มู่หรงอี้หวายถอนหายใจ “แสดงว่าต่อให้ข้าหาคนร้ายมาได้ ท่านก็จะยกนางให้คุณชายเย่อยู่ดีสินะ”“สวรรค์ลิขิตให้มีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้น คงเพราะน้องสาวของข้าไร้ซึ่งวาสนาต่อคุณชาย”เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ผินหน้าไปหาหลี่จื่อเหยา รอยยิ้มขื่นปรากฏบนใบหน้าคม “คงเป็นข้าต่างหากที่ไร้วาสนา”“คะ...คุณชายมู่หรง” นัยน์ตาสุกใสไหววูบ ความรู้สึกชาแล่นจากปลายเท้าจรดศีรษะมู่หรงอี้หวายเหลือบมองเย่เทียนหลางแล้วส่ายศีรษะ ก่อนจะหันหลังให้ทุกคนประหนึ่งว่าตนกำลังยอมแพ้ หลี่จื่อเหยามองแผ่นหลังกว้างด้วยหัวใจที่แหลกสลาย น้ำตาที่คลอหน่วงพลันหยาดหยดลงดั่งเม็ดฝนยามนี้ผู้คนพากันให้ความสนใจกลุ่มบุคคลบนสะพานมากขึ้นเรื่อยๆ หลี่เค่อมองว่าไม่เป็นผลดี อย่างไรเสียตระกูลหลี่มีกิจการค้าขาย ชื่อเสียงย่อมเป็นสิ่งสำคัญ หากถูกเล่าลือออกไปผิดๆ นั้นกิจการคงไม่อาจฟื้นคืน ชายหนุ่มจึงก้าวเข้าไปหาน้องสาวแล้วดึงมือของนางหมายจะพาตัวกลับเรือน“เหยาเหยา เรากลับไปคุยกันที่บ้านเถิด”“ไม่!” นางสะบัดมือพี่ชายออกอย่างไม่ไยดี นี่เป็นครั้งแรกที่สาวน้อยแข็งขืน“น้องรัก พี่ชายหวังดีต่อเจ้าจึงเลือกบุรุษที่ยึดถือความถูกต้อง ลองตรองดูเถิด คุณชายเย่รอ
หลังจากทิ้งความวุ่นวายเอาไว้เบื้องหลัง คนทั้งห้าก็กลับมาถึงบ้านตระกูลหลี่ ทว่าบรรยากาศเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่มีผู้ใดอยากเสวนาเรื่องงานแต่งอีก โดยเฉพาะเย่หลวนคุนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้เขามั่นใจว่า หลี่จื่อเหยามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสหายของบุตรชาย ถึงแม้จะรู้สึกถูกชะตากับคุณหนูหลี่ แต่การหมั้นหมายควรจะต้องยกเลิก เย่เทียนหลางร้องขอบิดา ให้ทบทวนดูใหม่ โดยให้เหตุผลว่า หลี่จื่อเหยาเพียงรู้สึกผิดที่ต้องปฏิเสธผู้มีพระคุณ ความจริงตนพอจะรู้เรื่องของทั้งสองคนอยู่บ้าง จึงมั่นใจว่าสหายกับนางยังไม่ได้มีอะไรเกินเลย มิเช่นนั้นเขาคงไม่ตามใจบิดาตั้งแต่แรก และถึงแม้จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน แต่ความเป็นจริงตนเอง คือคู่หมายที่ถูกต้อง ดังนั้นผู้ที่จะได้เป็นเจ้าบ่าวของนางก็ควรเป็นเขามิใช่หรือชายชราเห็นท่าทีจริงจังของบุตรชายก็อดเห็นใจมิได้ หากเขาใช้ไม้แข็ง คงทำให้บุรุษผู้กำลังคลั่งรักเจ็บปวดจนเกินไป แต่เพื่อไม่ให้ทุกอย่างแย่ลงไปกว่าเก่า เย่หลวนคุนไม่อยากเสี่ยงผิดใจกับคหบดีมู่หรงเหอ เขาจึงแจ้งกับหลี่เค่อว่า จะให้เวลาคิดใหม่อีกเจ็ดวัน ไม่ว่าการตัดสินใจจะออกมาเช่นไรนั้นสำนักคุ้มภัยตระกูลเย่จะไม่ม
