แม้แต่คนอย่างหานเหอผิงเอง ก็เป็นเพียงแค่เบี้ยตัวหนึ่งเท่านั้นสิ่งเดียวที่ทำให้ฉู่เฉินสับสนก็คือไม่ว่าจะเป็นตระกูลเหยียนหรือตระกูลหวาง รวมถึงตระกูลฉินซึ่งถูกกวาดล้างไปด้วยตัวเขาเอง ก็ยังมีตัวตนที่เหนือกว่าจอมยุทธอยู่อีกทำไมฉู่เฉินถึงไม่พบตัวตนเช่นนั้นในตระกูลหานมาก่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงฉู่เฉินจดจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจจากนั้นปลดปล่อยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด และสัมผัสได้ถึงค่ายกลกับดักได้อย่างรวดเร็วสิ่งที่เรียกว่ากับดักนั้น เป็นเพียงการวางกับดักล่วงหน้าตามเส้นทางที่เขาใช้และหากเขาระมัดระวังมากกว่านี้เล็กน้อย เขาก็จะหลีกเลี่ยงมันได้ทั้งหมดเขาปลดปล่อยลมปราณที่แท้จริงอย่างสบาย ๆ โดยทำลายจุดหนึ่ง และค่ายกลกับดักก็สลายไปสภาพแวดล้อมได้กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้วหลังจากระบุทิศทางได้แล้ว ฉู่เฉินก็บินไปที่โถงสมุนไพรอีกครั้งเมื่อกลับมาถึงโถงสมุนไพร ฉู่เฉินก็ไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงพี่สามและพี่เจ็ดของเขาด้วยฉู่เฉินเดินเตร่ไปรอบ ๆ โถงสมุนไพรราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นตอนนั้นเอง เขาสังเกตเห็นคนมากหน้าหลายตาข้างใน ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมงา
“แกคือฉู่เฉินใช่ไหม?”ขณะที่ฉู่เฉินไม่พร้อมที่จะโต้เถียงกับหวังซิง ก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังหวังซิง จ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยท่าทางไม่พอใจ“แล้วนายเป็นใครอีก?”ฉู่เฉินเพิ่งตระหนักได้ว่า มีชายอีกคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับหวังซิง เขามีอายุใกล้เคียงกับหวังซิงในตอนแรก ฉู่เฉินคิดว่าเขาเป็นคนรับใช้มาด้วย เพราะด้วยฐานะของหวังซิงในตระกูลหวัง เขาจึงมักมีคนรับใช้สามหรือห้าคนติดตามไปด้วยทุกที่ที่เขาไปแต่เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้ไม่ใช่ เขาพูดขึ้นมา เมื่อเดินผ่านหวังซิงมาหาตัวเองฉู่เฉินรู้ถึงจุดนี้ดี ถ้าเป็นคนรับใช้ของหวังซิง คงไม่กล้าทำท่าทางเย่อหยิ่งเช่นนั้น“ฉู่เฉิน ฟังให้ดี ฉันคือหวังฮวา หนึ่งในทหารพยัคฆ์ขาว วันนี้แกจะต้องพ่ายแพ้ต่อฉัน!”หวังฮวาจ้องฉู่เฉินด้วยท่าทางเชิดหน้าชูคอ เพราะฉู่เฉินนั่งอยู่ที่ประตู จึงทำให้เห็นท่าทางนั้นได้อย่างชัดเจนคนอีกคนจากพยัคฆ์ขาวฉู่เฉินไม่แม้แต่จะลืมตา และยื่นมือไปชี้ที่กระสอบข้าง ๆ “ถ้ามาที่นี่เพื่อดูการประลอง หินพลังวิญญาณยี่สิบก้อน ไม่งั้นก็ย้ายตูดออกไปซะ!”ฉู่เฉินไม่แสดงท่าทางสุภาพต่อพวกเขาเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่สุภาพกับตัวเอง หวังฮวาก็ดูเหมือนจ
