"ทำไมวันนี้โหดขนาดนี้...ใครจัดตารางเรียนว่ะ"
"นั่นนะสิ...จะแบ้ล้า นี่มันเด็กปีหนึ่งนะเว้ย" พราวสมทบอีกหนึ่งเสียง
"แล้วพวกแกจะบ่นเพื่อ...กินข้าว กลับบ้านแยกย้ายกัน"
"เย้ อาหารจะช่วยชีวิตพวกเรา ฉันอยากกินยำ อยากกินยำ" พราวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
"กนกกินอะไรดี?"
"อ่า...อะไรดีอ่าา อยากกินกระเพาะแล้วกัน กระเพาะเนื้อ"
"อืม งั้นไปร้านป้าข้างหอพราว แล้วค่อยเดินกลับมาหอในแล้วกัน"
"อืม..." กนกพยักหน้ารับ
ระหว่างทาง กนกก็เหม่อมองบรรยากาศโดยรอบ วันนี้รู้สึกเหนื่อยตั้งแต่เช้าที่ต้องวิ่งมาเรียน ข้าวเช้าก็ไม่ได้กินแล้วมาเรียนแล็ปต่อ ปวดหัวจะแย่ คิดถึงหนังสือนิยายที่อยู่ที่หอจะแย่อยู่แล้ว เมื่อไหร่จะได้กลับไปอ่านต่อนะ... แต่ในตอนนี้ เขาต้องกินข้าวให้อิ่มก่อนแล้วค่อยกลับไปหาหนังสือเล่มโปรดที่รอเขาอยู่
"ป้าคะ หนูขอยำแซ่บๆหนึ่งจานค่ะ ขอเผ็ดๆเลยนะคะ" พราวสั่งอาหารด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยหิวกระหาย
"กินเผ็ดเดี๋ยวก็ปวดท้องอีก"
"ก็เหนื่อยอ่ะ อยากกินอะไรที่มันสดชื่น" กนกหันไปมองพราวด้วยความมั่นไส้แล้วก็ผลักหัวพราวไปเบาๆหนึ่งที
"ป้าครับ กระเพาะเนื้อสองจานด้วยครับ" มิวหันไปสั่งอาหารกับป้าเจ้าของร้าน
"มิวว...กนกมันทำร้ายพราวอีกแล้ว" แล้วพราวก็มาฟ้องอะไรสักอย่างกับนิว
"ก็แกทำตัวหน้าหมั่นไส้อ่ะ"
"ทำตรงไหน ตรงไหนๆๆ หาๆๆ"
"เดี๋ยวๆเหอะ" ก่อนที่เขาจะเอามือแกล้งผลักพราวอีกครั้ง
"หยุด! ทั้งสองคนนั้นแหละ เล่นเป็นเด็กเสียงดังอยู่ได้"
"ก็..."
"พราว!" มิวหันไปมองพราวพร้อมส่งสายตาดุกลับมา
"อ่าาา..."
ในที่สุด ทั้งสามคนก็หยุดเล่นกันและหันไปสนใจกับอาหารที่กำลังจะมา กนกหันไปมองรอบๆจนไปสะดุดกับสายตาของชายคนหนึ่งที่จ้องมองเขาอย่างสนใจและเมื่อเขาจ้องกลับไป ชายคนนั้นรีบหลบสายตาก่อนที่จะรีบกินอาหารในจานให้หมดอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกจากร้านไป
กนกยังคงจ้องมองไปที่ชายคนนั้นเดินออกไปด้วยความสงสัย
" กนก ทำไมเจอคนรู้จักหรอ?"
"อ่า...ไม่นะ แค่คนหน้าคุ้นแหละ"
"พี่รหัสหรอหรือพี่เทคหรือเปล่า...ช่วงนี้เขาให้เราตามหาพี่เทคเองด้วยนะ"
"หรอ...ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่อง"
"ก็ตอนประชุมเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แกอ่านนิยายอะไรของแกไงเลยไม่ได้ยิน"
"อืม...แล้วเขาให้หายังไงหรอ"
"เห็นเขาบอกว่า เป็นโค้ดของรหัสสายที่เราอยู่หรือไม่ถ้าพี่เทคอยากเทคคนไหนก็คงเอาขนมมาให้เรามั้ง"
"หรอออ.."
"ว้าว! ยำมาแล้ว...ว้าวว กระเพราก็มาแล้ว กินกันเถอะหิวจนไส้จะพันกันแระ"
กนกไม่ได้สนใจอะไรมากกับคำว่าพี่รหัสหรือพี่เทค เขาหันไปสนใจกับอาหารที่อยู่ตรงหน้าแทน
วันนี้เขากลับมาถึงหอเกือบสี่ทุ่มแล้ว กว่าจะอาบน้ำ ทำการบ้าน อ่านหนังสือ ก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนแต่เมื่อวานเขาอ่านนิยายจนมาถึงตอนที่ตัวเอกเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันแล้วเขาไม่อยากพลาดเลยจึงพยายามที่จะอ่านมันให้ได้ แต่แล้ว...
