“ได้เลย หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน จัดให้เลยพรุ่งนี้” เฉินฝานตอบเสียงดัง“หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน!”ทหารทุกคนล้วนเข้าใจจุดประสงค์ที่เฉินฝานให้พวกเขากินดื่มกันยกใหญ่บนภูเขา ดังนั้นจึงพร้อมใจกันทวนชื่ออาหารเสียงดัง“ใต้เท้า!”ขณะที่เฉินฝานกำลังเตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อน ทันใดนั้นเหอจื่อหลินก็พาสตรีนางหนึ่งมาหาเขาสตรีผู้นั้นเป็นคนที่มาจากด้านล่างหุบเขา นางคือสาวใช้คนสนิทของโอวหยางหน่าหลัน“ข้าขอพบใต้เท้าเฉิน อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของพวกท่าน!” สาวใช้ผู้นั้นเอาแต่กล่าวเช่นนี้ซ้ำ ๆ “ข้านี่แหละ” เฉินฝานกล่าวสาวใช้ผู้นั้นมองเฉินฝานอย่างพิจารณาพลางเอ่ยพึมพำในปากว่า “ใบหน้าขาวสะอาด รูปร่างกำยำ เสียงทุ้มนุ่มลึก”“เช่นนั้นข้าตรงกับเงื่อนไขหรือไม่?” เฉินฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ยิ้มแล้วดูซื่อ ๆ” สาวใช้มองเฉินฝานแล้วเอ่ยพึมพำกับตนเองอีกครั้ง“อ้อ!” เฉินฝานยิ้มพลางพยักหน้า “ที่แท้ในสายตาองค์หญิงของพวกเจ้าข้ามีภาพลักษณ์เช่นนี้เอง!”“องค์หญิงของเราตรัสว่าพวกเรายอมจำนนก็ได้!” สาวใช้ผู้นั้นกล่าว“นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องยิ่งนัก องค์หญิงของพวกเจ้าควรทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว”“แต่ว่าพระ
“นางต้องการให้เจ้าแต่งงานกับนาง!”“???!!!”ทุกคนตกตะลึงกันหมด เคยคาดเดาข้อเรียกร้องทุกรูปแบบ แต่ไม่มีใครเคยคาดคิดถึงข้อเรียกร้องนี้เลยโอวหยางน่าหลันยืนหยัดมานานหลายวันขนาดนี้ก็เพราะเรื่องนี้หรือ?“หึ ๆ” เสียงหัวเราะของเหอจื่อหลินทำลายความเงียบสงัด “แต่ไหนแต่ไรมีแต่วีรบุรุษโกรธเพื่อหญิงงาม ตอนนี้กลับเป็นหญิงงามที่โกรธเพื่อวีรบุรุษ ใต้เท้า เสน่ห์ของท่านทำให้ข้าน้อยนับถือแล้ว”“ข้าน้อยก็นับถือ ใต้เท้า ท่านยังมัวลังเลอะไรอยู่เล่า? รีบตอบตกลงเถิด”“ตอบตกลงตอนนี้ คืนนี้ก็เข้าห้องหอเลย”“กลางคืนพยายามสักหน่อย ปีหน้าใต้เท้าก็ได้อุ้มบุตรชายแล้ว”“ดูเจ้าพูดสิ ใต้เท้ามีบุตรชายตั้งนานแล้วนะ”“นี่เจ้าไม่เข้าใจใช่หรือไม่ ไฉนเลยจะรังเกียจที่มีบุตรชายมากเกินไป?”ปกติแล้วเฉินฝานไม่ได้ถือตัว ทั้งยังร่วมกินร่วมอยู่ด้วยกัน ดังนั้นขุนพลกองทัพลาดตระเวนเหล่านั้นจึงพากันหยอกล้อ“พวกเจ้าแต่ละคน ไม่มีความสำรวมเลย ฝ่าบาทยังทรงประทับอยู่ตรงนี้นะ!”ขุนพลเหล่านั้นยิ่งพูดยิ่งติดลมขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ควบคุมตัวเองเลย เหอจื่อหลินจึงรีบห้ามปรามแม้เฉินฝานจะไม่ถือสาขุนพลเหล่านี้ที่พูดหยอกล้อต่อหน้า แต่ฝ่าบาทอาจ
