บทที่ 36 สึนามิ!!"ไม่... ไม่นะ..." นางพึมพำกับตัวเอง พลางสูดหายใจเข้าลึก พยายามควบคุมความหวาดกลัวที่เริ่มเกาะกุมจิตใจเสียงของนางดังก้องไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านที่กำลังเดินกลับบ้านอย่างเพลิดเพลินหยุดชะงัก พวกเขาหันมามองตามเสียงของนายหญิงน้อยด้วยความงุนงง "เกิดอะไรขึ้นหรือ ท่านนายหญิงน้อย?" บางคนถามด้วยเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย"น้ำทะเล! มันกำลังลดลงเร็วเกินไป!" เฟิงหย่าเสวี่ยตะโกน นางวิ่งเข้ามาหาชาวบ้านที่อยู่ใกล้ "มันเป็นสัญญาณของคลื่นยักษ์! พวกเราต้องหนีขึ้นที่สูงเดี๋ยวนี้!"ชาวบ้านเริ่มมองไปยังทะเล บางคนยังคงงุนงง แต่บางคนที่เริ่มเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เริ่มร้องเตือนและชักชวนคนอื่น ๆ "คลื่นยักษ์! เร็วเข้า ทุกคน รีบหนีขึ้นที่สูง!"ขณะที่ชาวบ้านหันไปมองทะเลพวกเขาเห็นคลื่นยักษ์ที่กำลังรวมตัวกันและกำลังพุ่งเข้าหาฝังซึ่งก็คือเมืองอวี้ไห่ของพวกเขานั้นเอง พวกเขาต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ มือไม้สั่นขาสั่นจนก้าวขาไม่ออก หลายคนต่างก็ทิ้งข้าวของในมือ หลายคนยัดมันใส่เสื้อและวิ่งไปลากจูงคนที่ยังตกตะลึงเฟิงหย่าเสวี่ยเห็นชาวบ้านต่างก็วิ่งสับสนวนว่ายไปทั่วนางหันหลังและเดินไปข้างหน้าที่ชายหาด"คุ
บทที่ 37 ข่าวลือเรื่องมังกรทองแห่งตระกูลเฟิงหลังจากเหตุการณ์นั้น ชาวเมืองอวี้ไห่ต่างก็ร่ำลือถึงคุณหนูเฟิงหย่าเสวี่ยแห่งตระกูลเฟิงผู้ที่ปกป้องชาวบ้านไว้จากหายนะครั้งใหญ่ บางคนเล่าขานว่านางเป็นเทพธิดาที่ถูกส่งมาจากสวรรค์เพื่อปกป้องเมืองนี้ บ้างก็กล่าวถึงความงดงามของเฟิงหย่าเสวี่ย ราวกับเทพธิดาที่มาเยือนโลก ภาพที่แสนกล้าหาญและเสียสละของนาง ที่ยืนอยู่ตรงหน้าชายหาดเพียงลำพังภาพนั้นมันทั้งโดดเดี่ยวและยิ่งใหญ่ในสายตาของพวกเขาที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อที่จะปกป้องพวกเขาซึ่งยังคงตราตรึงใจความทรงจำ นางมีใบหน้าที่งดงามดุจภาพวาด ดวงตาคมสวยที่ส่องประกายราวกับดวงดาว เส้นผมยาวสลวยดั่งไหมทอง ทำให้ชาวเมืองต่างพูดถึงนางด้วยความชื่นชมและศรัทธาคืนนั้นชาวเมืองอวี้ไห่แทบไม่มีใครนอนหลับสักคน ด้วยความตื่นเต้นและความประทับใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างพูดคุยถึงเหตุการณ์และคุณหนูเฟิงหย่าเสวี่ย จนกระทั่งรุ่งเช้า ผู้คนเกือบทั้งเมืองต่างก็พุ่งมาที่ที่ดินเปล่าของตระกูลเฟิง บ้างก็ต้องการจะช่วยนางทำงานโดยไม่ต้องให้ค่าจ้าง บ้างก็อยากจะเห็นหน้าคนของตระกูลเฟิงที่หลายคนร่ำลือถึงความงามและความสามารถของนาง"เจ้าว่าคุณหนูเฟิ