เขาก็หลับไปในห้วงนิทรา
ในความฝัน เขาหลงมาในห้องแห่งความมืดที่หาทางออกไม่เจอแม้พยายามจะเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่ง...
โอ๊ย!
จมูกของเขาชนกับอะไรสักอย่าง เขารู้สึกเจ็บไม่มากแต่กลับได้กลิ่นหอมอ่อนๆแทรกเข้ามา เขาค่อยๆเอาจมูกเข้าไปใกล้ๆเพื่อดมกลิ่นนั้นให้ชัดขึ้น
แล้วเขาก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู
"นี่...คิดจะหอมแก้มพี่เลยหรอ? คิดถึงพี่ขนาดนั้นเลยสิ"
เพราะความมืดทำให้เขามองไม่เห็นแต่เสียงที่ได้ยินกลับทำให้เขารีบถอยหลังด้วยความตกใจ ด้วยความที่มองไม่เห็นมือใหญ่ๆ ของชายคนนั้นก็คว้าเขาเข้ามาในอ้อมกอดที่อบอุ่น
"อย่าหนีไปไหน..." เสียงกระซิบนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คำพูดนั้นทำให้กนกรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น เขาพยายามจะพูดอะไรแต่คำพูดก็ติดอยู่ในลำคอ
"ไม่ต้องกลัวนะ...พี่จะไม่ทำร้ายเธอ"
จากนั้น ทั้งสองคนก็...
วันนี้เขาตั้งนาฬิกาปลุก แล้วก็ตื่นขึ้นมาด้วยความเมื่อยล้า มองไปรอบๆ ก็เพิ่งรู้สึกว่าเขานอนหลับที่โต๊ะทำการบ้าน พอมองดูเวลาก็เห็นว่าเพิ่งเจ็ดโมง เขาขยับตัว ยืดแขนไล่ความเมื่อยล้าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ
แล้วมองตัวเองในกระจกและนึกถึงความฝันเมื่อคืน รวมถึงคืนก่อนหน้าที่เหมือนจะเป็นกึ่งฝันกึ่งตื่น
หรือเราอ่านนิยายมากเกินไปจนเก็บไปฝัน? เขาคิดในใจ
พอพยายามนึกถึงนิยายเรื่องไหนที่คล้ายกับเรื่องราวในความฝัน เขาก็นึกไม่ออก เลยคิดว่า ศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้จะกลับบ้านไปค้นหนังสือนิยายที่คุ้นๆ กับเรื่องราวที่ทำให้รู้สึกสับสนในใจ
"สัปดาห์นี้เรากลับบ้านนะ"
เพราะความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้อยากกลับบ้าน จึงตัดสินใจว่ากลับบ้านไปตามหาอะไรบางอย่างน่าจะดีกว่า"อ้าว...ทำไมกลับ เดินทางตั้งหลายชั่วโมงนะ" ใช่...เพื่อนเขาพูดถูก พวกเราทั้งสามคนสอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ แต่บ้านของพวกเราอยู่ชลบุรี ถึงจะนั่งรถตู้ไปถึงสถานีใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงแต่จากสถานีก็ต้องนั่งรถสองแถวเข้าบ้านอีกตั้งสี่สิบนาที นานๆ ทีพวกเราถึงจะกลับบ้านกัน"อืม...มีธุระนิดหน่อยน่ะ" เขาไลน์บอกแม่ว่าจะกลับบ้านไปทำธุระ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร"เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม มาถึงดึกเชียว" "เหนื่อยครับแม่ ดีที่วันนี้กนกเรียนแค่คาบเช้า ไม่งั้นดึกกว่านี้แน่เลย" "งั้นไปพักผ่อนแล้วลงมาทานข้าวเย็นด้วยกันนะ" "ไม่เป็นไรครับ ผมกินข้าวบ้านน้าแป้นมาแล้ว""อ่อ...เออ พูดถึงน้าแป้น" "หืมม...ทำไมหรอครับ" "เห็นแกบอกว่าลูกชายเขาก็ไปเรียนกรุงเทพนะ แต่ที่ไหนแม่ก็จำไม่ได้""หรอครับ แต่พี่...อ่าา จำไม่ได้แล้วอ่า" "อืมม... จำได้ว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่เรานะ" "อ่าา...ครับ" กนกพยักหน้า"กนกขึ้นไปพักก่อนนะ""รีบพักนะลูก" กนกรีบขึ้นไปพักบนห้องของตัวเอง บ้านของเขาไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แม้ว่าพ่อกับแม่จะรักการอ่านหนังสือมากแ
