เมื่อถูกเฉียวหานอวี้ลากตัวไป ฉู่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตามพี่สามให้ทันอาจารย์ของเธอ? หมอเทวดาหลี่ซางกลับมาแล้วหรือ?ในที่สุดฉู่เฉินก็จำได้ว่าอาจารย์ของเฉียวหานอวี้คือใครในส่วนลึกของโถงสมุนไพร ฉู่เฉินได้พบกับหมอเทวดาในตำนานผู้นี้ชายชราผอมแห้งและเนื้อตัวสกปรกเมื่อเห็นเฉียวหานอวี้พาคนแปลกหน้าเข้าไปในห้องของเธอใบหน้าของหลี่ซางดูไม่มีความสุขเลย“หานอวี้ เธอยังไม่ได้แต่งงาน และเธอกลับไปฉุดกระชากผู้ชายอยู่ได้ นี่มันไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง! ปล่อยเขาไปซะ!”มีอารมณ์โกรธและความรักปะปนอยู่ในน้ำเสียงของหลี่ซาง“อาจารย์ นี่คือน้องชายที่ฉันเล่าให้คุณฟัง ฉู่เฉิน และนี่คือน้องสาวฉัน หนิงชิงเสว่”เฉียวหานอวี้อธิบายในขณะที่ปล่อยมือของฉู่เฉิน“นี่คืออาจารย์ของฉัน หมอเทวดาหลี่ซาง”“คารวะผู้อาวุโสหลี่ซาง”ฉู่เฉินและหนิงชิงเสว่โค้งคำนับอย่างเคารพ“นายคือฉู่เฉินใช่ไหม?”“ผู้อาวุโส คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับผมเหรอ?”“ฮึ่ม สร้างความวุ่นวายไปทั่วเมืองหลวงตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ เหตุใดฉันจึงจะไม่รู้จัก”“ผู้อาวุโส ผมถูกบีบบังคับให้ทำ”“ฉันไม่สนใจว่านายจะถูกบีบบังคับหรือเต็มใจทำ ฉันมีลูกศิษย์เพ
เมื่อหลี่ซางพูด ฉู่เฉินและคนอื่นๆ ก็เอนตัวเข้าไปฟังอย่างตั้งใจทันทีหมอเทวดายังไงก็เป็นหมอเทวดาอย่างแท้จริง ฉู่เฉินไม่ได้พูดอะไรเลย และหลี่ซางก็รู้ว่านี่เป็นกายามังกรขับขานที่เป็นปัญหาของฉินปิงเยว่ และในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เอง เขาก็พบวิธีแก้ไข“ผู้อาวุโส มีวิธีการอะไรเหรอ?”ฉู่เฉินเมื่อเห็นหลี่ซางไม่พูดต่อ จึงถามขึ้นหนิงชิงเสว่ก็พูดขึ้นอย่างวิตกกังวลเช่นกัน“ผู้อาวุโส ได้โปรดเธอด้วยเถอะ”แม้แต่เฉียวหานอวี้เองก็อดไม่ได้ที่จะพูดในตอนนี้“อาจารย์ เห็นแก่ลูกศิษย์อย่างฉัน ได้โปรดช่วยเธอด้วย”หลี่ซางมองไปที่สายตาที่คาดหวังของพวกเขาสามคน จึงไม่ลังเลอีกต่อไป และเริ่มอธิบายอย่างช้าๆ“ก็พอมีวิธีอยู่ แต่ในโลกปัจจุบัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสำเร็จ”“ผู้อาวุโสหลี่ซาง คุณหมายถึงอะไร?”“หากต้องการทำลายกายามังกรขับขาน นายจะต้องค้นหามังกรที่แท้จริงหนึ่งเดียวในโลก ต้องรู้ว่า กายามังกรขับขานนั้น แท้จริงแล้วแก่นแท้ของมันก็คือร่างกายมนุษย์ที่มีร่องรอยของสายเลือดมังกรที่แท้จริง หากมังกรที่แท้จริงถอนสายเลือดนั้นออกแล้ว กายามังกรขับขานนั้นก็จะสลายหายไป”“อะไรนะ ร่างของกายามังกรขับขานนั้นเป็นสายเลื