คฤหาสน์ตระกูลมู่หรง เจ็ดวันต่อมาตั้งแต่แม่ทัพเยี่ยนพาร่างไร้สติของทายาทตระกูลมู่หรงมาส่งเมื่อหลายวันก่อน เขายังคงนอนไร้สติอยู่บนเตียง ศีรษะมีผ้าพันเอาไว้โดยรอบ ยามนี้ใบหน้าหล่อเหลาไร้สีเลือด มีเพียงหน้าอกที่ขยับขึ้นลงเป็นสัญญาณว่ายังคงมีชีวิตมู่หรงเหอมองสภาพดั่งซากสิ่งมีชีวิตของทายาทด้วยแววตาอันลุกโชนไปด้วยโทสะ ตนแค่ไปท่องเที่ยวแคว้นทางใต้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่พอกลับมาถึง ก็พบว่าลูกชายคนเดียวเกือบเอาชีวิตไปทิ้งในคูเมือง เพราะผิดหวังในความรัก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตนได้รับจดหมายแจ้งจากเขาว่าต้องการแต่งงานกับคุณหนูสกุลหลี่ จึงพักการท่องเที่ยวแล้วเดินทางกลับแคว้นหานทันที ด้วยเกรงว่าจะมาเตรียมงานแต่งให้ไม่ทันกำหนดแต่นอกจากจะไม่ได้จัดงานแต่งแล้ว ยังต้องทนเห็นสภาพน่าอนาถของมู่หรงอี้หวายแทน“บัดซบ! พวกเจ้าดูแลอี้หวายอย่างไร เหตุใดจึงปล่อยให้ทำเรื่องโง่ๆ เยี่ยงนี้ได้” “เรียนนายท่านใหญ่ เมื่อหลายวันก่อนอยู่ดีๆ คุณชายก็ตะบึงม้า กลับเมืองหลวงโดยไม่รอผู้ติดตาม พอพวกเรากลับมาถึง เขาก็อยู่ในสภาพนี้แล้วขอรับ” สือหย่งคังรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก“น่าตาย
สิ้นเสียงเอะอะของมู่หรงเหอ มู่หรงอี้หวายพลันหยัดกายขึ้นนั่งบนเตียง แล้วหยิบถุงเงินขนาดใหญ่ที่บรรจุทองเอาไว้จนหนักยื่นให้ท่านหมอเจียงที่กำลังยืนยิ้มกริ่ม“อย่างไรคุณชายก็ควรพักผ่อนให้มาก เพราะแผลที่ศีรษะไม่ธรรมดาเลย หากผิดพลาดจะเกิดเรื่องยุ่งยากเอาได้”“ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำตามที่ท่านหมอสั่งทุกอย่าง”“หากจะพูดไป คงต้องขอบคุณสวรรค์ที่วันนั้นขบวนของแม่ทัพพยัคฆ์ผ่านไปเจอท่านพอดี มิเช่นนั้นคง...”“เอาเถิด ยังไงข้ารอดมาได้ ถึงจะบาดเจ็บเอาการก็เถอะ ขอบคุณท่านหมอที่ช่วยเหลือ และหากทุกอย่างเป็นไปตามใจข้าปรารถนา ท่านรอรับของขวัญชิ้นใหญ่อีกทีก็แล้วกัน”“ขอบคุณนายน้อย” เจียงฟู่คำนับขอบคุณอยู่หลายที รู้สึกยินดีที่ได้รับลาภก้อนโต“ท่านมีอะไรก็ไปทำเถิด ข้าชักรู้สึกง่วงขึ้นมาจริงๆ แล้วๆ”เจียงฟูได้ยินก็ไม่อิดออด เรียบออกจากห้องไปทันทีมู่หรงอี้หวายเอนกายลงบนฟูกอีกครั้งหนึ่ง เขาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอยู่เงียบๆแม้จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น แต่ก็ยังพลิกสถานการณ์กลับมาได้ ต้องยอมรับว่า ครานี้ตนเองประมาทเกินไปจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่สิ่งใดที่เขาต้องการ มันต้องเป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ รวมถึงผู้หญิงคนนั้นด้
