“ซิวหลัวจื่อ ช่วยฉันด้วย!”หานปิงไม่สนใจในโอกาสและหน้าตาของตัวเอง ตะโกนขอความช่วยเหลือเสียงดังซิวหลัวจื่อและหวังซิง ซึ่งแต่เดิมกำลังดูเรื่องตลกนี้อย่างลับๆ ต่างมองหน้ากันโดยเฉพาะอย่างยิ่งซิวหลัวจื่อ เมื่อได้ยินหานปิงเรียกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสถบออกมาคิดถึงว่าหานปิงไร้ความสามารถ แต่ไม่รู้ว่า จะเกินเยี่ยวยาขนาดนี้นับตั้งแต่หานเล่ยตายไป ก็ไม่มีรุ่นเยาว์คนใดในตระกูลหานที่พอมีความสามารถไม่เห็นลูกไม้อะไรจากซิวหลัวจื่อ จากนั้นร่างก็กระพริบ และปรากฏตัวขึ้นไม่ไกลจากฉู่เฉิน“พี่ฉู่เฉิน ถ้าเขาอยู่ที่นี่ เขาก็ถือเป็นแขกของฉัน ได้โปรดปล่อยเขาไปเถอะ”ซิวหลัวจื่อปรากฏตัวต่อหน้าฉู่เฉินอย่างกะทันหันโดยไม่ได้ทำอะไร แต่เพียงพูดเบาๆ เท่านั้น“แล้วนายเป็นใคร?”“คุณมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยง และคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็นใคร?”“ขอโทษที ฉันไม่รู้จริงๆ ว่านายเป็นใคร ฉันหวังว่านายจะแนะนำตัวได้”ฉู่เฉินพูดตามความจริง ไม่ว่าจะเป็นหมอเทวดาหลี่ซางหรือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ไม่มีใครเคยบอกว่าใครเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงนี้ ฉู่เฉินไม่มีความสามารถในการทำนายล่วงหน้า ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงถามคำถามเท่านั้นแ
ขณะที่หวังซิงเดินเข้าไปหา ฉู่เฉินก็เหลือบมองอย่างเฉยเมย แต่กลับรู้สึกแปลกๆ ในใจของเขาราวกับว่ามีบางอย่างบนร่างของหวังซิงกำลังดึงดูดเขาแปลกมาก ก่อนหน้านี้เคยเจอหวังซิงที่โถงสมุนไพรมาก่อน และต่อมาก็เจอกับเขาที่คฤหาสน์ของตระกูลหยานผ่านกำแพงอีก แล้วทำไมตอนนั้นถึงไม่รู้สึกแบบนี้ตอนนี้ความรู้สึกนี้ปรากฏขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก จะพูดยังไงดี?ฉู่เฉินมีสมมติฐานขึ้นมา แต่ก็ยังต้องกลับไปตรวจสอบกับหมอเทวดาหลี่ซางฉู่เฉินระงับความรู้สึกแปลกๆ ชั่วคราว และไม่ได้ตั้งใจจะยุ่งกับหวังซิงอย่างไรก็ตาม หวังซิงกลับไม่มีเจตนาที่จะปล่อยเรื่องนี้ไป“ฉู่เฉิน ฉันต้องบอกว่าฉันชื่นชมความกล้าหาญของแก แม้จะรู้ว่าตระกูลหวังกำลังตามล่าแกอยู่ แกก็ยังกล้าที่จะกลับมาเมืองหลวง แกรู้ไหมว่านักสู้ทุกคนในเมืองหลวงกำลังตามหาแกอยู่”“ตามหาฉัน? ล้อเล่นน่ะ ฉันคือซวนหวู่แห่งต้าเซี่ย และตระกูลหวังของแกสามารถออกตามล่าฉันตามใจชอบได้งั้นเหรอ แกยังเห็นต้าเซี่ยอยู่ในสายตาของแกอยู่ไหม”ฉู่เฉินก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบและสบายๆ“นี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเราชาวนักสู้ แกคิดจริงๆ เหรอว่าต้าเซี่ยจะปกป้องแกได้? ล้อเล่นหรือเปล่า ถ้ามัน
