บทที่ 72 ความอัปยศในครั้งนั้นได้รับการชำระคืนแล้วอย่างสาสม! ep 2ขณะเดียวกันอัครเสนาบดีหลิวที่ไม่รู้ว่าแผนการของเขาผิดพลาด ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงอันดังว่า“ไม่รู้ว่าเสนาบดีเจียงเฉินที่บอกว่าปวดศีรษะเข้าไปพักในห้องพักตั้งนานแล้วเหตุใดจึงยังไม่ออกมา เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า เจ้าพาข้าไปหาบุตรเขยของข้าหน่อยสิ” การแสดงที่แสนจะไม่ได้เรื่องของอัครมหาเสนาบดีเจียงเริ่มขึ้น จากนั้นก็มีเสียงของนางกำนัลคนหนึ่งดังขึ้นมาว่า“เอ้ะ…ข้าก็ได้ยินว่าแม่นางเฟิงซิ่วเหยาก็เข้าไปพักที่ห้องพักเช่นกันนะเจ้าคะ ข้าเป็นคนส่งนางเข้าไปในห้องแล้วด้วย” การแสดงที่ค่อนข้างแย่ของพวกเขา แต่ก็ดึงความสนใจของเหล่าพวกขุนนางและฮูหยินได้มากทีเดียว พวกเขารู้ทันทีว่าจะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลให้พวกเขาได้ชมอย่างแน่นอน …ดีไม่ดีอาจจะเป็นเรื่องใหญ่อื้อฉาวที่พวกเขาชอบ ไม่คิดมากพวกเขาจึงร่วมแสดงทันที…“อะไรนะ!! หายไปด้วยกันทั้งคู่เช่นนั้นหรือ!!” เสียงของเสนาบดีชราท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นมาและทำสีหน้าอยากรู้อยากเห็นมากๆ ด้วย“อย่าบอกนะว่า!!!” เพื่อนของเขาที่ยืนอยู่ใกล้รีบเสริมทันที…“เฮ้ออ…วัวเคยขาม้าเคยขี่พวกเจ้าว่าพวกเขาจะอดใจไหวหรือ”เสียงขอ
บทที่ 73 การเอาคืนของตระกูลเฟิงเมื่อกลับถึงจวนแม่ทัพซู่หลิง ความเงียบสงบของสถานที่นี้ช่วยให้เฟิงหย่าเสวี่ย มีเวลาคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง นางนั่งอยู่ในห้องที่เงียบสงบ มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นทิวทัศน์ของสวนสวยงามภายในจวนของแม่ทัพซู่หลิง แต่ในใจของนางกลับว้าวุ่นและเต็มไปด้วยความเคียดแค้น นางคิดถึงเสนาบดีเจียงเฉินผู้นั้น ชายที่เห็นแก่ตัวเช่นนั้นที่เป็นพ่อของนาง ผู้ชายที่เคยทำให้ท่านแม่ของนางหัวใจแหลกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งต้องออกจากจวนเจียงไปสร้างตระกูลเฟิงขึ้นมาเอง ภาพเหตุการณ์ในวังหลวงยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำ การที่เสนาบดีเจียงเฉินพยายามทำลายชื่อเสียงของท่านแม่ต่อหน้าขุนนางทั้งหลาย เพียงเพราะความโลภในสูตรผลิตเกลือและแหวนมิติ ช่างเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ เขาไม่คิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา หากว่าแผนการของเขาสำเร็จท่านแม่ของนางมีชีวิตอยู่กับความอดสูนั้นได้อย่างไร…ช่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจจริงๆ .."เสนาบดีเจียงเฉิน.." เสียงของนางเบาแผ่ว "ท่านทำให้ข้าผิดหวังเหลือเกิน"เฟิงหย่าเสวี่ยพยายามระงับอารมณ์ แต่นางรู้สึกว่าความโกรธนี้ไม่สามารถที่จะระงับได้อีกต่อ