หลี่ซางต้องการไล่คนทั้งสองออกไปจริงๆ“พวกเขาเป็นพี่สาวของฉัน ผู้อาวุโส ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเถอะ”ฉู่เฉินพูดอย่างชัดเจนว่า พี่สาวทั้งสองของเขาไม่ใช่คนนอกเมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เฉินหลี่ซางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดในที่สุด“ฉันไม่คาดคิดว่าคนที่มีสายเลือดมังกรที่แท้จริงจะเป็นนาย ดูเหมือนว่านายจะสืบเชื้อสายมาจากตระกูลฉู่”“ผู้อาวุโสรู้จักตระกูลฉู่ของผมเหรอ และผมเป็นใคร?”ฉู่เฉินอดสงสัยไม่ได้“ฉู่เฉิน สมาชิกคนสุดท้ายของตระกูลชู่ที่รอดชีวิตในเมืองหลวง ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง ฉันเคยอุ้มนายไว้ตั้งแต่แรกเกิด ฉันไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าในพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปกว่ายี่สิบปี และนายก็จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว” หลี่ซางพูดด้วยน้ำเสียงที่หวนคิดถึงอดีต“คุณรู้จักพ่อของผมเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความกระตือรือร้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้“ฉันไม่ได้รู้จักแค่พ่อของนายเท่านั้น ฉันรู้จักคนในตระกูลฉู่เกือบทั้งหมดด้วย”หลี่ซางตอบอย่างใจเย็น ขณะที่เขามองไปที่ฉู่เฉิน“ได้โปรดเล่าให้ผมฟังอีกหน่อยเถอะ ผู้อาวุโส”ฉู่เฉินเร่งเร้า“พ่อของนาย ฉู่ฮ่าวเทียน และฉันได้รู้จักกันตั้งแต่เขายังเด็ก เนื่องจากนิสัยของเขาที
“กลายเป็นมังกรที่แท้จริง? ผู้อาวุโส คุณหมายความว่าตราบใดที่ผมยังคงดูดซับเลือดของมังกรที่แท้จริง ผมจะกลายเป็นมังกรในที่สุดเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความไม่เชื่อ“ถูกต้อง นี่คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกายามังกรขับขาน และอีกเหตุผลพื้นฐานสำหรับการล่มสลายของตระกูลฉู่ของนาย”หลี่ซางเปิดเผยความลับอันยิ่งใหญ่ฉู่เฉินยังคงไม่เข้าใจ“ผู้อาวุโส เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับการล่มสลายของตระกูลฉู่เหรอ?”“เมื่อก่อน มังกรที่แท้จริงสถิตอยู่ในดินแดนเร้นลับของตระกูลฉู่และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ฉันไม่รู้ว่าได้ยินข่าวว่ามังกรที่แท้จริงได้รับบาดเจ็บมา ดังนั้นจึงมีคนบางคนที่มีเจตนาร้ายและร่วมมือกับกองกำลังจำนวนมาก เพื่อบังคับให้พ่อของนายส่งมอบมังกรที่แท้จริงมา ซึ่งพ่อของนายไม่เห็นด้วย และในท้ายที่สุด พวกเขาก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด การต่อสู้ครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อทั้งโลก ทำให้ตอนนี้ จักรพรรดิวรยุทธก็ไม่สามารถย่างเท้าเดินในโลกได้อีก และนั่นก็เป็นเพราะการต่อสู้ในครั้งนั้น แม้ว่าพ่อของนายจะต่อสู้จนถึงที่สุด แต่ตระกูลฉู่ก็ถูกทำลาย ส่วนมังกรที่แท้จริงก็สลายไป รวมถึงพ่อของนายและดินแดนเร้นลับทั้งหมดก็หายไปด้วย”“อะไรนะ