การอธิบายอย่างช้าๆ ของชายคนนี้ ทำให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ในทันทีหลี่เฉินหยางคนนี้ไม่ธรรมดา“ฉู่เฉินอยู่แค่ขั้นเจ็ดของจอมยุทธ และต้องเผชิญหน้ากับหลี่เฉินหยางที่เป็นขั้นเก้า กลัวว่าจะจบแบบศพไม่สวย!”“ใช่แล้ว ช่องว่างระหว่างขั้นของพวกเขาใหญ่เกินไป ฉู่เฉินกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว!”ฝูงชนพึมพำเห็นด้วยในขณะนี้ ชายที่แต่งกายด้วยชุดสำหรับต่อสู้คนหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนเวที แน่นอนว่าคือ หลี่เฉินหยาง“เนื่องจากนักสู้ทั้งสองอยู่บนเวทีแล้ว อัตราการเดิมพันตอนนี้คือ หลี่เฉินหยางมีอัตราการเดิมพันต่อฉู่เฉินเป็น 2:1!”อัตราการเดิมพันแตกต่างกันมาก ฝูงชนที่มาดูการดวลนั้น เข้าใจในทันทีว่าแม้แต่หลี่ซ่างก็ดูถูกฉู่เฉินเมื่อพิจารณาอย่างละเอียด ก็พบว่าความแตกต่างนั้นสมเหตุสมผล เพราะระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาจะห่างชั้นกันเกินไปทุกคนลงเดิมพันให้กับหลี่เฉินหยางแม้ว่าอัตราการเดิมพันของหลี่เฉินหยางจะน้อยนิดเพียง 1:0.2 แต่ถ้าเดิมพันด้วยหินพลังวิญญาณสิบก้อน หากหลี่เฉินหยางจะชนะ ก็จะได้รับหินพลังวิญญาณสองก้อนคืนการเปรียบเทียบความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองคน สำหรับผู้ที่มีสายตาที่เฉียบแหลมจะมองทะลุ และการเด
หลี่เฉินหยางพูดอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อกี้ประมาทจนเกือบโดนหมัดของฉู่เฉินซัดออกจากเวทีประลอง โชคดีที่วินาทีสุดท้าย สามารถสลายพลังหมัดที่น่ากลัวนั้นได้ข่าวลือเป็นเรื่องจริง ไม่มีคนอ่อนแอในหมู่ผู้มีชื่อเสียงหลี่เฉินหยางละทิ้งความเย่อหยิ่ง และปลดปล่อยพลังของเขาอย่างเต็มสูบรัศมีของจอมยุทธระดับสูงสุดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งเวทีประลอง“จบแล้วล่ะ หลี่เฉินหยางเอาจริงแล้ว ฉู่เฉินจบเห่แล้ว!”“ใช่แล้ว เมื่อกี้ฉันคิดว่าฉู่เฉินสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ แค่หมัดเดียวก็ต่อยหลี่เฉินหยางออกจากเวที”“หลี่เฉินหยางแค่ประเมินศัตรูต่ำไป ตอนนี้เอาจริงแล้ว ฉู่เฉินอาจไม่มีโอกาสอีกต่อไป เพราะความแตกต่างของพลังระหว่างทั้งสองนั้นมากเกินไป”“ใช่ เมื่อกี้ฉันตกใจมาก ฉันเกือบจะไปบ่นกับหมอเทวดาแล้วนิ!”ฝูงชนโห่ร้องด้วยความตื่นตะลึง ซึ่งความตื่นเต้นก็ถึงขีดสุดตามที่คาดไว้ รัศมีของหลี่เฉินหยางถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ราวกับว่าได้ซ่อมแซ่มหน้าที่เพิ่งแตกไปของเขากลับมา และเขาต่อยกลับฉู่เฉินด้วยเมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่เฉินก็ไม่เผยท่าทีหวาดกลัว และปล่อยหมัดสวนใส่กลับทั้งสองคนปะทะกันอีกครั้งคราวนี้ เป็นฉู่เฉินที่ถูกผล