ถึงแม้ว่ารู้สึกยังพักผ่อนไม่เต็มที่ แต่ด้วยภารกิจในการเรียนทำให้กนกต้องเดินทางกลับมาที่หอตั้งแต่เช้ามืด ความเศร้าที่อยู่ภายในใจยังเกาะกิน ความผูกพันธ์ที่เขามีต่อหนังสือเล่มนั้นทำให้เขารู้สึกว่ามันอาจมีอะไรซ่อนอยู่ ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงกับตัวเขาเอง ทำให้รู้สึกว่าวันนี้บรรยากาศรอบตัวมีแต่ความหมองหม่น ความเหม่อลอยตลอดเส้นทางการเดินไปมหาวิทยาลัยทำให้เขาเกือบจะโดนรถเฉี่ยวปิ๊ดดด!แต่ทันใดนั้น กลับมีใครบางคนดึงตัวเขากลับมาได้ทันเวลา หัวใจเขาตื่นระรัวด้วยความตกใจ และกำลังจะหันกลับไปขอบคุณคนใจดีคนนั้น แต่กลับไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้นเลย มีเพียงสายลมที่พัดผ่านและเสียงใบไม้ที่สั่นไหว เหมือนกับว่ามีใครสักคนหายไปในอากาศ“ใครนะ...?” เขาพูดเบาๆ กับตัวเอง แต่ไม่มีใครตอบ มีเพียงเสียงลมพัดผ่านหูเบาๆ เหมือนเสียงกระซิบที่เขาคุ้นเคยถึงแม้จะยังคงสงสัย แต่พอดูนาฬิกาก็พบว่าใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว เลยรีบกวดฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อจะเข้าเรียนให้ทัน เขาวิ่งกระหืดกระหอบมาทันเวลาพอดี มองหาเพื่อนสนิทก็เห็นพราวโบกมือทักทายให้มานั่งข้าง เมื่อถึงที่นั่งก็ฟุบลงกับโต๊ะ แสดงอาการเหนื่อยหอบ“เป็นไงกลับบ้านมา...สนุกไหม?” “น่
วันนี้ชั่วโมงเรียนของกนกลากยาวมาถึง 5 โมงเย็น ความเหนื่อยล้าตั้งแต่เช้าส่งผลให้ช่วงเย็น ขณะที่กำลังรออาหารตามสั่งจากร้านป้านิด เขาก็เผลอพิงศีรษะกับแขนตัวเอง ดวงตาปรือคล้ายจะหลับสนิท ท่ามกลางเสียงพูดคุยของเพื่อน ๆ ที่ยังดังอยู่รอบตัว“กนก ตื่นก่อน!” พราวเรียกด้วยเสียงดัง“ใช่ๆ กินข้าวก่อน นี่กระเพาะกุ้งของชอบแกไง กินก่อนแล้วค่อยกลับไปนอน” มิวพูดพร้อมกับยื่นช้อนให้“อืมม...” กนกพยักหน้าเบาๆ แต่สายตาของเขาดูเหมือนจะปิดลงทุกที เขายิ้มบาง ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นเต็มที่ ความเหนื่อยสะสมทำให้ร่างกายของเขาหนักอึ้ง จนเผลอคิดไปว่า... ถ้าตอนนี้ได้เอนตัวลงนอนที่ไหนสักที่ก็คงดี แต่ระหว่างที่กำลังจะหลับตาลงอีกครั้ง “ป้าได้ยังคะ? เพื่อนหนูจะหลับตาโต๊ะแล้วค่าา” พราวหันไปเรียกป้านิด เจ้าของร้านอาหาร“ฮ่ะๆ วันนี้เรียนหนักกันหรอคะ? เพิ่งวันจันทร์กันเอง” ป้านิดถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น“วันนี้ไม่หนักเท่าไรค่ะป้านิด แต่กนกมันเพิ่งกลับบ้านมา ตื่นตั้งแต่ตี 4 วันนี้เรียนตั้งแต่เช้าลากถึงเย็นคงจะง่วงเต็มที่” “น้องกนกรีบทานจะได้รีบไปพักนะคะ” ป้านิดพูดพร้อมกับยิ้มให้“ขอบคุณครับป้านิด ผมจะรีบกิน...จะได้รีบไปนอน