“หลังจากแต่งงานกับองค์หญิงโอวหยางแล้ว เจ้าจะได้เป็นอัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น ระหว่างแคว้นต้าชิ่งกับแคว้นหลู่ เจ้าชอบอาศัยอยู่ฝั่งไหนก็สุดแล้วแต่เจ้าจะปรารถนา” คำพูดของฉินเย่ว์เหมยทำให้ทุกคนตะลึงงันอีกครั้ง“อัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น? นี่ก็ได้ด้วยหรือ?”“เหตุใดจะไม่ได้เล่า หลังจากที่ใต้เท้าเฉินได้เป็นอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่แล้ว แคว้นหลู่ย่อมไม่คิดโจมตีแคว้นต้าชิ่งของเราอีกแน่นอน เรื่องดี เรื่องดีมากเลย!”“ใต้เท้า อย่าได้ลังเล รีบตอบตกลงเถิด คืนนี้ก็เข้าห้องหอได้แล้ว!”“ห้องหอ ๆ ในหัวเจ้านอกเรื่องนี้แล้ว ยังคิดเรื่องอื่นได้อีกไหม?” เหอจื่อหลินตบหัวมั่วเซิน“สองเรื่องที่งดงามที่สุดในชีวิตมนุษย์คือตอนที่สอบได้เป็นขุนนางกับคืนส่งตัวเข้าหอ การสอบได้เป็นขุนนางไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับใต้เท้าแล้ว จะเหลือก็แต่คืนส่งตัวเข้าหอไม่ใช่หรือ? ท่านแม่ทัพ หรือว่าท่านไม่คิด?” มั่วเซินหัวเราะคิกคักพลางหลบหลีก“ไอ้หนู เจ้ายังกล้าหลบอีก พวกเจ้าก็ด้วย ยังจะกล้าหัวเราะอีกหรือ ข้าจะทำให้พวกเจ้าหัวเราะ ทำให้พวกเจ้าหัวเราะไปเลย”ขณะที่เหอจื่อหลินฟาดมั่วเซิน เวลาเดียวกันก็ฟาดพวกขุนพลคนอื่น ๆ อีกด้วยต
“หากเงื่อนไขแบบนี้ยังดึงดูดใจไม่ได้ เช่นนั้นความจริงแล้วท่านก็เป็นคนไร้น้ำยา บุตรชายฝาแฝดสี่คนคงอาศัยน้ำเชื้อของผู้อื่น เรื่องเล่านี้คงจะเป็นความจริงสินะ?”โอวหยางน่าหลันพูดข่ม“โอวหยางน่าหลัน ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา?”คนที่โมโหก่อนคือฉินเย่ว์เหมย ใบหน้าเย็นชางดงามของนางดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“หรือว่าเราพูดผิดไป? ต้าชิ่งของพวกท่านบุรุษน้อยสตรีมาก เขาเป็นถึงอัครเสนาบดีผู้ทรงเกียรติ แต่ที่บ้านกลับมีภรรยาไม่ถึงสิบคน หากเขาไม่ใช่คนไร้น้ำยา แล้วภรรยาที่บ้านจะน้อยถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”“ภรรยาของเขาไม่ได้น้อย เขา...”“เขาอะไร?” โอวหยางน่าหลันกำเริบเสิบสานมากขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “เขา...” ฉินเย่ว์เหมยหน้าแดงระเรื่อจากความโกรธเกรี้ยวเท่านั้นวังหลังของต้าชิ่งเป็นของเฉินฝานทั้งหมดแต่ฉินเย่ว์เหมยไม่อาจเอ่ยเรื่องนี้ออกมาได้“ฝ่าบาท อย่าทรงกริ้ว ให้กระหม่อมสั่งสอนสักยก นางก็จะเชื่อฟังแล้ว”เสียงพูดยังไม่ทันจบ เฉินฝานก็แบกโอวหยางน่าหลันขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในห้องไม่นานนัก... เสียงร้องตะโกนของสตรีและเสียงคำรามต่ำของบุรุษก็ดังสลับกันขึ้นมา“รู้ความผิดแล้วหรือยัง?”