“เฉียวหานอวี้ อย่ามั่นหน้ามั่นโหนกเกินไปหน่อยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของอาจารย์เธออย่าง หมอเทวดาหลี่ซาง เธอก็คงไม่ได้มาอยู่ที่นี่!”ซิวหลัวจื่อขุ่นเคืองและพูดจาอย่างโกรธเกรี้ยว“ส่วนนาย ฉู่เฉิน แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่านายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่ทุกคนที่มารวมตัวกันที่นี่ล้วนเป็นนายน้อยจากหลายตระกูล หากนายมาที่นี่ นายก็ต้องปฏิบัติตามกฎที่นี่ ทำตัวดีๆ และปล่อยหานปิงไปซะ!”ขณะที่ซิวหลัวจื่อพูดออกมา ก็ได้ปลดปล่อยรัศมีรัศมีของจอมยุทธแผ่กระจายไปทั่วห้อง ทำให้ทั่วทั้งบริเวณเงียบไปชั่วขณะมั่นใจในพลังของตัวเอง และคิดว่าสามารถระงับสถานการณ์ได้อย่างง่ายดายฉู่เฉินกลับเผชิญหน้ากับพลังนี้โดยไม่แสดงสีหน้า และเปิดปากพูด“กฎอะไร กฎของนายเหรอ? ฉันคิดว่าพวกแกสองคนเป็นแมงสาบสองตัวที่จับกลุ่มรวมตัวกันอีก”สายตาของฉู่เฉินกวาดไปทั่วห้อง สังเกตเห็นว่าแทบทุกคน หลังจากสัมผัสได้ถึงรัศมีของซิวหลัวจื่อแล้ว ได้กำลังจ้องมองเขาอย่างจ้องที่จะทำร้าย"นายจะคิดแบบนั้นก็ได้!"แม้ว่าซิ่วหลัวจื่อจะประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของฉู่เฉิน แต่มีข่าวลือว่าเด็กคนนี้เพิ่งทะลวงผ่านเป็นจอมยุทธ และยังอยู่ใต้แรงกดดันจากจอมยุท
เมื่อเห็นท่าทีอย่างนั้นของหวังซิง ฉู่เฉินก็ไม่ได้ทำอะไรเลย หากหานปิงซึ่งถูกฉู่เฉินจับตัวอยู่ก็พูดออกมาเองหรือบางทีอาจสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของฉู่เฉินที่มีต่อเขา แม้ว่าตอนนี้สายตาของฉู่เฉินจะไม่ได้จับจ้องมาที่เขาแล้ว แต่หานปิงก็ยังคงพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว“หวังซิง หยุดพูดจาประชดประชันได้แล้ว”เมื่อถูกเรียกชื่อตรงๆ ดวงตาของหวังซิงก็หรี่ลง และเจตนาฆ่าก็เผยขึ้นมาในดวงตา แต่แววตานั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว“ไม่ต้องห่วง มีพวกเรามากมายขนาดนี้ เขาไม่กล้าที่จะฆ่านายหรอก”ราวกับจะยืนยันคำพูดของหวังซิง ซิวหลัวจื่อก็ถอนรัศมีของตัวเองกลับมา“ฉู่เฉิน ปล่อยเขาไปเถอะ ถ้านายตั้งใจจะพูดอะไร นายได้ทำไปแล้ว หานปิงกลัวจนแทบจะฉี่ราดแล้วนะ” ฉีอันปังก็พูดแทรกขึ้นมาจากด้านข้างทุกคนในที่นั้นเชื่อกันว่าฉู่เฉินจะไม่ฆ่าใครยกเว้นคนๆ หนึ่ง นั่นคือหนิงชิงเสว่ในฐานะพี่สาวของฉู่เฉิน หนิงชิงเสว่รู้ดีกว่าใครๆ ว่า ถ้าฉู่เฉินตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่สนใจว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร“เสี่ยวเฉิน….”หนิงชิงเสว่กำลังจะพูดฉู่เฉินหันกลับมาและพูดบางอย่าง“พี่เจ็ด แม้แต่คุณก็ยังอยากเปลี่ยนใจฉันเหรอ?”“แน่นอนว่า