ช่วงเวลาสอบกลางภาคกำลังจะเริ่มขึ้น ทำให้บรรยากาศของนักศึกษาใหม่ชั้นปีที่ 1 เต็มไปด้วยความกดดัน อาจารย์เร่งสอนเนื้อหาให้ทันก่อนสอบ ขณะที่นักศึกษาทุกคนต่างต้องเร่งอ่านหนังสือและทบทวนบทเรียนอย่างเคร่งเครียด ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มของกนกเองที่ตอนนี้กำลังปรึกษากันว่าหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วพวกเขาจะไปอ่านหนังสือกันที่ไหนต่อ“หลังจากนี้คงต้องติวให้เยอะกว่าเดิม” กนกพูดขึ้นขณะที่พราวและมิวกำลังกดโทรศัทพ์เปิดดูแหล่งบันเทิงเพื่อผ่อนคลายจากความเคร่งเครียดที่เพิ่งผ่านกันมา“ก็คงงั้นแหละ เพราะบางคาบแกก็หลับในห้องไง กนก” พราวอมยิ้มและดูสนุกที่ได้แซวเพื่อนตัวเล็ก“ทำเป็นพูดนะพราว เหมือนแกไม่เคยหลับ”“ถึงชั้นจะหลับ แต่ก็ไม่ได้หลับเกือบทุกคาบเหมือนแก” ก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะเถียงกันจะเกิดเสียงดังและอาจจะมีการโกรธเคืองเกิดขึ้น“ทั้งสองหยุดเลย เลิกทะเลาะกันได้แล้ว” มิวแทรกเข้ามาด้วยเสียงหนักแน่น“หลังจากกินข้าววันนี้ เราจะไปหาหนังสือที่ห้องสมุด ใครจะไปบ้าง?”“เราไป&rdquo
"แม่ครับ อ่านเรื่องนี้ให้ฟังหน่อย!""นิยายเรื่องนี้สนุกไหมครับแม่?""กนกอยากนอนหลับไปกับกองนิยายเล้ยย!"เสียงสดใสของกนกดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นของบ้านหลังเล็ก ที่นี่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือแทบทุกวัน แม่ของเขาชอบอ่านหนังสือสารคดีแปลก ๆ แล้วมักจะเล่าเรื่องให้ลูกชายฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ส่วนพ่อก็เป็นสายหนังสือพัฒนาตัวเอง ชอบสอนกนกเรื่องแนวคิดการเติบโตและการใช้ชีวิต ทุกเย็นบ้านนี้แทบไม่เงียบเหงา เพราะมื้อค่ำมักกลายเป็นวงสนทนาเกี่ยวกับหนังสือที่แต่ละคนกำลังอ่าน ราวกับเป็นสโมสรนักอ่านขนาดย่อมแต่ในบรรดาหนังสือทั้งหมด กนกรักนิยายรักของแม่มากที่สุด ตู้หนังสือของแม่เต็มไปด้วยเล่มปกสีหวาน บางเล่มเก่าจนกระดาษเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ตอนเด็ก ๆ เขาหยิบมาอ่านเพราะคิดว่ามันตลก แต่พอโตขึ้น เขากลับหลงรักเรื่องราวในนั้นอย่างไม่รู้ตัว"กนกลูก มากินข้าวกันครับ"เสียงแม่ดังแว่วมาจากชั้นล่าง ในขณะที่กนกกำลังจมอยู่กับฉากสำคัญของนิยาย"แป๊บนึงนะครับแม่... อีกนิดเดียวจะจบแล้ว!""แม่รอนะลูก แต่อย่านานล่ะ ข้าวจะเย็นหมด""ได้ครับแม่" กนกตอบลอย ๆ แต่สายตายังคงตรึงอยู่กับหน้ากระดาษ "อีกแค่สามหน้าเอง
แล้วพวกเขา 3 คนก็เดินทางไปห้องสมุดด้วยกัน สถานที่ที่กว้างขวาง เงียบสงบเหมาะสำหรับการอ่านหนังสือและการทำงานอย่างจริงจัง กนก มิวและพราวต่างก็มีเป้าหมายของตัวเอง มิวและพราวตั้งใจจะหาหนังสือเกี่ยวกับวิชาเคมีเพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับรายงาน ส่วนกนกนั้นแม้ว่าจะไม่ได้มีงานเร่งด่วนอะไรแต่เขาก็อยากมาหาหนังสือนิยายรักโรแมนติกเล่มใหม่เอาไว้อ่านสักหน่อยเมื่อเดินเข้าไปในห้องสมุด มิวและพราวก็แยกย้ายไปหาหนังสือในส่วนของวิทยาศาสตร์ ในขณะที่กนกเดินตรงไปที่ชั้นหนังสือวรรณกรรม เขาหยิบนิยายรักโรแมนติกเล่มหนึ่งที่เขาคิดว่าน่าสนใจแล้วก็หามุมสงบในห้องสมุดเพื่อนั่งอ่านต่อหลังจากนั้นไม่นาน มิวและพราวก็เสร็จสิ้นจากการค้นหาหนังสือและเดินมาหากนก ที่กำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือเล่มหนา"นี่กนก ยังอ่านไม่จบอีกเหรอ" มิวยื่นหน้าไปถามกระซิบเสียงเบา"กำลังถึงตอนสำคัญเลย พระเอกเพิ่งจะสารภาพรักนางเอก" กนกตอบด้วยแววตาที่เป็นประกาย"แกนี่น่ะ..." พราวยิ้มเล็กๆหมั่นไส้เจ้าเพื่อนหนอนหนังสือ "แต่เอาเถอะ เราเสร็จแล้ว กลับกันไหม?"กนกพยักหน้าแล้วปิดหนังสืออย่างเสียดายแต่เขาก็รู้ว่าต้องกลับมาอ่านต่อในวันหลัง พวกเขาทั้งสามเดิน