เฉินฝานตบบั้นท้ายกลมกลึงของโอวหยางน่าหลันทีหนึ่ง “พอได้แล้ว ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว!”“ข้าไม่ได้เสแสร้งนะ จริง ๆ แล้วข้า...”เสียงของโอวหยางน่าหลันขาดหายไป เพราะว่า...“ข้าจากเมืองหลวงของต้าชิ่งมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เป็นห่วงลูกเมียที่บ้าน ไม่อาจไปแคว้นหลู่จัดพิธีแต่งงานกับท่านได้ จัดขึ้นที่เมืองลู่ตูแห่งนี้ละกัน”“จริงหรือ? ช่างดีเหลือเกิน!”โอวหยางน่าหลันโผเข้าหาตัวเฉินฝานทันที“สามี ช่วงเวลาที่งดงามเช่นนี้ เหตุใดเราไม่สู้...”มือของโอวหยางน่าหลันเริ่มอยู่ไม่สุขอีกครั้งเฉินฝานบีบเอวบางของโอวหยางน่าหลัน“ร่านนัก!”เสียงยั่วยวนดังขึ้นอีกครั้ง.....ตอนที่ฉินเย่ว์เหมยส่งโอวหยางน่าหลันกลับไป ก็ถามนางว่าเหตุใดถึงยืนกรานจะแต่งงานกับเฉินฝานให้ได้คำตอบของโอวหยางน่าหลันธรรมดามากเหตุผลแรกคือนางชอบเฉินฝานเหตุผลข้อที่สองคือแคว้นหลู่มีเฉินฝานก็จะดำรงอยู่ได้ตลอดไป“เหตุผลข้อที่สองของท่านมันเกินจริงไปหรือไม่” ฉินเย่ว์เหมยกล่าว“ข้ากล่าวเกินจริงหรือไม่? ท่านรู้ดีกว่าข้ามิใช่หรือ?” โอวหยางน่าหลันฉุนเฉียวเล็กน้อย“ท่านอย่าได้ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเพียงเพราะว่าเขาใส่ใจท่าน หากท่านไม่ทะนุถนอ
“ฝ่าบาท ในรัชสมัยนี้ขาดแคลนชายหนุ่มอย่างหนักพ่ะย่ะค่ะ!”“ร้ายแรงถึงขั้นไหน”“ในหนึ่งร้อยคน มีชายหนุ่มไม่ถึงยี่สิบคน หลายปีมานี้ มีหญิงสาววัยเหมาะสมจำนวนมากจบชีวิตตนเองเพราะไม่มีใครแต่งงานด้วย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่ารากฐานของแผ่นดินอาจสั่นคลอนได้พ่ะย่ะค่ะ”“จงประกาศราชโองการลงไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกเขตการปกครอง เมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองให้ดำเนินการจัดสรรการแต่งงาน ผู้ใดยินดีรับมากกว่าสามคน มอบรางวัล!”“ผู้ใดให้กำเนิดบุตรชาย มอบรางวัลใหญ่!”“ภายในสามปี ต้องพลิกปรากฏการณ์หญิงมากชายน้อยของแผ่นดินให้จงได้!”-เฉินฝานตื่นขึ้นด้วยเสียงร้องไห้รบกวนเมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องที่ตนไม่รู้จักมีหญิงสาวนั่งปิดหน้าร้องไห้เสียงเบานั่งอยู่ข้างกาย“หยุดร้องได้แล้ว ข้ารำคาญ!”เมื่อได้ยินเสียงของเฉินฝาน หญิงสาวปาดน้ำตาและมองเขาทันที “นายท่าน ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ!”เฉินฝากเงยหน้ามองหญิงสาว……ผมเผ้าดำเงาวับ ผิวขาวนวลผุดผ่องดังหยก ดวงตาคู่งามแลมองหมุนรอบเป็นพันครั้ง ทุกการขมวดคิ้วคือการตีความคำว่าสง่างามน่าประทับใจผ้าดิบหยาบกระด้าง ก็ไม่อาจปกปิดรูปร่างน่าเอ็นดูของนางเฮ้ย
