“นายเป็นยังไงบ้าง?”ทันทีที่ลืมตาขึ้น ก็เห็นร่างที่งดงามและฉู่เฉินก็รู้ว่า เขากำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของหนิงชิงเสว่และเจ้าของร่างนี้ก็มองมาที่เขาด้วยความกังวล“ฉันสบายดี เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?”ฉู่เฉินรู้ตัวว่าเขาได้ออกจากโลกนั้นมาแล้ว และรีบถามในโลกนั้น เขารู้สึกเหมือนว่าเขาอยู่ที่นั่นมาหลายวันแล้ว หวังว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อโลกความเป็นจริง ไม่เช่นนั้นฉินปิงเยว่จะตกอยู่ในอันตรายเมื่อนึกถึงฉากสุดท้ายก่อนที่จะออกจากโลกนั้น ฉู่เฉินยังคงรู้สึกยากที่จะเชื่อในแสงสว่างจ้า ดูเหมือนว่ามีร่างหนึ่งปรากฏขึ้น และร่างนั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าขนลุก ซึ่งคล้ายคลึงกับร่างที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ในจิตใต้สำนึกของฉู่เฉินเป็นไปไม่ได้ฉู่เฉินไม่อยากเชื่อ แต่ก็ปฏิเสธความรู้สึกนั้นไม่ได้ร่างในแสงจ้านั่น คนคนนั้นกำลังพูดอยู่จริง ๆ เพราะริมฝีปากบนและล่างขยับ แต่ไม่มีเสียงใด ๆ ออกมาฉู่เฉินมีลางสังหรณ์ว่าคนคนนั้นกำลังคุยกับเขา“ผ่านไปนานแค่ไหนเหรอ นายเพิ่งจะกางกำแพงกันเสียง และตอนนี้กำแพงนั่นก็หายไป แต่นายกลับเป็นลม เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”หนิงชิงเสว่ถามด้วยท่าทางสับสนเมื่อได้ยินคำตอบของหนิงชิ
ขณะที่ฉู่เฉินสังเกตชายคนนั้น ชายคนนั้นก็กำลังประเมินฉู่เฉินเช่นกัน เขาดูประหลาดใจที่ได้เห็นชายหนุ่มและหญิงสาวที่อายุน้อยเช่นนี้ แต่แล้วสายตาของเขาก็เปลี่ยนไปที่เทะอิจิโร โฮชิและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังพวกเขาสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างเย็นชา และพูดออกมาตรงๆ “พวกแกเป็นใคร ทำไมพวกแกถึงบุกรุกเข้ามาในแผ่นดินต้าเซี่ย?”น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่เฉินจึงรู้ว่าชายคนนั้นได้เข้าใจผิดมันไม่ใช่ความผิดของชายคนนั้น การปรากฏตัวของเทะอิจิโรและโฮชิเพียงอย่างเดียวก็ทำให้พลเมืองต้าเซี่ยคนใดก็ตามจำพวกเขาได้ว่าเป็นคนญี่ปุ่นพลเมืองญี่ปุ่นมักจะถูกต่อต้านเมื่อพวกเขาปรากฏตัวบนดินแดนของต้าเซี่ย“พี่ชาย ฉันคือฉู่เฉิน อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป สามคนนี้เป็นผู้ติดตามของฉัน” ฉู่เฉินอธิบายอย่างรวดเร็วเนื่องจากเขาคิดว่าชายที่อยู่ตรงหน้าน่าจะเป็นพวกเดียวกัน ฉู่เฉินจึงรู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จะอธิบายชายที่อยู่ตรงหน้าได้ยินฉู่เฉินพูดชื่อตัวเอง ก็ตกตะลึงทันทีเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน“อะไรนะ แกบอกว่าแกชื่อฉู่เฉินเหรอ? แกจะพิสูจน์ได้ยังไง?”“คุณต้องการให้ฉันพิสูจน์ยังไงล่ะ