ตอนนี้เหลือแค่วิหารวรยุทธเพียงแห่งเดียวฉู่เฉินตัดสินใจอย่างลับๆ ว่า ตราบใดที่หาที่ตั้งของวิหารวรยุทธ จะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด“ไอ้หนู การหาวิหารวรยุทธนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ทั้งยังมีตำหนักอสูรอยู่เบื้องหลังด้วย”เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินตัดสินใจแล้ว หลี่ซางก็รู้สึกไม่สบายใจและยังเตือนเขาอีกตำหนักอสูร!แม้ว่าฉู่เฉินจะไม่คุ้นเคยกับนิกายต่างๆ ของโลกยุทธภพ แต่ก็เคยได้ยินชื่อนี้ในบรรดา "สองนิกาย สามตระกูล และสี่ตำหนัก" ตำหนักอสูรเป็นหนึ่งในสี่ตำหนัก แต่ชื่อเสียงของที่นี่ยังเหนือกว่านิกายและตระกูลอื่นๆ ด้วยอีกหนึ่งเหตุผลหนึ่งเพราะตำหนักอสูรนี้เป็นองค์กรนักฆ่าจากระดับล่างไปจนถึงระดับสูง ทั้งหมดล้วนเป็นนักฆ่า ตราบใดที่สามารถจ่ายค่าจ้างได้ แม้แต่หัวหน้าตำหนักอสูรเอง ก็สามารถจ้างมาทำภารกิจได้ด้วยเช่นกัน“ตำหนักอสูรก็เลยลงมือในตอนนั้น?”ฉู่เฉินตั้งคำถาม“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น อย่าด่วนสรุปนะไปไอ้หนู”หลี่ซางปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเขาเกรงว่าจะโดนลากเข้าไปยุ่งฉู่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้เมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนั้น“นายยังเด็ก แต่นายมุ่งมั่นกับการแก้แค้นมากเกินไป นี่คือคำเชิญเข้าร่วม
โรงแรมเยว่ลั่วเป็นโรงแรมที่ขึ้นชื่อในเรื่องการออกแบบที่หรูหราและอลังการ ซึ่งเป็นที่นิยมในชนชั้นสูงในขณะนี้ โรงแรมทั้งหมดถูกจองจนเต็ม ทำให้คนภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้หากต้องการเข้าไป วิธีเดียวคือผ่านบัตรเชิญและแค่บัตรเชิญฉบับนั้นก็มีค่ามากแล้วณ ภายในโรงแรมมีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกัน และจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองและจะพบว่าแต่ละคนมีฐานะที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นทายาทจากตระกูลใหญ่หรือคนที่มีวรยุทธระดับสูงในขณะนี้ มีคนเดินเข้ามาจากประตูมีร่างหนึ่งเดินเข้ามา ทันทีที่เข้ามา ก็ถูกสายตาจับจ้อง“ซิวหลัวจื่อ ในที่สุดคุณก็มาถึง” คนที่พูดคือฉีอันปัง นายน้อยของตระกูลฉี เป็นการยากที่จะจินตนาการว่านายน้อยผู้เย่อหยิ่งของตระกูลฉีจะมีน้ำเสียงเหมือนนอบน้อมเหมือนคนรับใช้ต่อหน้าชายคนนี้“ฮ่าๆ ในฐานะผู้จัดงานรวมตัวครั้งนี้ ฉันก็ต้องมาสิ นายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉันหรอก แค่กินและดื่มให้หนำใจก็พอ” ซิวหลัวจื่อพูดอย่างใจดีราวกับว่าตำแหน่งของเขาเป็นเพียงชื่อและไม่สำคัญอะไรแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีใครกล้าที่จะไม่คิดจริงจังและไม่สนใจซิวหลัวจื่อทุกคนรู้ว่าในตำหนักอสูร ซิวหลัวจื่อคนนี้ไม่เพ