“นายท่าน ข้าน้อยผิดไปแล้ว!”“……” เฉินฝานทำหน้ามึนงง นางมีความผิดอะไร!เขาโน้มตัวจะพยุงฉินเย่ว์โหรวให้ลุกขึ้น ปรากฏว่านางโขกศีรษะกับพื้นโป๊ก ๆ ทันทีที่มือของเขาสัมผัสถึงตัว“ข้าน้อยรู้ว่านายท่านรังเกียจฝีมือของข้าน้อยเสมอมา ข้าน้อยจะไปร่ำเรียนกับกลุ่มสตรีในชุมชนเจ้าค่ะ”“ก่อนหน้านี้ ท่านลงโทษจนขาขวาของข้าน้อยหักแล้ว หากท่านลงโทษจนขาซ้ายของข้าหักอีก ข้าน้อยก็จะปรนนิบัติท่านไม่ได้แล้วนะเจ้าคะ”!!!แท้จริงแล้วเจ้าของร่างเดิมเป็นคนตีขานางหัก!!เมื่อมองขาขวาที่หักของฉินเย่ว์โหรว พลางมีเสียงหวีดดังขึ้นในหัวของเฉินฝานคนสวยขนาดนี้ทั้งคน ยังนอบน้อมอ่อนโยนเช่นนี้อีก มีแต่อยากเอ็นดู เจ้าของร่างเดิมคิดอะไรอยู่กันแน่ เหตุใดถึงกล้าลงมือเช่นนี้!“เมื่อขาเจ้าไม่สะดวก งั้นก็ลุกขึ้นเถิด!”ฉินเย่ว์โหรวตัวสั่นและกลัวเฉินฝานมาก นางแทบไม่ได้รู้ว่าเฉินฝานพูดอะไร “ได้โปรดนายท่าน อย่าทุบตีข้าเลย อย่าทุบข้าเลย”ร่างกายที่สั่นจนควบคุมไม่ได้และสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวั่นกลัวเห็นได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าของร่างเดิมทุบตีนางเป็นประจำจนนางกลัวเฉินฝานพูดสามครั้งติดต่อกันว่าจะไม่ทุบตี จากนั้นฉินเย่ว์โหรวก็หยุ
เฉินฝานพลันตะโกนเสียงแข็ง จูต้าอันกับผู้ชายอีกสองคนถึงกับสะดุ้งตกใจไอ้หมอนี่ กล้าพูดจาเสียงดังกับพวกเขา!ภายในห้องเงียบสงบในทันใด“เฉินฝาน!” จูต้าอันแสดงหน้าถมึงทึง “ตั้งแต่พวกเราเข้ามา เจ้าก็ทำกร่างตลอด เมื่อครู่นี้ข้าถือว่าเจ้าเพิ่งตกเขากลับมาร่างกายยังไม่หายดี แต่เจ้าอย่าทำตัวไว้หน้าแล้วไม่สนใจ ข้าขอพูดไว้ตรงนี้ ไม่ว่าเจ้าจะยอมหรือไม่ เมื่อเจ้ารับเงินไปแล้วก็ต้องทำตามที่ตกลงไว้”ตอนที่จูต้าอันกำลังพูด ผู้ชายสองคนด้านหลังยืนขึ้นแล้วผู้ชายสองคนนั้น ทั้งตัวสูงและบึกบึนหากเกิดการปะทะขึ้นมาจริง ๆ เขาสามารถเอาตัวรอดได้ เพียงแต่ว่า……เฉินฝานชำเลืองมองฉินเย่ว์โหรวที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านข้าง“โหย ดูสมองข้าสิ!” เฉินฝานกุมหัวแสดงสีหน้าเหมือนเจ็บปวด “หลังจากตกเขาและฟื้นขึ้นมาข้าก็ไข้ขึ้นไม่หยุด จนป่านนี้หัวของข้าก็ยังเจ็บตื้อ ๆ ไม่หาย และลืมเรื่องต่าง ๆ ไปเยอะมาก ข้าขออภัยด้วย”เมื่อเห็นสีหน้าของชายสามคนผ่อนคลายลง เฉินฝานพลางรีบเอ่ยถามจูต้าอัน “พี่จู ก่อนหน้านี้ข้าตกลงกับพี่เรื่องอะไรนะ!”“หากเป็นเช่นนั้น……ก็ช่างเถอะ!” จูต้าอันส่งสัญญาณให้สองคนนั่งลง “ตกเขาฤดูหนาวแต่ไม่ถูกหมาป่าคาบ
เฉินฝานตบบั้นท้ายกลมกลึงของโอวหยางน่าหลันทีหนึ่ง “พอได้แล้ว ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว!”“ข้าไม่ได้เสแสร้งนะ จริง ๆ แล้วข้า...”เสียงของโอวหยางน่าหลันขาดหายไป เพราะว่า...“ข้าจากเมืองหลวงของต้าชิ่งมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เป็นห่วงลูกเมียที่บ้าน ไม่อาจไปแคว้นหลู่จัดพิธีแต่งงานกับท่านได้ จัดขึ้นที่เมืองลู่ตูแห่งนี้ละกัน”“จริงหรือ? ช่างดีเหลือเกิน!”