ในตอนนั้น หลี่เฉินหยางค่อนข้างลังเลใจ และหมัดที่ 16 ยังทำให้ลมปราณแท้จริงของร่างกายควบแน่นขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถปิดฉากการต่อสู้ ได้จากหมัดเดียวหลี่เฉินหยางตระหนักได้ทันทีว่า ตัวเองตกหลุมพรางของฉู่เฉินแล้วตอนนี้ติดอยู่ในกระบวนท่าของฉู่เฉิน และสายเกินไปที่จะหนีหมัดที่ 17 ฉู่เฉินถอยหลังกลับไป หนึ่งก้าวหมัดที่ 18 ฉู่เฉินไม่ได้ถอยหลังหมัดที่ 19 ทั้งสองคนปล่อยหมัดออกมาสูสีกันและในหมัดที่ 20 หลี่เฉินหยางก็สั่นเล็กน้อยแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อย แต่หลี่เฉินหยางก็ได้สัมผัสได้ถึงคลื่นของความหวาดกลัวในหัวใจเป็นไปได้ยังไงกัน หมัดก่อนหน้านี้ จะสามารถต้านทานหมัดที่พลังทั้งหมดของวรยุทธของเขาได้ และยังผลักเขาออกไปได้เล็กน้อยด้วยอีก ฉู่เฉินเหมือนคนบ้าจริงๆ ทำให้จัดการได้ยาก ถ้าเป็นคนธรรมดาและได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ คงหมดแรงไปนานแล้ว แต่ฉู่เฉินที่อยู่ตรงหน้าเขา ยังดูกระปรี้กระเปร่า ราวกับว่าเลือดบนหน้าอกของเขาไม่ใช่เลือดของเขาเองหลี่เฉินหยางตระหนักว่า มีบางอย่างผิดปกติอย่างร้ายแรงขณะคิดอยู่นั้นหมัดที่ 21 ของฉู่เฉินก็ได้โจมตีออกมาแล้วไม่มีที่ให้หลบได้ จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเผชิญห
แน่นอนว่าหลังจากปล่อยหมัดออกไปแล้ว หลี่เฉินหยางก็เหมือนลูกปืนใหญ่ ที่ถูกฉู่เฉินซัดปลิวไปยังขอบเวทีเหตุผลที่อยู่บนขอบเวที ก็เพราะว่ามีกำแพงกั้นที่หมอเทวดาหลี่ซ่างร่ายคาถาเอาไว้ร่างของหลี่เฉินหยางเลื่อนลงมาตามกำแพงแม้ว่าหลี่เฉินหยางจะยังหายใจอยู่แต่ดวงตากลับสูญเสียความเป็นประกายไปแล้ว และปากก็บ่นพึมพำ“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เขาอยู่แค่ขั้นเจ็ด เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้….”แม้แต่ตอนที่กำลังจะหมดสติ ปากก็ยังบ่นพึมพำไม่เพียงแต่หลี่เฉินหยางเองเท่านั้น ที่ไม่เชื่อได้ว่า ตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ฝูงชนเองต่างก็เงียบงันมีเพียงเสียงพึมพำของหลี่เฉินหยางเท่านั้น ที่ดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ“เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้!”ฝูงชนมองหน้ากันด้วยความสับสน จนกระทั่งเห็นหัวของหลี่เฉินหยางฟุบลง และหมดสติไปเมื่อเห็นภาพนี้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดขึ้นมา“ล้มมวย”และนั่นทำให้เกิดความโกลาหล“ล้มมวย คืนเงินเดี๋ยวนี้!”“โกง! คืนเงิน!”เสียงร้องขอคืนเงินดังขึ้น โดยเฉพาะจากคนที่เดิมพันข้างหลี่เฉินหยางจะชนะเมื่อเห็นว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว หมอเทวดาก็บินขึ้นไปกลางอากาศ“ใครพูดว่า