บทที่ 74 มอบเงินช่วยเหลือเมืองอวี้ไห่ / ความคิดถึงเมื่อเฟิงหย่าเสวี่ยกลับมาถึงเมืองอวี้ไห่ นางรู้สึกได้ถึงความเงียบสงบและความอบอุ่นของบ้านเมืองนี้ หลังจากวันคืนที่เต็มไปด้วยความโลภ การวางแผนและความวุ่นวายที่เมืองหลวง มังกรชิงหลงได้นำทรัพย์สินที่มีค่ามากมายกลับมาด้วย จากการปล้นจวนเสนาบดีเจียงเฉินและตระกูลหลิว นางถึงกับต้องถอนหายใจเมื่อนับดูจำนวนแล้วพบว่ามันมีมากถึงเกือบ 200 ล้านตำลึง ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มหาศาลยิ่ง ไม่รู้ว่าไปคดโกงใครเขามาบ้าง เพราะดูจากพฤติกรรมของทั้งคู่เป็นไปได้ยากที่ทรัพย์สินเหล่านี้จะได้มาด้วยความสุจริตยุติธรรมเฟิงหย่าเสวี่ยและป้าจวงนั่งอยู่ในห้องเก็บสมบัติที่นางได้สร้างเอาไว้ เรื่องนี้นางไม่ได้บอกท่านแม่เพราะว่าไม่อยากให้นางคิดมาก ดังนั้นทั้งสองป้าหลานจึงได้จัดการกันเอง ทั้งสองกำลังมองดูและนับสมบัติที่มังกรทองชิงหลงนำกลับมา เฟิงหย่าเสวี่ยมองกองสมบัติที่มีทั้งทองคำ เครื่องประดับ และเงินตำลึงที่ซ้อนกันจนสูง นางถึงกับต้องถอนหายใจอีกครั้ง"ป้าจวงเจ้าคะ นี่มันมากมายเกินกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก" เฟิงหย่าเสวี่ยกล่าวขณะที่นางยื่นมือไปสัมผัสเงินตำลึงทองที่วางเรียงรายในห
บทที่ 75 สงคราม/ผู้อพยพจากดินแดนทางเหนือการพัฒนาเมืองอวี้ไห่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ได้รับเงินสนับสนุนจากเฟิงหย่าเสวี่ย เมืองเล็ก ๆ ที่เคยเงียบสงบกลับกลายเป็นที่รู้จักและโด่งดังไปทั่วอย่างรวดเร็ว เหล่านักเดินทางที่ผ่านมาทางเมืองนี้ต่างพากันพูดถึงว่า เมืองอวี้ไห่เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างมาก ผู้คนต่างพากันพูดถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน สถานพยาบาลขนาดเล็กที่กระจายไปตามหมู่บ้าน ซึ่งช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเดินทางเข้ามาในตัวเมืองหลัก ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหน้าที่เมืองยังได้รับการฝึกฝนและได้รับรางวัลที่ทำให้ทุกคนมีแรงใจในการทำงานเพื่อประชาชนมากขึ้นความร่วมมือร่วมใจของประชาชนและเจ้าหน้าที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมืองอวี้ไห่เปลี่ยนแปลงไปจนแทบจะจำไม่ได้ ถนนหนทางที่เคยเป็นดินแดงกลายเป็นถนนหินที่แข็งแรง บ้านเรือนที่เคยทรุดโทรมได้รับการซ่อมแซมจนดูสวยงาม เด็กๆ ที่เคยเล่นอยู่ข้างถนนตอนนี้ได้เข้าเรียนหนังสือกันถ้วนหน้า"ข้าได้ยินมาว่าเมืองอวี้ไห่เจริญขึ้นมากเลยนะ"พ่อค้าวัยกลางคนคนหนึ่งพูดคุยกับเพื่อนร
บทที่ 76 ปิดประตูเมืองณ ประตูเมืองหลวงแคว้นต้าโจว ประชาชนที่อพยพมาจากทางดินแดนเหนือที่เกิดสงครามส่วนหนึ่งได้หยุดที่เมืองหลวง พวกเขาหวังที่จะพึงพระบรมโพธิสมภารขององค์ฮ่องเต้ประกอบกับหิมะตกหนักลงมาพอดี แต่ว่าสถานการณ์ที่หน้าประตูเมืองตอนนี้กำลังเลวร้ายลงทุกขณะ ผู้อพยพจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามาถูกจัดให้อยู่อย่างแออัดในพื้นที่ชั่วคราวรอบนอกเมือง ไม่มีการจัดระเบียบที่ดีพอ ทั้งเรื่องสุขอนามัยและความเป็นอยู่ อากาศเหน็บหนาวกัดกร่อนทั้งร่างกายและจิตใจของเหล่าผู้อพยพที่ยังไม่สามารถที่จะเข้าไปในเมืองหลวงได้หิมะโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อนจนแผ่นดินกลายเป็นสีขาวโพลน ต้นไม้ยืนตายแห้งเหี่ยว และลมหนาวก็โบยตีราวกับมีชีวิต ผู้คนที่ไร้บ้านไร้ที่พึ่งได้แต่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มบางๆ ที่แทบไม่อาจต้านทานความหนาวนี้ได้ ภาพของผู้อพยพที่ซ่อนเร้นอยู่ตามมุมเมืองหรือนอนแออัดอยู่ตามชั่วคราวเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน ดวงตาที่เคยเปล่งประกายกลับมืดหม่น หมดสิ้นทั้งความหวังและพลังใจภายในห้องพระโรง ตอนนี้เหล่าเสนาขุนนางต่างก็ประชุมกันด้วยความเครียดเคร่ง หลังจากได้รับรายงานสถานการณ์ของหน้าประตูเมือง ท่านอัครเสนาบดีหลิวซึ่งเพราะ
บทที่ 77 โรคระบาด ep 1 ไม่นานข่าวการระบาดก็แพร่สะพัดไปทั่วเมือง คุณหนูตระกูลหลี่ล้มป่วยตามด้วยบุตรชายตระกูลจาง เหล่าขุนนางและคนรวยต่างแย่งชิงหมอหลวงให้มารักษาครอบครัวของตน"ข้าจะให้ทองคำ 100 ตำลึง! ขอให้ท่านหมอมารักษาลูกสาวข้าก่อน!" เศรษฐีพ่อค้าตะโกน"200 ตำลึง! ข้าให้ 200 ตำลึง!" อีกคนเสนอหมอหลวงถูกแย่งชิงด้วยเงินทอง ในขณะที่ชาวบ้านธรรมดาได้แต่มองดูลูกหลานของตนทุรนทุรายด้วยความทุกข์ใจ"ทำไม... ทำไมลูกคนจนถึงต้องตายทั้งที่ยังไม่ได้รับการรักษา?" แม่ค้าผักคนหนึ่งร่ำไห้ข้างร่างไร้ลมหายใจของลูกชายในจวนของอัครมหาเสนาบดีหลิว บรรยากาศเต็มไปด้วยความหวาดกลัว อัครมหาเสนาบดีหลิวตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาอีกครั้งหนึ่ง"เตรียมรถม้า! เราต้องออกจากเมืองนี้เดี๋ยวนี้!" เขาสั่งคนรับใช้"แต่นายท่าน... แล้วประชาชนล่ะ?" ฮูหยินหลิวเอ่ยถาม เพราะนางก็ได้รับรู้ว่าสามีของนางนั้นได้รับบัญชาให้ดูแลพวกผู้อพยพ หากว่าหนีหายไปเช่นนี้จะไม่ต้องรับโทษหรือ อีกอย่างประชาชนเหล่านั้นเล่า…"ช่างพวกเขาเถอะ! ชีวิตเราสำคัญกว่า!" เสียงของอัครมหาเสนาบดีหลิวเอ่ยอย่างไม่แยแสแต่แล้ว เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากห้องบุตรชาย
บทที่ 78 โรคระบาด ep 2จวงหลิวอวี้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม มือข้างหนึ่งจับจูงนายน้อยเฟิงหยวนเจี๋ยที่ยืนอยู่เคียงข้างอย่างมุ่งมั่น ส่วนเฟิงหย่าเสวี่ยก็เดินมานางมาติดๆ นางชูตราสัญลักษณ์ของแม่ทัพซู่หลิงขึ้นสูง ตราสัญลักษณ์นั้นส่องแสงประกายท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย ทหางรักษาประตูเมืองต่างมองด้วยความตกตะลึงและเคารพ พวกเขาล้วนจำตราแม่ทัพใหญ่ซู่หลิง และพวกเขาก็เคยได้ข่าวที่ว่าท่านแม่ทัพมีฮูหยินแล้วและก็เป็นถึงหมอหัตถ์เทวะ และการมาของนางครั้งนี้นั้น คือความหวังของพวกเขาจริงๆ นางเป็นหมอย่อมมาช่วยอย่างแน่นอน ป้าจวงมองดูเหล่านายทหารและกล่าวด้วยเสียงที่หนักแน่นและทรงพลัง"ข้ามียาที่สามารถรักษาโรคระบาดนี้ได้ จึงประตูเมืองให้พวกเราผ่านเข้าไป"แววตาของนางเฉียบขาด