โอวหยางน่าหลันโผเข้าหาตัวเฉินฝานทันที“สามี ช่วงเวลาที่งดงามเช่นนี้ เหตุใดเราไม่สู้...”มือของโอวหยางน่าหลันเริ่มอยู่ไม่สุขอีกครั้งเฉินฝานบีบเอวบางของโอวหยางน่าหลัน“ร่านนัก!”เสียงยั่วยวนดังขึ้นอีกครั้ง.....ตอนที่ฉินเย่ว์เหมยส่งโอวหยางน่าหลันกลับไป ก็ถามนางว่าเหตุใดถึงยืนกรานจะแต่งงานกับเฉินฝานให้ได้คำตอบของโอวหยางน่าหลันธรรมดามากเหตุผลแรกคือนางชอบเฉินฝานเหตุผลข้อที่สองคือแคว้นหลู่มีเฉินฝานก็จะดำรงอยู่ได้ตลอดไป“เหตุผลข้อที่สองของท่านมันเกินจริงไปหรือไม่” ฉินเย่ว์เหมยกล่าว“ข้ากล่าวเกินจริงหรือไม่? ท่านรู้ดีกว่าข้ามิใช่หรือ?” โอวหยางน่าหลันฉุนเฉียวเล็กน้อย“ท่านอย่าได้ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเพียงเพราะว่าเขาใส่ใจท่าน หากท่านไม่ทะนุถนอ
“หากเงื่อนไขแบบนี้ยังดึงดูดใจไม่ได้ เช่นนั้นความจริงแล้วท่านก็เป็นคนไร้น้ำยา บุตรชายฝาแฝดสี่คนคงอาศัยน้ำเชื้อของผู้อื่น เรื่องเล่านี้คงจะเป็นความจริงสินะ?”โอวหยางน่าหลันพูดข่ม“โอวหยางน่าหลัน ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา?”คนที่โมโหก่อนคือฉินเย่ว์เหมย ใบหน้าเย็นชางดงามของนางดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“หรือว่าเราพูดผิดไป? ต้าชิ่งของพวกท่านบุรุษน้อยสตรีมาก เขาเป็นถึงอัครเสนาบดีผู้ทรงเกียรติ แต่ที่บ้านกลับมีภรรยาไม่ถึงสิบคน หากเขาไม่ใช่คนไร้น้ำยา แล้วภรรยาที่บ้านจะน้อยถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”“ภรรยาของเขาไม่ได้น้อย เขา...”“เขาอะไร?” โอวหยางน่าหลันกำเริบเสิบสานมากขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “เขา...” ฉินเย่ว์เหมยหน้าแดงระเรื่อจากความโกรธเกรี้ยวเท่านั้นวังหลังของต้าชิ่งเป็นของเฉินฝานทั้งหมดแต่ฉินเย่ว์เหมยไม่อาจเอ่ยเรื่องนี้ออกมาได้“ฝ่าบาท อย่าทรงกริ้ว ให้กระหม่อมสั่งสอนสักยก นางก็จะเชื่อฟังแล้ว”เสียงพูดยังไม่ทันจบ เฉินฝานก็แบกโอวหยางน่าหลันขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในห้องไม่นานนัก... เสียงร้องตะโกนของสตรีและเสียงคำรามต่ำของบุรุษก็ดังสลับกันขึ้นมา“รู้ความผิดแล้วหรือยัง?”
“หลังจากแต่งงานกับองค์หญิงโอวหยางแล้ว เจ้าจะได้เป็นอัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น ระหว่างแคว้นต้าชิ่งกับแคว้นหลู่ เจ้าชอบอาศัยอยู่ฝั่งไหนก็สุดแล้วแต่เจ้าจะปรารถนา” คำพูดของฉินเย่ว์เหมยทำให้ทุกคนตะลึงงันอีกครั้ง“อัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น? นี่ก็ได้ด้วยหรือ?”“เหตุใดจะไม่ได้เล่า หลังจากที่ใต้เท้าเฉินได้เป็นอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่แล้ว แคว้นหลู่ย่อมไม่คิดโจมตีแคว้นต้าชิ่งของเราอีกแน่นอน เรื่องดี เรื่องดีมากเลย!”