“นายท่านมู่หรงกล่าวหนักเกินไปแล้ว แค่บอกให้รอจะถือว่าผิดสัญญาได้อย่างไร” หลี่เค่อพยายามรักษาอาการสุขุมเอาไว้ เขามั่นใจว่าการกระทำเหล่านั้นไม่ถือว่าผิดสัญญา “ในเมื่อเจ้ายังเล่นเล่ห์กลได้ มีหรือผู้อื่นจะทำไม่เป็น” มู่หรงเหอหัวเราะเสียงดังสนั่น นัยน์ตาเปล่งประกายดุจสายฟ้าฟาดหลี่เค่อหน้าเปลี่ยนสี เริ่มรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ไม่คิดว่าชายวัยกลางคนที่ดูนุ่มนวลใจดีเมื่อครู่ จะสามารถเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ถึงเพียงนี้“ท่านกำลังข่มขู่ข้าอยู่หรือ”มู่หรงเหอหรี่นัยน์ตา ส่งเสียงหึในลำคอพลางแสยะยิ้มชั่วร้าย“ผิดแล้ว ข้ากำลังบังคับเจ้าอยู่ต่างหาก ถ้าไม่ยินยอมแต่โดยดีร้านเล็กๆ แค่นี้คงอยู่ได้อีกไม่นาน ข้าจะขยี้ตระกูลหลี่ให้จมดิน แล้วอย่าหวังว่าจะได้ค้าขายในแคว้นหานอีกเลยชั่วชีวิต”“ไม่คิดว่าท่านถึงกับลดศักดิ์ศรี ใช้วิธีชั่วร้ายบีบบังคับตระกูลหลี่ น้องสาวข้าคงต้องทนทุกข์หากต้องใช้ชีวิตกับคนเห็นแก่ตัวแบบพวกท่านพ่อลูก” หลี่เค่อตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน ทั้งที่ความจริงขวัญหนีดีฝ่อ แต่ก็ไม่อาจลดเกราะยอมแพ้แบบสิ้นลาย“ปากดี! เจ้าเปิดตัวคุณหนูหลี่เพราะอยากได้ปลาอ้วนหน้าโง่ไม่ใช่หรือ ทางเลือกมีไม่มากแล้ว เอาล่ะ...นายท
‘ผู้หญิงของข้าหรือ อี้หวายไม่ใช่เจ้ากับคุณหนูหลี่... ไม่มีทาง’ครั้นได้ยินสหายพูดแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหลี่จื่อเหยาอย่างโจ่งแจ้ง เย่เทียนพลันหลางสะอึก พลางร่ำร้องในใจ แม้จะรู้สึกปวดร้าวแต่เขาก็เก็บอาการทุกอย่างเอาไว้ แล้วสนทนากับอีกฝ่ายเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นนอกจากนี้ เขาก็มั่นใจว่าหลี่จื่อเหยาเรียบร้อยน่ารัก สมเป็นกุลสตรี นางไม่มีทางปล่อยตัวปล่อยใจให้สหายเชยชมก่อนถึงเวลาอันควรอย่างเด็ดขาด“เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องนึกแล้ว ช่างมันเถิด”“ช่างได้อย่างไร งานแต่งงานของข้าเล่า คุณหนูหลี่ไม่รอข้าอย่างทรมานใจหรือ ให้ตายเถิด ข้าคิดถึงนางเหลือเกิน คิดถึงริมฝีปากที่เคยจุมพิตหยอกเย้า เหตุใดต้องมาป่วยด้วย เราควรเป็นของกันและกันไปแล้ว” มู่หรงอี้หวายพร่ำเพ้อเหมือนคนละเมอไม่ยอมหยุดคำพูดทุกอย่างนั้นเหมือนไม่ได้ตั้งใจโอ้อวด ทว่ากลับกลายเป็นหนามทิ่มตำความรู้สึกผู้ฟังให้ปวดร้าว ภายใต้แขนเสื้อตัวกว้างเย่เทียนหลางลอบกำหมัดแน่น ดูเหมือนว่าตนจะเข้าใจผิด ความจริงพวกเขาทั้งสองผูกพันลึกซึ้งกันถึงเพียงนี้แล้ว แม้ไฟโทสะกำลังปะทุในใจ แต่ชายหนุ่มผู้มาทีหลังก็ทำได้เพียงอดทนเอาไว้เท่านั้น“พอเถิดอี้หวาย ยังไงเจ้า
หลังจากข่าวลือต่างๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดี หลี่เค่อจึงทำกำไรได้มากขึ้น เนื่องจากข่าวงานมงคลถูกแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ลูกค้ารายใหม่จึงมาติดต่อซื้อขายมากกว่าปกติ ส่วนหนึ่งมาจากความอยากรู้อยากเห็น อีกส่วนก็คงเป็นเพราะเชื่อมั่นมากขึ้น หากไม่มีคุณธรรมและซื่อตรงตระกูลมู่หรงคงไม่ยอมเกี่ยวดองการสู่ขอดำเนินไปอย่างราบรื่น ทางคฤหาสน์ตระกูลมู่หรงส่งชุดเจ้าสาวพร้อมเครื่องประดับหรูหรามาให้ ทุกอย่างล้วนเป็นความใส่ใจของคุณชายมู่หรงทั้งสิ้น หลี่จื่อเหยากำลังรู้สึกยินดี แต่เมื่อเปิดอ่านจดหมายที่ชายในดวงใจส่งมาถึง ใบหน้าเปี่ยมสุขก็แปรเปลี่ยนไป ความกังวลฉายชัดในดวงตาคู่สวย มู่หรงอี้หวายยังคงล้มป่วย อาการบาดเจ็บทำให้ต้องอยู่แต่บนเตียง หนำซ้ำยังจำอะไรไม่ค่อยได้ ชายหนุ่มต้องการให้นางมาเยี่ยม เพราะอยากพบหน้ากันอีกสักครั้ง เผื่อจะมีกำลังใจรักษาตัวให้หายก่อนวันวิวาห์ นางอ่านข้อความทั้งหมดก็ให้สงสารเขาสุดหัวใจ จึงบอกให้ผู้ส่งสารรอแล้วรีบไปขออนุญาตพี่ชาย หลี่เค่อกำลังอารมณ์ดี อีกทั้งการเยี่ยมคู่หมายที่กำลังล้มป่วยก็ไม่น่าจะมีผู้ใดครหา จึงอนุญาตให้นางไปคฤหาสน์ตระกูลมู่หรงได้ร้านค้าตระกูลหลี่ตั้งอยู่ย่านการค้าฝั่
“เหยาเอ๋อร์...” เขาเรียกนางด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก ใบหน้าหล่อเหลาแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ แม้ตอนนี้จะดูซูบซีดลงไปเล็กน้อย แต่สำหรับหลี่จื่อเหยาแล้ว ว่าที่เจ้าบ่าวของนางก็ไม่ต่างจากเทพบุตรอยู่ดี“เจ้าค่ะ ข้ามาเยี่ยมท่านแล้ว อาการเป็นอย่างไรบ้าง”“เจ็บ... เจ็บไปหมดเลย ทรมาน โดยเฉพาะตรงนี้” เขาดึงมือที่กอบกุมเอาไว้มาทาบ ที่อกด้านซ้ายหลี่จื่อเหยาใจเต้นไม่เป็นส่ำ ใบหน้าร้อนผ่าวจนซับสีชาด นางหลุบตาด้วยไม่อาจสบแววออดอ้อนในดวงตาสีเข้มนั้นได้อีก แล้วค่อยๆ ดึงมือออกจากพันธนาการ พลางเบี่ยงกายหลบด้วยความเอียงอาย“เหยาเอ๋อร์ ข้าคิดถึงเจ้าจนทรมานไปทั้งใจ นี่ยังจะหลบหน้ากันอีกหรือ ช่างโหดร้ายนัก” มู่หรงอี้หวายแสร้งประท้วงครั้นได้ยินคำพูดตัดพ้อ หญิงสาวปรายสายตากลับมาอีกครั้ง ใบหน้างดงามผุดผาดแดงระเรื่อในสายตาของมู่หรงอี้หวายนางช่างดูงดงามน่ารักยิ่ง แต่ดวงตาดุจลูกกวางน้อยนั้นกลับให้ความรู้สึกยั่วยวนอย่างประหลาด กระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าในกายบุรุษให้เดือดพล่าน“หากพี่อี้หวายทรมานนักก็ดื่มยาสิเจ้าคะ” นางพยายามล่อหลอกให้เขาดื่มยา โดยที่ไม่รู้ว่ายามนี้อีกฝ่ายต้องการกินอย่างอื่นมากกว่า “ดื่มเถิดเจ้าค่ะ จ
“คุณชายเจ้าคะ เหม่ยเหมยขอเข้าไปได้หรือไม่”“เข้ามาได้” มู่หรงอี้หวายตอบรับ โดยไม่ยอมปล่อยมือว่าที่เจ้าสาว พลางถามสาวใช้ของตนเสียงเย็น “มีอะไร” “พ่อบ้านใหญ่ให้บ่าวมาแจ้งว่า เตรียมรถม้าให้คุณหนูหลี่เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”“พวกเจ้าช่างรู้จังหวะเสียจริง” มู่หรงอี้หวายยกยิ้ม คิดถึงหน้าพ่อบ้านเก่าแก่ที่เหมือนรู้ทุกอย่างในบ้านผู้นั้น“จื่อเหยาขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”“แล้วพบกันนะเหยาเอ๋อร์ คนดีของข้า” เขาส่งยิ้มเจิดจ้าละลายหัวใจไปยังหญิงสาว หลี่จื่อเหยาคลี่ยิ้มอ่อนหวานน่ารักตอบกลับไป นางลุกขึ้นแล้วเยื้องย่างไปเบื้องหน้า ก่อนจะหันกลับมาสบตาบุรุษในดวงใจอีกครั้งหนึ่ง