ชั่วขณะหนึ่ง ทั้งซิวหลัวจื่อและหวังซิงต่างได้ระเบิดพลังออกมารัศมีหนึ่งจอมยุทธขั้นหกกับรัศมีหนึ่งจอมยุทธขั้นสี่ฉู่เฉินก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และได้ปลดปล่อยรัศมีของตัวเองออกมา เพื่อโจมตีตอบโต้“แค่พวกนายสองคนกล้าดียังไง? ไร้สาระ!”รัศมีของจอมยุทธขั้นหกปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณไม่เพียงแต่กดทับพลังของซิวหลัวจื่อเท่านั้น แต่ยังกดทับพลังของหวังซิงด้วยสำหรับฉีอันปังและคนอื่นๆ พวกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะยืนหยัดได้เมื่อเผชิญกับรัศมีอันทรงพลังเช่นนี้ และถูกบังคับให้ถอยออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ฮึ่ม พวกเราอาจจะไม่สามารถล้มคุณคนเดียวได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้อาวุโสของเราอยู่ที่นี่” ซิวหลัวจื่อพูดพร้อมกับต้านทานแรงกดดันของฉู่เฉิน“ฉู่เฉิน แกคิดจริงๆ เหรอว่าในฐานะทายาทของตระกูลใหญ่ พวกเราจะไม่พาปรมาจารย์ของตระกูลมาด้วย ลุงหวัง ออกมาจับผู้หลบหนีคนนี้!” หวังซิงพูดอย่างเย็นชา เมื่อคำพูดของเขาจบลง ประตูห้องโถงก็เปิดออกโดยไม่มีลมพัดชายชราสองคนยืนอยู่ที่ทางเข้า“ลุงหวัง”“ผู้อาวุโสสาม”หวังซิงและซิวหลัวจื่อพูดกัน เมื่อพวกเขาเห็นผู้อาวุโสแต่ละคนฉู่เฉินหันไปมองพวกเขาผู้อาวุโสสองคน คนหนึ่งสวมเสื้อคลุม
ฉู่เฉินยังคงไม่ตอบ“น่าเสียดาย สายเลือดสุดท้ายของตระกูลฉู่ จะต้องตายในเงื้อมมือของฉันวันนี้”ทันใดนั้น ชายชราก็กระโจนเข้าใส่ทันที แสงสีดำพุ่งออกมาจากร่างของเขา มุ่งตรงไปที่ฉู่เฉิน"พิโรธทมิฬ นี่คือวิชาอันโด่งดังของผู้อาวุโสสาม ว่ากันว่าเมื่อผู้อาวุโสสามใช้วิชานี้ แม้แต่ผู้ที่มีวรยทุธเท่าเขาเอง ก็ต้องดิ้นรน เพื่อเอาชีวิตรอด ฉู่เฉินอยู่แค่ขั้นหกของจอมยุทธ์เท่านั้น เขาไม่มีทางที่จะรอดจากกระบวนท่านี้ได้แน่นอน คราวนี้ได้ตายจริงๆ แล้ว"ซิวหลัวจื่อก็ประหลาดใจเช่นกัน เมื่อเห็นผู้อาวุโสทั้งสามใช้วิชานี้“ใช่ ฉู่เฉินดันไปหาเรื่องทำให้ซิวหลัวจื่อขุ่นเคืองเอาซะได้ ทุกคนก็รู้ว่าสถานะของนายในตำหนักอสูรนั้น ไม่มีใครทัดเทียมได้ และผู้อาวุโสก็มองว่า เขาเป็นผู้นำในอนาคตของตำหนักอสูรแล้ว”หวังซิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พูดจาประจบประแจง ซึ่งทำให้ซิวหลัวจื่อหน้าบานด้วยความพอใจลำแสงสีดำราวกับดาบคมพุ่งเข้าหาฉู่เฉินในพริบตา ขณะที่เขากำลังจะหลบหลีก จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ตอบสนองได้ชัดเจนลำแสงสีดำนี้ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ แม้ว่าตัวเองจะเร็วแค่ไหนก็ตาม มันจะติดตามไปเหมือนเงา และการถูกแทงก็เป็นสิ่งที่ ไม่อาจหลีก