“ใต้เท้า อย่าได้ลังเล รีบตอบตกลงเถิด คืนนี้ก็เข้าห้องหอได้แล้ว!”“ห้องหอ ๆ ในหัวเจ้านอกเรื่องนี้แล้ว ยังคิดเรื่องอื่นได้อีกไหม?” เหอจื่อหลินตบหัวมั่วเซิน“สองเรื่องที่งดงามที่สุดในชีวิตมนุษย์คือตอนที่สอบได้เป็นขุนนางกับคืนส่งตัวเข้าหอ การสอบได้เป็นขุนนางไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับใต้เท้าแล้ว จะเหลือก็แต่คืนส่งตัวเข้าหอไม่ใช่หรือ? ท่านแม่ทัพ หรือว่าท่านไม่คิด?” มั่วเซินหัวเราะคิกคักพลางหลบหลีก“ไอ้หนู เจ้ายังกล้าหลบอีก พวกเจ้าก็ด้วย ยังจะกล้าหัวเราะอีกหรือ ข้าจะทำให้พวกเจ้าหัวเราะ ทำให้พวกเจ้าหัวเราะไปเลย”ขณะที่เหอจื่อหลินฟาดมั่วเซิน เวลาเดียวกันก็ฟาดพวกขุนพลคนอื่น ๆ อีกด้วยต
“นางต้องการให้เจ้าแต่งงานกับนาง!”“???!!!”ทุกคนตกตะลึงกันหมด เคยคาดเดาข้อเรียกร้องทุกรูปแบบ แต่ไม่มีใครเคยคาดคิดถึงข้อเรียกร้องนี้เลยโอวหยางน่าหลันยืนหยัดมานานหลายวันขนาดนี้ก็เพราะเรื่องนี้หรือ?“หึ ๆ” เสียงหัวเราะของเหอจื่อหลินทำลายความเงียบสงัด “แต่ไหนแต่ไรมีแต่วีรบุรุษโกรธเพื่อหญิงงาม ตอนนี้กลับเป็นหญิงงามที่โกรธเพื่อวีรบุรุษ ใต้เท้า เสน่ห์ของท่านทำให้ข้าน้อยนับถือแล้ว”“ข้าน้อยก็นับถือ ใต้เท้า ท่านยังมัวลังเลอะไรอยู่เล่า? รีบตอบตกลงเถิด”“ตอบตกลงตอนนี้ คืนนี้ก็เข้าห้องหอเลย”“กลางคืนพยายามสักหน่อย ปีหน้าใต้เท้าก็ได้อุ้มบุตรชายแล้ว”“ดูเจ้าพูดสิ ใต้เท้ามีบุตรชายตั้งนานแล้วนะ”“นี่เจ้าไม่เข้าใจใช่หรือไม่ ไฉนเลยจะรังเกียจที่มีบุตรชายมากเกินไป?”ปกติแล้วเฉินฝานไม่ได้ถือตัว ทั้งยังร่วมกินร่วมอยู่ด้วยกัน ดังนั้นขุนพลกองทัพลาดตระเวนเหล่านั้นจึงพากันหยอกล้อ“พวกเจ้าแต่ละคน ไม่มีความสำรวมเลย ฝ่าบาทยังทรงประทับอยู่ตรงนี้นะ!”ขุนพลเหล่านั้นยิ่งพูดยิ่งติดลมขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ควบคุมตัวเองเลย เหอจื่อหลินจึงรีบห้ามปรามแม้เฉินฝานจะไม่ถือสาขุนพลเหล่านี้ที่พูดหยอกล้อต่อหน้า แต่ฝ่าบาทอาจ
“ได้เลย หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน จัดให้เลยพรุ่งนี้” เฉินฝานตอบเสียงดัง“หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน!”ทหารทุกคนล้วนเข้าใจจุดประสงค์ที่เฉินฝานให้พวกเขากินดื่มกันยกใหญ่บนภูเขา ดังนั้นจึงพร้อมใจกันทวนชื่ออาหารเสียงดัง“ใต้เท้า!”ขณะที่เฉินฝานกำลังเตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อน ทันใดนั้นเหอจื่อหลินก็พาสตรีนางหนึ่งมาหาเขาสตรีผู้นั้นเป็นคนที่มาจากด้านล่างหุบเขา นางคือสาวใช้คนสนิทของโอวหยางหน่าหลัน“ข้าขอพบใต้เท้าเฉิน อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของพวกท่าน!” สาวใช้ผู้นั้นเอาแต่กล่าวเช่นนี้ซ้ำ ๆ “ข้านี่แหละ” เฉินฝานกล่าวสาวใช้ผู้นั้นมองเฉินฝานอย่างพิจารณาพลางเอ่ยพึมพำในปากว่า “ใบหน้าขาวสะอาด รูปร่างกำยำ เสียงทุ้มนุ่มลึก”“เช่นนั้นข้าตรงกับเงื่อนไขหรือไม่?” เฉินฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ยิ้มแล้วดูซื่อ ๆ” สาวใช้มองเฉินฝานแล้วเอ่ยพึมพำกับตนเองอีกครั้ง“อ้อ!” เฉินฝานยิ้มพลางพยักหน้า “ที่แท้ในสายตาองค์หญิงของพวกเจ้าข้ามีภาพลักษณ์เช่นนี้เอง!”