จึงค่อยเดินออกจากห้องไปจริงๆเหม่ยเหมยเห็นแล้วแทบทนไม่ได้ แต่ก็ทำได้เพียงลอบบริภาษอีกฝ่ายในใจ‘นังแพศยา มากมารยา คงกำลังเสแสร้งว่าใสซื่ออยู่สินะ ยามนี้นายน้อยกำลังหลงเจ้า แต่สักวันเถิดเขาจะเขี่ยเจ้าทิ้ง’เมื่อหลี่จื่อเหยาจากไปไกลแล้ว มู่หรงอี้หวายจึงเอนกายลงนอนอีกครั้ง เพราะไม่ว่าจะอย่างไร อาการบาดเจ็บทางร่างกายของเขานั้นหนักหนาจริงๆ แผลที่ศีรษะค่อนข้างลึก แม้จะถอดผ้าพันแผลออกแล้วก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยาที่ดื่มก็มีฤทธิ์ท
หลังจากเย่เทียนหลางจากไปแล้ว เหม่ยเหมยจึงเดินกลับไปยังเรือนพักของนายน้อยมู่หรงนางเปิดประตูแล้วตรงไปยังห้องนอนของมู่หรงอี้หวายอย่างเงียบเชียบ ครั้นเห็นนายน้อยกำลังออดอ้อนว่าที่เจ้าสาวอย่างอ่อนโยน นางก็ทำหน้าเหมือนกำลังกลืนเข็มพันเล่มลงคอ เจ็บปวดแต่ไม่อาจพูด ได้แต่อิจฉาหลี่จื่อเหยาอยู่เงียบๆมู่หรงอี้หวายเหลือบเห็นใครบางคนตรงม่านลูกปัด พอสังเกตดีๆ แล้วเห็นเป็นสาวใช้ต้นห้อง ก็ไม่ได้สนใจที่นางอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชายหญิง คงเป็นเพราะหญิงสาวเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว‘อืม... อีกไม่นานข้าคงใช้งานเหม่ยเหมยได้แล้วสินะ’ชายหนุ่มเก็บสายตากลับมา แล้วให้ความสนใจกระต่ายขาวในอ้อมแขนอีกครั้ง หลี่จื่อเหยาช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ว่าง่าย และอ่อนหวานราวน้ำผึ้ง เป็นสตรีในแบบที่เขาต้องการไม่มีผิด เหลืออีกไม่กี่ก้าวนางก็จะกลายสภาพเป็นทาสรักของเขาอย่างสมบูรณ์แววตาหลงใหลผสานความร้อนแรงจากอารมณ์ปรารถนาล้ำลึกถูกส่งออกไปอย่างไม่รู้ตัว หลี่จื่อเหยาได้เห็นก็สั่นสะท้าน นางหลุบตาลง ไม่กล้ามองหน้าเขา“เหยาเอ๋อร์เป็นอะไรไปหรือ ตัวสั่นเชียว”“ก็พี่อี้หวายมองข้าราวกับ... ราวกับ...” นางอึกอัก หน้าแดงระเรื่อขึ้นอีกระลอก
ชาหอมกรุ่นกับขนมถูกวางลงบนโต๊ะเหม่ยเหมยรินน้ำชาใส่จอกส่งให้เย่เทียนหลางอย่างคล่องแคล่ว นางเป็นสาวใช้ก็จริง แต่กลับได้รับการดูแลอย่างดีเกินกว่าฐานะ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ล้วนขับเน้นให้นางโดดเด่นมากกว่าผู้ใด มู่หรงอี้หวายให้นางปรนนิบัติข้างกายมาหลายปี หนำซ้ำยังให้เรียนเขียนอ่าน กระทั้งดนตรีก็เชี่ยวชาญ ทุกคนต่างคิดว่านายน้อยมู่หรงคงชุบเลี้ยงสตรีผู้นี้ไว้เป็นอนุ ดังนั้นบ่าวไพร่ในคฤหาสน์จึงปฏิบัติต่อนางอย่างนอบน้อมเนื่องจากเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงาม กิริยาอ่อนหวาน จึงไม่แปลกที่เย่เทียนหลางจะชื่นชมนางอยู่ไม่น้อย ทุกครั้งที่มาเยือนคฤหาสน์ ก็มักจะเสวนากับนางนานๆ บางครั้งยังนำของมาฝากติดมือมาให้ เขาจึงเป็นบุคคลที่หญิงสาวทำดีด้วยเป็นพิเศษ แต่เมื่อครู่ ด้วยโทสะที่คุกรุ่น เขากลับเอาเปรียบนาง เพื่อระบายความอัดอั้นที่ไม่อาจตระกองกอดหลี่จื่อเหยาได้ชายหนุ่มมองใบหน้างามอย่างพิจารณา ก็พบว่ายามนี้มันช่างราบเรียบเสียเหลือเกิน ต่างกับเมื่อครู่ที่สีชาดฉาบผิวนวลจนไปจนถึงใบหู‘ดูเหมือนว่าระหว่างเตรียมของว่าง นางคงตั้งสติได้แล้วกระมัง’ “ท่านรออยู่ที่นี่ก่อน ประเดี๋ยวเหม่ยเหมยจะไปเรียนนายน้อยว่า คุณชายค
ภาพบาดตายังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคิด เย่เทียนหลางเดินจากมาด้วยความปวดร้าว นอกจากทรมานหัวใจเจียนคลั่ง โทสะยังแล่นลามร่วมด้วย ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังกังขา เพราะตนจริงใจกับหลี่จื่อเหยา เหตุใดจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้ให้กับผู้ชายร้ายกาจอย่างมู่หรงอี้หวายด้วย นอกจากนี้ เขาไม่แน่ใจสักนิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำให้คุณหนูหลี่ผู้บริสุทธิ์ต้องช้ำใจ เพราะสหายผู้นี้เป็นคนคาดเดาไม่ได้ หนำซ้ำยังอารมณ์ปรวนแปร เกรงว่าสาลี่ดอกงามจะต้องบอบช้ำกายใจ ในขณะที่ตนเองไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้อีกครั้นเห็นเย่เทียนหลางเดินกลับออกมาทั้งที่เพิ่งเข้าไปได้ไม่นาน สตรีหน้าตาหมดจดในชุดสีฟ้าก็รีบสาวเท้าไปหาเขาทันที“คุณชาย เหตุใดกลับออกมาเร็วนักเล่า”“เหม่ยเหมย เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าก่อนว่าอี้หวายมีแขก”“นายน้อยไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน ส่วนคุณชายปกติก็ไม่เคยถามอะไรข้านี่เจ้าคะ” นางพูดไปตามเนื้อผ้า“ก็ได้ ข้าผิดเองก็ได้” เย่เทียนหลางคร้านจะเท้าความกับสาวใช้ต้นห้องคนงามของสหาย เพราะถึงจะเป็นบ่าว แต่มู่หรงอี้หวายค่อนข้างให้ความสำคัญกับนาง“เหม่ยเหมยมิกล้า ว่าแต่คุณชายไฉนวันนี้กลับเร็วนักเล่าเจ้าคะ ไม่อยู่สนทนากับนายน้อยก่อนหรือ
“เหยาเอ๋อร์...” เขาเรียกนางด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก ใบหน้าหล่อเหลาแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ แม้ตอนนี้จะดูซูบซีดลงไปเล็กน้อย แต่สำหรับหลี่จื่อเหยาแล้ว ว่าที่เจ้าบ่าวของนางก็ไม่ต่างจากเทพบุตรอยู่ดี“เจ้าค่ะ ข้ามาเยี่ยมท่านแล้ว อาการเป็นอย่างไรบ้าง”“เจ็บ... เจ็บไปหมดเลย ทรมาน โดยเฉพาะตรงนี้” เขาดึงมือที่กอบกุมเอาไว้มาทาบ ที่อกด้านซ้ายหลี่จื่อเหยาใจเต้นไม่เป็นส่ำ ใบหน้าร้อนผ่าวจนซับสีชาด นางหลุบตาด้วยไม่อาจสบแววออดอ้อนในดวงตาสีเข้มนั้นได้อีก แล้วค่อยๆ ดึงมือออกจากพันธนาการ พลางเบี่ยงกายหลบด้วยความเอียงอาย“เหยาเอ๋อร์ ข้าคิดถึงเจ้าจนทรมานไปทั้งใจ นี่ยังจะหลบหน้ากันอีกหรือ ช่างโหดร้ายนัก” มู่หรงอี้หวายแสร้งประท้วงครั้นได้ยินคำพูดตัดพ้อ หญิงสาวปรายสายตากลับมาอีกครั้ง ใบหน้างดงามผุดผาดแดงระเรื่อในสายตาของมู่หรงอี้หวายนางช่างดูงดงามน่ารักยิ่ง แต่ดวงตาดุจลูกกวางน้อยนั้นกลับให้ความรู้สึกยั่วยวนอย่างประหลาด กระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าในกายบุรุษให้เดือดพล่าน“หากพี่อี้หวายทรมานนักก็ดื่มยาสิเจ้าคะ” นางพยายามล่อหลอกให้เขาดื่มยา โดยที่ไม่รู้ว่ายามนี้อีกฝ่ายต้องการกินอย่างอื่นมากกว่า “ดื่มเถิดเจ้าค่ะ จ