ในกลุ่มฝูงชน มีอีกคนคนหนึ่งลุกขึ้นมา“ฉันก็ขอยอมแพ้เหมือนกัน!”ไม่ต้องคิด ก็รู้เลยว่าเป็นผู้ท้าชิงอีกคน ที่เดิมทีต้องการท้าดวลกับฉู่เฉิน แต่เมื่อเห็นว่า หลี่เฉินหยางพ่ายแพ้ก็ตัดสินใจถอนตัวออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่ซ่างก็ตกใจเช่นกัน“ก็เพิ่งบอกไปว่าให้แจ้งฉันล่วงหน้าไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันคงต้องถามตรงๆ แล้วล่ะ”หลี่ซ่างมองไปที่หวังฮวา ซึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มฝูงชน“หวังฮวาจะยอมแพ้ด้วยไหม?”ทันทีที่หลี่ซ่างพูดจบความสนใจของฝูงชน ต่างก็จับจ้องไปที่หวังฮวาทันที“หวังฮวา! นั่นเขา! ไม่เชื่อเลยว่าเขามาที่นี่เพื่อท้าดวลกับฉู่เฉินด้วย ถ้าเป็นเขาคงจะไม่ขอยอมแพ้หรอก!” “หวังฮวา! หวังฮวาจากกองกำลังพยัคฆ์ขาว เป็นเขาแน่ๆ ว่ากันว่าเขาเป็นหนึ่งในหัวกะทิของกองกำลังพยัคฆ์ขาวและในกองกำลังพยัคฆ์ขาวทั้งหมด เว้นแต่พยัคฆ์ขาวที่สามารถสั่งการเขาได้ เขาไม่ฟังคำสั่งของใครเลย ฉันไม่เคยคิดเลยว่า คนของพยัคฆ์ขาวจะมาท้าดวลกับฉู่เฉินด้วย”“ใช่แล้ว ในฐานะองค์กรปกป้องชาติของต้าเซี่ย พยัคฆ์ขาวกับซวนหวู่ควรจะเป็นฝ่ายเดียวกันไม่ใช่เหรอ”“ยิ่งไปกว่านั้น ในทางเทคนิคแล้ว ฉู่เฉินเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาอีกด้วย
ในที่สุดหวังฮวาก็ยอมแพ้ที่จะลงมือ และเลือกที่จะสละสิทธิ์แม้ว่าจะส่งผลให้ฝูงชนโห่ร้องใส่ก็ตาม“อะไรกัน? ไม่ได้พูดว่าจะดูการแข่งขันสามนัดเหรอ เพิ่งดวลไปแค่นัดเดียว ก็จบแล้ว ตั๋วนี้ไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปเลย”“นี่ไม่ใช่ความผิดของฉู่เฉินสักทีเดียว ก่อนการต่อสู้ครั้งนี้ ใครจะคิดว่าผู้ท้าชิงสองคนที่เหลือจะเลือกที่จะขอยอมแพ้หลังจากเห็นการต่อสู้ของฉู่เฉินแล้ว จึงกลัวจนหายจุกตูด ไม่กล้าขึ้นไปบนลานประลอง”“ก็จริง คิดว่าหวังฮวาจากกองกำลังพยัคฆ์ขาวจะเลือกที่จะสู้ แต่ไม่คาดคิดว่าแม้แต่หวังฮวาก็ยังกลัวฉู่เฉิน!”คำพูดของทุกคนเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและเสียดสีหวังฮวาไม่สนใจ และเดินก้มหน้าออกจากโถงสมุนไพรหวังซิงเดินตามหลังหวังฮวาไประหว่างทาง หวังซิงยังคงพูดพล่ามไม่หยุดหย่อน“หวังฮวา ทำไมเมื่อกี้นายถึงยอมแพ้ หากนายตัดสินใจที่จะเลือกสู้ และเมื่อนายแสดงความสามารถที่แท้จริงของนายออกมา นายอาจจะไม่แพ้ก็ได้!”“นายยังพูดออกมาได้ว่า ความแข็งแกร่งของฉู่เฉินนั้นอยู่ในขั้นกลางๆ ดังนั้นฉันเลยมาที่นี่เพื่อท้าดวลกับเขาเพื่อนาย ตอนนี้ เห็นได้ชัดนายประเมินความแข็งแกร่งของฉู่เฉินต่ำเกินไป ซึ่งทำให้นำไปสู่ผ