บทที่ 38 คฤหาสน์สี่ฤดูของตระกูลเฟิงสามวันหลังจากที่ดินของตระกูลเฟิงได้รับการทำความสะอาดและทำรั้วเรียบร้อยแล้ว คืนหนึ่งที่ฟ้าสว่างด้วยแสงจันทร์สีเงินส่องประกาย ภายในบริเวณที่ดินด้านในกลับมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น คฤหาสน์สี่ฤดูขนาดใหญ่มหึมาได้ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดคิด คฤหาสน์นี้ถูกสร้างด้วยพู่กันชิงหลง และทุกส่วนถูกวาดขึ้นอย่างงดงามอลังการ ล้อมรอบด้วยสวนที่ถูกจัดแต่งอย่างประณีตราวกับเนรมิตออกมาเองเช้าวันต่อมา คนตระกูลเฟิงทั้งหมดได้มารวมตัวกันเพื่อจะได้ชมคฤหาสน์ที่เฟิงหย่าเสวี่ยสร้างเสร็จเมื่อคืนนี้ โดยในขบวนประกอบไปด้วยท่านแม่ มังก….เออ….ท่านป้าจวง ท่านน้าหลินเหมยที่ตอนนี้ลุกเดินได้แล้วนางถึงกับอุ้มลูกสาวตัวจิ๋วของนางมาร่วมขบวนทัวร์คฤหาสน์ครั้งนี้ด้วยตอนนี้นางยังไม่ตั้งชื่อให้ลูกสาวเพราะรอแม่บุญธรรมของนางตั้งให้ ซึ่งนางก็เหมือนคนอื่นๆ ที่อยากถามแต่ท่านแม่บุญธรรม (มังกรชรา) ของนางปลายตามอง ซึ่งความหมายนั้นชัดเจนในแววตา นั้นคือ…ไม่ต้องถาม!อยู่ไปอะไรประมาณนั้น!!! นอกจากนี้ในขบวนยังมีคนสำคัญที่สุดคือนายน้อยเจ้าตระกูลเฟิงนั้นคือเจ้าเสี่ยวลิ่วนั้นเอง ซึ่งเขาเดินจับนิ้วก้อยของพี่สาวแกว่งไปมาพลาง
บทที่ 39 ขิงราข่าแก่วันนั้นหลังจากที่ทุกคนได้ไปเที่ยวชมคฤหาสน์หลังใหม่ต่างก็ชื่นชอบและมีความสุขมากที่จะได้ย้ายเข้าไปอยู่ เฟิงหย่าเสวี่ยนั้นได้บอกท่านแม่ ท่านน้าหลินเหมยและป้าจวง ให้เลือกเรือนที่พวกนางชอบ ส่วนป้าจวงนั้นนึกขึ้นได้ว่าที่บ้านเช่าในเมือง ยังมีชายความจำเสื่อมที่พวกนางเก็บมาได้อยู่ นางจึงได้บอกว่าเดี๋ยวนางจะไปรับเขามาที่คฤหาสน์ด้วย ป้าจวงเลือกนำรถม้าคันเล็กที่คุณหนูเล็กวาดขึ้นมาใหม่ออกไปรับเขา ส่วนเฟิงหย่าเสวี่ยนั้นก็ให้เสี่ยวลิ่วไปเลือกเรือนที่เขาอยากได้เช่นกัน และนางก็จะได้เตรียมการผ่าตัดให้เขาด้วย โดยภายในคฤหาสน์นั้น เฟิงหย่าเสวี่ยได้ วาดห้องพยาบาลขึ้นมาให้เหมือนกับโรงพยาบาลเล็กๆ ที่มีทุกอย่างแม้แต่ห้องผ่าตัดเครื่องไม้เครื่องมือครบครัน การผ่าตัดนิ้วให้เสี่ยวลิ่วนั้นถือเป็นการผ่าตัดเล็กนางไม่ห่วงมากนัก แต่อย่างไรก็จะต้องทำให้ดี นางบอกท่านแม่ว่าจะทำการผ่าตัดให้เสี่ยวลิ่ว ท่านแม่และคนอื่นๆ จึงได้มานั่งรอด้านหน้าเรือนนี้ นางให้เสี่ยวลิ่วตามเข้ามาในห้องจากนั้นก็เตรียมตัวสำหรับที่จะทำการผ่าตัด เสี่ยวลิ่วนั้นทั้งตื่นเต้นและเศร้าไปด้วยที่เขาจะต้องจากลากับเจ้าเสี่ยวลิ่วตัวจริงแล้
บทที่ 40 ตรงไหนที่ข้าประทับรอยแล้วย่อมเป็นของข้า!!!เมื่อป้าจวงขนชายความจำเสื่อมกลับมาที่คฤหาสน์นางจึงได้ทราบว่าคุณหนูเล็กเข้าไปผ่าตัดให้คุณชายน้อยอยู่ นางจึงพาชายปริศนาที่ตอนนี้หลับสนิทไม่รู้ว่าเพราะอะไรเข้าไปที่เรือนที่เตรียมเอาไว้ และให้อาหานเข้าไปดูแลเขาแทน จากนั้นก็เดินออกมานั่งรอเหมือนคนอื่นภายในห้องผ่าตัดที่จัดขึ้นอย่างทันสมัย เฟิงหย่าเสวี่ยกำลังใช้เครื่องมือผ่าตัดที่นางนำมาจากอนาคต เครื่องมือที่ส่องประกายแวววับในมือของนางถูกใช้อย่างคล่องแคล่ว นางทำการผ่าตัดนิ้วที่งอกเกินออกมาของเสี่ยวลิ่วอย่างมั่นใจ ท่ามกลางแสงสว่างจากโคมไฟผ่าตัด นางตัดเนื้อเยื่ออย่างระมัดระวัง เลือดที่ออกมาเล็กน้อยถูกซับด้วยผ้าก๊อซที่นางเตรียมไว้ ทุกขั้นตอนดำเนินไปด้วยความแม่นยำ ราวกับนางเป็นหมอที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีเมื่อเฟิงหย่าเสวี่ยใช้ไหมเย็บแผลอย่างเบามือ เสี่ยวลิ่วที่หลับสนิทไม่รู้สึกตัว ทำให้นางยิ้มอย่างอ่อนโยน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย นางเก็บเจ้าเสี่ยวลิ่วเอาไว้ก่อนเพราะไม่แน่ว่าน้อยชายของนางอาจจะอยากจะบอกลากับมัน เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็อยู่กันมาตั้งแต่เกิด ตอนนี้นิ้วของน้อยชายนางมี 10 นิ้วเหมือนคนปร
บทที่ 41 การมาเยือนของจิตรกรเอก หวังหรู..เย็นวันนั้นหลังจากป้าจวงกลับมาพร้อมกับริมฝีปากที่บวมเจ่อ และดูเหมือนนางจะหงุดหงิดอยู่มาก พวกนางจึงไม่ได้คุยอะไรกับนางมากนัก เพราะคิดว่าป้าจวงอาจจะเหนื่อยเพราะถึงอย่างไร นางก็เกิดมานานเกินกว่าคนอื่นๆเยอะ เป็นไปได้ที่บางวันอาจจะเหนื่อย และอารมณ์หงุดหงิด เฟิงหย่าเสวี่ยเมื่อได้อาหารสดมาก็ลงมือทำอาหารมื้ออะไร เลี้ยงคนในตระกูลของนางและน้าหลินเหมยและบ่าวของพวกนางทันที รายการอาหารที่นางทำวันนี้ เป็น เป็ดปักกิ่ง, หม่าล่าเสฉวน, กุ้งผัดพริกเกลือ และเต้าหู้หมาล่า และนางทำข้าวต้มหมูสับกลิ่นหอมกรุ่นสำหรับคนเจ็บสองคนและแม่ลูกอ่อนที่ยังกินอาหารรสจัดและมันไม่ได้ เสี่ยวเจี๋ยฟื้นแล้ว แต่นางยังให้เขานอนพักที่ห้องไม่ได้ออกมาทานอาหารกับคนอื่นๆ เช่นเดียวกับแม่ลูกอ่อน และคนความจำเสื่อมผู้นั้นเมื่ออาหารทั้งหมดถูกจัดเรียงบนโต๊ะ เหล่าคนในตระกูลเฟิงต่างมองด้วยความตื่นตะลึง กลิ่นหอมของอาหารกระจายไปทั่วห้อง ทำให้ทุกคนท้องร้องและรอคอยที่จะได้ลิ้มลองท่านแม่ยิ้มพลางพูดขึ้น "เจ้าใหญ่ นี่เจ้าก็ช่างทำเหลือเกิน รายการอาหารที่ทำไม่ซ้ำกันเลยแม่ไม่เคยเห็นอาหารที่มีกลิ่นหอมและหน้าต
บทที่ 42 ข้า!!!จะเป็นคนหนุนหลังพวกเจ้าเอง!!ภายในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของคฤหาสน์สี่ฤดู เฟิงหย่าเสวี่ยนั่งอยู่กับท่านแม่และป้าจวง ทั้งสามคนกำลังปรึกษากันเกี่ยวกับวิธีจัดการกับปัญหาการขนเกลือเถื่อนที่หวังหรูนำมาบอก นางคิดอย่างลึกซึ้งถึงวิธีที่จะช่วยผู้คนในเมืองอวี้ไห่ รวมถึงจัดการกับพวกที่ใช้ประโยชน์จากประชาชนอย่างผิดกฎหมายนี้"ท่านแม่ ป้าจวง ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องการปรึกษา" เฟิงหย่าเสวี่ยเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ก่อนจะอธิบายเรื่องการขนเกลือเถื่อนที่จิตรกรหวังหรูนำมาบอก รวมถึงความกังวลของนางเกี่ยวกับความปลอดภัยของเมืองอวี้ไห่ท่านแม่ฟังแล้วคิ้วขมวดเล็กน้อย "ลูกแม่ แม่เห็นว่าปัญหานี้ไม่ใช่สิ่งที่เราควรนิ่งเฉย การขนเกลือเถื่อนนั้นไม่เพียงแต่เป็นการกระทำผิดกฎหมาย แต่ยังเป็นการทำให้ประชาชนเดือดร้อนอีกด้วย เราควรหาทางจัดการเรื่องนี้ แต่พวกเรามีเพียงผู้หญิงและเด็กแถมยังอ่อนแอพวกเราจะเอาอะไรไปสู่พวกเขา" ความกังวลของนางนั้นอยู่บนพื้นฐานของการเป็นแม่และหญิงที่ไม่เคยมีอำนาจป้าจวงซึ่งนั่งฟังอยู่อย่างสงบกล่าวขึ้น "คุณหนูเล็ก เรื่องนี้เป็นเรื่องซับซ้อน ข้าคิดว่ามีสองทางเลือกที่พวกเราอาจจะท