หลังจากข่าวลือต่างๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดี หลี่เค่อจึงทำกำไรได้มากขึ้น เนื่องจากข่าวงานมงคลถูกแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ลูกค้ารายใหม่จึงมาติดต่อซื้อขายมากกว่าปกติ ส่วนหนึ่งมาจากความอยากรู้อยากเห็น อีกส่วนก็คงเป็นเพราะเชื่อมั่นมากขึ้น หากไม่มีคุณธรรมและซื่อตรงตระกูลมู่หรงคงไม่ยอมเกี่ยวดองการสู่ขอดำเนินไปอย่างราบรื่น ทางคฤหาสน์ตระกูลมู่หรงส่งชุดเจ้าสาวพร้อมเครื่องประดับหรูหรามาให้ ทุกอย่างล้วนเป็นความใส่ใจของคุณชายมู่หรงทั้งสิ้น หลี่จื่อเหยากำลังรู้สึกยินดี แต่เมื่อเปิดอ่านจดหมายที่ชายในดวงใจส่งมาถึง ใบหน้าเปี่ยมสุขก็แปรเปลี่ยนไป ความกังวลฉายชัดในดวงตาคู่สวย มู่หรงอี้หวายยังคงล้มป่วย อาการบาดเจ็บทำให้ต้องอยู่แต่บนเตียง หนำซ้ำยังจำอะไรไม่ค่อยได้ ชายหนุ่มต้องการให้นางมาเยี่ยม เพราะอยากพบหน้ากันอีกสักครั้ง เผื่อจะมีกำลังใจรักษาตัวให้หายก่อนวันวิวาห์ นางอ่านข้อความทั้งหมดก็ให้สงสารเขาสุดหัวใจ จึงบอกให้ผู้ส่งสารรอแล้วรีบไปขออนุญาตพี่ชาย หลี่เค่อกำลังอารมณ์ดี อีกทั้งการเยี่ยมคู่หมายที่กำลังล้มป่วยก็ไม่น่าจะมีผู้ใดครหา จึงอนุญาตให้นางไปคฤหาสน์ตระกูลมู่หรงได้ร้านค้าตระกูลหลี่ตั้งอยู่ย่านการค้าฝั่
‘ผู้หญิงของข้าหรือ อี้หวายไม่ใช่เจ้ากับคุณหนูหลี่... ไม่มีทาง’ครั้นได้ยินสหายพูดแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหลี่จื่อเหยาอย่างโจ่งแจ้ง เย่เทียนพลันหลางสะอึก พลางร่ำร้องในใจ แม้จะรู้สึกปวดร้าวแต่เขาก็เก็บอาการทุกอย่างเอาไว้ แล้วสนทนากับอีกฝ่ายเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นนอกจากนี้ เขาก็มั่นใจว่าหลี่จื่อเหยาเรียบร้อยน่ารัก สมเป็นกุลสตรี นางไม่มีทางปล่อยตัวปล่อยใจให้สหายเชยชมก่อนถึงเวลาอันควรอย่างเด็ดขาด“เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องนึกแล้ว ช่างมันเถิด”“ช่างได้อย่างไร งานแต่งงานของข้าเล่า คุณหนูหลี่ไม่รอข้าอย่างทรมานใจหรือ ให้ตายเถิด ข้าคิดถึงนางเหลือเกิน คิดถึงริมฝีปากที่เคยจุมพิตหยอกเย้า เหตุใดต้องมาป่วยด้วย เราควรเป็นของกันและกันไปแล้ว” มู่หรงอี้หวายพร่ำเพ้อเหมือนคนละเมอไม่ยอมหยุดคำพูดทุกอย่างนั้นเหมือนไม่ได้ตั้งใจโอ้อวด ทว่ากลับกลายเป็นหนามทิ่มตำความรู้สึกผู้ฟังให้ปวดร้าว ภายใต้แขนเสื้อตัวกว้างเย่เทียนหลางลอบกำหมัดแน่น ดูเหมือนว่าตนจะเข้าใจผิด ความจริงพวกเขาทั้งสองผูกพันลึกซึ้งกันถึงเพียงนี้แล้ว แม้ไฟโทสะกำลังปะทุในใจ แต่ชายหนุ่มผู้มาทีหลังก็ทำได้เพียงอดทนเอาไว้เท่านั้น“พอเถิดอี้หวาย ยังไงเจ้า