ทันทีที่ฉู่เฉินมาถึงเมืองหลวง ก็ได้รับสายจากชิงหลง“ฮัลโหล ชิงหลง ฉันช่วยอะไรนายได้บ้าง?”ฉู่เฉินรับสาย และไม่เกรงใจ จากนั้นพูดตรงๆ ออกไป“ฉู่เฉิน เป็นนายจริงๆ หวังเหอเพิ่งโทรมาเพื่อยืนยันน่ะ และฉันก็ยังไม่เชื่อ ฉันไม่คิดว่านายจะกลับมาจริงๆ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?”เสียงของชิงหลงดังออกมาจากโทรศัพท์“เมืองหลวง!”“อะไรนะ เร็วมาก”ชิงหลงประหลาดใจทันที ฉู่เฉินเพิ่งมาถึงเมืองหลวงได้ไม่นาน ด้วยความเร็วขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้เขาไม่ขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทาง"ชิงหลง มีเรื่องอะไรสำคัญหรือเปล่า? ถ้าไม่มีฉันจะวางสาย ตอนนี้ฉันยุ่งอยู่"“โอ้ ฉันโทรมาเพื่อยืนยันว่าคนที่ชายแดนคือนายจริงๆ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเป็นนาย แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว แต่ฉู่เฉิน ระวังตัวไว้หน่อยขณะที่นายกลับมาที่เมืองหลวง ลูกกระจ๊อกของตระกูลหวังยังคงพลิกแผ่นดินตามหานายอยู่” ชิงหลงเตือนเขา“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” เมื่อเห็นว่าชิงหลงสบายดี ฉู่เฉินจึงวางสายและพาหนิงชิงเสว่ไปที่โถงสมุนไพรทันทีอย่างที่คาดไว้ เฉียวหานอวี้ควรจะยังอยู่ในโถงสมุนไพรในอีกไม่กี่นาที ฉู่เฉินก็มาถึงทางเข้าโถงสมุนไพรโดยปกติแล้วไม่มีใครอยู่ที่ทางเ
เมื่อถูกเฉียวหานอวี้ลากตัวไป ฉู่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตามพี่สามให้ทันอาจารย์ของเธอ? หมอเทวดาหลี่ซางกลับมาแล้วหรือ?ในที่สุดฉู่เฉินก็จำได้ว่าอาจารย์ของเฉียวหานอวี้คือใครในส่วนลึกของโถงสมุนไพร ฉู่เฉินได้พบกับหมอเทวดาในตำนานผู้นี้ชายชราผอมแห้งและเนื้อตัวสกปรกเมื่อเห็นเฉียวหานอวี้พาคนแปลกหน้าเข้าไปในห้องของเธอใบหน้าของหลี่ซางดูไม่มีความสุขเลย“หานอวี้ เธอยังไม่ได้แต่งงาน และเธอกลับไปฉุดกระชากผู้ชายอยู่ได้ นี่มันไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง! ปล่อยเขาไปซะ!”มีอารมณ์โกรธและความรักปะปนอยู่ในน้ำเสียงของหลี่ซาง“อาจารย์ นี่คือน้องชายที่ฉันเล่าให้คุณฟัง ฉู่เฉิน และนี่คือน้องสาวฉัน หนิงชิงเสว่”เฉียวหานอวี้อธิบายในขณะที่ปล่อยมือของฉู่เฉิน“นี่คืออาจารย์ของฉัน หมอเทวดาหลี่ซาง”“คารวะผู้อาวุโสหลี่ซาง”ฉู่เฉินและหนิงชิงเสว่โค้งคำนับอย่างเคารพ“นายคือฉู่เฉินใช่ไหม?”“ผู้อาวุโส คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับผมเหรอ?”“ฮึ่ม สร้างความวุ่นวายไปทั่วเมืองหลวงตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ เหตุใดฉันจึงจะไม่รู้จัก”“ผู้อาวุโส ผมถูกบีบบังคับให้ทำ”“ฉันไม่สนใจว่านายจะถูกบีบบังคับหรือเต็มใจทำ ฉันมีลูกศิษย์เพ