“องค์หญิงของเราตรัสว่าพวกเรายอมจำนนก็ได้!” สาวใช้ผู้นั้นกล่าว“นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องยิ่งนัก องค์หญิงของพวกเจ้าควรทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว”“แต่ว่าพระ
เฉินฝานกล่าวจบไปได้พักใหญ่แล้ว เหอจื่อหลินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม“พี่จื่อหลิน มิใช่ว่าอยากรีบจบเรื่องนี้โดยเร็วหรอกหรือ? เหตุใดพี่ยังมัวอึ้งอยู่ที่นี่เล่า? รีบลงมือสิ!” เฉินฝานเร่งเหอจื่อหลิน “ทราบดีว่าท่านมีคำถามอยู่เต็มสมอง ตอนนี้ไม่อาจอธิบายให้ท่านฟังโดยละเอียด ท่านไปจัดการก่อน อีกไม่นานข้าจะมา”หลังจากที่เหอจื่อหลินจากไปแล้ว เฉินฝานก็พาฉินเย่ว์เจียวเข้าเมืองลู่ตูทันทีไม่นาน เขาก็พาคนออกมาจากเมืองลู่ตู มุ่งหน้าสู่เนินเขากงจียามที่เฉินฝานไปถึง พ่อครัวทหารของกองทัพต่าง ๆ กำลังขนย้ายเครื่องครัวมาถึงพอดี ขณะเดียวกันเจ้าเมืองลู่ตูก็นำไก่หนึ่งพันตัวมาส่งให้เช่นกันเฉินฝานให้พ่อครัวทหารของกองทัพต่าง ๆ ตั้งเตาหลายสิบเตาของแต่ละกองทัพตรงสถานที่ที่มีลมโกรก ต้มน้ำเดือด หั่นไก่ที่เชือดเรียบร้อยแล้วเป็นชิ้น ๆ แล้วเคี่ยวลงในหม้อผ่านไปไม่นานนัก น้ำแกงไก่ในหม้อเหล็กใบใหญ่ก็เดือดปุด ๆ กลิ่นหอมของน้ำแกงไก่เข้มข้นอบอวลไปทั่วหุบเขาอย่าว่าแต่ทหารหลู่ที่หิวจนท้องร้องโครกครากเลย ต่อให้เป็นกองทัพลาดตระเวนที่เพิ่งกินข้าวอิ่มเมื่อครู่นี้ต่างก็น้ำลายไหลถึงพื้นแล้ว เฉินฝานกล่าวเสียงดังว่า “เหล
มองทหารที่อยู่ในหลุมหลบภัย ถูกไฟคลอกทั้งตัว เกลือกกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด รวมถึงน้ำมันสนที่ยังคงไหลไม่หยุด ทหารหลู่ที่ยังไม่กระโดดลงไปในหลุมหลบภัย ไม่กล้ากระโดดลงไปแล้วทหารหลู่ที่เดิมทีจะฝ่าวงล้อมออกไปได้แล้วนั้น ถูกขังด้วยเพลิงไฟ“เหี้ยมโหดยิ่งนัก!”โอวหยางหน่าหลันตะโกนด้วยความโมโหหลังจากนั้น เฉินฝานทำเพียงอย่างดีซึ่งก็คือขุดหลุมรอบทหารหลู่ แล้วเทน้ำมันสนลงไปเรื่อยๆตอนทหารหลู่ย้อนกลับไปทางเดิม ไปถึงหุบเขาต้าถัง หลี่จื้อใช้วิธีการเดียวกัน อีกทั้งเขายิ่งสบายกว่าหุบเขาต้าถังมีเพียงทางเดียว เขาสั่งให้คนขุดหลุมยาว เทน้ำมันสนปริมาณมากลงไป เมื่อทหารหลู่มาถึง เปลวไฟในหลุมลุกโชนทหารหลู่อยากฝ่าออกไปโดยใช้เส้นทางบนหุบเขา กองทัพลาดตระเวนประจำการอยู่ที่นั่น ยิ่งง่ายในการต่อสู้ยิ่งไปกว่านั้น ทหารหลู่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหนึ่งวันแล้ว ต่อสู้ตลอดทั้งวัน พวกเขาแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีจนสิ้นแล้วหฃังจากปิดล้อมทหารหลู่ เฉินฝานก็สั่งให้หยุดโจมตีตอนนี้เพียงปิดล้อมไม่ต้องโจมตีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองอาวุธและชีวิตอันล้ำค่าของกองทัพลาดตระเวนอีกต่อไป“ใต้เท้า ส่งคนเข้าไปสามรอบแล้ว