“นายท่านมู่หรงกล่าวหนักเกินไปแล้ว แค่บอกให้รอจะถือว่าผิดสัญญาได้อย่างไร” หลี่เค่อพยายามรักษาอาการสุขุมเอาไว้ เขามั่นใจว่าการกระทำเหล่านั้นไม่ถือว่าผิดสัญญา “ในเมื่อเจ้ายังเล่นเล่ห์กลได้ มีหรือผู้อื่นจะทำไม่เป็น” มู่หรงเหอหัวเราะเสียงดังสนั่น นัยน์ตาเปล่งประกายดุจสายฟ้าฟาดหลี่เค่อหน้าเปลี่ยนสี เริ่มรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ไม่คิดว่าชายวัยกลางคนที่ดูนุ่มนวลใจดีเมื่อครู่ จะสามารถเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ถึงเพียงนี้“ท่านกำลังข่มขู่ข้าอยู่หรือ”มู่หรงเหอหรี่นัยน์ตา ส่งเสียงหึในลำคอพลางแสยะยิ้มชั่วร้าย“ผิดแล้ว ข้ากำลังบังคับเจ้าอยู่ต่างหาก ถ้าไม่ยินยอมแต่โดยดีร้านเล็กๆ แค่นี้คงอยู่ได้อีกไม่นาน ข้าจะขยี้ตระกูลหลี่ให้จมดิน แล้วอย่าหวังว่าจะได้ค้าขายในแคว้นหานอีกเลยชั่วชีวิต”“ไม่คิดว่าท่านถึงกับลดศักดิ์ศรี ใช้วิธีชั่วร้ายบีบบังคับตระกูลหลี่ น้องสาวข้าคงต้องทนทุกข์หากต้องใช้ชีวิตกับคนเห็นแก่ตัวแบบพวกท่านพ่อลูก” หลี่เค่อตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน ทั้งที่ความจริงขวัญหนีดีฝ่อ แต่ก็ไม่อาจลดเกราะยอมแพ้แบบสิ้นลาย“ปากดี! เจ้าเปิดตัวคุณหนูหลี่เพราะอยากได้ปลาอ้วนหน้าโง่ไม่ใช่หรือ ทางเลือกมีไม่มากแล้ว เอาล่ะ...นายท
สิ้นเสียงเอะอะของมู่หรงเหอ มู่หรงอี้หวายพลันหยัดกายขึ้นนั่งบนเตียง แล้วหยิบถุงเงินขนาดใหญ่ที่บรรจุทองเอาไว้จนหนักยื่นให้ท่านหมอเจียงที่กำลังยืนยิ้มกริ่ม“อย่างไรคุณชายก็ควรพักผ่อนให้มาก เพราะแผลที่ศีรษะไม่ธรรมดาเลย หากผิดพลาดจะเกิดเรื่องยุ่งยากเอาได้”“ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำตามที่ท่านหมอสั่งทุกอย่าง”“หากจะพูดไป คงต้องขอบคุณสวรรค์ที่วันนั้นขบวนของแม่ทัพพยัคฆ์ผ่านไปเจอท่านพอดี มิเช่นนั้นคง...”“เอาเถิด ยังไงข้ารอดมาได้ ถึงจะบาดเจ็บเอาการก็เถอะ ขอบคุณท่านหมอที่ช่วยเหลือ และหากทุกอย่างเป็นไปตามใจข้าปรารถนา ท่านรอรับของขวัญชิ้นใหญ่อีกทีก็แล้วกัน”“ขอบคุณนายน้อย” เจียงฟู่คำนับขอบคุณอยู่หลายที รู้สึกยินดีที่ได้รับลาภก้อนโต“ท่านมีอะไรก็ไปทำเถิด ข้าชักรู้สึกง่วงขึ้นมาจริงๆ แล้วๆ”เจียงฟูได้ยินก็ไม่อิดออด เรียบออกจากห้องไปทันทีมู่หรงอี้หวายเอนกายลงบนฟูกอีกครั้งหนึ่ง เขาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอยู่เงียบๆแม้จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น แต่ก็ยังพลิกสถานการณ์กลับมาได้ ต้องยอมรับว่า ครานี้ตนเองประมาทเกินไปจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่สิ่งใดที่เขาต้องการ มันต้องเป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ รวมถึงผู้หญิงคนนั้นด้