เมื่อหลี่ซางพูด ฉู่เฉินและคนอื่นๆ ก็เอนตัวเข้าไปฟังอย่างตั้งใจทันทีหมอเทวดายังไงก็เป็นหมอเทวดาอย่างแท้จริง ฉู่เฉินไม่ได้พูดอะไรเลย และหลี่ซางก็รู้ว่านี่เป็นกายามังกรขับขานที่เป็นปัญหาของฉินปิงเยว่ และในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เอง เขาก็พบวิธีแก้ไข“ผู้อาวุโส มีวิธีการอะไรเหรอ?”ฉู่เฉินเมื่อเห็นหลี่ซางไม่พูดต่อ จึงถามขึ้นหนิงชิงเสว่ก็พูดขึ้นอย่างวิตกกังวลเช่นกัน“ผู้อาวุโส ได้โปรดเธอด้วยเถอะ”แม้แต่เฉียวหานอวี้เองก็อดไม่ได้ที่จะพูดในตอนนี้“อาจารย์ เห็นแก่ลูกศิษย์อย่างฉัน ได้โปรดช่วยเธอด้วย”หลี่ซางมองไปที่สายตาที่คาดหวังของพวกเขาสามคน จึงไม่ลังเลอีกต่อไป และเริ่มอธิบายอย่างช้าๆ“ก็พอมีวิธีอยู่ แต่ในโลกปัจจุบัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสำเร็จ”“ผู้อาวุโสหลี่ซาง คุณหมายถึงอะไร?”“หากต้องการทำลายกายามังกรขับขาน นายจะต้องค้นหามังกรที่แท้จริงหนึ่งเดียวในโลก ต้องรู้ว่า กายามังกรขับขานนั้น แท้จริงแล้วแก่นแท้ของมันก็คือร่างกายมนุษย์ที่มีร่องรอยของสายเลือดมังกรที่แท้จริง หากมังกรที่แท้จริงถอนสายเลือดนั้นออกแล้ว กายามังกรขับขานนั้นก็จะสลายหายไป”“อะไรนะ ร่างของกายามังกรขับขานนั้นเป็นสายเลื
หลี่ซางต้องการไล่คนทั้งสองออกไปจริงๆ“พวกเขาเป็นพี่สาวของฉัน ผู้อาวุโส ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเถอะ”ฉู่เฉินพูดอย่างชัดเจนว่า พี่สาวทั้งสองของเขาไม่ใช่คนนอกเมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เฉินหลี่ซางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดในที่สุด“ฉันไม่คาดคิดว่าคนที่มีสายเลือดมังกรที่แท้จริงจะเป็นนาย ดูเหมือนว่านายจะสืบเชื้อสายมาจากตระกูลฉู่”“ผู้อาวุโสรู้จักตระกูลฉู่ของผมเหรอ และผมเป็นใคร?”ฉู่เฉินอดสงสัยไม่ได้“ฉู่เฉิน สมาชิกคนสุดท้ายของตระกูลชู่ที่รอดชีวิตในเมืองหลวง ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง ฉันเคยอุ้มนายไว้ตั้งแต่แรกเกิด ฉันไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าในพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปกว่ายี่สิบปี และนายก็จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว” หลี่ซางพูดด้วยน้ำเสียงที่หวนคิดถึงอดีต“คุณรู้จักพ่อของผมเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความกระตือรือร้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้“ฉันไม่ได้รู้จักแค่พ่อของนายเท่านั้น ฉันรู้จักคนในตระกูลฉู่เกือบทั้งหมดด้วย”หลี่ซางตอบอย่างใจเย็น ขณะที่เขามองไปที่ฉู่เฉิน“ได้โปรดเล่าให้ผมฟังอีกหน่อยเถอะ ผู้อาวุโส”ฉู่เฉินเร่งเร้า“พ่อของนาย ฉู่ฮ่าวเทียน และฉันได้รู้จักกันตั้งแต่เขายังเด็ก เนื่องจากนิสัยของเขาที