ขณะที่มืออีกข้างจูงนายน้อยเฟิงหยวนเจี๋ยไว้แน่น เฟิงหยวนเจี๋ยเงยหน้ามองนางด้วยความศรัทธา นางไม่ใช่เพียงหมอหัตถ์เทวะที่มีความสามารถล้นเหลือ แต่ยังเป็นผู้ที่ปกป้องและนำทางเขาผ่านความยากลำบาก นายน้อยตัวน้อยยิ้มออกมาอย่างน่ารัก ป้าจวงของเขาช่างเท่อย่างที่พี่ใหญ่ชอบพูดจริงๆ โตขึ้นเขาก็อยากจะเท่แบบป้าจวงบ้าง ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเคร
บทที่ 79 คิดค่ารักษาตามฐานะเมื่อจัดการกับเหล่าผู้อพยพเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมนั้นดีขึ้นมาก เหล่าผู้อพยพได้รับทั้งอาหาร เสื้อผ้า และยารักษา ตอนนี้พวกเขาดีขึ้นมาก เฟิงหย่าเสวี่ยยังขอให้ทางการจัดการเรื่องที่อยู่พวกเขาใหม่อีกครั้ง ตอนนี้เหล่าผู้อพยพต่างก็มีความสุข พวกเขาอิ่มท้องและได้ที่นอนเสื้อผ้าที่อบอุ่นจริงๆ ตระกูลเฟิงและฮูหยินท่านแม่ทัพทำตามที่พูดเอาไว้จริงๆ ด้วย ชื่อเสียงของพวกนางจึงกระจายไปอย่างรวดเร็ว"ท่านแม่ ท่านแม่ดูสิ! พวกเขาเอาอาหารมาแจกเราอีกแล้ว!" เด็กน้อยคนหนึ่งร้องด้วยความดีใจ ขณะที่เขาดึงเสื้อของมารดาเบาๆ"ใช่แล้วลูก พวกเขาไม่เพียงแต่รักษาโรค แต่ยังนำอาหารและเสื้อผ้ามาให้เราอีกด้วย สวรรค์ไม่ได้ทอดทิ้งพวกเราเลย" มารดาเด็กพูดพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า เธอหันไปมองเฟิงหย่าเสวี่ยและเฟิงหยวนเจี๋ยที่กำลังทำงานด้วยความซาบซึ้งใจชายชราผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กล่าวขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ "ข้าไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่เสียสละเช่นนี้มาเพื่อช่วยเหลือเรา ขอบคุณแม่ทัพซู่หลิง ขอบคุณฮูหยินท่านแม่ทัพ และตระกูลเฟิง...""ใช่แล้ว ท่านหมอจวงหลิวอวี้ช่วยเราทุกคนโดยไม่คิดถึงความเหน็ดเหนื่อย พ
ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...“…อา อื๊อ อี้หลง”เจิ้งอี้หลงใช้ความจัดเจนดูดดุนปลายลิ้นกับทรวงอกอวบสวยทำให้นางแอ่นหน้าอกขึ้นมาด้วยเสียวซ่าน ขณะที่มืออีกข้างก็เขี่ยคลึงเล่นไปที่ปลายถันที่ยังว่างอยู่จนยอดแข็งชันสู้มือหญิงสาวส่ายร่างบิดไปมาบนที่นอนด้วยด้วยความกระสันซ่าน อารมณ์ปรารถนาของนางถูกปลุกเร้าจนตื่นเพริศ เนื้อตัวเร่าร้อนไปหมดนางปรารถนาเขาจริงๆ ส่วนเจิ้งอี้หลงนั้น เมื่อหญิงสาวตอบสนองและไม่หวงเนื้อหวงตัว เขาจึงจัดเต็มตามอารมณ์ที่เก็บกดไว้ ริมฝีปากของเขาหยอกเย้าดูดดุนอยู่ที่ปลายถัน ส่วนมือก็บีบเค้นปทุมถันอวบใหญ่แรงขึ้นจนผิวขาวๆ เริ่มเป็นจ้ำสีแดงตามรอยมือและปาก จนเมื่อเขาละริมฝีปากจากปลายถันก็เล็มไล้ไต่ลงมาที่เนินหน้าท้อง แล้วซุกไซ้จมูกและปากอยู่ที่สะดือสวย ก่อนจะใช้นิ้วเลื่อนลูบไปที่เนินเนื้อโหนกนูนที่บิดส่ายอยู่ใต้ร่างเขา“อ๊า…อี้หลงค่ะ ฉัน..”หญิงสาวสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แล้วจับข้อมือชายหนุ่มไว้ เจิ้งอี้หลงยกยิ้มที่มุมปากและค่อยดึงมือของเขาออก และยกมือของนางมาจูบและรวบดูดปลายนิ้วเล็กเรียวแสนสวยนั้นเสียเลย เฟิงหย่าเสวี่ยตัวอ่อนระรวย ไม่มีแรงที่จะห้ามปรามเขาเสียแล้ว… (เฮ้อช่าง
ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1ค่ำคืนอันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้ายามราตรีเหนือพระราชวังต้าหมิงสว่างไสวไปด้วยแสงประกายของดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นสูง สาดส่องท้องฟ้าด้วยสีสันอันตระการตา เสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านผสมผสานกับเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของเหล่าประชาชนที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความปลื้มปีติภายในพระราชวังงานเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีแห่งการครองราชย์ของฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกำลังดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่ ท้องพระโรงอันวิจิตรตระการตาประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสี เสนาอำมาตย์และขุนนางจากทั้งแคว้นต้าหมิงและแคว้นต้าโจวต่างมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความยินดีและสรรเสริญความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสองแคว้นฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงประทับบนบัลลังก์แกะสลักมังกร พระพักตร์เปี่ยมด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ขณะที่เฟิงฮองเฮา หรือเฟิงหย่าเสวี่ยนั่งเคียงข้างพระสวามี สวมอาภรณ์สีเหลือทองประดับประดาอย่างงดงามสมเกียรติสะท้อนความงดงามหยดย้อยของนางอย่างชัดเจน แววตาของนางแสดงถึงความมุ่งมั่นและความรักและความเมตตาที่มีต่อแผ่นดินและประชาชน"กระหม่อมขอกราบบังคมทูล" เสนาบดีอาวุ
ตอนพิเศษ 2 สองสุดยอดแพทย์แห่งยุคภายในห้องผ่าตัดขนาดกลางที่ถูกดัดแปลงอย่างพิถีพิถัน แสงจากโคมไฟหลากดวงส่องรวมตรงกลาง เผยให้เห็นเตียงผ่าตัดที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บนเตียงมีชายชราผู้สูญเสียขาจากสงครามนอนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาชา รอบข้างเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ดูแปลกตาสำหรับแพทย์จำนวนไม่น้อยในยุคนี้วันนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่หลายคนต่างพูดถึง เพราะจะมีการผ่าตัดเพื่อใส่ขาเทียมให้กับผู้ป่วยที่ขาพิการโดยผู้นำการผ่าตัดคือนายท่านเฟิงหยวนเจี๋ย คุณชายหมอเทวดาซึ่งกำลังมีชื่อเสียงขจรขจาย และถือเป็นคุณชายเนื้อหอมมากๆ ผู้หนึ่งของแคว้นต้าหมิง และอีกผู้ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งก็คือฮองเฮาเฟิงหย่าเสวี่ย ซึ่งแม้ร่างกายเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน แต่ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร และการผ่าตัดในครั้งนี้ก็เป็นการที่นางต้องการที่จะทำด้วย และวาระสำคัญเช่นนี้ฮ่องเต้ของทั้งสองแคว้นนั้นไม่รอช้าที่จะส่งนายแพทย์มาเพื่อศึกษาดูงาน ซึ่งฮองเฮาเฟิงนั้นก็ยินดีที่จะให้พวกเขาได้เรียนรู้ในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยเหล่าแพทย์ของจากทั้งสองแคว้นคือแคว้นต้าโจวและต้าหมิงรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ทางด้านหลังเพื่อศึกษาขั้นตอนในก
ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์หลังจากที่เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นคืนสติ ข่าวดีนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งประชาชนแคว้นอวี้ไห่และประชาชนแคว้นต้าหมิงต่างก็ความสุขที่ได้รับรู้ว่าเฟิงฮองเฮานั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เมืองอวี้ไห่ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ดอกเหมยท้อบานสะพรั่งทั้งสวนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ภายในสวนที่จัดแต่งเอาไว้อย่างงดงามนั้นมีเสียงหัวเราะและบทบทสนทนาของคนในครอบครัวเฟิงที่นั่งล้อมวงคุยกันอยู่ เฟิงหย่าเสวี่ยหลังจากฟื้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งจากอาจารย์ของนาง ท่านป้าจวงและเฟิงหยวนเจี๋ยที่มักจะนำยาบำรุงชั้นเลิศที่เขาคิดค้นขึ้นมาสำหรับนางโดยเฉพาะมาให้ดื่มเสมอ ทำให้ร่างก่ายของนางนั้นแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สมกับที่นางนั้นได้ตกอยู่ในมือของเหล่าหมอเทวดาจริงๆ"ท่านแม่" เฟิงหย่าเสวี่ยเอ่ยเรียกเฟิงซิ่งเหยาที่กำลังนั่งปักรองเท้าอยู่ในสวนดอกไม้ "ท่านแม่ดูอิ่มเอิบขึ้นมากเลยนะเจ้าคะ" เฟิงซิ่งเหยายิ้มอายๆ ขณะที่มือลูบท้องน้อยที่เริ่มนูนขึ้น"เสด็จพ่อของเจ้านี่สิ... ตั้งแต่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์บุตรคนนี้ก็เอาแต่แพ้ท้องแทนข้า กินไม่ได้นอนไม่หลับวิงเวียนอยู่ตลอดเ
บทที่ 163 จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างโรงพยาบาลในยุคปัจจุบัน เฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวากลับสับสนเล็กน้อย ราวกับจิตวิญญาณของนางยังคงล่องลอย เธอมองเพดานสีขาวสะอาดและพยายามดึงความทรงจำที่กระจัดกระจายกลับคืนมาเธอถูกพาออกจากโลกแห่งยุคโบราณและกลับมายังยุคปัจจุบัน ร่างกายของนางอ่อนแอแต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความทรงจำอันเจ็บปวด นางนึกถึงผู้คนที่นางได้ช่วยเหลือและเสียสละเพื่อพวกเขา นึกถึงท่านแม่และเจ้าเล็กหากว่าพวกเขารู้ข่าวจะเป็นอย่างไรนะ…คงจะเศร้าเสียใจอย่างแน่นอน..ไหนจะป้าจวงที่จะต้องรู้สึกผิดที่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือนางได้ จากนั้นน้ำตาไหลของนางก็ออกมาเงียบๆ ขณะที่นางพึมพำชื่อคนที่คุ้นเคยจากโลกอีกใบหลังจากนั้น เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นตัวและกลับไปดำเนินชีวิตในฐานะจิตรกร นางใช้ศิลปะในการแสดงความรู้สึกและความทรงจำจากอดีต ทุกภาพที่นางวาดล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการเสียสละและความหวัง นางกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียง ผู้คนต่างหลงใหลในผลงานของนางโดยไม่รู้ว่านั่นคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่นางเคยผ่านพ้นมา แต่ทว่าพู่กันชิงหลงที่เธอใช
บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?“จบแล้ว...” เฟิงหย่าเสวี่ยพึมพำ เสียงแผ่วบางราวกับสายลมที่พัดผ่านใบไม้ร่วง ร่างบางของนางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ ราวกับวิญญาณที่กำลังหลุดลอยไปจากโลกนี้“คุณหลีหนิง!” เสียงของเจิ้งอี้หลงดังขึ้นด้วยความตกใจ พระองค์รีบพุ่งเข้ามาประคองร่างของนางไว้ในอ้อมพระกร พระพักตร์ซีดเผือด น้ำพระเนตรเอ่อคลอ “คุณหลีหนิง! ลืมตาขึ้นมา! อย่าทิ้งข้าไปแบบนี้!”ดวงตาของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างยากลำบาก เปลือกตาที่หนักอึ้งเผยให้เห็นดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความอ่อนล้าและเศร้าสร้อย ริมฝีปากซีดเผือดสั่นระริก “อี้หลง... ข้า... ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...”“ไม่เป็นไร ข้าอยู่ตรงนี้” เจิ้งอี้หลงพูดด้วยน้ำเสียงสั่น มือหนาลูบใบหน้าซีดขาวของนางอย่างอ่อนโยน ราวกับพยายามปลอบประโลมความเจ็บปวดของนาง “เจ้าอย่าพูดแบบนี้ เจ้าจะไม่เป็นอะไร ข้าสัญญา...”เฟิงหย่าเสวี่ยพยายามยกมือที่อ่อนแรงขึ้นแตะใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเจิ่งอี้หลง มือที่เย็นเฉียบสั่นระริกจนเจิ้งอี้หลงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง “ข้า... ใช้พลังทั้งหมดแล้ว... ทุกหยด... ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือน... เหมือนวิญญาณกำลังหลุดลอย
บทที่ 161 ข้าได้บอกเจ้าหรือยังว่าอาจารย์ของข้าคือ จวงหลิวเฟิง!!!เฟิงหย่าเสวี่ยถูกกับไป่เหลียนใช้มีดจี้ที่คอและถูกจับเอาไว้ พยายามนิ่งมากที่สุดแม้ว่าตอนนี้นางแmบจะไม่มีแรงที่จะยืนแล้ว ขณะนั้นเองมือขวากำเข็มเงินแน่น สายตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของอีกตนที่ตอนนี้ทุกคนต่างก็ล้อมไป่เหลียนเอาไว้ ทุกทางส่วนกองทัพเด็กของนางนั้นต่างก็ถูกช่วยเหลือและพาออกจากสถานที่นี้แล้ว ทำให้ตอนนี้กลางลานนั้นมีเพียงนางเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่พร้อมกับตัวประกันของนางที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดด้วย"เจ้าคิดว่าตัวเองจะหยุดข้าได้หรือ?" ไป่เหลียนเอ่ยเสียงเย็น พลางหันมองดวงหน้าที่งดงามของนังเด็กบ้าผู้นี้…เหตุใดนางถึงได้งดงามเช่นนี้แม้ว่าตอนนี้หน้าของนางจะซีดเซียวมากก็ตาม ไป่เหลียนคิด ดวงตาฉายแววอำมหิตขึ้นมาอีกครั้ง "เด็กน้อยอย่างเจ้า ช่างงดงามเสียจริงหากว่าความงามของเจ้าเป็นของข้าคงจะดีไม่น้อย ฮ่าฮ่าฮ่า!" นางพูดขึ้นมา พลางพยักหน้ากับความคิดของตัวเอง และคิดหาทางที่จะใช้ประโยชน์จากความเยาว์วัยนี้ให้ได้"ข้ารู้ว่าท่านกำลังทำผิด" เฟิงหย่าเสวี่ยตอบเสียงมั่นคง มือยังคงกำเข็มเงินแน่น "ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การทำร้ายผู้บริสุท