ร่างของชายปริศนาแนบชิดเข้ามา กนกแทบไม่ได้มีเวลาตั้งตัว ก่อนที่ลมหายใจร้อนจะเคลื่อนเข้าใกล้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เขาไม่คุ้นเคยลอยอวลอยู่รอบตัว เสี้ยววินาทีต่อมา ริมฝีปากของชายแปลกหน้ากดลงมาบนริมฝีปากของเขา...อ่อนโยน ทว่าตราตึงในความรู้สึกเขา กนกเบิกตากว้างพร้อมหัวใจเต้นกระหน่ำราวกับจะทะลุออกจากอก เขาพยายามจะขยับตัวแต่กลับถูกอ้อมแขนแข็งแรงตรึงไว้อย่างมั่นคง ไม่ใช่การบังคับขืนใจแต่เป็นสัมผัสที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดลึกลับราวกับอีกฝ่ายกำลังเฝ้าค้นหาอะไรบางอย่างจากตัวเขา“คุณ...” เสียงของกนกสั่นไหว ไม่แน่ใจว่าควรผลักออกหรือหยุดนิ่ง ความอบอุ่นที่แนบชิดส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างที่เขาอธิบายไม่ได้ชายปริศนาโน้มลงมา สูดลมหายใจช้าๆ ใกล้ต้นคอของเขา ปลายนิ้วเย็นเฉียบไล้ผ่านข้างแก้มก่อนกระซิบเบาๆ ข้างหู“...ในที่สุด พี่ก็เจอเราสักที”นี่มันอะไรกัน... เขาคิดในใจ แต่ร่างกายของเขากลับตอบสนองต่อความรู้สึกที่แปลกใหม่นี้ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้เขาอีกครั้งแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน"ไม่ต้องกลัวนะ...พี่จะไม่ทำร้ายเธอ"กนกรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น เขาพยายามจะพูดอะไรแต่คำพูดก็ติดอยู่ในลำคอ ผู้ชายคนนั้นยิ้มให
ช่วงเวลาสอบกลางภาคกำลังจะเริ่มขึ้น ทำให้บรรยากาศของนักศึกษาใหม่ชั้นปีที่ 1 เต็มไปด้วยความกดดัน อาจารย์เร่งสอนเนื้อหาให้ทันก่อนสอบ ขณะที่นักศึกษาทุกคนต่างต้องเร่งอ่านหนังสือและทบทวนบทเรียนอย่างเคร่งเครียด ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มของกนกเองที่ตอนนี้กำลังปรึกษากันว่าหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วพวกเขาจะไปอ่านหนังสือกันที่ไหนต่อ“หลังจากนี้คงต้องติวให้เยอะกว่าเดิม” กนกพูดขึ้นขณะที่พราวและมิวกำลังกดโทรศัทพ์เปิดดูแหล่งบันเทิงเพื่อผ่อนคลายจากความเคร่งเครียดที่เพิ่งผ่านกันมา“ก็คงงั้นแหละ เพราะบางคาบแกก็หลับในห้องไง กนก” พราวอมยิ้มและดูสนุกที่ได้แซวเพื่อนตัวเล็ก“ทำเป็นพูดนะพราว เหมือนแกไม่เคยหลับ”“ถึงชั้นจะหลับ แต่ก็ไม่ได้หลับเกือบทุกคาบเหมือนแก” ก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะเถียงกันจะเกิดเสียงดังและอาจจะมีการโกรธเคืองเกิดขึ้น“ทั้งสองหยุดเลย เลิกทะเลาะกันได้แล้ว” มิวแทรกเข้ามาด้วยเสียงหนักแน่น“หลังจากกินข้าววันนี้ เราจะไปหาหนังสือที่ห้องสมุด ใครจะไปบ้าง?”“เราไป&rdquo