บทที 43 ขอสัมปทานค้าเกลือป้าจวงอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมถึงการพบกับแม่ทัพซู่หลิงและข้อเสนอของเขา เฟิงหย่าเสวี่ยและท่านแม่ฟังอย่างตั้งใจทั้งสองมองหน้ากันและพยักหน้าทันที..ในเมื่อมีคนหนุนหลังใหญ่โตเช่นนี้พวกนางยังจะกลัวอะไรอีก…ลุยกันเลย!!!!“ว่าแต่ว่า ป้าจวงไปรู้จักกับท่านแม่ทัพซู่หลิงตั้งแต่เมื่อไหร่หรือเจ้าคะ?” เฟิงหย่าเสวี่ยก็เกิดจะเป็นเจ้าหนูจำไมขึ้นมา ถามต่อไปอีกสักเล็กน้อยป้าจวงเหลือบตามองหน้าคุณหนูเล็กก่อนจะรีบเก็บสายตากลับอย่างคนมีพิรุธ จากนั้นนางก็หันข้างให้มือไพล่หลังใบหน้าเชิดขึ้นมาเล็กน้อย ลมเริ่มผัดชายเสื้อของนางให้ปลิวไสว ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียงเบาพร้อมใบหน้าที่แดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย“รู้จักกันนานแล้ว!!!”อะไรกั้น!!!! เพิ่งจะเจอกัน2-3 ครั้งเองกลายเป็นคนรู้จักที่รู้ใจนานแล้วเช่นนั้นหรือป้าจวง : ไรท์เอง….“แล้วรู้จักกันได้อย่างไรเจ้าคะ? ” คราวนี้เป็นท่านแม่ที่เกิดอยากจะจำไมขึ้นมาบ้าง ป้าจวงถอนหายใจเบาๆ กับสองแม่ลูกที่เกิดอยากจะสอดรู้สอดเห็นขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยว่า“มาคุยเรื่องสำคัญกันก่อนเถอะเจ้าคะเรื่องของข้ากับแม่ทัพซู่หลิงนั้นไม่สำคัญ” ….กลายเป็นเรื่องของเขาสองคน
ตอนพิเศษ 3 บทส่งท้ายแห่งความสุข EP 2 NC...“…อา อื๊อ อี้หลง”เจิ้งอี้หลงใช้ความจัดเจนดูดดุนปลายลิ้นกับทรวงอกอวบสวยทำให้นางแอ่นหน้าอกขึ้นมาด้วยเสียวซ่าน ขณะที่มืออีกข้างก็เขี่ยคลึงเล่นไปที่ปลายถันที่ยังว่างอยู่จนยอดแข็งชันสู้มือหญิงสาวส่ายร่างบิดไปมาบนที่นอนด้วยด้วยความกระสันซ่าน อารมณ์ปรารถนาของนางถูกปลุกเร้าจนตื่นเพริศ เนื้อตัวเร่าร้อนไปหมดนางปรารถนาเขาจริงๆ ส่วนเจิ้งอี้หลงนั้น เมื่อหญิงสาวตอบสนองและไม่หวงเนื้อหวงตัว เขาจึงจัดเต็มตามอารมณ์ที่เก็บกดไว้ ริมฝีปากของเขาหยอกเย้าดูดดุนอยู่ที่ปลายถัน ส่วนมือก็บีบเค้นปทุมถันอวบใหญ่แรงขึ้นจนผิวขาวๆ เริ่มเป็นจ้ำสีแดงตามรอยมือและปาก จนเมื่อเขาละริมฝีปากจากปลายถันก็เล็มไล้ไต่ลงมาที่เนินหน้าท้อง แล้วซุกไซ้จมูกและปากอยู่ที่สะดือสวย ก่อนจะใช้นิ้วเลื่อนลูบไปที่เนินเนื้อโหนกนูนที่บิดส่ายอยู่ใต้ร่างเขา“อ๊า…อี้หลงค่ะ ฉัน..”หญิงสาวสะดุ้งเฮือกขึ้นมา แล้วจับข้อมือชายหนุ่มไว้ เจิ้งอี้หลงยกยิ้มที่มุมปากและค่อยดึงมือของเขาออก และยกมือของนางมาจูบและรวบดูดปลายนิ้วเล็กเรียวแสนสวยนั้นเสียเลย เฟิงหย่าเสวี่ยตัวอ่อนระรวย ไม่มีแรงที่จะห้ามปรามเขาเสียแล้ว… (เฮ้อช่าง