“กลายเป็นมังกรที่แท้จริง? ผู้อาวุโส คุณหมายความว่าตราบใดที่ผมยังคงดูดซับเลือดของมังกรที่แท้จริง ผมจะกลายเป็นมังกรในที่สุดเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความไม่เชื่อ“ถูกต้อง นี่คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกายามังกรขับขาน และอีกเหตุผลพื้นฐานสำหรับการล่มสลายของตระกูลฉู่ของนาย”หลี่ซางเปิดเผยความลับอันยิ่งใหญ่ฉู่เฉินยังคงไม่เข้าใจ“ผู้อาวุโส เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับการล่มสลายของตระกูลฉู่เหรอ?”“เมื่อก่อน มังกรที่แท้จริงสถิตอยู่ในดินแดนเร้นลับของตระกูลฉู่และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ฉันไม่รู้ว่าได้ยินข่าวว่ามังกรที่แท้จริงได้รับบาดเจ็บมา ดังนั้นจึงมีคนบางคนที่มีเจตนาร้ายและร่วมมือกับกองกำลังจำนวนมาก เพื่อบังคับให้พ่อของนายส่งมอบมังกรที่แท้จริงมา ซึ่งพ่อของนายไม่เห็นด้วย และในท้ายที่สุด พวกเขาก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด การต่อสู้ครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อทั้งโลก ทำให้ตอนนี้ จักรพรรดิวรยุทธก็ไม่สามารถย่างเท้าเดินในโลกได้อีก และนั่นก็เป็นเพราะการต่อสู้ในครั้งนั้น แม้ว่าพ่อของนายจะต่อสู้จนถึงที่สุด แต่ตระกูลฉู่ก็ถูกทำลาย ส่วนมังกรที่แท้จริงก็สลายไป รวมถึงพ่อของนายและดินแดนเร้นลับทั้งหมดก็หายไปด้วย”“อะไรนะ
ตอนนี้เหลือแค่วิหารวรยุทธเพียงแห่งเดียวฉู่เฉินตัดสินใจอย่างลับๆ ว่า ตราบใดที่หาที่ตั้งของวิหารวรยุทธ จะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด“ไอ้หนู การหาวิหารวรยุทธนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ทั้งยังมีตำหนักอสูรอยู่เบื้องหลังด้วย”เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินตัดสินใจแล้ว หลี่ซางก็รู้สึกไม่สบายใจและยังเตือนเขาอีกตำหนักอสูร!แม้ว่าฉู่เฉินจะไม่คุ้นเคยกับนิกายต่างๆ ของโลกยุทธภพ แต่ก็เคยได้ยินชื่อนี้ในบรรดา "สองนิกาย สามตระกูล และสี่ตำหนัก" ตำหนักอสูรเป็นหนึ่งในสี่ตำหนัก แต่ชื่อเสียงของที่นี่ยังเหนือกว่านิกายและตระกูลอื่นๆ ด้วยอีกหนึ่งเหตุผลหนึ่งเพราะตำหนักอสูรนี้เป็นองค์กรนักฆ่าจากระดับล่างไปจนถึงระดับสูง ทั้งหมดล้วนเป็นนักฆ่า ตราบใดที่สามารถจ่ายค่าจ้างได้ แม้แต่หัวหน้าตำหนักอสูรเอง ก็สามารถจ้างมาทำภารกิจได้ด้วยเช่นกัน“ตำหนักอสูรก็เลยลงมือในตอนนั้น?”ฉู่เฉินตั้งคำถาม“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น อย่าด่วนสรุปนะไปไอ้หนู”หลี่ซางปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเขาเกรงว่าจะโดนลากเข้าไปยุ่งฉู่เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้เมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนั้น“นายยังเด็ก แต่นายมุ่งมั่นกับการแก้แค้นมากเกินไป นี่คือคำเชิญเข้าร่วม
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่