วันนี้ชั่วโมงเรียนของกนกลากยาวมาถึง 5 โมงเย็น ความเหนื่อยล้าตั้งแต่เช้าส่งผลให้ช่วงเย็น ขณะที่กำลังรออาหารตามสั่งจากร้านป้านิด เขาก็เผลอพิงศีรษะกับแขนตัวเอง ดวงตาปรือคล้ายจะหลับสนิท ท่ามกลางเสียงพูดคุยของเพื่อน ๆ ที่ยังดังอยู่รอบตัว“กนก ตื่นก่อน!” พราวเรียกด้วยเสียงดัง“ใช่ๆ กินข้าวก่อน นี่กระเพาะกุ้งของชอบแกไง กินก่อนแล้วค่อยกลับไปนอน” มิวพูดพร้อมกับยื่นช้อนให้“อืมม...” กนกพยักหน้าเบาๆ แต่สายตาของเขาดูเหมือนจะปิดลงทุกที เขายิ้มบาง ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นเต็มที่ ความเหนื่อยสะสมทำให้ร่างกายของเขาหนักอึ้ง จนเผลอคิดไปว่า... ถ้าตอนนี้ได้เอนตัวลงนอนที่ไหนสักที่ก็คงดี แต่ระหว่างที่กำลังจะหลับตาลงอีกครั้ง “ป้าได้ยังคะ? เพื่อนหนูจะหลับตาโต๊ะแล้วค่าา” พราวหันไปเรียกป้านิด เจ้าของร้านอาหาร“ฮ่ะๆ วันนี้เรียนหนักกันหรอคะ? เพิ่งวันจันทร์กันเอง” ป้านิดถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น“วันนี้ไม่หนักเท่าไรค่ะป้านิด แต่กนกมันเพิ่งกลับบ้านมา ตื่นตั้งแต่ตี 4 วันนี้เรียนตั้งแต่เช้าลากถึงเย็นคงจะง่วงเต็มที่” “น้องกนกรีบทานจะได้รีบไปพักนะคะ” ป้านิดพูดพร้อมกับยิ้มให้“ขอบคุณครับป้านิด ผมจะรีบกิน...จะได้รีบไปนอน
ถึงแม้ว่ารู้สึกยังพักผ่อนไม่เต็มที่ แต่ด้วยภารกิจในการเรียนทำให้กนกต้องเดินทางกลับมาที่หอตั้งแต่เช้ามืด ความเศร้าที่อยู่ภายในใจยังเกาะกิน ความผูกพันธ์ที่เขามีต่อหนังสือเล่มนั้นทำให้เขารู้สึกว่ามันอาจมีอะไรซ่อนอยู่ ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงกับตัวเขาเอง ทำให้รู้สึกว่าวันนี้บรรยากาศรอบตัวมีแต่ความหมองหม่น ความเหม่อลอยตลอดเส้นทางการเดินไปมหาวิทยาลัยทำให้เขาเกือบจะโดนรถเฉี่ยวปิ๊ดดด!แต่ทันใดนั้น กลับมีใครบางคนดึงตัวเขากลับมาได้ทันเวลา หัวใจเขาตื่นระรัวด้วยความตกใจ และกำลังจะหันกลับไปขอบคุณคนใจดีคนนั้น แต่กลับไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้นเลย มีเพียงสายลมที่พัดผ่านและเสียงใบไม้ที่สั่นไหว เหมือนกับว่ามีใครสักคนหายไปในอากาศ“ใครนะ...?” เขาพูดเบาๆ กับตัวเอง แต่ไม่มีใครตอบ มีเพียงเสียงลมพัดผ่านหูเบาๆ เหมือนเสียงกระซิบที่เขาคุ้นเคยถึงแม้จะยังคงสงสัย แต่พอดูนาฬิกาก็พบว่าใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว เลยรีบกวดฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อจะเข้าเรียนให้ทัน เขาวิ่งกระหืดกระหอบมาทันเวลาพอดี มองหาเพื่อนสนิทก็เห็นพราวโบกมือทักทายให้มานั่งข้าง เมื่อถึงที่นั่งก็ฟุบลงกับโต๊ะ แสดงอาการเหนื่อยหอบ“เป็นไงกลับบ้านมา...สนุกไหม?” “น่
เพราะความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้อยากกลับบ้าน จึงตัดสินใจว่ากลับบ้านไปตามหาอะไรบางอย่างน่าจะดีกว่า"อ้าว...ทำไมกลับ เดินทางตั้งหลายชั่วโมงนะ" ใช่...เพื่อนเขาพูดถูก พวกเราทั้งสามคนสอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ แต่บ้านของพวกเราอยู่ชลบุรี ถึงจะนั่งรถตู้ไปถึงสถานีใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงแต่จากสถานีก็ต้องนั่งรถสองแถวเข้าบ้านอีกตั้งสี่สิบนาที นานๆ ทีพวกเราถึงจะกลับบ้านกัน"อืม...