ตอนพิเศษ3 บทส่งท้ายแห่งความสุข ep 1ค่ำคืนอันสดใสในฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้ายามราตรีเหนือพระราชวังต้าหมิงสว่างไสวไปด้วยแสงประกายของดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นสูง สาดส่องท้องฟ้าด้วยสีสันอันตระการตา เสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องดนตรีพื้นบ้านผสมผสานกับเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของเหล่าประชาชนที่มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความปลื้มปีติภายในพระราชวังงานเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีแห่งการครองราชย์ของฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงกำลังดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่ ท้องพระโรงอันวิจิตรตระการตาประดับประดาไปด้วยโคมไฟหลากสี เสนาอำมาตย์และขุนนางจากทั้งแคว้นต้าหมิงและแคว้นต้าโจวต่างมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความยินดีและสรรเสริญความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสองแคว้นฮ่องเต้เจิ้งอี้หลงประทับบนบัลลังก์แกะสลักมังกร พระพักตร์เปี่ยมด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ขณะที่เฟิงฮองเฮา หรือเฟิงหย่าเสวี่ยนั่งเคียงข้างพระสวามี สวมอาภรณ์สีเหลือทองประดับประดาอย่างงดงามสมเกียรติสะท้อนความงดงามหยดย้อยของนางอย่างชัดเจน แววตาของนางแสดงถึงความมุ่งมั่นและความรักและความเมตตาที่มีต่อแผ่นดินและประชาชน"กระหม่อมขอกราบบังคมทูล" เสนาบดีอาวุ
ตอนพิเศษ 2 สองสุดยอดแพทย์แห่งยุคภายในห้องผ่าตัดขนาดกลางที่ถูกดัดแปลงอย่างพิถีพิถัน แสงจากโคมไฟหลากดวงส่องรวมตรงกลาง เผยให้เห็นเตียงผ่าตัดที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ บนเตียงมีชายชราผู้สูญเสียขาจากสงครามนอนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาชา รอบข้างเต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ดูแปลกตาสำหรับแพทย์จำนวนไม่น้อยในยุคนี้วันนี้ถือเป็นวาระสำคัญที่หลายคนต่างพูดถึง เพราะจะมีการผ่าตัดเพื่อใส่ขาเทียมให้กับผู้ป่วยที่ขาพิการโดยผู้นำการผ่าตัดคือนายท่านเฟิงหยวนเจี๋ย คุณชายหมอเทวดาซึ่งกำลังมีชื่อเสียงขจรขจาย และถือเป็นคุณชายเนื้อหอมมากๆ ผู้หนึ่งของแคว้นต้าหมิง และอีกผู้ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งก็คือฮองเฮาเฟิงหย่าเสวี่ย ซึ่งแม้ร่างกายเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นาน แต่ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร และการผ่าตัดในครั้งนี้ก็เป็นการที่นางต้องการที่จะทำด้วย และวาระสำคัญเช่นนี้ฮ่องเต้ของทั้งสองแคว้นนั้นไม่รอช้าที่จะส่งนายแพทย์มาเพื่อศึกษาดูงาน ซึ่งฮองเฮาเฟิงนั้นก็ยินดีที่จะให้พวกเขาได้เรียนรู้ในการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยเหล่าแพทย์ของจากทั้งสองแคว้นคือแคว้นต้าโจวและต้าหมิงรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ทางด้านหลังเพื่อศึกษาขั้นตอนในก
ตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสันต์หลังจากที่เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นคืนสติ ข่าวดีนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งประชาชนแคว้นอวี้ไห่และประชาชนแคว้นต้าหมิงต่างก็ความสุขที่ได้รับรู้ว่าเฟิงฮองเฮานั้นได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เมืองอวี้ไห่ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ดอกเหมยท้อบานสะพรั่งทั้งสวนส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ภายในสวนที่จัดแต่งเอาไว้อย่างงดงามนั้นมีเสียงหัวเราะและบทบทสนทนาของคนในครอบครัวเฟิงที่นั่งล้อมวงคุยกันอยู่ เฟิงหย่าเสวี่ยหลังจากฟื้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งจากอาจารย์ของนาง ท่านป้าจวงและเฟิงหยวนเจี๋ยที่มักจะนำยาบำรุงชั้นเลิศที่เขาคิดค้นขึ้นมาสำหรับนางโดยเฉพาะมาให้ดื่มเสมอ ทำให้ร่างก่ายของนางนั้นแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สมกับที่นางนั้นได้ตกอยู่ในมือของเหล่าหมอเทวดาจริงๆ"ท่านแม่" เฟิงหย่าเสวี่ยเอ่ยเรียกเฟิงซิ่งเหยาที่กำลังนั่งปักรองเท้าอยู่ในสวนดอกไม้ "ท่านแม่ดูอิ่มเอิบขึ้นมากเลยนะเจ้าคะ" เฟิงซิ่งเหยายิ้มอายๆ ขณะที่มือลูบท้องน้อยที่เริ่มนูนขึ้น"เสด็จพ่อของเจ้านี่สิ... ตั้งแต่รู้ว่าข้าตั้งครรภ์บุตรคนนี้ก็เอาแต่แพ้ท้องแทนข้า กินไม่ได้นอนไม่หลับวิงเวียนอยู่ตลอดเ
บทที่ 163 จนกว่าจะพบกัน.. (จบบริบูรณ์)แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างโรงพยาบาลในยุคปัจจุบัน เฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวากลับสับสนเล็กน้อย ราวกับจิตวิญญาณของนางยังคงล่องลอย เธอมองเพดานสีขาวสะอาดและพยายามดึงความทรงจำที่กระจัดกระจายกลับคืนมาเธอถูกพาออกจากโลกแห่งยุคโบราณและกลับมายังยุคปัจจุบัน ร่างกายของนางอ่อนแอแต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความทรงจำอันเจ็บปวด นางนึกถึงผู้คนที่นางได้ช่วยเหลือและเสียสละเพื่อพวกเขา นึกถึงท่านแม่และเจ้าเล็กหากว่าพวกเขารู้ข่าวจะเป็นอย่างไรนะ…คงจะเศร้าเสียใจอย่างแน่นอน..ไหนจะป้าจวงที่จะต้องรู้สึกผิดที่ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือนางได้ จากนั้นน้ำตาไหลของนางก็ออกมาเงียบๆ ขณะที่นางพึมพำชื่อคนที่คุ้นเคยจากโลกอีกใบหลังจากนั้น เฟิงหย่าเสวี่ยฟื้นตัวและกลับไปดำเนินชีวิตในฐานะจิตรกร นางใช้ศิลปะในการแสดงความรู้สึกและความทรงจำจากอดีต ทุกภาพที่นางวาดล้วนเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการเสียสละและความหวัง นางกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียง ผู้คนต่างหลงใหลในผลงานของนางโดยไม่รู้ว่านั่นคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่นางเคยผ่านพ้นมา แต่ทว่าพู่กันชิงหลงที่เธอใช
