หลี่เฉินหยางพูดอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อกี้ประมาทจนเกือบโดนหมัดของฉู่เฉินซัดออกจากเวทีประลอง โชคดีที่วินาทีสุดท้าย สามารถสลายพลังหมัดที่น่ากลัวนั้นได้ข่าวลือเป็นเรื่องจริง ไม่มีคนอ่อนแอในหมู่ผู้มีชื่อเสียงหลี่เฉินหยางละทิ้งความเย่อหยิ่ง และปลดปล่อยพลังของเขาอย่างเต็มสูบรัศมีของจอมยุทธระดับสูงสุดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งเวทีประลอง“จบแล้วล่ะ หลี่เฉินหยางเอาจริงแล้ว ฉู่เฉินจบเห่แล้ว!”“ใช่แล้ว เมื่อกี้ฉันคิดว่าฉู่เฉินสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ แค่หมัดเดียวก็ต่อยหลี่เฉินหยางออกจากเวที”“หลี่เฉินหยางแค่ประเมินศัตรูต่ำไป ตอนนี้เอาจริงแล้ว ฉู่เฉินอาจไม่มีโอกาสอีกต่อไป เพราะความแตกต่างของพลังระหว่างทั้งสองนั้นมากเกินไป”“ใช่ เมื่อกี้ฉันตกใจมาก ฉันเกือบจะไปบ่นกับหมอเทวดาแล้วนิ!”ฝูงชนโห่ร้องด้วยความตื่นตะลึง ซึ่งความตื่นเต้นก็ถึงขีดสุดตามที่คาดไว้ รัศมีของหลี่เฉินหยางถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ราวกับว่าได้ซ่อมแซ่มหน้าที่เพิ่งแตกไปของเขากลับมา และเขาต่อยกลับฉู่เฉินด้วยเมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่เฉินก็ไม่เผยท่าทีหวาดกลัว และปล่อยหมัดสวนใส่กลับทั้งสองคนปะทะกันอีกครั้งคราวนี้ เป็นฉู่เฉินที่ถูกผล
ในตอนนั้น หลี่เฉินหยางค่อนข้างลังเลใจ และหมัดที่ 16 ยังทำให้ลมปราณแท้จริงของร่างกายควบแน่นขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถปิดฉากการต่อสู้ ได้จากหมัดเดียวหลี่เฉินหยางตระหนักได้ทันทีว่า ตัวเองตกหลุมพรางของฉู่เฉินแล้วตอนนี้ติดอยู่ในกระบวนท่าของฉู่เฉิน และสายเกินไปที่จะหนีหมัดที่ 17 ฉู่เฉินถอยหลังกลับไป หนึ่งก้าวหมัดที่ 18 ฉู่เฉินไม่ได้ถอยหลังหมัดที่ 19 ทั้งสองคนปล่อยหมัดออกมาสูสีกันและในหมัดที่ 20 หลี่เฉินหยางก็สั่นเล็กน้อยแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อย แต่หลี่เฉินหยางก็ได้สัมผัสได้ถึงคลื่นของความหวาดกลัวในหัวใจเป็นไปได้ยังไงกัน หมัดก่อนหน้านี้ จะสามารถต้านทานหมัดที่พลังทั้งหมดของวรยุทธของเขาได้ และยังผลักเขาออกไปได้เล็กน้อยด้วยอีก ฉู่เฉินเหมือนคนบ้าจริงๆ ทำให้จัดการได้ยาก ถ้าเป็นคนธรรมดาและได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ คงหมดแรงไปนานแล้ว แต่ฉู่เฉินที่อยู่ตรงหน้าเขา ยังดูกระปรี้กระเปร่า ราวกับว่าเลือดบนหน้าอกของเขาไม่ใช่เลือดของเขาเองหลี่เฉินหยางตระหนักว่า มีบางอย่างผิดปกติอย่างร้ายแรงขณะคิดอยู่นั้นหมัดที่ 21 ของฉู่เฉินก็ได้โจมตีออกมาแล้วไม่มีที่ให้หลบได้ จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเผชิญห
แน่นอนว่าหลังจากปล่อยหมัดออกไปแล้ว หลี่เฉินหยางก็เหมือนลูกปืนใหญ่ ที่ถูกฉู่เฉินซัดปลิวไปยังขอบเวทีเหตุผลที่อยู่บนขอบเวที ก็เพราะว่ามีกำแพงกั้นที่หมอเทวดาหลี่ซ่างร่ายคาถาเอาไว้ร่างของหลี่เฉินหยางเลื่อนลงมาตามกำแพงแม้ว่าหลี่เฉินหยางจะยังหายใจอยู่แต่ดวงตากลับสูญเสียความเป็นประกายไปแล้ว และปากก็บ่นพึมพำ“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เขาอยู่แค่ขั้นเจ็ด เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้….”แม้แต่ตอนที่กำลังจะหมดสติ ปากก็ยังบ่นพึมพำไม่เพียงแต่หลี่เฉินหยางเองเท่านั้น ที่ไม่เชื่อได้ว่า ตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ฝูงชนเองต่างก็เงียบงันมีเพียงเสียงพึมพำของหลี่เฉินหยางเท่านั้น ที่ดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ“เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้!”ฝูงชนมองหน้ากันด้วยความสับสน จนกระทั่งเห็นหัวของหลี่เฉินหยางฟุบลง และหมดสติไปเมื่อเห็นภาพนี้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดขึ้นมา“ล้มมวย”และนั่นทำให้เกิดความโกลาหล“ล้มมวย คืนเงินเดี๋ยวนี้!”“โกง! คืนเงิน!”เสียงร้องขอคืนเงินดังขึ้น โดยเฉพาะจากคนที่เดิมพันข้างหลี่เฉินหยางจะชนะเมื่อเห็นว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว หมอเทวดาก็บินขึ้นไปกลางอากาศ“ใครพูดว่า
ในกลุ่มฝูงชน มีอีกคนคนหนึ่งลุกขึ้นมา“ฉันก็ขอยอมแพ้เหมือนกัน!”ไม่ต้องคิด ก็รู้เลยว่าเป็นผู้ท้าชิงอีกคน ที่เดิมทีต้องการท้าดวลกับฉู่เฉิน แต่เมื่อเห็นว่า หลี่เฉินหยางพ่ายแพ้ก็ตัดสินใจถอนตัวออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่ซ่างก็ตกใจเช่นกัน“ก็เพิ่งบอกไปว่าให้แจ้งฉันล่วงหน้าไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันคงต้องถามตรงๆ แล้วล่ะ”หลี่ซ่างมองไปที่หวังฮวา ซึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มฝูงชน“หวังฮวาจะยอมแพ้ด้วยไหม?”ทันทีที่หลี่ซ่างพูดจบความสนใจของฝูงชน ต่างก็จับจ้องไปที่หวังฮวาทันที“หวังฮวา! นั่นเขา! ไม่เชื่อเลยว่าเขามาที่นี่เพื่อท้าดวลกับฉู่เฉินด้วย ถ้าเป็นเขาคงจะไม่ขอยอมแพ้หรอก!” “หวังฮวา! หวังฮวาจากกองกำลังพยัคฆ์ขาว เป็นเขาแน่ๆ ว่ากันว่าเขาเป็นหนึ่งในหัวกะทิของกองกำลังพยัคฆ์ขาวและในกองกำลังพยัคฆ์ขาวทั้งหมด เว้นแต่พยัคฆ์ขาวที่สามารถสั่งการเขาได้ เขาไม่ฟังคำสั่งของใครเลย ฉันไม่เคยคิดเลยว่า คนของพยัคฆ์ขาวจะมาท้าดวลกับฉู่เฉินด้วย”“ใช่แล้ว ในฐานะองค์กรปกป้องชาติของต้าเซี่ย พยัคฆ์ขาวกับซวนหวู่ควรจะเป็นฝ่ายเดียวกันไม่ใช่เหรอ”“ยิ่งไปกว่านั้น ในทางเทคนิคแล้ว ฉู่เฉินเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาอีกด้วย