มีธุระนิดหน่อยน่ะ" เขาไลน์บอกแม่ว่าจะกลับบ้านไปทำธุระ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร"เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม มาถึงดึกเชียว" "เหนื่อยครับแม่ ดีที่วันนี้กนกเรียนแค่คาบเช้า ไม่งั้นดึกกว่านี้แน่เลย" "งั้นไปพักผ่อนแล้วลงมาทานข้าวเย็นด้วยกันนะ" "ไม่เป็นไรครับ ผมกินข้าวบ้านน้าแป้นมาแล้ว""อ่อ...เออ พูดถึงน้าแป้น" "หืมม...ทำไมหรอครับ" "เห็นแกบอกว่าลูกชายเขาก็ไปเรียนกรุงเทพนะ แต่ที่ไหนแม่ก็จำไม่ได้""หรอครับ แต่พี่...อ่าา จำไม่ได้แล้วอ่า" "อืมม... จำได้ว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่เรานะ" "อ่าา...ครับ" กนกพยักหน้า"กนกขึ้นไปพักก่อนนะ""รีบพักนะลูก" กนกรีบขึ้นไปพักบนห้องของตัวเอง บ้านของเขาไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แม้ว่าพ่อกับแม่จะรักการอ่านหนังสือมากแ
เขารู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ยาวนานและวุ่นวายเพราะเขามีเรียนตั้งแต่เช้าถึงสองทุ่ม ทั้งบรรยายวิชาชีวะและทำแล็ปการทดลองเคมีภาคค่ำ กว่าจะลากสังขารกลับหอได้ก็พากันหมดแรง"ทำไมวันนี้โหดขนาดนี้...ใครจัดตารางเรียนว่ะ" "นั่นนะสิ...จะแบ้ล้า นี่มันเด็กปีหนึ่งนะเว้ย" พราวสมทบอีกหนึ่งเสียง"แล้วพวกแกจะบ่นเพื่อ...กินข้าว กลับบ้านแยกย้ายกัน" "เย้ อาหารจะช่วยชีวิตพวกเรา ฉันอยากกินยำ อยากกินยำ" พราวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น"กนกกินอะไรดี?" "อ่า...อะไรดีอ่าา อยากกินกระเพาะแล้วกัน กระเพาะเนื้อ" "อืม งั้นไปร้านป้าข้างหอพราว แล้วค่อยเดินกลับมาหอในแล้วกัน" "อืม..." กนกพยักหน้ารับระหว่างทาง กนกก็เหม่อมองบรรยากาศโดยรอบ วันนี้รู้สึกเหนื่อยตั้งแต่เช้าที่ต้องวิ่งมาเรียน ข้าวเช้าก็ไม่ได้กินแล้วมาเรียนแล็ปต่อ ปวดหัวจะแย่ คิดถึงหนังสือนิยายที่อยู่ที่หอจะแย่อยู่แล้ว เมื่อไหร่จะได้กลับไปอ่านต่อนะ... แต่ในตอนนี้ เขาต้องกินข้าวให้อิ่มก่อนแล้วค่อยกลับไปหาหนังสือเล่มโปรดที่รอเขาอยู่"ป้าคะ หนูขอยำแซ่บๆหนึ่งจานค่ะ ขอเผ็ดๆเลยนะคะ" พราวสั่งอาหารด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยหิวกระหาย"กินเผ็ดเดี๋ยวก็ปว
ร่างของชายปริศนาแนบชิดเข้ามา กนกแทบไม่ได้มีเวลาตั้งตัว ก่อนที่ลมหายใจร้อนจะเคลื่อนเข้าใกล้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เขาไม่คุ้นเคยลอยอวลอยู่รอบตัว เสี้ยววินาทีต่อมา ริมฝีปากของชายแปลกหน้ากดลงมาบนริมฝีปากของเขา...อ่อนโยน ทว่าตราตึงในความรู้สึกเขา กนกเบิกตากว้างพร้อมหัวใจเต้นกระหน่ำราวกับจะทะลุออกจากอก เขาพยายามจะขยับตัวแต่กลับถูกอ้อมแขนแข็งแรงตรึงไว้อย่างมั่นคง ไม่ใช่การบังคับขืนใจแต่เป็นสัมผัสที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดลึกลับราวกับอีกฝ่ายกำลังเฝ้าค้นหาอะไรบางอย่างจากตัวเขา“คุณ...” เสียงของกนกสั่นไหว ไม่แน่ใจว่าควรผลักออกหรือหยุดนิ่ง ความอบอุ่นที่แนบชิดส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างที่เขาอธิบายไม่ได้ชายปริศนาโน้มลงมา สูดลมหายใจช้าๆ ใกล้ต้นคอของเขา ปลายนิ้วเย็นเฉียบไล้ผ่านข้างแก้มก่อนกระซิบเบาๆ ข้างหู“...