ตัวตนที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้ ต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโลกวรยุทธ และคนเหล่านี้มักจะกลายเป็นผู้ปกครองอาณาจักรในที่สุด!คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้า จะเป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านั้นไม่!เขาต้องตาย!ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ นายน้อยของฉันจะไม่มีโอกาสได้ผงาดขึ้นมาเลย!ชายชราทำหน้าบุญไม่รับ จิตใจก็กำลังสั่นไหวด้วยลำแสงสีดำ ซึ่งได้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์อย่างลับๆ และได้ใช้พลังทั้งหมดของเขาไปแล้วพิโรธทมิฬพุ่งพล่านอีกครั้งดาบคมกริบในรูปร่างของลำแสงสีดำ เจาะทะลุชั้นของอาณาเขตนั้นอีกครั้งฮึ่ม ก็แค่อาณาเขตสามอาณาเขตเท่านั้นเอง ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเมื่อชายชราคิดว่า ฉู่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะโดนดาบคมกริบแทง และตายจากไปแต่คมดาบนั้นถูกสกัดกั้นอีกครั้งนั่นคือ มหาปราชญ์ที่ฉู่เฉินได้ขัดเกลาในพระราชวังหลวงของญี่ปุ่นเมื่อเห็นดาบพิโรธทมิฬถูกสกัดอีกครั้ง ชายชราไม่สนใจสิ่งนี้อีกแล้วเพียงแต่อ้าปากค้างและชี้ไปที่ฉู่เฉิน"เป็นไปได้ยังไง! ใคร...แกเป็นใครกันแน่?""ผู้อาวุโสสาม มีอะไรผิดปกติ?" ซิวหลัวจื่อถามด้วยความประหลาดใจ โดยไม่รู้แน่นชัดว่า เกิดอะไรขึ้น"เขา...!" ชายชราซึ่งตอนนี
หนิงชิงเสว่ก้าวออกมา และเดินเข้าไปหาฉู่เฉิน พร้อมพูด: "”เสี่ยวซือโถว ปล่อยให้ฉันจัดการเอง!”เดิมที ก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว สำหรับฉู่เฉินที่จะป้องกันตัวเอง เมื่อต้องเผชิญกับอีกฝ่ายเพียงตัวคนเดียว ตอนนี้ จอมยุทธขั้นเก้าระดับสูงอีกคนได้ก้าวออกมาลงมือแล้ว และทั้งสองก็ร่วมมือกันฉู่เฉินไม่ใช่คนโง่ ตัวเองไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน เมื่อเห็นว่าพี่เจ็ดเลือกที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธขั้นเก้าสองคนนี้ตามลำพังฉู่เฉินก็อดกังวลไม่ได้“พี่เจ็ด พวกเขามีกันสองคน คุณ”ฉู่เฉินต้องการจะสื่ออะไรนั้น หนิงชิงเสว่เข้าใจทันที“ไม่ต้องกังวล แม้ว่าฉันอาจไม่สามารถเอาชนะชายชราทั้งสองคนนี้ได้ แต่ฉันเองก็ไม่ได้อ่อนแอ่”เมื่อหนิงชิงเสว่พูดจบ แมลงสีทองแวววาวก็โผล่ออกมาจากฝ่ามือมันคือหนอนไหมทองคำกู่นับตั้งแต่หนิงชิงเสว่ ไปถึงขั้นเก้าของอาณาจักรจอมยุทธ หนอนไหมทองคำกู่ไม่เพียงแต่มีขนาดที่โตขึ้นอย่างมากเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของมันยังก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย และได้เริ่มต้นการวิวัฒนาการตัวเองในขณะนี้ หนอนไหมทองคำกู่ไม่ดูเหมือนแมลงอีกต่อไป มันมีปากที่หัว ฟันที่แหลมคม และปีกสองคู่ที่หลังหลังจากป