ในที่สุดหวังฮวาก็ยอมแพ้ที่จะลงมือ และเลือกที่จะสละสิทธิ์แม้ว่าจะส่งผลให้ฝูงชนโห่ร้องใส่ก็ตาม“อะไรกัน? ไม่ได้พูดว่าจะดูการแข่งขันสามนัดเหรอ เพิ่งดวลไปแค่นัดเดียว ก็จบแล้ว ตั๋วนี้ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปเลย”“นี่ไม่ใช่ความผิดของฉู่เฉินสักทีเดียว ก่อนการต่อสู้ครั้งนี้ ใครจะคิดว่าผู้ท้าชิงสองคนที่เหลือจะเลือกที่จะขอยอมแพ้หลังจากเห็นการต่อสู้ของฉู่เฉินแล้ว จึงกลัวจนหายจุกตูด ไม่กล้าขึ้นไปบนลานประลอง”“ก็จริง คิดว่าหวังฮวาจากกองกำลังพยัคฆ์ขาวจะเลือกที่จะสู้ แต่ไม่คาดคิดว่าแม้แต่หวังฮวาก็ยังกลัวฉู่เฉิน!”คำพูดของทุกคนเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและเสียดสีหวังฮวาไม่สนใจ และเดินก้มหน้าออกจากโถงสมุนไพรหวังซิงเดินตามหลังหวังฮวาไประหว่างทาง หวังซิงยังคงพูดพล่ามไม่หยุดหย่อน“หวังฮวา ทำไมเมื่อกี้นายถึงยอมแพ้ หากนายตัดสินใจที่จะเลือกสู้ และเมื่อนายแสดงความสามารถที่แท้จริงของนายออกมา นายอาจจะไม่แพ้ก็ได้!”“นายยังพูดออกมาได้ว่า ความแข็งแกร่งของฉู่เฉินนั้นอยู่ในขั้นกลางๆ ดังนั้นฉันเลยมาที่นี่เพื่อท้าดวลกับเขาเพื่อนาย ตอนนี้ เห็นได้ชัดนายประเมินความแข็งแกร่งของฉู่เฉินต่ำเกินไป ซึ่งทำให้นำไปสู่ผ
เมื่อผู้อาวุโสพูดขึ้น ลมหายใจของก็ฟุ้งกระจายออกมา ราวกับวัตถุโบราณที่ปลุกให้ตื่น“ข้าน้อยเป็นลูกหลานของตระกูลฉู่จริงๆ ผู้อาวุโสคือใคร?”เมื่อเห็นผู้อาวุโสพูดออกมาในที่สุด ฉู่เฉินก็หยุดเท้าทันที“เจ้า... เรียกข้าว่าผู้อาวุโสเย่ก็ได้!” ผู้อาวุโสเหมือนจะแนะนำตัว แต่ก็เปลี่ยนใจอย่างกะทันหันฉู่เฉินไม่ได้ถามซักไซ้ต่อไป ฟังคำพูดของผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม“ผู้อาวุโสเย่ ไม่ทราบว่าหยุดฉันไว้ทำไม?”ฉู่เฉินรู้มานานแล้วว่า ผู้อาวุโสได้ตื่นขึ้นแล้ว แต่อีกฝ่ายเพียงเมินเขามามาโดยตลอด ก็คงเป็นไม่อยากพูดคุยกับตัวเขาเท่านั้น ขณะที่กำลังจะจากไป อีกฝ่ายกลับหยุดเขาเอาไว้ และแน่นอนต้องมีบางอย่างผิดปกติ“เจ้าเพิ่งต่อสู้กับใครบางคนมาอย่างนั้นรึ?” ผู้อาวุโสเย่ไม่ตอบ เพียงแต่ถามกลับฉู่เฉินพยักหน้า ซึ่งไม่ได้ปฏิเสธ“คู่ต่อสู้มีระดับวรยุทธขั้นไหน?” ผู้อาวุโสเย่พูดต่อ โดยมองไปที่คราบเลือดบนร่างกายของฉู่เฉิน“จอมยุทธขั้นเก้า”ฉู่เฉินพูดอย่างภาคภูมิใจ“ขยะเปียกนั้น ทำร้ายเจ้าจนมีสภาพแบบนี้เหรอ? “คำพูดของผู้อาวุโสเย่เต็มไปด้วยความดูถูก“ผู้อาวุโสเย่ นั่นคือขั้นสูงสุดของจอมยุทธ ส่วนฉันอยู่แค่ขั้นเจ็ดของจอม