บทที่ 162 พี่ใหญ่...ท่านผิดสัญญาเช่นนั้นหรือ?“จบแล้ว...” เฟิงหย่าเสวี่ยพึมพำ เสียงแผ่วบางราวกับสายลมที่พัดผ่านใบไม้ร่วง ร่างบางของนางค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นอย่างช้าๆ ราวกับวิญญาณที่กำลังหลุดลอยไปจากโลกนี้“คุณหลีหนิง!” เสียงของเจิ้งอี้หลงดังขึ้นด้วยความตกใจ พระองค์รีบพุ่งเข้ามาประคองร่างของนางไว้ในอ้อมพระกร พระพักตร์ซีดเผือด น้ำพระเนตรเอ่อคลอ “คุณหลีหนิง! ลืมตาขึ้นมา! อย่าทิ้งข้าไปแบบนี้!”ดวงตาของเฟิงหย่าเสวี่ยค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างยากลำบาก เปลือกตาที่หนักอึ้งเผยให้เห็นดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความอ่อนล้าและเศร้าสร้อย ริมฝีปากซีดเผือดสั่นระริก “อี้หลง... ข้า... ข้าเหนื่อยเหลือเกิน...”“ไม่เป็นไร ข้าอยู่ตรงนี้” เจิ้งอี้หลงพูดด้วยน้ำเสียงสั่น มือหนาลูบใบหน้าซีดขาวของนางอย่างอ่อนโยน ราวกับพยายามปลอบประโลมความเจ็บปวดของนาง “เจ้าอย่าพูดแบบนี้ เจ้าจะไม่เป็นอะไร ข้าสัญญา...”เฟิงหย่าเสวี่ยพยายามยกมือที่อ่อนแรงขึ้นแตะใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเจิ่งอี้หลง มือที่เย็นเฉียบสั่นระริกจนเจิ้งอี้หลงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง “ข้า... ใช้พลังทั้งหมดแล้ว... ทุกหยด... ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือน... เหมือนวิญญาณกำลังหลุดลอย
บทที่ 161 ข้าได้บอกเจ้าหรือยังว่าอาจารย์ของข้าคือ จวงหลิวเฟิง!!!เฟิงหย่าเสวี่ยถูกกับไป่เหลียนใช้มีดจี้ที่คอและถูกจับเอาไว้ พยายามนิ่งมากที่สุดแม้ว่าตอนนี้นางแmบจะไม่มีแรงที่จะยืนแล้ว ขณะนั้นเองมือขวากำเข็มเงินแน่น สายตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของอีกตนที่ตอนนี้ทุกคนต่างก็ล้อมไป่เหลียนเอาไว้ ทุกทางส่วนกองทัพเด็กของนางนั้นต่างก็ถูกช่วยเหลือและพาออกจากสถานที่นี้แล้ว ทำให้ตอนนี้กลางลานนั้นมีเพียงนางเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่พร้อมกับตัวประกันของนางที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดด้วย"เจ้าคิดว่าตัวเองจะหยุดข้าได้หรือ?" ไป่เหลียนเอ่ยเสียงเย็น พลางหันมองดวงหน้าที่งดงามของนังเด็กบ้าผู้นี้…เหตุใดนางถึงได้งดงามเช่นนี้แม้ว่าตอนนี้หน้าของนางจะซีดเซียวมากก็ตาม ไป่เหลียนคิด ดวงตาฉายแววอำมหิตขึ้นมาอีกครั้ง "เด็กน้อยอย่างเจ้า ช่างงดงามเสียจริงหากว่าความงามของเจ้าเป็นของข้าคงจะดีไม่น้อย ฮ่าฮ่าฮ่า!" นางพูดขึ้นมา พลางพยักหน้ากับความคิดของตัวเอง และคิดหาทางที่จะใช้ประโยชน์จากความเยาว์วัยนี้ให้ได้"ข้ารู้ว่าท่านกำลังทำผิด" เฟิงหย่าเสวี่ยตอบเสียงมั่นคง มือยังคงกำเข็มเงินแน่น "ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การทำร้ายผู้บริสุท
