธุระที่จะต้องคุยกับประธานหนิงของพวกคุณ คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปข้างนอกเถอะ"พานอวิ๋นดึงฉู่เฉินออกไปแต่ฉู่เฉินกลับพูดอย่างไม่หวั่นเกร็ง "ประธานจ้าวใช่ไหม ไม่รู้ว่าคุณจะคุยธุระอะไรกับภรรยาของผม แม้แต่ผมก็ฟังไม่ได้หรือ?""ใช่แล้วประธานจ้าว ฉู่เฉินเป็นสามีของฉัน เขาจะไม่พูดว่าออกไปหรอก" หนิงชิงเสว่ไปพยักหน้าไปต่อหน้าคนนอก เธอยังคงไว้หน้าฉู่เฉินมากสีหน้าจ้าวเหวินหยวนอึมครึม แสร้งทําเป็นไม่พอใจ "ดูเหมือนว่าประธานหนิงจะไม่ได้อยากเจอผู้อำนวยการหลินอย่างใจจริง ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว งั้นก็ช่างมันเถอะ""เสี่ยวหยวน ส่งแขก!"เขาถอนหายใจหยวนหยารีบพูดทันทีว่า "ประธานหนิง ไปเถอะ อย่าขวางหูขวางตาอยู่ที่นี่เลย"หนิงชิงเสว่อดไม่ได้ที่จะลังเลเล็กน้อย"ไปก็ไป ยังไงเราก็ได้เจอรองผู้อำนวยการ
หลังจากหลินชวงอู่รับโทรศัพท์จากฉู่เฉินเมื่อสักครู่นี้ ก็รีบวางงานทันทีและรอการมาถึงของหนิงชิงเสว่เธอรอแล้วรอเล่าสุดท้ายก็ไม่มีใครมา จากนั้นไม่รอช้าที่จะโทรหาพนักงานต้อนรับนอกห้องและถามว่ามีผู้หญิงแปลกหน้ามาที่บริษัทหรือไม่ดังนั้นเธอจึงเพิ่งทราบจากปากของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่าจริง ๆ แล้วหนิงชิงเสว่ถูกพาไปที่ห้องทํางานของผู้จัดการเมื่อนึกถึงเรื่องของผู้จัดการจ้าวเหวินหยวนที่ชอบฉวยโอกาสอ้างเรื่องอ้างมาหลอกผู้หญิงแล้วนั้น เธอจึงรีบมาที่ห้องผู้จัดการทันทีแต่ฉากตรงหน้าที่เธอเห็นทำเธอหน้ามืดและเกือบจะเป็นลมแต่ท้ายสุดแล้วเธอก็มาช้าเกินไปเธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่เหนื่อยและพูดว่า "ฉู่......"ฉู่เฉินพูดก่อนว่า "รองผู้อำนวยการหลิน คนนี้ในฐานะที่เป็นผู้จัดการของบริษัท ไม่คิดว่าเขาจะกล้าข่มขู่ภรรยาผมว่าให้นอนกับเขา ผมทนไม่ได้เลยลงมือตบเขาหนึ่งที คุณดูและจัดการเอาเถอะ"เมื่อได้ยินคําพูดของเขา สายตาของจ้าวเหวินหยวนส่อถึงความเจ้าเล่ห์และไม่เกร็งกลัวใด ๆในฐานะที่ผมเป็นผู้จัดการของบริษัท ที่นี่มีตำแหน่งใหญ่ ๆ มากมาย คุณคิดว่ารองผู้อำนวยการหลินจะสามารถจัดการผมให้พวกคุณได้ห
อะไรนะ?หมื่นล้านบาท?หนิงชิงเสว่และพานอวิ๋นคิดว่าได้ยินผิดไปเดิมทีพวกเธอคิดว่าการที่จะให้นักลงทุนมาลงทุนในวันนี้จะเป็นเรื่องยากมาก แต่ใครจะไปคิดว่าหลินชวงอู่ไม่เพียงแต่รู้จุดประสงค์ของพวกเธอเท่านั้น แต่ยังริเริ่มเอ่ยปากที่จะลงทุนกับพวกเธอหมื่นล้านบาทอีกด้วย"หรือคุณหนิงคิดว่ามันน้อยไป?" หลินชวงอู่เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ถามพร้อมกับปรึกษาหารือหนิงชิงเสว่รีบโบกมือและพูดอย่างตะกุกตะกักว่า "ไม่ไม่ไม่ พอแล้ว พอแล้ว"ความตั้งใจเดิมของเธอคือสามารถเชิญเธอมาลงทุนประมาณ 500-1000 ล้านบาทก็พอใจมากแล้วแต่ผลปรากฏว่าหลินชวงอู่กลับเอ่ยปากเสนอลงทุนหมื่นล้านบาท ทำเอาเธอตกตะลึงไปเลยทีเดียว"ถ้าอย่างนั้นขอเรียนเชิญคุณไปเซ็นสัญญากับฉันหน่อย" หลินชวงอู่ทําท่าเชิญด้วยความเคารพหนิงชิงเสว่ไม่รอช้าลงนามเซ็นสัญญากับแจฟฟรีย์กรุ๊ปเมื่อกําลังจะเดินไปนั้น หลินชวงอู่ได้ยื่นนามบัตรใบหนึ่งให้เธอ "คุณหนิง นี่เป็นข้อมูลติดต่อส่วนตัวของฉัน ในอนาคตถ้าคุณมีปัญหาติดขัดใด ๆ คุณสามารถติดต่อฉันได้เสมอ"หลังจากหนิงชิงเสว่รับนามบัตรแล้ว เธอก็เดินจากไปอย่างสับสนพอเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ เธอก็หันกลับมาถามว่า "รองประธานหลิ
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่