“ข้าจะลดระดับวรยุทธให้อยู่ในช่วงเริ่มต้นของจอมยุทธ แต่อย่าคิดว่า ตัวเจ้าอยู่ในช่วงปลายของจอมยุทธ แล้วเจ้าจะทำแบบส่งๆ ได้ ต่อไปข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่า ความแตกต่างระหว่างระดับเล็กๆ นั้น สามารถมองข้ามได้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่แปลกประหลาดบางอย่างภายในตัวเจ้า ดังนั้นข้าจึงจะไม่ออมมือ ทุกการโจมตีของข้านั้น จะแรงถึงขนาดคร่าชีวิตได้ จากนี้ไป เจ้าควรระวังตัวให้มาก เพราะข้าสามารถโจมตีได้ทุกเมื่อ”“เอาล่ะ ตอนนี้มาทดสอบความแข็งแกร่งของเจ้าก่อนดีกว่า ทุ่มพลังมาสุดตัวเลย สู้ให้ตายไปกันข้างหนึ่ง หากเจ้าสามารถทำให้ชายแก่คนนี้ขยับได้ครึ่งก้าว วันนี้ ถือว่าเจ้าชนะ!”เมื่อได้ยินคำพูดดูถูกเหยียดหยามของผู้อาวุโสเย่ ฉู่เฉินก็อดลังเลไม่ได้เขาไม่เข้าใจสถานการณ์เลย จากคำพูดที่หาเหตุและผลไม่ได้ของผู้อาวุโสเย่ บอกว่าตัวเองรู้จักพ่อของเขา จากนั้นก็ตัดบทมา กลายเป็นจะสอนวิชาขั้นสูงให้ และตอนนี้ขอให้ฉู่เฉินโจมตีใส่เขาแบบใส่ไม่ยั้ง นี่มันอะไรกันแน่ ชายชราคนนี้สมองมีปัญหารึเปล่าผู้อาวุโสเย่พูดอย่างไม่พอใจ“นิสัยของเจ้าช่างน่าเบื่อหน่ายนัก ข้าบอกให้โจมตีข้า แล้วทำไมยังมัวคิดมากอะไรอีก”
ฉู่เฉินนอนราบลงบนพื้นผิวเรียบของเมืองลับแลมังกร ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงเพื่อฟื้นฟูพลังกลับขึ้นมา จากนั้นถึงจะลุกขึ้นมายืนได้ ด้วยความคิด เขาออกจากเมืองลับแลและปรากฏตัวอีกครั้งในโถงสมุนไพร ซึ่งได้พบกับจางเทาที่พาเหล่าพี่ๆ น้องๆ ของซวนหวู่มา“จางเทา ไปเรียกหมอเทวดาหลี่ซ่างมาสิ " ฉู่เฉินพูดอย่างอ่อนแรง หลับตาลง และไม่ต้องการขยับตัว“ไม่ต้องเรียกฉัน ฉันอยู่ที่นี่ เกิดอะไรขึ้นกับนาย ทำไมนายถึงดูน่วมมากขนาดนี้?”หลี่ซ่างมองฉู่เฉินตรงหน้าด้วยท่าทางประหลาดใจ และด้วยทักษะทางการแพทย์ของเขา ก็ไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าฉู่เฉินเพิ่งโดนต่อยมาฉู่เฉินไม่ได้อธิบาย แค่ถามหลี่ซ่างว่ามียาจิตวิญญาณ ที่สำหรับฟื้นฟูและบำรุงร่างกายได้หรือไม่“ฉันมีพวกนั้นเยอะ แต่ทำไมนายถึงต้องการมัน นายได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับหลี่เฉินหยางงั้นเหรอ?”หลี่ซ่างถามอย่างอยากรู้อยากเห็น“ใช่ นิดหน่อย แต่ฉันต้องการยา เพื่อใช้สำหรับการฝึกฝน” ฉู่เฉินตอบกลับคำตอบสั้นๆ นี้ว ทำให้หนิงชิงเสว่รีบวิ่งมาจากที่ไกลๆ “เสี่ยวซือโถว นายบาดเจ็บตรงไหน?”หนิงชิงเสว่จับตัวฉู่เฉินโดยไม่ลังเล เพื่อตรวจสอบว่าเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่เมื่อเ