ในที่สุด พี่ก็เจอเราสักที”นี่มันอะไรกัน... เขาคิดในใจ แต่ร่างกายของเขากลับตอบสนองต่อความรู้สึกที่แปลกใหม่นี้ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้เขาอีกครั้งแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน"ไม่ต้องกลัวนะ...พี่จะไม่ทำร้ายเธอ"กนกรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น เขาพยายามจะพูดอะไรแต่คำพูดก็ติดอยู่ในลำคอ ผู้ชายคนนั้นยิ้มให
แล้วพวกเขา 3 คนก็เดินทางไปห้องสมุดด้วยกัน สถานที่ที่กว้างขวาง เงียบสงบเหมาะสำหรับการอ่านหนังสือและการทำงานอย่างจริงจัง กนก มิวและพราวต่างก็มีเป้าหมายของตัวเอง มิวและพราวตั้งใจจะหาหนังสือเกี่ยวกับวิชาเคมีเพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับรายงาน ส่วนกนกนั้นแม้ว่าจะไม่ได้มีงานเร่งด่วนอะไรแต่เขาก็อยากมาหาหนังสือนิยายรักโรแมนติกเล่มใหม่เอาไว้อ่านสักหน่อยเมื่อเดินเข้าไปในห้องสมุด มิวและพราวก็แยกย้ายไปหาหนังสือในส่วนของวิทยาศาสตร์ ในขณะที่กนกเดินตรงไปที่ชั้นหนังสือวรรณกรรม เขาหยิบนิยายรักโรแมนติกเล่มหนึ่งที่เขาคิดว่าน่าสนใจแล้วก็หามุมสงบในห้องสมุดเพื่อนั่งอ่านต่อหลังจากนั้นไม่นาน มิวและพราวก็เสร็จสิ้นจากการค้นหาหนังสือและเดินมาหากนก ที่กำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือเล่มหนา"นี่กนก ยังอ่านไม่จบอีกเหรอ" มิวยื่นหน้าไปถามกระซิบเสียงเบา"กำลังถึงตอนสำคัญเลย พระเอกเพิ่งจะสารภาพรักนางเอก" กนกตอบด้วยแววตาที่เป็นประกาย"แกนี่น่ะ..." พราวยิ้มเล็กๆหมั่นไส้เจ้าเพื่อนหนอนหนังสือ "แต่เอาเถอะ เราเสร็จแล้ว กลับกันไหม?"กนกพยักหน้าแล้วปิดหนังสืออย่างเสียดายแต่เขาก็รู้ว่าต้องกลับมาอ่านต่อในวันหลัง พวกเขาทั้งสามเดิน
"แม่ครับ อ่านเรื่องนี้ให้ฟังหน่อย!""นิยายเรื่องนี้สนุกไหมครับแม่?""กนกอยากนอนหลับไปกับกองนิยายเล้ยย!"เสียงสดใสของกนกดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นของบ้านหลังเล็ก ที่นี่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือแทบทุกวัน แม่ของเขาชอบอ่านหนังสือสารคดีแปลก ๆ แล้วมักจะเล่าเรื่องให้ลูกชายฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ส่วนพ่อก็เป็นสายหนังสือพัฒนาตัวเอง ชอบสอนกนกเรื่องแนวคิดการเติบโตและการใช้ชีวิต ทุกเย็นบ้านนี้แทบไม่เงียบเหงา เพราะมื้อค่ำมักกลายเป็นวงสนทนาเกี่ยวกับหนังสือที่แต่ละคนกำลังอ่าน ราวกับเป็นสโมสรนักอ่านขนาดย่อมแต่ในบรรดาหนังสือทั้งหมด กนกรักนิยายรักของแม่มากที่สุด ตู้หนังสือของแม่เต็มไปด้วยเล่มปกสีหวาน บางเล่มเก่าจนกระดาษเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ตอนเด็ก ๆ เขาหยิบมาอ่านเพราะคิดว่ามันตลก แต่พอโตขึ้น เขากลับหลงรักเรื่องราวในนั้นอย่างไม่รู้ตัว"กนกลูก มากินข้าวกันครับ"เสียงแม่ดังแว่วมาจากชั้นล่าง ในขณะที่กนกกำลังจมอยู่กับฉากสำคัญของนิยาย"แป๊บนึงนะครับแม่... อีกนิดเดียวจะจบแล้ว!""แม่รอนะลูก แต่อย่านานล่ะ ข้าวจะเย็นหมด""ได้ครับแม่" กนกตอบลอย ๆ แต่สายตายังคงตรึงอยู่กับหน้ากระดาษ "อีกแค่สามหน้าเอง