“สหายทั้งหลาย ลุย! อย่าให้ทหารหลู่ไปถึงหลุมหลบภัยที่สามของทหารหญิงเด็ดขาด”เวลานี้ ทหารกองกำลังที่สามจากหุบเขาเสี่ยวถังมาถึงแล้วเมื่อทหารกองกำลังที่สามถึง ซุนลี่ก็ออกคำสั่งทันที“ทหารทั้งหลาย กองทัพลาดตระเวนต้าชิ่งเริ่มปิดล้อมแล้ว เหลืออีกเพียงหนึ่งแนวป้องกันเท่านั้น ก็จะฝ่าออกไปจากการปิดล้อมได้แล้ว!”ทางด้านทหารหลู่ โอวหยางน่าหลันก็ฉีดยาให้กำลังใจทหารหลู่“อย่ายอมตายอย่างอดอยากเด็ดขาด ฝ่าออกไป!”ทหารหลู่ราวกับเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก ไม่ว่าข้างกายจะมีคนล้มลงมากน้อยเพียงใด พวกเขาล้วนมองไม่เห็น เป้าหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งก็คือไปถึงหลุมหลบภัยที่สามของทหารหญิง แล้วฝ่าวงล้อมออกไปเวลานี้ เหอจื่อหลินที่มาจากหุบเขาต้าถังมาถึงแล้วทหารกองกำลังที่ห้าของเหอจื่อเฝ้าหุบเขาต้าถัง เพื่อป้องกันทหารหลู่ถอยกลับไปทางด้านเหอจื่อหลินนำทัพกองกำลังที่สองเร่งเดินทางมา“ใต้เท้า ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ช้าก็เร็วทหารหลู่ต้องฝ่าออกไปได้แน่นอน ข้ารีบเข้าเมืองลู่ตูตอนนี้ นำทหารเฝ้าเมืองห้าหมื่นนาย ไปเมืองลู่ตูเพื่อปิดกั้นเส้นทางการออกไปของทหารหลู่”“นี่ไม่ใช่วิธีการที่ดี!”เฉินฝานขมวดคิ
“ฝ่าออกไป ไม่อาจเป็นผีหิวตายเด็ดขาด!”โอวหยางน่าหลันลากเท้าที่บาดเจ็บ พุ่งตัวไปด้านหน้าหลังจากถูกยิงไปแล้วหนึ่งครั้ง ทหารรักษาพระองค์ล้อมโอวหยางน่าหลังทั้งสองสี่ด้าน คุ้มกันนางอย่างแน่นหนาลูกธนูของฉินเย่ว์เจียวยิงถูกคน ทว่าไม่อาจยิงโดนโอวหยางน่าหลัน“ฝ่าออกไป! ไม่อาจอดตายกลายเป็นผีได้!”คล้ายตอนอยู่นอกประตูเมืองลู่ตู จู่ๆ ทหารหลู่พุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิตครั้งนี้ พวกเขาไม่วิ่งขึ้นหุบเขาอีกแล้ว พุ่งตัวไปหาทหารหญิง“ลุย จัดการพวกมันซะ!” มั่วเซินรีบออกคำสั่งทันทีทหารกองกำลังที่หนึ่ง รวมถึงทหารกองกำลังที่สามซึ่งรีบเดินทางมา ระดมกำลังต่อสู้ ช่วยคลายความกดดันให้ทหารหญิงบนพื้นดิน ทหารหลู่ล้มกองแล้วกองเล่า ศพกองเป็นภูเขาแต่พวกเขากลับไม่สนใจคนข้างกาย ยิงธนูใส่พวกสตรี อย่างบ้าคลั่งพร้อมกับพุ่งตัวไปด้านหน้าลูกธนูด้านหน้าถูกยิงมาราวกับสายฝน พวกทหารหญิงถึงขั้นไม่อาจเงยหน้าขึ้น“พี่น้องทั้งหลาย!” เย่ว์หนูร้องตะโกนเสียงดัง “ลงไปเร็วเข้าๆ ทหารหลู่มาใกล้เกินไปแล้ว สุ่มโยนได้เลย!”ทหารหญิงกระโดดลงจากเก้าอี้ ยืนอยู่ในหลุมหลบภัยแล้วสุ่มโยนระยะทางใกล้เช่นนี้ การสุ่มโยนระเบิดทห