ฉู่เฉินซึ่งเดิมทีไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงนี้มากนัก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะระมัดระวังงานเลี้ยงแบบไหนกัน ที่จะทำให้นักสู้ผู้แข็งแกร่งในระดับมหากาฬมายืนเฝ้าที่หน้าประตูและตัวตนเช่นนี้ แม้แต่ในเมืองหลวงเอง ก็มักจะได้รับการปฏิบัติเหมือนแขกผู้มีเกียรติจากตระกูลที่มั่งคั่ง เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมาเป็นยามเฝ้าประตู“พวกเรามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยง”ฉู่เฉินพูดอย่างสบายๆโดยไม่คาดคิด ชายคนนั้นไม่ได้ปล่อยพวกเขาเข้าไป แต่กลับถามคำถามแทน“โปรดแสดงบัตรเชิญคุณให้ฉันเห็นด้วย”เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่เฉินก็ล้วงกระเป๋าและหยิบบัตรเชิญออกมา“ตอนนี้ พวกเราเข้าไปกันได้หรือยัง?”เขาโบกบัตรเชิญต่อหน้าชายคนนั้นชายคนนั้นก้าวหลบไปข้างๆ ทันทีและเปิดประตูห้องโถงให้พวกเขา ปล่อยให้พวกเขาเดินผ่านไปสถานที่จัดงานด้านในไม่ใหญ่นัก แต่ก็ไม่รู้สึกว่าแออัด การที่ฉู่เฉินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงสองคนไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนัก แต่เมื่อเขาเหลือบมองไปรอบๆ เขาก็สังเกตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยสองสามคนแต่นี่ไม่ใช่เวลาสำหรับการทักทาย“พี่สาม อาจารย์ของคุณบอกไหมว่าคุณต้องไปพบใครที่นี่” ฉู่เฉินถามเฉียวหานอวี้เนื่องจาก
หานปิงพูดด้วยรอยยิ้ม คิดว่าฉู่เฉินจะมาเอาใจตนหลังจากที่รู้ว่าเขาเป็นคนในตระกูลหาน“แนะนำพวกเธอสองคนเหรอ? ไม่ต้องรีบร้อน ฉันขอถามอะไรนายหน่อย เมื่อฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะบอกนาย”ฉู่เฉินพูดอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่อธิบายไม่ถูกบนใบหน้าแม้ว่าหานปิงจะสับสน แต่เขาก็ไม่ได้คิดมากเกินไปและคิดไปเองว่าฉู่เฉินต้องการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อเรียกร้องผลประโยชน์“ตระกูลหานควรซ่อนตัวอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมนายถึงมาที่นี่ได้?”“ไร้สาระ ซ่อนตัวหมายความอะไร นั่นคือการเก็บตัว การเก็บตัวฝึกฝนอย่างสันโดษเข้าใจไหม?”หานปิงราวกับว่าถูกบีบคอ น้ำเสียงของเขาก็สูงขึ้นเล็กน้อยอย่างกะทันหัน จะพูดถึงมันขึ้นมาทำไม ถ้ามีใครกล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเขาที่อื่น เขาคงต้องสั่งสอนบทเรียนให้อีกฝ่ายแล้วเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของหานปิง ก็ดึงดูดความสนใจของใครบางคนไปแล้ว“โอเค เก็บตัว เมื่อนายพูดว่าการเก็บตัวอย่างสันโดษ มันหมายถึงการสันโดษ แล้วตอนนี้นายไปเก็บตัวที่ไหน?”ฉู่เฉินพูดต่อตามคำพูดของหานปิง“แน่นอน ตระกูลหานของเราทั้งหมดอยู่ในที่เก็บตัวอย่างสันโดษที่….”หานปิงตอบตามสัญชาตญาณ เพราะยังไงเขาก็เป็นนักสู้ระดับมหากาฬ แม้เข