บทที่ 160 เจ้าแพ้แล้ว!!จวงหลิวอวี้จ้องมองเหตุการณ์ที่เบื้องหน้าอย่างแน่นิ่ง สายตาของนางจับจ้องเฟิงหย่าเสวี่ยที่ยกพู่กันชิงหลงขึ้นมา เสียงหัวใจเต้นหนักหน่วงในอกบอกให้นางรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก นางรีบพุ่งตัวเข้าหาหลานสาวทันที มือแข็งแรงคว้ามือที่กำพู่กันไว้แน่นก่อนที่จะทันได้วาดอะไรลงในอากาศ“อะไรก็ตามที่เจ้าคิดจะทำและเสียสละ...จงหยุดมันเดี๋ยวนี้!!!” จวงหลิวอวี้เอ่ยเสียงดัง สายตาของนางเต็มไปด้วยความกังวลและห่วงใยเฟิงหย่าเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมองป้าจวง ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความรักและเคารพที่นางมีต่อผู้ที่คอยปกป้องและดูแลมาตลอด ทว่าในแววตานั้นกลับแฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง“ท่านป้า...” เฟิงหย่าเสวี่ยพูดเสียงสั่น ดวงตาเริ่มเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา “ข้าขอโทษ...” คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความอาลัยจวงหลิวอวี้มองหลานสาวอย่างตกตะลึง นางยื่นมือไปจับใบหน้าของเฟิงหย่าเสวี่ย “เสวี่ยเออร์... เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เจ้าคือความหวังของตระกูลเฟิง! ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียสละตัวเองเด็ดขาด เจ้านึกถึงท่านแม่และน้องชายของเจ้าสิพวกเขาจะเป็นอย่างไร หากว่า
บทที่ 159 ฉันขอทำหน้าที่ของฮองเฮาที่กล้าเสียสละเพื่อลูกหลาน"และนี่คือผลงานชิ้นเอกของข้า!" ไป่เหลียนผายมือไปที่เด็กๆ "พิษที่ไม่เพียงทำลายร่างกาย แต่ยังบดขยี้จิตวิญญาณ ทำให้พ่อแม่ต้องเห็นลูกของตัวเองกลายเป็นเครื่องมือสังหาร! ความทรมานทั้งผู้ใช้และผู้ถูกใช้ นี่คือสิคือสิ่งที่เรียกว่าพิษที่ดีที่สุดที่ที่ข้าสามารถสร้างขึ้นมาได้ ไม่เพียงทำลายหนึ่งแต่ทำลายได้ทั้งครอบครัวฮ่าฮ่าฮ่า!" เสียงหัวเราะของนางดังลั่นไปทั่วเฟิงซินซินร้องไห้จ้า มือน้อยๆ กำพู่กันแน่นดวงตาเล็กๆ ของนางมองไปที่เหล่าเด็กๆ ที่ถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดเป็นร่างที่ไร้ชีวิต"นางสละความเป็นมนุษย์... แลกกับพลังแห่งความชั่วร้าย ยิ่งมีผู้ถูกพิษตาย พิษก็ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งมีผู้ทุกข์ทรมาน พิษก็ยิ่งร้ายกาจ... วงจรแห่งความชั่วร้ายที่ไม่มีวันสิ้นสุด!"จวงหลิงเฟิงสะท้านเฮือก "นี่มัน... เกินกว่าที่มนุษย์คนใดจะทำได้ไป่เหลียนเจ้านี่มันกู่ไม่กลับจริงๆ ไม่เคยสำนึกถึงความผิดของตัวเอง..""ฮ่าฮ่าฮ่า!!!นี่เจ้ารู้ได้อย่างไรเพื่อนรักว่าข้าไม่ใช่มนุษย์แล้ว!" ไป่เหลียนตะโกนก้องและหันมาจ้องมองเพื่อนรักในอดีตที่ได้กลายมาเป็นศัตรูคู่แค้น และเพราะความแค้น