บทที่ 160 เจ้าแพ้แล้ว!!จวงหลิวอวี้จ้องมองเหตุการณ์ที่เบื้องหน้าอย่างแน่นิ่ง สายตาของนางจับจ้องเฟิงหย่าเสวี่ยที่ยกพู่กันชิงหลงขึ้นมา เสียงหัวใจเต้นหนักหน่วงในอกบอกให้นางรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก นางรีบพุ่งตัวเข้าหาหลานสาวทันที มือแข็งแรงคว้ามือที่กำพู่กันไว้แน่นก่อนที่จะทันได้วาดอะไรลงในอากาศ“อะไรก็ตามที่เจ้าคิดจะทำและเสียสละ...จงหยุดมันเดี๋ยวนี้!!!” จวงหลิวอวี้เอ่ยเสียงดัง สายตาของนางเต็มไปด้วยความกังวลและห่วงใยเฟิงหย่าเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมองป้าจวง ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความรักและเคารพที่นางมีต่อผู้ที่คอยปกป้องและดูแลมาตลอด ทว่าในแววตานั้นกลับแฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง“ท่านป้า...” เฟิงหย่าเสวี่ยพูดเสียงสั่น ดวงตาเริ่มเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา “ข้าขอโทษ...” คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความอาลัยจวงหลิวอวี้มองหลานสาวอย่างตกตะลึง นางยื่นมือไปจับใบหน้าของเฟิงหย่าเสวี่ย “เสวี่ยเออร์... เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เจ้าคือความหวังของตระกูลเฟิง! ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียสละตัวเองเด็ดขาด เจ้านึกถึงท่านแม่และน้องชายของเจ้าสิพวกเขาจะเป็นอย่างไร หากว่า
บทที่ 159 ฉันขอทำหน้าที่ของฮองเฮาที่กล้าเสียสละเพื่อลูกหลาน"และนี่คือผลงานชิ้นเอกของข้า!" ไป่เหลียนผายมือไปที่เด็กๆ "พิษที่ไม่เพียงทำลายร่างกาย แต่ยังบดขยี้จิตวิญญาณ ทำให้พ่อแม่ต้องเห็นลูกของตัวเองกลายเป็นเครื่องมือสังหาร! ความทรมานทั้งผู้ใช้และผู้ถูกใช้ นี่คือสิคือสิ่งที่เรียกว่าพิษที่ดีที่สุดที่ที่ข้าสามารถสร้างขึ้นมาได้ ไม่เพียงทำลายหนึ่งแต่ทำลายได้ทั้งครอบครัวฮ่าฮ่าฮ่า!" เสียงหัวเราะของนางดังลั่นไปทั่วเฟิงซินซินร้องไห้จ้า มือน้อยๆ กำพู่กันแน่นดวงตาเล็กๆ ของนางมองไปที่เหล่าเด็กๆ ที่ถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดเป็นร่างที่ไร้ชีวิต"นางสละความเป็นมนุษย์... แลกกับพลังแห่งความชั่วร้าย ยิ่งมีผู้ถูกพิษตาย พิษก็ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งมีผู้ทุกข์ทรมาน พิษก็ยิ่งร้ายกาจ... วงจรแห่งความชั่วร้ายที่ไม่มีวันสิ้นสุด!"จวงหลิงเฟิงสะท้านเฮือก "นี่มัน... เกินกว่าที่มนุษย์คนใดจะทำได้ไป่เหลียนเจ้านี่มันกู่ไม่กลับจริงๆ ไม่เคยสำนึกถึงความผิดของตัวเอง..""ฮ่าฮ่าฮ่า!!!นี่เจ้ารู้ได้อย่างไรเพื่อนรักว่าข้าไม่ใช่มนุษย์แล้ว!" ไป่เหลียนตะโกนก้องและหันมาจ้องมองเพื่อนรักในอดีตที่ได้กลายมาเป็นศัตรูคู่แค้น และเพราะความแค้น